เกาเล่อสับสนเล็กน้อย มองหวังหยวนแล้วพูดว่า“ตั้งแต่สมัยโบราณ ผู้หญิงต้องไม่กุมอำนาจ นี่คือหลักการที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา หวังหยวนในเมื่อเจ้าฉลาดมาก เจ้าไม่รู้หรือว่าปัญหาจะเกิดขึ้น หากผู้หญิงได้ครองอำนาจ?”หลังจากที่เกาเล่อพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็หัวเราะทันทีอันที่จริงเรื่องเช่นนี้ไม่สามารถสรุปได้!เมื่อผู้ชายและผู้หญิงครองอำนาจ ก็ยากที่จะบอกว่าใครเก่งกว่ากัน!เนื่องจากเขามาจากโลกสมัยใหม่ ย่อมรู้ดีว่าในโลกนี้ชายและหญิงมีความเท่าเทียมกัน ทั้งยังรู้ด้วยว่าไม่เพียงแต่ชายและหญิงจะเท่าเทียมกันเท่านั้น แต่ผู้หญิงยังมีสถานะสูงกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ!ในครอบครัวธรรมดาทั่วไป ผู้หญิงมีอำนาจทางการเงิน มีคำกล่าวว่า หากอยากมีชีวิตที่ดี ต้องเชื่อฟังภรรยา!เรื่องเช่นนี้เป็นทางเลือกของผู้ชายส่วนใหญ่เองจริง ๆ โดยภรรยาจะมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องการเก็บเงินเดือน และการใช้จ่ายอื่น ๆต้องบอกว่าชีวิตแบบนั้นค่อนข้างดีมาก ไม่สุรุ่ยสุร่ายเกินไปแน่นอนว่านั่นสำหรับในครอบครัวเล็กจะเกิดอะไรขึ้น หากเป็นเรื่องการปกครองที่สำคัญกว่ามาก?ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะแย่กว่าผู้ชายเสมอไป ความจริงแล้วผู้หญิงจะระมัด
แต่ยังเป็น...เป็นเพราะหวังหยวน!“เจ้ายังจำวันนั้นที่เจ้าไปไหว้หลุมศพของข้าได้หรือไม่?”ทันใดนั้นเกาเล่อก็ถามขึ้นหวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “หืม? เจ้ารู้ได้อย่างไร... หรือว่า เจ้าอยู่ที่นั่นหรือ?”หวังหยวนไม่คาดคิดว่าเรื่องต่าง ๆ จะเป็นเรื่องบังเอิญเช่นนี้ วันนั้นได้พบเขาจริง ๆ!เกาเล่อพยักหน้า แล้วยกยิ้ม“ใช่ ข้าแอบอยู่ข้าง ๆ ยืนฟังสิ่งที่เจ้าพูด พูดตามตรง ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าจะสรรเสริญข้าเช่นนั้น เจ้าควรจะยินดีที่กำจัดคู่ต่อสู้ได้ แต่เจ้ากลับไม่เป็นเช่นนั้น ซ้ำยังรู้สึกสูญเสียอีก!”เกาเล่อมองหวังหยวน แล้วพูดความในใจเพราะฤทธิ์ของสุราหวังหยวนพยักหน้า “ข้าย่อมรู้สึกสูญเสีย เกาเล่อ ข้ายังยืนยันคำเดิม ข้าชนะเพราะสถานการณ์!”“กล่าวได้ว่าเป็นเพราะเวลาที่เหมาะสม สถานที่ที่เหมาะสม และคนที่เหมาะสม ซึ่งก็คืออากู่ฉากับอ๋องหลงซี จึงสามารถแทรกหนามแหลมเข้าไปในตัวเจ้าและอ๋องเจิ้นตงได้”“ถึงแม้ว่าข้าจะชนะ แต่ข้าก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองชนะได้อย่างสวยงามนัก”หวังหยวนพูดตามความจริง เขาชนะเพราะสถานการณ์ ด้วยความช่วยเหลือจากคนมากมาย เขาจึงสามารถกำจัดเกาเล่อได้แต่เมื่อเกาเล่อได้ยินดังนั้น เ
เกาเล่อคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ท่าทางนั้นทำให้หวังหยวนหยุดหัวเราะ“เร็วเข้า เร็วเข้า ลุกขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้”หวังหยวนเกลียดการคุกเข่าเช่นนี้ ทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกัน มนุษย์ด้วยกันไม่มีความสูงต่ำ ไม่จำเป็นต้องคุกเข่าเลยยิ่งไปกว่านั้น บางเรื่องต่างฝ่ายต่างรู้กันในใจ และมีใจเดียวกันก็เพียงพอแล้ว!หวังหยวนมีความสุขมาก เขาช่วยพยุงเกาเล่อให้ลุกขึ้น“จำไว้ว่าข้าไม่ใช่เจ้านายของเจ้า ข้าเป็นเพื่อน เป็นสหายผู้รู้ใจของเจ้า ไม่มีใครในโลกนี้ที่เป็นเจ้านายของเจ้า ต่อไปนี้ให้เรียกข้าว่าหวังหยวนเหมือนเดิม เข้าใจหรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็ประหลาดใจมากกว่าเดิม“มันไม่ค่อยสุภาพหรือเปล่า เหตุใดไม่ให้ข้าเรียกเจ้าว่าท่านหมิงถันล่ะ?”เกาเล่อยิ้ม ก่อนจะรีบพูดหวังหยวนไม่สนใจ จากนั้นพยักหน้า “เกาเล่อ เนื่องจากเจ้ากับข้าซื่อสัตย์ต่อกัน ข้าจะไม่ปิดบังเรื่องนี้จากเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าก็คงจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว”“นั่นคือเรื่องการก่อกบฏระหว่างอ๋องเจิ้นตงกับอ๋องเซ่อเป่ย เจ้าคิดว่าควรทำอย่างไร?”หวังหยวนเข้าเรื่อง เขารู้จักอ๋องเจิ้นตงดีที่สุด ดังนั้นเขาย่อมต้องรู้ดีว่าคน
หวังหยวนหัวเราะดังมากขึ้น “ท่านมาถึงก็ให้ของขวัญอวยพรข้าทันที ช่างทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก ท่านพูดมาเถอะว่าจะดำเนินการอย่างไร” เกาเล่อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับว่า “สหายหวัง ท่านรู้หรือไม่ว่าใครที่มีอำนาจด้านการต่อสู้สูงสุดในเมืองหวงของข้า?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ หวังหยวนก็ส่ายหัว “ข้าไม่รู้จริง ๆ” เกาเล่อพูดช้า ๆ ว่า “ในเมืองหลวงของเมืองหวงนี้ มีบุคคลลึกลับผู้หนึ่งซึ่งเก่งกาจยิ่งนัก อาจกล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจทางทหารมากที่สุดในเมืองหลวงของเมืองหวงของข้า!” “แน่นอนว่าคนที่ข้าต้องการจะกล่าวถึงไม่ใช่คนผู้นี้ แต่เป็นคนอื่น!” “หลังจากนั้น มีชายคนหนึ่งชื่อกวนไห่ ซึ่งอยู่เคียงข้างอ๋องเซ่อเป่ย ข้าเคยได้ยินมาว่าชายคนนี้ถูกอ๋องเซ่อเป่ยพากลับมาจากข้างนอก ตัวตนของเขายังเป็นปริศนา ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน แต่ฝีมือดาบของเขานั้นโดดเด่นในเมืองหวง เรียกได้ว่าเก่งเป็นอันดับสอง!” “ส่วนอันดับที่สามนั้น ตกเป็นของอาเจี้ยนซึ่งอยู่เคียงข้างอ๋องเจิ้นตง ครั้งที่แล้วที่พวกเจ้าส่งคนไปซุ่มโจมตี เขาเป็นคนจัดการเองเพียงลำพัง ทั้งเจ็ดคนถูกเขาฆ่าตายในทันที” “ยังมีอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือองครักษ
แผ่นดินราชงศ์หวงนี้พิเศษมาก พูดตามตรงเขาไม่เคยไปเมืองหลวงของต้าเย่มาก่อน แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้วก็น่าจะคล้ายกัน พวกเขาทั้งสามออกมาเดินเล่นที่นี่ บอกว่ามาเดินเล่น แต่แท้จริงแล้วหวังหยวนกำลังเดินเล่นอย่างมีจุดหมาย หลังจากที่ไปเยี่ยมชมหอนางโลมดี ๆ หลายแห่ง และได้พบกับคุณชายมากหน้าหลายตา ซ้ำยังพูดคุยกับพวกเขา เวลาจวบจนเที่ยงกว่า พวกเขาจึงกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทว่าในเวลานี้ เกาเล่อที่หายตัวไปตั้งแต่เช้าก็กลับมาแล้ว ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม “เกาเล่อ ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จัก นี่คือถังหม่าง และนี่คือต้าหู่ พวกเขาทั้งสองเป็นพี่น้องที่ดีของข้า” หลังจากที่หวังหยวนอธิบายจบ เกาเล่อก็รีบประสานมือของเขา “ข้าได้ยินมานานแล้วว่ามีปรมาจารย์อยู่ข้างกายสหายหวัง วันนี้ได้มีโอกาสพบเจอ ถือว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ” เกาเล่อเป็นคนน้ำกลิ้งบนใบบอน แม้ว่าเขาจะหลักแหลมและโหดเหี้ยม แต่เขาก็จริงใจต่อผู้อื่น ต้าหู่และถังหม่างก็ไม่กล้าที่จะละเลย คนผู้นี้ยอมจำนนต่อพี่หยวน ดังนั้นเขาจึงนับว่าเป็นสหายของพวกเขาโดยปริยาย “สหายเกาสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้ ข้าชื่นชมยิ่งนัก!” “ถูกต้อง สหายเกามีกลอุบายที่เก่งกาจยิ่งน
เกาเล่อพูดด้วยรอยยิ้ม ซึ่งทำให้ต้าหู่และถังหม่างอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า นี่ก็สมเหตุสมผล! “แต่พี่หยวนมีภรรยาสองคนแล้วนะ!” ต้าหู่กระพริบตาและอดไม่ได้ที่จะพูด เกาเล่อโบกมือทันที “บุรุษมีภรรยาหลายคนนับว่าเป็นเรื่องปกติ ยิ่งกว่านั้น สหายหวัง พวกเจ้าไม่รู้ความทะเยอทะยานของสหายหวังหรือ?” “ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้เกี่ยวกับแม่นางหวงเจียวเจียวผู้นี้ แต่ข้าก็รู้ว่านางมีความรู้ มีมารยาท และหลักแหลมยิ่งนัก เมื่องมองในระดับหนึ่งแล้ว นับว่านางเป็นภรรยาที่ดีของสหายหวังของเรา!” “พวกเจ้าจะทำให้พวกเขาทั้งสองคนเสียใจไปตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ?” ทันทีที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็พยักหน้าอีกครั้ง! “สหายเกา สิ่งที่ท่านพูดก็สมเหตุสมผล!” “ถูกต้อง สหายเกา หากท่านไม่พูดล่ะก็ เราก็คงไม่สังเกตเห็นจริง ๆ!” ทั้งสองพูดอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเขาก็เข้าใจทันที “เฮ้อ พวกเจ้าสองคนคิดไม่ถึงเรื่องพวกนี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ก็ควรระวังให้มากกว่านี้ในภายภาคหน้า” “เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ต้าหู่ ถังหม่าง ระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคนใครเก่งวิชาดาบที่สุด? และใครเก่งการต่อสู้ที่สุด?”
