หวังหยวนถอนหายใจ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนเผยแพร่ข่าวว่าตนเองเกิดมาเป็นคนมีสติปัญญาความรู้ แต่ชอบอิสระ หากไทเฮาแสร้งทำเป็นให้หวงเจียวเจียวแต่งงานกับตัวเขาจริง ๆ พวกเขาอาจจะเชื่ออย่างนั้นก็ได้!“ไทเฮา พระองค์ทรงตรัสเช่นนั้นแล้ว กระหม่อมก็ไม่อาจปฏิเสธ” “ทว่าหากกระหม่อมทำเช่นนี้แล้ว กระหม่อมจะได้อะไรตอบแทนเล่าพ่ะย่ะค่ะ?” หวังหยวนไม่ได้โง่เขลาขนาดนี้ เซียวฉู่ฉู่ผู้นี้ขอให้เขาช่วยนางมากมายเช่นนี้ แล้วเขาจะไม่ขออะไรเลยได้อย่างไร? “เจ้าขอสิ่งที่เจ้าต้องการได้ตามต้องการ ตราบใดที่ข้าสามารถทำได้ ข้าจะตอบตกลงทั้งหมด” เซียวฉู่ฉู่ยิ่งโอหังมากขึ้น หวังหยวนหัวเราะมากขึ้น “ไทเฮาใจกว้างเช่นนี้ พระองค์ไม่ทรงกังวลว่ากระหม่อมจะหักหลังพระองค์หรือพ่ะย่ะค่ะ?” “เจ้าไม่มีวันทำเช่นนั้นหรอก...” เซียวฉู่ฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โอ้? เหตุใดเล่า? ไทเฮาทรงพบกระหม่อมวันนี้เป็นครั้งแรก ว่ากันว่ารู้คนรู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ ไทเฮารู้ได้อย่างไรเล่าว่ากระหม่อมไม่มีวันทำเช่นนั้น?” หวังหยวนเริ่มแปลกใจขึ้นมา เหตุใดเซียวฉู่ฉู่ผู้นี้ถึงมั่นใจมากว่าเขาจะเป็นพันธมิตรกับนาง! “เพราะเจ้าเคยบอกว่าเจ้าจะไม่ทรยศต่อ
หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในวินาทีต่อมา ชายคนนั้นก็ถอดเสื้อคลุมสีดำออกและเผยให้เห็นตัวตน! “กระหม่อม อ๋องหลงซี คาราวะไทเฮาขอรับ!” เป็นอ๋องหลงซี! ถึงแม้ว่าหวังหยวนจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่แปลกใจนัก เขารู้ว่าอ๋องหลงซีเป็นสหายที่ภักดีและดีที่สุดของไทเฮา และการปรากฏตัวของเขาที่นี่ก็นับว่าไม่ใช่เรื่องประหลาดอะไร “ข้าเรียกเขามาที่นี่เพราะข้ามีเรื่องจะพูด แม้ว่าเจ้าจะไม่เชื่อว่าเขาเป็นคนลอบสังหารครั้งนั้น แต่ข้าก็ยังต้องให้เขาอธิบายให้ชัดเจนต่อหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงช่องว่างระหว่างเจ้าและข้า” เซียวฉู่ฉู่เอ่ยพูดและมองไปที่อ๋องหลงซี คนข้างหลังหยิบตำราแผ่นไม้ไผ่ออกมาทันที แล้วมอบให้หวังหยวน “องครักษ์เงาของข้าเต็มไปด้วยช่องโหว่มานาน ไม่ว่าจะเป็นอ๋องเจิ้นตงหรืออ๋องเซ่อเป่ย ล้วนมีคนอยู่ในองครักษ์เงาของข้า” “พวกเขาแอบระดมองครักษ์เงาเพื่อสังหารเจ้า ข้ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว และไม่ได้เข้าไปแทรกแซง เหตุผลง่ายมาก ข้าคิดว่าเจ้าสามารถจัดการได้” อ๋องหลงซีมองดูหวังหยวนด้วยสีหน้าสงบ ซึ่งทำให้หวังหยวนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง อ๋องหลงซีผู้นี้สงบนิ่งมาก และหวังหยวนไม่สามารถมองเห็นสีห
