แชร์

บทที่ 566

ผู้แต่ง: ชวินเป่ยอี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ตึง

กันเอ้อเย๋กระอักเลือดออกมาเปื้อนลงบนเสื้อคลุมสีขาว!

ตู้ม!

ตึง

ตู้ม!

ตึง

หลังจากรัวหมัดสามครั้งติดต่อกัน เลือดก็เปื้อนกระเซ็นไปทั่วเสื้อคลุมสีขาว กันเอ้อเย๋หายใจรวยริน!

ถังหม่างหันกลับมาแล้วยื่นเสื้อคลุมให้หวังหยวน: "พี่ชาย ถ้าไอคนแซ่เป่ยส่งคนมาที่นี่ เจ้าเอาเสื้อคลุมตัวนี้คลุมไว้แล้วแกล้งหลับ หากเห็นเลือดมากมายบนเสื้อคลุม ทุกคนจะคิดว่าเจ้าถูกกระทืบเกือบตาย!”

"...พรสวรรค์แท้ ๆ!"

...

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทหารหนึ่งพันนายก็มาที่หมู่บ้านเยี่ยเจีย โดยมีเว่ยเฉิงเป็นผู้นำอยู่ด้านหลังสุด

มีทหารกลุ่มหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าเขา แต่ละคนถือโล่อยู่ในมือป้องกันที่ด้านหน้าเขา!

นี่เป็นการป้องกันหน้าไม้ยักษ์ที่หวังหยวนสร้างขึ้นมา!

ทั้งผู้นำและทหารที่อยู่แนวหน้าก็ตัวสั่นงกงั่กด้วยความกลัวเช่นกัน

แม่ทัพที่สวมชุดเกราะโลหะยังกลัวจนเป็นแบบนี้ แล้วเกราะหนังจะไม่กลัวได้อย่างไร

เมื่อมาถึงนอกหมู่บ้านเยี่ยเจีย เว่ยเฉิงจ้องมองอยู่นาน: "เจ้าแน่ใจรึว่า ในช่วงไม่กี่วันผ่านมาไม่มีบุคคลภายนอกเข้าออกหมู่บ้านเยี่ยเจียเลย!"

ช่วงหลายวันมานี้ เขาส่งคนไปเฝ่าจับตาดูที่หมู่บ้านเยี่ยเจีย กลัวว่าคนของหวังหยวนจะหน
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 567

    “จับพวกมันไว้!”เว่ยเฉิงตะโกนเสียงดัง!ทหารสองร้อยนายกัดฟันรีบเข้าไปหาทหารผ่านศึกเกราะทมิฬ และในไม่ช้าพวกเขาก็ตระหนักได้ว่าเขานั้นแข็งแกร่งแค่ไหน!ทหารผ่านศึกเกราะทมิฬเป็นเหมือนกับเหล็กกล้าที่สามารถบดขยี้ทหารที่มีชุดเกราะบาง ๆ แค่นั้นได้ในทันทีขุนพลเว่ยเฉิงหันหลังกลับจะวิ่งหนี แต่กลับถูกถีบเข้าที่หลังอย่างจัง ทันทีที่เขาลุกขึ้นก็มีดาบยาวจ่อที่คอ และเผลอพูดออกไปว่า: "เจ้าเป็นใคร"คนเหล่านี้มีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย และทหารที่อยู่ข้างหน้าไม่ใช่คู่มือด้วยซ้ำ"องค์รักษ์ส่วนตัวลำดับที่หกของแม่ทัพใหญ่มู่!""องค์รักษ์ส่วนตัวลำดับที่สิบแปดของแม่ทัพใหญ่มู่!""องค์รักษ์ส่วนตัวลำดับที่สามสิบแปดของแม่ทัพใหญ่มู่!"...อดีตทหารผ่านศึกเกราะทมิฬแต่ละคนประกาศชื่อลำดับของเขา!“อดีตทหารผ่านศึกเกราะทมิฬ!”เว่ยเฉิงตัวสั่น รู้สึกหนาวไปถึงสันหลัง: "เจ้าจะทำอะไร? ข้าเป็นเจ้าหน้าที่ขุนนางของราชสำนัก เจ้าจะฆ่าขุนนางและกบฏรึ ... โอ้ย!"เพี้ยะ เพี้ยะ เพี้ยะ...ฉางเซิ่งตบหน้าเขาซ้ายขวารัว ๆ: "ไอขุนนางชาติชั่ว ขอบอกเจ้าไว้เลยนะว่าถ้าครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกับท่านเสนาธิการทหารล่ะก็ พวกข้านี่แหละจะก่อกบ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 568

    หลายคนกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และจ้องมองด้วยสายตาดุร้ายไปทางเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยนั้นอย่างไร้ความเมตตาเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยตัวอ้วนกลมเมื่อเห็นดังนั้น เขาก็รีบวิ่งหนีทันที วิ่งไปด่าไปด้วยว่า “ไอพวกสารเลวชาติชั่ว ไม่กล้าฟังคำสั่งของข้า เจ้าคิดจะกบฏงั้นหรือ?”ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำว่า "กบฏ" แล้วเห็นเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยนั้นวิ่งหนีไป หลายคนก็ตกใจจนได้สติขึ้นมา และยืนล้อมรูปปั้นนั้นไว้ จะอยู่จะไปก็ไม่ได้ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยกับทหารหลายคนถือดาบยาวเข้ามาพร้อมจิตสังหารเหล่าคนทำเหมืองต่างตกใจและรีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยคนหนึ่งใช้ดาบฟันรูปปั้นและอดด่าออกมาไม่ได้: "ทองแดง ไอ้เวรพวกนี้บอกว่าทองคำ ทำให้ข้ามาเสียเที่ยวแล้ว!"แม้ว่าทองแดงชิ้นใหญ่ขนาดนี้จะขายแลกเงินได้นิดหน่อย แต่จะเอาอะไรไปเทียบกับทองคำได้หลังจากเจ้าหน้าที่หลายคนทยอยตรวจสอบ และพบว่าเป็นทองแดงจริง ๆ พวกเขาก็ห่อเหี่ยวใจเล็กน้อย“เฮ้ย รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ตัวนี้ดูแปลกอยู่นะ ทำไมถึงมีตาข้างเดียวเองล่ะ?”"มีข้อความอยู่ด้านหลังรูปปั้นทองสัมฤทธิ์นี้ด้วย!"“คำว่าอะไร?”“ให้ตายเถอะ ข้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 569

    สือเหยาเฉียน เสนาบดีกรมโยธาธิการกล่าวว่า "ฝ่าบาท รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ทั้งสามนี้ เมื่อพิจารณาจากคราบ และร่องรอยความสึกกร่อนแล้ว พวกมันถูกสร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อนเป็นอย่างน้อย ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ"จักรพรรดิซิงหลงขมวดคิ้วหากรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ถูกฝังเมื่อหลายร้อยปีก่อนจริง ๆ หากคำทำนายทั้งสามนั้นที่ถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางในทั้งสองเมือง ก็เป็นไปได้ที่เผยเซียนเจิงจะมีโชคชะตาก่อกบฏจริง ในฐานะจักรพรรดิเขาไม่กลัวกบฏ มีคนก่อกบฏทุกปี ไม่เห็นจะมีอะไรเลย!แต่หากมีหลักฐานที่เป็นชิ้นเป็นอันเกี่ยวกับลิขิตจากสวรรค์เช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าต้าเย่จะถูกโค่นล้ม!กู้จี๋เต้า เสนาบดีกรมการคลังกำมือและทูลไปว่า: "ฝ่าบาท เท่าที่กระหม่อมทราบ หลังจากที่เจ้าเมืองหลงหนาน เผยเซียนเจิ้งจับกุมหวังหยวนที่เมืองฝูแล้ว ก็มีคำทำนายเหล่านี้แพร่กระจายไปทั้งสองเมือง นี่มันบังเอิญเกินไปหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ ต้องเป็นเล่ห์กลของหวังหยวนที่กำลังแพร่ข่าวลือใส่ร้ายเผยเซียนเจิ้ง!”เดิมทีเขาไม่คิดที่จะเสี่ยงที่จะแก้ตัวใครสักคนที่ก่อกบฏ แต่เมื่อวานนี้คนของเผยเซียนเจิ้งมามอบเงินให้เขาตั้งห้าหมื่นตำล

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 570

    โหรหลวงหมอบลงและตอบไปว่า: "ทูลฝ่าบาท เมื่อสามวันก่อนดาวไท่ส่วยเคลื่อนมาจากทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเคลื่อนล้ำทับเข้าดิถีดาวจักรพรรดิ ตามหลักโหราศาสตร์ ปีนี้ต้าเยี่ยอาจเกิดเรื่องทหารขึ้น กระหม่อมเกรงว่าจะมีคนก่อกบฏ!”เปรี้ยง!ทุกคนในห้องทรงพระอักษรตกใจเหมือนโดนฟ้าผ่าเสนาบดีกรมการคลัง กู้จี๋เต้าเหงื่อออกชุ่มหน้าผาก เขาไม่กล้าแก้ตัวเผยเซียนเจิ้งอีกต่อไป!รูปปั้นทองสัมฤทธิ์ที่สร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ตอนนี้มีดาวไท่ส่วยเคลื่อนทับเข้าดิถีดาวจักรพรรดิ เป็นข้อหลักฐาน!เผยเซียนเจิ้งจะกบฏจริง ๆ งั้นเหรอ?"..."เสนาบดีฝ่ายขวา หยางเฟิ๋งกั๋วเจ้ากระทรวงกรมกลาโหม ฉินจ้านและเจ้ากระทรวงกรมพิธีการ โจวจิงเหย่มองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก!พูดตามตรง หลังจากหวังหยวนถูกจับ มีคำทำนายออกมาก่อน แล้วตามด้วยหลักฐานของการทำนายนั้น พวกเขาต่างจึงรู้สึกสงสัย!พวกเขาสงสัยว่าทั้งหมดนี้ท่านหมิงถานเป็นคนทำขึ้นเพื่อตอบโต้การใส่ร้ายของเผยเซียนเจิ้ง!แต่เมื่อได้เห็นลำนำแห่งความชอบธรรม ก็ต่างรู้สึกซาบซึ้งนัก!ช่างเป็นผลงานชั้นยอดที่สง่างาม จงรักภักดี และกล้าหาญ คู่ควรต่อการบูชา!ถ้าไม่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 571

    ด้วยวิธีการนี้ ไม่เพียงสามารถขู่คนแซ่หวังให้ยอมจำนน แต่ยังบังคับให้พวกเขาเอาเงินมาช่วยคนได้ด้วย!...วันรุ่งขึ้น ในโถงของศาล!เผยเซียนเจิ้งแต่งกายด้วยเครื่องแบบทางการสีแดงเข้ม นั่งอยู่ใต้แผ่นป้ายสะอาดเป็นประกายที่แขวนเอาไว้ เหล่าทหารของศาลที่ยืนเรียงทั้งสองฝั่งด้านล่างถือไม้ทาสีแดงเสียงไม้ตบโต๊ะดังขึ้น เผยเซียนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา: "พาตัวนักโทษหวังหยวนมา!"เหล่าทหารของศาลส่งเสียงออกมาว่า: "เว่ยหวู่!"เสียงที่ดังก้องของคำว่า "หวู่" เจ้าหน้าที่ศาลสองคนพาหวังหยวนไปในโถงของศาล!ในตอนนี้ สภาพหวังหยวนดูกระเซอะกระเซิง เสื้อคลุมสีขาวของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ยกเว้นแววตาของเขาที่ยังคงสดใส ส่วนอย่างอื่นดูน่าอนาถนัก!พวกเขาสบตากัน พวกเขาต่างก็ไม่ปิดบังจิตสังหารอันเหี้ยมเกรียมในแววตาของพวกเขา!เผยเซียนเจิ้งตะคอกอย่างเย็นชา: "หวังหยวน เจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงพาตัวเจ้ามานี่?""รู้สิ!"หวังหยวนเลิกคิ้วหาวออกมาและพูดว่า: "เจ้ากำลังดิ้นรนก่อนตายอย่างไรเล่า!"เพราะหลี่จ้าวหลินไปติดสินบนอย่างดีมาแล้วทั้งคุก เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยในช่วงเจ็ดแปดวันที่ผ่านมา!นอกจากนี้เขายังรู้สถานการณ์ภายนอกเป็

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 572

    เผยเจิ้งเซียนถลึงตาอย่างโกรธแค้น เขาหันกลับมาตะโกนว่า: "เผยเหวิน เผยหวู่ พวกเจ้ามาโบยมันซะ!"ชายหนุ่มสองคนที่อยู่นอกศาลรีบเข้ามาทันที คว้าไม้กำลังจะโบยหวังหยวนเขาเกิดมาในตระกูลเผยร่วมกับนายท่าน จึงรู้สึกเป็นเกียรติและขุ่นเคืองเมื่อนายท่านถูกลบหลู่!เผยเซียนเจิ้งมองดูอย่างพึงพอใจ: "ไอคนโอหังอย่างเจ้า ข้าจะโบยเจ้าจนกระดูกแหลกก่อน จากนั้นค่อยใช้เครื่องมือทรมานต่าง ๆ ทรมานเจ้า วันนี้เจ้าจะต้องยอมแพ้และรับข้อกล่าวหานี่ซะ!"ปัง!ในตอนนั้นเอง ประตูศาลที่ปิดอยู่เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!เสียงที่ดังขึ้นนี้ทำให้ทั้งสองคนที่ถือไม้อยู่ตกใจ!ปัง ปัง ปัง...เสียงทุบประตูอย่างรุนแรงยังคงดังต่อไป ราวกับว่ามีคนจะพังประตูเมืองเข้ามา!เผยเซียนเจิ้งมองอย่างเคร่งเครียด: "ออกไปดูสิว่าใครบังอาจมาบุกมาทุบประตูศาล!"วันนี้นำตัวหวังหยวนขึ้นศาล เพราะเตรียมโบยเขาจึงปิดประตูใหญ่ศาล!เจ้าหน้าที่ศาลทั้งสองวิ่งออกไป ก่อนที่พวกเขาจะมองไปที่ประตู ประตูสีแดงชาดก็ถูกพังจนเปิดออกเมื่อมองไปที่ผู้นำขบวน เผยเซียนก็หน้าซีดจนทรงตัวไม่อยู่!หวังหยวนหันกลับมาและหัวเราะ!ท่ามกลางซากประตูที่แตกหัก มีคนเกือบร้อยค

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 573

    ผั้วะ!เขาต่อยเข้าเบ้าตาซ้ายเผยเซียนเจิ้งอย่างแรง วังไห่เทียนด่าเสียงดังลั่น: "เชื่อก็โง่แล้ว การพิจารณาคดีงี่เง่าพรรค์นี้ เจ้าทำท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ คิดจะทำอะไรกันแน่? เจ้าจะใส่ร้ายยัดข้อหาให้เขา ให้เขารับผิดใช่ไหม?”ทุกคนในที่นี้ทั้งหมดต่างตกใจ!ไม่มีใครคาดคิดว่าวังไห่เทียนจะชกหน้าผู้พิพากษาจริง ๆแต่อารมณ์ของท่านไห่เทียนตอนนี้พอคิดดูแล้วก็ไม่แปลก!เผยเซียนเจิ้งถลึงตาด้วยความโกรธ: "เจ้า เจ้ากล้าชกข้า ข้าเป็นผู้พิพากษาศาล เป็นหน้าตาของศาล... โอ๊ย!"ผั้วะ!อีกหมัดเข้าที่ตาขวาของเขา วังไห่เทียนก็ด่าไปเหยียดหยาม: "ไอคนปลิ้นปล่อนอย่างเจ้า ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น ใช้กฎหมายผิด ๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว อย่างเจ้าไม่คู่ควรเป็นพิพากษาศาลหรอก วันนี้ข้าเป็นตัวแทนความยุติธรรมของศาล สั่งสอนบทเรียนให้กับขุนนางชั่วช้าอย่างเจ้าเอง!”ชกไปสองทีไม่พอหรอก ดังนั้นวังไห่เทียนจึงยกเท้าขึ้นถีบเผยเซียนเจิ้งอีกที“หนูโสโครกกัดกินชาติบ้านเมือง จะเก็บไว้ทำไม? กระทืบมันให้ตายไปเลย!”เหล่าถงเซินและบัณฑิตซิ่วไฉ่บางคนตื่นเต้นมากจนอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือด้วยหนูโสโครกกัดกินชาติบ้านเมือง กล้าใส่ร้ายท่านหมิงถัน ไว้ช

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 574

    ไอ้สารเลวพวกนี้กล้ากระทืบเขา แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!แต่ถ้าหากเขายัดข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ขุนนางให้หวังหยวนได้ เขาก็ต้องได้รับโทษจำคุกระบายความแค้นในหัวใจของเขาได้“ถ้าอยากพิจารณาคดีก็เอาเลย พวกเราทุกคนจะเป็นทนายของท่านหมิงถันเอง!”วังไห่เทียนเงยหน้าขึ้น และบัณฑิตเฒ่าทั้งสามคนอย่างจิ่วเปี้ยน หลวนชิง และถงกู่พยักหน้าเห็นด้วย!บัณฑิตหลายร้อยคนพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน: "ใช่ เราจะรวมกลุ่มเป็นทนายความให้กับท่านหมิงถันเอง!"อึ้ง!พวกเจ้าหน้าที่ศาลถึงกับหายใจเฮือก!บัณฑิตหลายร้อยคน จิ้นซือประมาณสิบคน จู่เหรินห้าสิบหกสิบคน.และซิ่วไฉ่อีกร้อยกว่าคนได้รวมกลุ่มกันทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับคนคนหนึ่งคดีนี้...หวังหยวนก็ตกตะลึงเช่นกัน: คิดไม่ถึงจริง ๆ เลยว่า พี่ไห่เทียนจะลงมือตั้งกลุ่มทนายความที่ทรงพลังที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!"ดี ให้พวกเจ้าเป็นทนาย แต่เจ้าชนะคดีนี้ไม่ได้อยู่ดี!"เผยเซียนเจิ้งกัดฟันพูด: "จะเปิดศาล ตามระเบียบของศาล ทุกคนที่ยศตำแหน่งจะต้องคุกเข่าลง!"ถงเซินหลายคนขมวดคิ้ว ซิ่วไฉ่ถือว่ามีตำแหน่งมียศในระดับหนึ่ง สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้โดยไม่ต้องโค้งคำนับ!เผยเซียนเจิ้

บทล่าสุด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1866

    นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1865

    หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1864

    “ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1863

    แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1862

    “ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1861

    “ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1860

    ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1859

    “ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1858

    เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น

DMCA.com Protection Status