เกาเล่ออธิบายแผนการทั้งหมด ในขณะเดียวกัน หวงเจียวเจียวและหวังหยวนก็กำลังเจรจาในห้องหนังสือเช่นกัน “สหายหวัง ไม่ทราบว่าท่านเชิญข้ามามีเรื่องอันใดหรือ คงไม่เกี่ยวกับเรื่องรักใคร่กระมัง?” หวงเจียวเจียวยิ้ม นางแตะริมฝีปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้เจราเกี่ยวกับเรื่องรักใคร่ แต่เป็นเรื่องสำคัญ” หวังหยวนกล่าวอย่างเร่งรีบ “เรื่องสำคัญ? เหตุใดไม่มีใครเฝ้าลานบ้านนี้ และมีเพียงเราสองคนเท่านั้น?” “เมื่อก่อนมักจะมีองครักษ์สองคนนั้นคอยเฝ้าอยู่ที่ประตูเสมอ” หลังจากที่หวงเจียวเจียวพูดเช่นนี้ หวังหยวนก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง สงสัยว่าต้าหู่และถังหม่างกำลังทำอะไรอยู่ แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกาเล่อน่าจะทำตามที่แผนที่วางไว้แล้ว “พวกเขาสองคนมีเรื่องต้องทำ วันนี้ข้าเชิญเจ้ามาที่นี่ เพราะอยากให้เจ้าช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าสักหน่อย” หวังหยวนไม่ได้ปิดบังและพูดอย่างไม่รีรอ ทว่าเมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “สหายหวังต้องการสั่งอะไร เพียงแค่พูดมาเท่านั้น คำว่าขอความช่วยเหลือระหว่างท่านและข้าอาจดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่นัก? ในเมื่อท่านและข้ายังมีการหมั้นห
แต่หวงเจียวเจียวมีเสน่ห์ และในขณะเดียวกันก็ขี้เล่นเล็กน้อย เดิมทีสองจุดนี้ขัดแย้งกัน แต่ตอนนี้กลับปรากฏอยู่บนตัวหวงเจียวเจียว กล่าวได้ว่าช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึกและรีบพูดว่า “คุณหนูหวง เจ้าไม่ควรทำสิ่งนี้ต่อหน้าข้าจะเป็นการดีกว่า ความอดทนของข้าไม่สูงนัก” เมื่อหวงเจียวเจียวได้ยินสิ่งนี้ นางก็ปิดปากและหัวเราะทันที “เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะไปแล้ว เจอกันวันพรุ่งเจ้าค่ะ” พูดจบ นางก็เดินออกจากประตูไป ประจวบเหมาพอดี เกาเล่อทั้งสามคนเดินเข้ามา และเห็นหวงเจียวเจียวจากไปเช่นนี้ เมื่อเห็นฉากนี้ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึง! ในทางกลับกัน เกาเล่อยิ้มเพียงเล็กน้อย หลังจากที่หวงเจียวเจียวจากไปแล้ว ต้าหู่และถังหม่างก็อุทานว่า “คุณพระ...เป็นเรื่องจริง! สหายเกา ท่านพูดไม่มีผิดเลย!” เกาเล่อพูดอย่างภาคภูมิใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว เกาเล่อย่อมมองสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ!” ทว่าในเวลานี้ หวังหยวนออกมาจากห้องหนังสือและเห็นท่าทางแปลก ๆ ของทั้งสามคนในพริบตา หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก่อนที่เขาจะพูด เกาเล่อก็ยกมือขึ้นทันที “สหายหวัง ขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!” หวังหย
สายตาของหวังหยวนจับจ้องไปยังตงฟางฮั่นพลางเอ่ยถามขึ้นแม้เขาจะได้รับฟังเรื่องราวของเมืองอู่เจียงจากเกาเล่อมาบ้าง แต่ก็รู้เพียงผิวเผินเท่านั้นในเมืองอู่เจียงมีสี่ตระกูลใหญ่ ทั้งตระกูลเฉินและตระกูลซูล้วนรวมอยู่ในนั้น!แม้ทั้งสองตระกูลไม่ใช่ตระกูลที่รุ่งเรืองที่สุด แต่ก็มีบทบาทสำคัญในเมืองอู่เจียง!“ท่านหวังทราบหรือไม่ว่าตระกูลซูทำธุรกิจด้านใด?”ตงฟางฮั่นเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า“ข้าได้ยินเกาเล่อรายงานว่าตระกูลซูทำธุรกิจขนส่งทางบก”“ว่ากันว่าในอดีต ซูหนานอัน หัวหน้าตระกูลซู เริ่มต้นจากการใช้รถเข็นสามล้อ แล้วค่อย ๆ สร้างฐานะขึ้นมา”“ต่อมาตระกูลซูก็เจริญรุ่งเรืองจนมีอำนาจดังเช่นทุกวันนี้”ทันใดนั้นหวังหยวนก็ตบหน้าผากตนเองอย่างแรง ราวกับนึกอะไรบางอย่างออกธุรกิจขนส่งทางบก!หากมีการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ ผลประโยชน์ของตระกูลซูย่อมเสียหาย พวกเขาจึงเป็นผู้ที่ต้องการขัดขวางโครงการนี้มากที่สุด!“ท่านตงฟางช่างเฉียบแหลมนัก!”หวังหยวนเอ่ยชมตงฟางฮั่นส่ายหน้ากล่าวว่า “บัดนี้ยังไม่อาจยืนยันได้ว่าสิ่งที่ข้าคิดนั้นถูกต้องหรือไม่”“แต่ก็ควรไปดูให้เห็นกับตาสักครั้ง”“ยิ่งไปกว่านั้น ท่านเป็นถึงเจ้า
“ข้าคิดว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เราควรพิจารณาว่าการสร้างเขื่อนกั้นน้ำไปขัดผลประโยชน์ของผู้ใด”“หากไม่ใช่เรื่องผลประโยชน์ อีกฝ่ายคงไม่ลงมือเช่นนี้”“เช่นนั้นพวกเราก็จะพบเป้าหมายได้โดยเร็ว”สมแล้วที่ตงฟางฮั่นเป็นบุคลากรที่ใคร ๆ ก็ต้องการ คำพูดของเขาทำให้หวังหยวนรู้สึกกระจ่าง!“เช่นนั้นเอง”“ตอนนี้พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่ม!”“กลุ่มแรกให้ฉุนอวี๋อันไปสืบหาตัวคนที่แอบเข้าใกล้บ่อน้ำเมื่อคืน!”“เพื่อตามหาตัวคนวางยา แล้วเค้นถามข้อมูลจากมันให้ได้!”“อีกกลุ่มหนึ่งต้องไปสืบในเมือง ดูว่าใครได้รับผลกระทบ ก็จะทำให้เรามุ่งเป้าหมายได้ถูกต้อง!”“ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องปลอบขวัญชาวบ้าน หากไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่พวกเขา พวกเขาก็คงจะอ้างเรื่องศาลเจ้ามังกรแล้วหยุดการทำงาน!”“เช่นนั้นจะทำให้การก่อสร้างล่าช้า!”ความคิดของหวังหยวนตรงกับคนอื่น ๆเพราะแท้จริงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดคือการสร้างเส้นทางคมนาคมทางน้ำเพื่อให้เมืองอู่เจียงพัฒนาจากนั้นก็จะสามารถพัฒนาเมืองหลิงได้!“ไม่จำเป็นต้องยุ่งยากถึงเพียงนั้นหรอก!”“ที่จริงข้าพอจะเดาออกแล้วว่าเป็นใคร”“ไม่ทราบว่าท่านหวังจะไปกับข้าหรือไม่?”ตงฟางฮั่นมองหวั
ช่างเป็นเรื่องเหลวไหล!สิ่งที่เรียกว่าศรัทธาและเทพเจ้าก็เป็นเพียงที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เชื่อก็มี ไม่เชื่อก็ไม่มีสรรพสิ่งล้วนมีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ มีที่มาที่ไป หากมีเทพเจ้าและศักดิ์สิทธิ์เช่นนั้นจริง เหตุใดจึงมีผู้คนอดอยากยากไร้อยู่ทั่วทุกหนแห่ง?“ไร้สาระ!”หวังหยวนตำหนิ ฉุนอวี๋อันจึงไม่กล้าพูดต่อ“เรื่องนี้ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเป็นแน่”“หรือไม่ทุกคนติดโรคระบาดจึงเป็นเช่นนี้!”“รอข้าไปถึงแล้วค่อยว่ากัน!”หวังหยวนหลับตา ไม่พูดกับฉุนอวี๋อันอีกเพื่อไม่ให้ตนเองโมโหฉุนอวี๋อันงุนงง เขาเคยได้ยินชื่อโรคมากมาย แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องโรคระบาดมาก่อน!หรือจะเป็นโรคประหลาด?เมื่อเห็นหวังหยวนไม่สนใจ เขาก็เช็ดเหงื่อ ไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่นั่งเงียบไม่นานพวกหวังหยวนก็มาถึงเขตก่อสร้าง ชาวบ้านที่ได้ยินข่าวต่างมามุงดู สถานที่แห่งนี้ช่างคึกคักทางด้านตงฟางฮั่นอยู่ท่ามกลางฝูงชน กำลังตรวจสอบอะไรบางอย่างตงฟางฮั่นเห็นหวังหยวนเดินเข้ามาจึงลุกขึ้นเดินไปหาหวังหยวน“ท่านตงฟาง ข้าได้ยินเรื่องที่นี่แล้วจึงรีบมา”“ท่านมาก่อน พบเบาะแสอะไรหรือไม่?”ตงฟางฮั่นส่ายหน้า พลางขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ข้าให้
ยามตะวันโด่งฟ้า หวังหยวนกับภรรยายังคงนอนหลับอยู่บนเตียง แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ“ท่าน!”“เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”“ท่านรีบออกมาเถิดขอรับ!”เสียงของฉุนอวี๋อันเต็มไปด้วยความร้อนใจ เขาเคาะประตูไม่หยุดปกติฉุนอวี๋อันเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ต้องชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียก่อนเสมอด้วยเหตุนี้ฉุนอวี๋อันจึงถูกมองว่าอ่อนแอ ไร้ความสามารถ เมืองอู่เจียงไม่เคยได้รับการจัดการอย่างดี และสี่ตระกูลใหญ่ก็มีอำนาจอยู่เหนือเขา!วันนี้เขากลับกล้ามาหาหวังหยวนถึงห้อง ทั้งยังมารบกวนการนอนของพวกเขา แสดงว่าต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นจริง ๆ!หวังหยวนค่อย ๆ ยืดตัวบิดขี้เกียจ จากนั้นสวมเสื้อผ้าแล้วเปิดประตูมองไปที่ฉุนอวี๋อันเมื่อเห็นเขามีสีหน้าร้อนรนก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ฟ้าถล่มหรืออย่างไร?”อย่างไรเสียฉุนอวี๋อันก็เคยเป็นผู้ว่าราชการเมือง จึงจำเป็นต้องสงบนิ่ง ไม่หวั่นไหว แม้ภูผาจะถล่มก็ตามไม่เช่นนั้นหากเกิดเรื่องใดขึ้นมา ฉุนอวี๋อันจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้!แต่น่าเสียดายที่ฉุนอวี๋อันไม่ได้รับการฝึกฝน!โชคดีที่เขาเห็นข้อนี้ จึงให้ฉุนอวี๋อันลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้า
“ต้องระมัดระวังทุกย่างก้าว”เกาเล่อรีบพยักหน้า“อีกอย่าง”“เจ้าไปเมืองผีครั้งนี้ต้องระวังตัวด้วย”“คำพูดของหลิ่วหรูเยียนเชื่อได้ แต่ก็ไม่ควรเชื่อทั้งหมด”“เมืองผีอาจไม่ใช่สถานที่ที่เราจะอยู่ได้ง่าย ๆ...”“หากพบเจอเรื่องยุ่งยากก็ปรึกษาข้าได้ตลอด อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม!”หวังหยวนกำชับอีกสองสามประโยคเกาเล่อเป็นมือขวาของเขา เขาย่อมไม่อยากให้เกาเล่อเป็นอันตราย ไม่เช่นนั้นหวังหยวนจะรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากบ่ายวันนั้น เกาเล่อเดินทางไปเมืองผีด้วยตัวเองส่วนหวังหยวนก็กลับไปที่พักหลี่ซื่อหานรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อเห็นหวังหยวนเดินเข้ามา นางก็ยิ้มหวานเดินเข้ามาหา แล้วควงแขนหวังหยวนขณะกล่าวว่า “ข้าได้ยินเรื่องที่ท่านกำลังทำอยู่ในช่วงนี้”“จะรับอนุภรรยาอีกแล้วหรือ?”หวังหยวนถึงกับหน้าเสียใครปากมาก เอาเรื่องนี้ไปบอกหลี่ซื่อหาน?ที่เขาไปหอนางโลมนั้นไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อสถานการณ์บ้านเมืองต่างหาก!“ในสายตาเจ้า ข้าเป็นผู้ชายที่เห็นผู้หญิงแล้วอดใจไม่ได้หรือ?”หวังหยวนจิบชา และกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์หลี่ซื่อหานยิ้มก่อนกล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน แต่คนอื่นไม่รู้จักนิสัยของท่าน อาจทำให้เกิด
“ข้าบอกก็ได้...”“เหตุใดต้องโหดเหี้ยมกับข้าด้วย?”“ข้าเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง เจ้าไม่สงสารข้าบ้างหรือ?”หลิ่วหรูเยียนมองหวังหยวน ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงหวานมีเสน่ห์ “เจ้ารู้จักสถานที่แห่งหนึ่งทางตะวันตกที่ชื่อว่าเมืองผี หรือไม่?”“เมืองผี?”หวังหยวนส่ายหน้า ไม่เคยได้ยินชื่อนี้ แต่สายตาของเขามองไปที่เกาเล่อเกาเล่อเป็นหัวหน้าองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ ข้อมูลทั่วหล้าล้วนอยู่ในมือเขา หากแม้แต่เกาเล่อยังไม่รู้จัก แสดงว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ลับจริง ๆ!แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือหลิ่วหรูเยียนกำลังหลอกลวง!ทั้งหมดเป็นเพียงกลลวงของนาง!เกาเล่อเดินไปข้าง ๆ หวังหยวนแล้วกระซิบ “ข้ารู้จักเมืองผี...”“เดิมทีมันไม่ได้ชื่อเมืองผี ปัจจุบันมีชื่ออื่นแล้ว แต่เพราะเมื่อก่อนมีคนอดตายที่นั่นมากมาย มีข่าวลือว่ากลางดึกมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้ จึงเรียกที่นั่นว่าเมืองผี”“แต่ที่จริงแล้วก็แค่เรื่องเล่าลือขอรับ”ฟังคำอธิบายของเกาเล่อแล้วหวังหยวนก็พยักหน้าจากนั้น ฃเขาก็มองไปที่หลิ่วหรูเยียนอีกครั้ง ก่อนกล่าวอย่างใจเย็น “เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าฐานทัพใหญ่ของพรรคทมิฬอยู่ในเมืองผีหรือ?”หลิ่วหรู
ทันใดนั้นหวังหยวนก็ให้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อถอยไป ส่วนเขามานั่งยอง ๆ ตรงหน้าหลิ่วหรูเยียนมุมปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้ม ก่อนกล่าวว่า “เจ้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์ต่อรองกับข้าหรือ?”“ตอนนี้เจ้าอยู่ในมือข้า ตราบใดที่เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้า ไม่ให้ใครมารังแกเจ้าได้”“แต่ถ้าเจ้ายังกล้าต่อรอง เจ้าก็ลองดู ว่าข้าจะทำเรื่องโหดร้ายอะไร”“แต่อย่าหาว่าข้าไม่เตือน หากเจ้าท้าทายข้า ทำให้ข้าหมดความอดทน ผลลัพธ์สุดท้ายคงคาดเดาได้...”“เจ้าจะต้องเสียใจแน่นอน”เมื่อเห็นแววตาจริงจังของหวังหยวน หลิ่วหรูเยียนก็อยากจะฆ่าเขานักเหตุใดนางจึงต้องมาเจอกับปีศาจตนนี้ด้วย?ช่างโชคร้ายเสียจริง!“ตกลง!”“เช่นนั้นเจ้าต้องปล่อยข้าก่อน”“เจ้าจับข้าไว้ด้วยตาข่ายเช่นนี้ ข้าอึดอัดจะตายแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้วพูดหวังหยวนรับมีดสั้นจากสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อมาตัดตาข่ายใหญ่ตรงหน้าออก หลิ่วหรูเยียนจึงเป็นอิสระหวังหยวนกล่าวต่อ “ตอนนี้ข้าทำตามที่เจ้าต้องการแล้ว เจ้าควรจะบอกสิ่งที่ข้าอยากรู้ได้แล้วกระมัง?”เขาเองก็ใจกว้างพอหากไม่ใช่เพราะเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นผู้หญิง คงลงมือกับนางไปแล้
“เจ้าช่างเป็นคนต่ำทรามชั่วช้าเหลือเกิน!” หลิ่วหรูเยียนจะไม่เข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้อย่างไร ใบหน้านางซีดเผือดราวกับกระดาษ นัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจกลัวขณะตวาด!หญิงงามผู้มีชื่อเสียงในสถานเริงรมย์ แม้จะอยู่ในที่เช่นนั้น แต่ก็รักษาความบริสุทธิ์ไว้เสมอ ไม่เคยยอมให้ชายใดแตะต้องเรือนร่างอันงดงามของตน!แต่บัดนี้บุรุษผู้มีนามว่าหวังหยวนกลับใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นาง เป็นการกระทำที่ชั่วช้าที่สุดเท่าที่เคยพบเจอมา!เหตุใดไม่รู้มาก่อนเลยว่าหวังหยวนน่ารังเกียจถึงเพียงนี้?“เจ้าไม่สมควรเป็นใหญ่ในแผ่นดิน!” “เจ้าเป็นแค่คนเลวทรามต่ำช้า!”“เช่นนั้นก็สังหารข้าเสีย การที่เจ้ามาล่วงละเมิดสตรีเช่นนี้ เจ้ายังถือว่าตนเป็นบุรุษผู้กล้าหาญได้อยู่หรือ?” “หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของเจ้าจะต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอนใช่หรือไม่?”นางพยายามอย่างตะโกนเพื่อที่จะเปลี่ยนใจหวังหยวนให้ได้ ทว่าใบหน้าของเขาไร้ซึ่งความรู้สึกใด เขายืนกอดอกเอ่ยเสียงเรียบเฉย “เป็นเรื่องปกติที่จะใช้วิธีการที่แตกต่างกันเพื่อปฏิบัติต่อผู้คนที่แตกต่างกัน”“หากเจ้าไม่ดื้อดึง ข้าก็คงไม่ต้องทำรุนแรงเช่นนี้ ข้าจะทำเช่นนี้กับ
“ข้าอยากรู้ว่าปากของนางกับมือของข้า อะไรจะแข็งกว่ากัน!”แม้จะเป็นเด็กกำพร้าก็ต้องหาวิธีง้างปากนางให้ได้!ไม่บรรลุเป้าหมายย่อมไม่หยุดยั้ง!ไม่นานหวังหยวนกับเกาเล่อก็มุ่งหน้าออกนอกเมืองที่หน้าศาลเจ้าเฉิงหวงหลิ่วหรูเยียนนั่งผิงไฟ ครุ่นคิดถึงแผนการต่อไปที่นางมาเมืองอู่เจียงนั้นเป็นเพราะคำสั่งของผู้นำระดับสูงในพรรคทมิฬ!เพื่อแทรกซึมเข้ามาในดินแดนศัตรู แล้วค่อย ๆ แผ่ขยายอำนาจไปยังเมืองหลิง!สาเหตุที่สาวกพรรคทมิฬแทรกซึมเข้ามาในดินแดนของหวังหยวน ไม่ใช่เพียงเพราะดินแดนของหวังหยวนเล็ก แต่เป็นเพราะหวังหยวนผู้นี้เป็นคนชาญฉลาดและรอบคอบ!หากเขาพบเบาะแสใดๆ ก็จะตามสืบจนเจอ และอาจนำพาหายนะมาสู่พวกเขา!แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ!หวังหยวนเพิ่งจะสังเกตเห็นร่องรอยของสาวกพรรคทมิฬ ไม่คิดเลยว่าจะพบตัวหลิ่วหรูเยียน!จากนั้นค่อยสืบหาความลับของพรรคทมิฬ!เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี!“เหตุใดนกพิราบสื่อสารยังไม่กลับมาอีกนะ?”“หรือว่าจะเกิดเรื่อง...”หลิ่วหรูเยียนที่นั่งอยู่หน้ากองไฟ สำรวจสถานการณ์นอกประตูด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักแม้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะซ่อนตัวอยู่ แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของนาง!แต