หลังจากที่หวังหยวนพูดเช่นนี้จบ เกาเล่อก็หัวเราะออกมาทันที “คุณชายหมิงถันพูดเล่นแล้ว ว่ากันว่าใกล้ชิดฮ่องเต้เสมือนอยู่กับพยัฆร้าย ไหนเลยจะไปกล้าพูดจาโผงผางเล่า?” หลังจากที่เกาเล่อพูดจบ เขาก็มองไปที่หวังหยวนและถามอย่างราบเรียบว่า “คุณชายหมิงถัน ท่านคิดอย่างไรกับราชสำนักหวงของข้า?” หวังหยวนพยักหน้า “กองทัพแข็งแกร่ง ม้าบึกบึน บ้านเมืองสงบ ประชาชนสันติอยู่เย็นเป็นสุข!” เมื่อเกาเล่อได้ยินสิ่งนี้ เขาก็หัวเราะ “คุณชายหมิงถันพูดจาฉะฉาน ทว่าแผ่นดินเมืองหวงของเราก็มีบางอย่างผิดปกติ” หวังหยวนกระพริบตาและถามว่า “ผิดปกติอันใด?” เกาเล่อเหลือบมองหวังหยวน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณชายหมิงถัน การสนทนาระหว่างท่านกับข้านั้นเป็นการพูดไปเรื่อยเปื่อย ท่านอย่าเอามาใส่ใจเป็นอันขาด” หวังหยวนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล วันนี้ข้าเพียงพูดคุยกับใต้เท้าเกาแบบสบาย ๆ เท่านั้น หลังจากพูดจบ ข้าก็ลืมแล้วและจะไม่เก็บเอาไปใส่ใจ” “เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก” หลังจากที่เกาเล่อหัวเราะเสร็จ เขาก็พูดว่า “เมืองหวงของข้าดีงามไปทุกสิ่ง ทว่าก็เว้นแต่ไทเฮาองค์นี้... เฮ้อ... มันไม่ใช่เรื่องดีสำหรับสตรีที่จะมีอำนาจควบคุม คุณชายห
“อย่างที่สองคืออ๋องหลงซี เขาถูกไทเฮาปล่อยออกมาเพื่อเป็นเหยื่อ ทว่า... เหยื่อนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ยุยงมากกว่า ข้าสงสัยว่ามันยังเกี่ยวข้องกับท่าน ให้ข้าเดานะ... ... ไทเฮาคิดที่จะให้อ๋องหลงซีหันมาต่อต้านท่าน และเรื่องนี้ยังเชื่อมโยงกับท่านอีกด้วย…” “แต่เกี่ยวกับท่านอย่างไรเล่า? อาจจะเป็นไปได้ว่า...พระราชทานงานแต่งงานกระมัง?” หลังจากที่เกาเล่อพูดจบ เขาก็มองหวังหยวนด้วยรอยยิ้ม ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย และซ่อนสายตาที่เย็นชา! หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก และรู้สึกสั่นสะท้านมาก! เกาเล่อผู้นี้เฉลียวฉลาดมาก! เขาถึงกับมองทะลุแผนการดังกล่าว! “หวงเจียวเจียว...เป็นทางเลือกที่ดี เพียงแต่ว่า... ร่องรอยการเคลื่อนไหวเช่นนี้ค่อนข้าชัดเจนไปหน่อย คุณชายหมิงถัน ท่านว่า... วิธีการเหล่านี้ของไทเฮา ทั้งสองท่านนั้นมองไม่ออกหรือ?” “เฮ้อ...บางครั้งสตรีก็มักจะคิดว่าตัวเองฉลาด แต่ความเป็นจริงเล่า? คนอื่นต่างก็มองเห็นทั้งหมดนี้” “ท่านคิดว่าตลกไหม?” ดูเหมือนว่าเกาเล่อจะพูดกับตัวเอง แต่คำพูดดังกล่าวยังคงก้องอยู่ในหูของหวังหยวนทุกถ้อยคำ ในขณะนี้ ในใจของหวังหยวนเกิดเจตนาสังหารแล้ว! เกาเล่อผู้นี้เก่งกาจจ
หวังหยวนมองลึกไปที่เกาเล่อแล้วยิ้ม “ใต้เท้าเกา ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าท่านจริง ๆ” “อย่างไรก็ตาม ใต้เท้าเกา ข้าก็อยากรู้เช่นกันว่า ท่าน... ไม่กลัวความตายหรือ?” หวังหยวนถาม และหลังจากพูดเช่นนี้ เกาเล่อก็อดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ความตายน่ากลัวตรงไหน หากชีวิตของข้าสามารถแลกกับชีวิตของคุณชายหมิงถันได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่คุ้มค่า!” “ท้ายที่สุดแล้ว...หากว่าข้ามองไม่ผิดล่ะก็ ท่านจะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดในเมืองหวงของข้า!” หลังจากพูดอย่างนั้น เกาเล่อก็ยิ้มให้หวังหยวนเป็นครั้ง สุดท้ายแล้วก็ขี่ม้าจากไป! เมื่อเห็นเกาเล่อจากไป หวังหยวนก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เป็นเวลานาน! คนผู้นี้... จะต้องถูกกำจัดโดยเร็วที่สุด! เขาฉลาดเกินไปแล้ว! เมื่อกลับไปถึงโรงเตี๊ยมคณะทูต เขาก็เห็นต้าหู่และถังหม่างที่มีสีหน้าดูวิตกกังวล “พี่หยวน พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” หวังหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร” หลายคนเดินเข้าไปในบ้าน ต้าหู่รีบรินชาให้หวังหยวนและอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “พี่หยวน พี่ได้เข้าพบไทเฮาแล้วหรือยัง? ท่าทางของพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง?” หวังหยวนพูดอย่างใจเย็น
“หากพูดตามตรงก็คือ เป็นการแต่งงานที่ข้าขอร้องด้วยตัวเอง!” หลังจากพูดจบ ต้าหู่และถังหม่างต่างก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับหวังหยวนพวกเขาทั้งสองคนก็สนับสนุนอย่างเต็มที่! “เดิมที...ข้าไม่เห็นด้วย สุดท้ายแล้วเมื่อมองจากมุมมองส่วนตัวของข้า ข้าไม่ชอบการแต่งงานเช่นนี้ เพราะ...ข้ามักจะรู้สึกผิดกับพี่สะใภ้ของพวกเจ้า” “แต่สำหรับสถานการณ์เช่นนี้แล้ว มันคงไม่ดีกว่านี้อีกแล้ว การใช้ข้าตามหาหวงเจียวเจียวเพื่อเป็นเหยื่อ เป็นการบังคับให้อ๋องหลงซีและข้าต้องหันกลับมาต่อกรเช่นเดียวกัน และปล่อยให้ราชวงศ์ทั้งสองคนนั้นเผยพิรุธออกมา” หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ต้าหู่และถังหม่างก็กระพริบตาทันที “ที่แท้ก็เป็น...คุณหนูหวงหรอกหรือ...” ต้าหู่ไอแห้งและกระซิบพูด “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูหวงหมายความว่าอย่างไร? นางกับข้าต่างบริสุทธิ์ต่อกัน เจ้าอย่าคิดเป็นอื่นเด็ดขาด ข้าทำเช่นนี้เพื่อจะได้กลับไปที่ต้าเย่โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้น เมื่อไหร่เรื่องนี้จะจบลงเล่า!” หวังหยวนพูดด้วยความโกรธ ต้าหู่และถังหม่างต่างมองหน้ากันและไม่พูดอะไรอีก “อย่างไรก็ตาม ก่อนเร
เกาเล่อเล่าอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอากู่ฉาหรืออ๋องหลงซี เขาก็พูดเจตนาของตัวเองออกมาจนหมด หลังจากได้ยินสิ่งนี้ อ๋องเจิ้นตงก็ยิ้ม “ไทเฮา...ใจร้อนเกินไปแล้ว...ถึงกับปล่อยให้คนที่ละทิ้งต้าเย้วางแผนเรื่องพวกนี้ ช่างน่าขันยิ่งนัก” อ๋องเจิ้นตงพูดอย่างราบเรียบด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “อ๋องเจิ้นตง หวังหยวนผู้นี้ยากจะหยั่งถึง แม้แต่กระหม่อมก็มองไม่เห็นความคิดของเขา กระหม่อมคิดว่า... ฝ่าบาทควรหาโอกาสฆ่าเขาให้สิ้นซากพ่ะย่ะค่ะ!” อ๋องเจิ้นตงย่อมเชื่อคำพูดของเกาเล่อ เขาพยักหน้า “ไม่ควรเก็บเขาไว้จริง ๆ” “ทว่า...การคิดจะฆ่าเขาก็ไม่ง่ายเลย แต่ข้าสงสัยยิ่งนักว่าเหตุใดองครักษ์เงาถึงไม่ฆ่าเขา? เจ้าแอบระดมคนจำนวนมากเข้าไปไม่ใช่หรือ?” ในเวลานี้ อ๋องเจิ้นตงเอ่ยปากพูด แม้ว่าองครักษ์เงาจะเป็นของอ๋องหลงซี ทว่าเกาเล่อก็ได้วางคนของเขาเองเข้าไปนานแล้ว และการถ่ายทอดคำสั่งลับครั้งนี้ก็เป็นความตั้งใจของเขาเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะล้มเหลว! “กระหม่อมก็ไม่รู้เช่นกันว่าเหตุใดจึงล้มเหลว ถึงแม้ว่าคนที่ไปจะมีไม่กี่คน แต่พวกเขาก็เคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ ตลอดทาง และไม่เปิดเผยพิรุธ ยิ่งกว่านั้น ข้ายัง
“มีเงินแล้วทำอย่างไรได้เล่า? ยังห่างไกลจากทหารองครักษ์เมืองหวงยิ่งนัก บุกรุกทุกซอกทุกมุม!” “ดังนั้น... คราวนี้เมืองหวงก็จะตกอยู่ในเงื้อมมือของข้าไม่ช้าก็เร็ว!” อ๋องเจิ้นตงมั่นใจมาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขาแล้ว พลังอำนาจของเขาน่ากลัวที่สุด! ทหารองครักษ์เมืองหวงควบคุมทุกอย่างในเมืองหลวง ถนนและตรอกซอกเต็มไปด้วยคนของทหารองครักษ์เมืองหวง! เบื้องบนจากวังสู่ราษฎรทั่วไป ทุกคนล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา! เมื่อมีการกบฏ เขาจะควบคุมราชสำนักได้อย่างตามใจปรารถนาอย่างแน่นอน! ... วันรุ่งขึ้น หวังหยวนตื่นแต่เช้าและรับประทานอาหารเช้า งานเลี้ยงเฉลิมฉลองเริ่มตอนเที่ยง หวังหยวนไม่มีอะไรทำ และไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าเขากลับเริ่มวางแผน ตอนนี้สิ่งที่อยู่ในมือของเขาไม่มากพอที่สามารถใช้งานได้ แต่มีบางสิ่งที่ให้เขาประหลาดใจได้! ไม่นานก็ถึงเวลาเที่ยง เกาเล่อรออยู่ข้างนอกนานแล้ว “ใต้เท้าเกา ข้าเพียงแค่เข้าวังเท่านั้น ท่านมีตำแหน่งทางการที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ กลับมาพบข้าด้วยตนเอง มันทำให้ข้ารู้สึกละอายใจจริง ๆ” หวังหยวนหัวเราะ ข้างหลังเขามีต้าหู่และถังหม่างตามมาด้วย ทั้งสองคนสามารถติดตามเข้าไปในวั
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห