ผั้วะ!เขาต่อยเข้าเบ้าตาซ้ายเผยเซียนเจิ้งอย่างแรง วังไห่เทียนด่าเสียงดังลั่น: "เชื่อก็โง่แล้ว การพิจารณาคดีงี่เง่าพรรค์นี้ เจ้าทำท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ คิดจะทำอะไรกันแน่? เจ้าจะใส่ร้ายยัดข้อหาให้เขา ให้เขารับผิดใช่ไหม?”ทุกคนในที่นี้ทั้งหมดต่างตกใจ!ไม่มีใครคาดคิดว่าวังไห่เทียนจะชกหน้าผู้พิพากษาจริง ๆแต่อารมณ์ของท่านไห่เทียนตอนนี้พอคิดดูแล้วก็ไม่แปลก!เผยเซียนเจิ้งถลึงตาด้วยความโกรธ: "เจ้า เจ้ากล้าชกข้า ข้าเป็นผู้พิพากษาศาล เป็นหน้าตาของศาล... โอ๊ย!"ผั้วะ!อีกหมัดเข้าที่ตาขวาของเขา วังไห่เทียนก็ด่าไปเหยียดหยาม: "ไอคนปลิ้นปล่อนอย่างเจ้า ใช้อำนาจรังแกผู้อื่น ใช้กฎหมายผิด ๆ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว อย่างเจ้าไม่คู่ควรเป็นพิพากษาศาลหรอก วันนี้ข้าเป็นตัวแทนความยุติธรรมของศาล สั่งสอนบทเรียนให้กับขุนนางชั่วช้าอย่างเจ้าเอง!”ชกไปสองทีไม่พอหรอก ดังนั้นวังไห่เทียนจึงยกเท้าขึ้นถีบเผยเซียนเจิ้งอีกที“หนูโสโครกกัดกินชาติบ้านเมือง จะเก็บไว้ทำไม? กระทืบมันให้ตายไปเลย!”เหล่าถงเซินและบัณฑิตซิ่วไฉ่บางคนตื่นเต้นมากจนอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือด้วยหนูโสโครกกัดกินชาติบ้านเมือง กล้าใส่ร้ายท่านหมิงถัน ไว้ช
ไอ้สารเลวพวกนี้กล้ากระทืบเขา แต่เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย!แต่ถ้าหากเขายัดข้อหาฆ่าเจ้าหน้าที่ขุนนางให้หวังหยวนได้ เขาก็ต้องได้รับโทษจำคุกระบายความแค้นในหัวใจของเขาได้“ถ้าอยากพิจารณาคดีก็เอาเลย พวกเราทุกคนจะเป็นทนายของท่านหมิงถันเอง!”วังไห่เทียนเงยหน้าขึ้น และบัณฑิตเฒ่าทั้งสามคนอย่างจิ่วเปี้ยน หลวนชิง และถงกู่พยักหน้าเห็นด้วย!บัณฑิตหลายร้อยคนพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน: "ใช่ เราจะรวมกลุ่มเป็นทนายความให้กับท่านหมิงถันเอง!"อึ้ง!พวกเจ้าหน้าที่ศาลถึงกับหายใจเฮือก!บัณฑิตหลายร้อยคน จิ้นซือประมาณสิบคน จู่เหรินห้าสิบหกสิบคน.และซิ่วไฉ่อีกร้อยกว่าคนได้รวมกลุ่มกันทำหน้าที่เป็นทนายความให้กับคนคนหนึ่งคดีนี้...หวังหยวนก็ตกตะลึงเช่นกัน: คิดไม่ถึงจริง ๆ เลยว่า พี่ไห่เทียนจะลงมือตั้งกลุ่มทนายความที่ทรงพลังที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!"ดี ให้พวกเจ้าเป็นทนาย แต่เจ้าชนะคดีนี้ไม่ได้อยู่ดี!"เผยเซียนเจิ้งกัดฟันพูด: "จะเปิดศาล ตามระเบียบของศาล ทุกคนที่ยศตำแหน่งจะต้องคุกเข่าลง!"ถงเซินหลายคนขมวดคิ้ว ซิ่วไฉ่ถือว่ามีตำแหน่งมียศในระดับหนึ่ง สามารถเข้าพบเจ้าหน้าที่ได้โดยไม่ต้องโค้งคำนับ!เผยเซียนเจิ้
“พวกเจ้าทุกคนได้ยินแล้วสินะ พวกเจ้ายังอยากจะปกป้องเขาอยู่ไหม?”เผยเซียนเจิ้งพูดอย่างเชิ่ดหน้า: "เขาสังหารเจ้าหน้าที่ไปห้าคน โทษหนักถึงขั้นตัดหัวริบทรัพย์!"“ตัดหัวริบทรัพย์!”วังไห่เทียนสะบัดแขนเสื้ออย่างเหยียดหยาม และเดินไปหาสายตรวจทั้งสิบห้าคน: "ข้าขอถามหน่อย ทำไมน้องหมิงถันถึงได่ฆ่าผู้ตรวจการเฉียว และสายสืบทั้งสี่คนด้วย!""หึหึ!"เผยเซียนกำลังเยาะเย้ยอยู่ในห้องโถงศาล!ตาเฒ่าคนนี้เพ้อเจ้อมาก เขาคิดจะหาความจริงจากปากของพวกเขารึ“เรียนท่านอาจารย์ ผู้ตรวจการเฉียวพาลูกน้องสี่คนของเขาไปสังหารครอบครัวของเยี่ยเทียน กระทำการดูหมิ่นภรรยาและสาวใช้ของเขา ท่านหมิงถันโกรธมากจนเสียการควบคุมตัวเอง และสังหารพวกเขาไปห้าคน!”สายตรวจคนหนึ่งพูดออกมาและอีกคนก็พยักหน้า“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมา!”เผยเซียนเจิ้งหน้าถอดสี เขาจ้องมองไปที่คนทั้งสิบห้าคนแล้วตะโกนว่า: "ใครยุยงให้พวกเจ้าใส่ผู้ตรวจการเฉียว เจ้ารับสินบนจากเขามาเท่าไหร่"เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าสายตรวจทั้งสิบห้าคนนี้จะกล้าพูดความจริงครั้งหนึ่งเขาเคยเตือน ให้กำลังใจ สัญญาลอย ๆ ขู่ทั้งสิบห้าคน ให้พวกเขายืนกรานว่าหวังหยวนทำร้ายผู้ตรวจกา
“องค์รักษ์เงา!”มองไปที่กลุ่มคนเหล่านั้น วังไห่เทียน บัณฑิตชราสี่คน และบัณฑิตจิ้นซื่อหลายสิบคนก็ขมวดคิ้วพวกเชื้อพระวงศ์ชั้นอ๋องสามารถสวมชุดปักลายงูหลามได้ ส่วนสีดำเป็นสีที่ขุนนางชั้นผู้น้อยสวมใส่ต้าเย่จึงผสมผสานความสูงส่งและต้อยต่ำเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นชุดสายลับราชวงศ์ปฏิกิริยาของพวกขุนนางต้าเย่กับองค์รักษ์เงาเป็นการต่อต้านโดยสัญชาตญาณอย่างรุนแรง!โชคดีที่องค์รักษ์เงาทำไม่ค่อยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน และจะสวมชุดปักลายงูเหลือมสีดำก็ต่อเมื่องต้องรับมือกับคดีใหญ่เท่านั้น!ตอนนี้องค์รักษ์เงามาที่หลงหนานแล้ว ต้องมีคดีใหญ่อะไรจะเกิดขึ้นแน่!บางคนนึกถึงคำทำนายที่เผยแพร่มาเมื่อเร็ว ๆ นี้อย่างไม่ทันรู้ตัว!เผยเซียนเจิ้งยืนขึ้นและพูดว่า "ไม่ทราบว่าพวกท่านมาทำธุระอะไรที่นี่หรือ?"องค์รักษ์เงายกป้ายตราขึ้น: "ฝ่าบาทมีคำสั่งลับลงมา เจ้าเมืองหลงหนาน เผยเซียนเจิ้งและเว่ยเฉิง จงใจก่อกบฏมีเจตนาชั่วร้ายคิดไม่ซื่อ ให้ปลดออกจากตำแหน่ง และพาตัวไปยังเมืองหลวง เพื่อรับการพิจารณาคดี ตำแหน่งเจ้าเมืองถูกแทนที่ด้วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ราชโองการอย่างเป็นทางการจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้!”ตุ้บ!
เผยเซียนเจิ้งกระวนกระวายใจมากจนแทบจะร้องไห้ออกมา และกำลังเค้นสมองเพื่อแก้ตัว!กลุ่มองครักษ์เงาเดินออกมาข้างหน้าถอดหมวกสีดำและเครื่องแบบขุนนางออก แล้วสวมกุญแจมือโซ่ตรวนที่เท้าทันที เพื่อป้องกันไม่ให้เขากัดลิ้นฆ่าตัวตาย พวกเขาจึงเอาผ้ายัดปาก แล้วลากออกไปในสภาพเหมือนลากสุนัขที่ตายแล้ว!“ใส่ร้าย นี่เป็นการใส่ร้าย...”เผยเซียนเจิ้งร้องไห้คร่ำครวญมองไปทางหวังหยวนด้วยความโกรธผสมกับความเสียใจเขาไม่เคยคิดเลยว่าราชสำนักจะตัดสินโทษเขา โดยอาศัยแค่คำทำนายสามคำและคำพยากรณ์สามประโยคเท่านั้นตอนนี้เขาเสียใจมาก ตั้งแต่แรกไม่น่าโลภ และปล่อยให้หวังหยวนถ่วงเวลาแบบนี้!ถ้ารู้แต่แรก เขาควรจะฆ่าไอหมอนี่ซะก่อน!เผยเซียนเจิ้งถูกลากตัวไปเข้าคุก!ไม่นานหลังจากนั้น เจ้าเมืองหลงหนาน หยวนเกาสิงก็ขึ้นดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าเมือง ได้ดำเนินการพิจารณาคดีของหวังหยวน และตัดสินคดีอย่างรวดเร็ว!ผู้ตรวจการเฉียวคุนและสายตรวจทั้งสี่นายก่อความผิดร้ายแรง แม้ว่าหวังหยวนจะนำคนของเขาฆ่าคนไปห้าคน แต่มันก็ผิดกฎหมาย แต่เป็นการกระทำผิดเพื่อผดุงความยุติธรรม ผิดก็ว่าผิด ถูกก็ว่าถูก ถือว่าหักล้างกันได้ จึงไม่มีการลงโทษใดห้องโ
"ข้าเข้าร่วมด้วย!"“ข้าก็จะเข้าร่วมด้วย!”...จู่ ๆ หลายคนก็ยกมือแสดงความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มนี้!บัณฑิตทั้งสี่คนอย่าง หวังไห่เทียน, จิ่วเปี้ยน หลวนชิง และถงกู่ได้พูดคุยเรื่องนี้กันอย่างชัดเจนหากเข้าร่วมกลุ่มนี้ ในอนาคตสามารถพึ่งพิงทั้งสี่คนได้อย่างแน่นอน!"น้องชาย!"วังไห่เทียนหันกลับมาและยิ้ม: "แล้วเจ้าล่ะ?"หวังหยวนกระซิบ: "พี่ชาย พี่ใส่ยาอะไรลงไปในกาเหล้า?"มันดูแปลก ๆ เหล้าไม่ดื่มไม่พูดไม่จา จู่ ๆ ก็จะตั้งกลุ่มวังไห่เทียนหัวเราะเบา ๆ: "อย่าเพิ่งพูดถึงมันตอนนี้ เจ้าจะเข้าร่วมไหมก็ว่ามาเถอะ พี่จะไม่ทำร้ายเจ้าหรอก!""ได้!"หวังหยวนกัดฟันแสดงจุดยืน: "ข้าก็จะเข้าร่วมด้วย!"ทันใดนั้นบัณฑิตทุกคนก็แสดงความตั้งใจที่จะเข้าร่วมด้วย!วังไห่เทียนกล่าวเสริมขึ้นมา: "ถ้าอย่างนั้นเรามาคิดชื่อกลุ่มกันดีกว่า!"“สมาคมยุติธรรม!”“พันธมิตร!”“สมาพันธ์ไห่หลวนจิ่วทง!”“ความรู้อันยิ่งใหญ่!”...ชื่อแปลก ๆ มากมายฝุดขึ้นมา!วังไห่เทียนขมวดคิ้วส่ายหน้าและมองไปทางหวังหยวน: "น้องชาย เจ้าก็คิดมาสักชื่อเถอะ!"หวังหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: "พวกเราเป็นนักวิชาการ อุดมคติสูงสุดค
หวังหยวนถอนหายใจ: "ข้ารู้ นี่เป็นความตั้งใจที่ดีของพี่ ให้ข้าใช้ชื่อเสียงปกป้องตัวเอง รวมกลุ่มบัณฑิตขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจดจำ!"“เหอะ ๆ แค่เข้าใจความตั้งใจดีของพี่ก็ดีแล้ว นี่ไม่ใช่การใช้ชื่อเสียงปกป้องตัวเจ้าเอง!”หวังไห่เทียนเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างจริงจัง: "เจ้าประสบความสำเร็จอย่างมากในการเอาชนะชาวหวงและเจ้ายังได้เขียนโครงร่างนโยบายทั่วไปอีกด้วย เจ้ายังมีบทกวีที่มีชื่อเสียงหลายบทที่สามารถสืบทอดต่อไปได้ แม้ว่าราชสำนักจะไม่เรียกใช้ บัณฑิตบางคนยังชื่นชมชื่อเสียงของเจ้า และเข้าร่วมสมาพันธ์ต้าถงเรา”หวังหยวนยิ้ม: "แล้วหลังจากนั้น?"“เมื่อเจ้าเป็นประธานสมาพันธ์ต้าถง บัณฑิตที่เข้าร่วมสมาพันธ์ต้าถงก็จะกลายเป็นกระบอกเสียงของเจ้า! เจ้าอยากจะพูดอะไร พวกเขาจะพูดให้เจ้าเอง เจ้าอยากด่าใคร พวกเขาจะด่ามันแทนเจ้าเอง"หวังหยวนยิ้มและกล่าวว่า: "หากมีบัณฑิตเข้าร่วมสมาพันธ์ต้าถงเพียงพอ แม้ว่าราชวงศ์จะไม่ใช้งานเจ้า เจ้าก็ยังคงเป็นเหมือนขุนนางชาวบ้าน และจะไม่มีใครกล้าใช้ทางการจัดการกับเจ้าอีก เหมือนเผยเซียนเจิ้ง! เจ้าสามารถทำกลับกันได้ เจ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ปัจจุบันในราชสำนัก!"หวังหยวนโต้ตอบ:
ข้อแรกเขาล้มเหลวในการปราบกบฏ และถูกราชสำนักลดขั้นจากแม่ทัพเป็นขุนพล เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาโจมตีหมู่บ้านเยี่ยเจียถูกทหารผ่านศึกเกราะทมิฬจับตัวไป เขาเพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อวานนี้ คิดว่าเขาจะมีชีวิตที่ดีได้สักที แต่กลับกลายเป็นว่าเขาเกี่ยวข้องกับการกบฏต้องโทษประหารเก้าชั่วโคตร!ในรถนักโทษข้างหน้า เผยเซียนเจิ้งตะโกนออกมาด้วยความโกรธ: "ไอโง่ ข้าเป็นขุนนาง ข้าจะก่อกบฏไปทำไมล่ะ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะคนอื่นใส่ร้ายข้ากับเจ้าทั้งนั้น เมื่อไปถึงเมืองหลวง เจ้าก็หุบปากซะ มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้าและข้าหรอก!”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เว่ยเฉิงก็ได้สติ: "ใต้เท้าเผยข้ารู้ว่าท่านมีเงินสำรองในเมืองหลวง ท่านสามารถแก้ข้อกล่าวหาของพวกเราได้ใช่ไหม เราจะไม่ถูกตัดหัวใช่ไหม"“ตัดหัว! คิดจะตัดหัวเผยเซียนเจิ้ง ไอหมอนั้นคิดง่ายเกินไปแล้ว!”เผยเซียนเจิ้งยิ้มอย่างเย็นชา แววตาของเขาเย็นชาคมกริบราวกับใบมีดหลายปีที่ผ่านมา เงินที่เขามอบให้เสนาคลังนั้นไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปทั้งหมด!หลักฐานคำพยากรณ์เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่ราชสำนักจะตัดสินลงโทษเขาตราบใดที่ท่านกู้เกอช่วยพูดให้เขา และมีเสนาขวาช่วยพูดถ้อยคำดี ๆ ต่อฝ่าบ
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าท่านหวังจะไม่สงสัยพวกเราใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเห็นขบวนรถม้าของหวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปแล้ว เฉินซานเตาพลันกอดอกเอ่ยถาม ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแม้ว่าเฉินซานเตาจะเป็นเพียงขุนศึกผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นเฟย!ไป๋อวิ๋นเฟยเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพี่หวังคงไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย ยามนี้ราชวงศ์ต้าเย่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ผู้ที่ข้าต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือพี่หวัง แต่ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้เป็นใครกันแน่ ช่างยากที่จะคาดเดา...”“คนของซือฟางในอดีตล้วนถูกพวกเราจับกุมตัวไปหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลือที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าลงมือสังหาร”“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการมาอย่างดี หากพวกเขาต้องการจะล้างแค้น เช่นนั้นเป้าหมายก็ไม่น่าจะพุ่งตรงมาที่หวังหยวน...”ไป๋อวิ๋นเฟยก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนยามนี้หลิ่วหรูเยียนบาดเจ็บสาหัส จิตใจของหวังหยวนต้องจดจ่ออยู่กับอาการของหลิ่วหรูเยียน แต่ความเคียดแค้นในครั้งนี้ย่อ
“ได้ขอรับ! เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมการ พวกเราจะได้รีบออกเดินทางกันเลย!”เพียงชั่วครู่ หวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าทางเหนืออย่างเอิกเกริกหน้าประตูวังหลวงในเมืองไป๋อวิ๋นเฟยและเหล่าทหารองครักษ์กำลังยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่นี่ สองคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาคนหนึ่งคือเฉินซานเตา ส่วนอีกคนเป็นชายแปลกหน้าชายคนนี้สวมชุดเกราะ ในมือถือดาบใหญ่ แม้จะผ่านวัยกลางคนมาแล้ว แต่ก็ยังคงองอาจผ่าเผย เห็นได้ชัดว่ามีที่มาไม่ธรรมดาสายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ชายคนนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองไป๋อวิ๋นเฟย “ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นกังวล บ้านเมืองเพิ่งจะสงบสุข ท่านยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ข้าขอตัวไปก่อน”“เมื่อทางข้ามีข่าวคราว ข้าจะส่งจดหมายผ่านนกพิราบสื่อสารมาบอกท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”ไป๋อวิ๋นเฟยรีบจับมือหวังหยวน แล้วชี้ไปยังบุรุษข้างกายก่อนเอ่ยว่า “พี่หวัง นี่คือขุนพลเซียวเหรินอู่ ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ในเผ่าทางเหนือ อีกทั้งเส้นทางยังยากลำบาก ข้าให้ขุนพลเซียวเหรินอู่ติดตามท่านไปด้วย ระหว่างทางหากต้องการสิ่งใด ขุนพลเซีย
เมื่อเห็นว่าพวกหมอตรวจอาการของหลิ่วหรูเยียนเสร็จแล้ว หวังหยวนจึงเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านมีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นได้บ้าง?”พวกหมอสบตากัน ต่างพูดไม่ออก“หรือว่าเรื่องนี้ยากเย็นถึงเพียงนั้นเลย?”“พวกท่านก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหมอหลวงได้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าวิชาแพทย์ของพวกท่านล้วนยอดเยี่ยม แต่พวกท่านทั้งหมดอยู่ที่นี่ หมอมากมายเพียงนี้รวมกัน กลับคิดหาวิธีรักษาภรรยาข้าไม่ได้เลยหรือ?”หวังหยวนแทบจะตวาดลั่นหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรให้หลิ่วหรูเยียนติดตามมาด้วยตั้งแต่แรกครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเย่เกิดเรื่องราวมากมาย หลายครั้งที่หลิ่วหรูเยียนตกอยู่ในอันตราย หวังหยวนรู้สึกผิดในใจยิ่งนักหากหลิ่วหรูเยียนไม่อาจหายดีได้ เช่นนี้เขาคงต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต“ไสหัวออกไปให้หมด!”หวังหยวนตวาดสั่งให้ทุกคนออกไปเสียงดัง ทุกคนรีบออกไปทันใดนี่ไม่ใช่ข้ออ้างของพวกเขา แต่เพราะพิษในร่างของหลิ่วหรูเยียนนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก แม้แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แล้วจะคิดหาวิธีถอนพิษได้อย่างไร?ยามนี้ทำได้เพียงเย็บปิดปากแผลและห้ามเลือดให้หลิ่วหรูเยียนเพื่อยื้อชีว
เมื่อห้องกลับคืนสู่ความเงียบสงบ หมอก็กลับไปนั่งที่ข้างเตียง ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของหลิ่วหรูเยียนออกดังเช่นที่หมอได้กล่าวไว้ บริเวณหน้าท้องส่วนล่างของหลิ่วหรูเยียนมีบาดแผลจากคมดาบ บาดแผลดูน่าสยดสยองยิ่งนัก โลหิตยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง“ภรรยาของข้าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”ยามนี้ เนื่องจากความเจ็บปวดแสนสาหัสหรือเพราะเสียเลือดมากเกินไป หลิ่วหรูเยียนจึงสลบไป ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆไม่เพียงใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากก็ไร้สีเลือดฝาดหมอปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ท่านหวัง วิชาแพทย์ของข้ายังตื้นเขิน อีกทั้งไม่เคยรักษาบาดแผลเช่นนี้มาก่อน เกรงว่าข้าคงไม่อาจรักษาภรรยาของท่านได้!”“นี่เป็นเพียงบาดแผลจากคมดาบทั่วไป เจ้าจัดการเรื่องเพียงเท่านี้ไม่ได้หรือ?”หวังหยวนขมวดคิ้วถามหมอรีบกล่าวต่อว่า “บาดแผลนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เย็บปิดแผลและทำความสะอาดก็เรียบร้อย แต่ที่ยุ่งยากที่สุดในตอนนี้ก็คือบนคมดาบนั้นมียาพิษ ตอนนี้ฮูหยินจึงถูกพิษร้าย!”“แต่ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินถูกพิษชนิดใด ทำให้ไม่รู้วิธีถอนพิษให้นางขอรับ...”หมอไม่กล้าล่วงเกินหวังหยวนแม้เขาจะไม่รู้ฐานะของหวังหยวน แต่ก็รู้ว่าซ่
นางไม่อยากประสบชะตากรรมที่ต้องถูกจองจำ!“หนีหรือ? เจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น?”“แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้า ส่วนหนึ่งเป็นของฝ่าบาท อีกส่วนเป็นของหวังหยวน ส่วนที่เหลืออีกสองส่วน หวังหยวนยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับหนึ่งในนั้น แต่หากพวกเราต้องการไปราชวงศ์ต้าเป่ย ก็ยังต้องผ่านดินแดนที่หวังหยวนปกครองอยู่ดี!”“เจ้าคิดว่าพวกเราจะหนีไปที่ไหนได้?”ยามนี้ซ่างกวนอวี้ก็ร้อนรน กระวนกระวายใจดั่งมดบนกระทะร้อนฮูหยินใหญ่ไม่เอ่ยคำใดอีกเช่นนี้จะทำอย่างไรดี!“ถ้าเป็นพรอันประเสริฐก็ย่อมไม่เกิดภัยพิบัติ ถ้าเป็นภัยพิบัติก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”“ในเมื่อหวังหยวนมาถึงที่แล้ว ไม่ว่าเขาจะมาด้วยจุดประสงค์ใด พวกเราก็ไม่อาจหลบซ่อนเช่นนี้ต่อไปได้!”ซ่างกวนอวี้กัดฟัน เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะออกไปพบหวังหยวน ดูว่าเขาต้องการสิ่งใด บางทีเรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ทั้งหมดอาจเป็นเพียงความคิดมากเกินไปของพวกเราเองก็ได้ไม่ใช่หรือ?”ยามนี้คงต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน เผื่อว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น!หากดื้อรั้น เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งเลวร้ายลงเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมาย่อมดีกว่า!“เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย!
เพล้ง!ในเสี้ยววินาทีวิกฤตพลันมีเสียงดังสนั่น หน้าต่างของโรงเตี๊ยมแตกกระจายเป็นเสี่ยง!ร่างหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า นั่นก็คือไฉจวิ้น!หลายวันนี้ เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมมาโดยตลอดซึ่งเพราะว่าหวังหยวนกับภรรยาต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แล้วเขาจะไปติดตามอยู่ข้างกายเป็นก้างขวางคอผู้อื่นได้อย่างไร?“ไฉจวิ้น!”“เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี!”หวังหยวนราวกับได้เห็นผู้มาโปรด รีบเอ่ยกับเขายามนี้เขาต้องดูแลหลิ่วหรูเยียน อีกทั้งยังต้องรับมือกับคนเหล่านี้ เขาไม่ได้มีสามเศียรหกกร จะจัดการเรื่องราวทั้งหมดนี้คนเดียวได้อย่างไร?“พี่ใหญ่ไปก่อน! เรื่องทางนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”“ก็แค่กุ๊ยข้างถนนไม่กี่คน”ไฉจวิ้นเอ่ยจบ ก็เข้าปะทะกับคนเหล่านั้นอีกครั้ง“ข้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ถูกฟันทีเดียว ไม่ได้ร้ายแรงอะไร...”“ข้ายังทนไหว!”“รีบไปช่วยไฉจวิ้นเถิด!”หลิ่วหรูเยียนรีบเอ่ยขึ้น“วางใจเถิด เขารับมือคนเดียวได้แน่นอน อีกไม่นานเกาเล่อก็จะกลับมา ข้าจะพาเจ้าไปทำแผลก่อน”หวังหยวนอุ้มหลิ่วหรูเยียนขึ้นมาโดยไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังโรงหมอที่อยู่ไม่ไกล“มีใครอยู่หรือไม่?”“รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”หวังหย
แต่ท่าทีเช่นนี้ของเขา กลับทำให้หวังหยวนและภรรยารู้สึกเหนื่อยล้าหวังหยวนนวดขมับตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ออกเดินทางกันเลยหรือไม่?”“ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกเกาเล่อให้เขาเตรียมการล่วงหน้า อีกอย่าง เมืองอู่เจียงตอนนี้จะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ ข้าต้องกลับไปดูสักหน่อย”เส้นทางน้ำทั่วหล้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แม้ว่าเมืองอู่เจียงจะสร้างเสร็จแล้ว แต่ในเมืองหลิงยังมีเส้นทางน้ำอีกมากมายที่ต้องพัฒนาแม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ คอยดูแล แต่เขาก็ไม่อาจเป็นนายที่เอาแต่โยนงานทิ้งให้คนอื่นทำได้เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ผิดต่อหลักการหลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “ดี! เช่นนั้นกลับไปแล้วก็พักผ่อนแต่หัววัน พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะได้ออกเดินทางเลย!”เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม หวังหยวนกลับหยุดฝีเท้าลง“เป็นอะไรไป?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามโดยสัญชาตญาณหวังหยวนเหลือบมองไปด้านหลัง เห็นเงาคนหลายคนค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืดเนื่องจากเป็นยามพลบค่ำ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังสวมชุดสีดำ ใบหน้าก็ถูกปกปิดด้วยผ้าสีดำ จึงมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาและไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด“พวกเจ้าเป็นใคร?”หวังหยวนเอ่ยถามเสียงเย็
“เช่นนั้นภายภาคหน้าท่านต้องหาโอกาสไปทำความรู้จักกับท่านหวังให้บ่อย!”“การได้รู้จักคนเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางขุนนางของท่านอย่างยิ่งนะเจ้าคะ!”ฮูหยินใหญ่รีบเอ่ยเสริม พยายามพูดเอาอกเอาใจซ่างกวนอวี้ทว่าซ่างกวนอวี้กลับแค่นเสียงเย็นชา “ด้วยฐานะเช่นข้า เจ้าคิดว่าข้าจะมีโอกาสได้รู้จักกับท่านหวังหรือ?”“ครานี้ต้องขอบคุณบุตรชายคนดีของเจ้า!”“แต่เกือบทำให้พวกเราต้องหัวหลุดจากบ่า!”“โชคดีที่ท่านหวังเป็นคนใจกว้าง จึงไม่ถือสาเอาความกับพวกเรา!”“ภายภาคหน้าหากพบเจอท่านหวัง พวกเราควรรีบหลีกหนีให้ห่าง หากไปล่วงเกินคนเช่นนี้เข้า เกรงว่าภัยพิบัติจะมาเยือนตระกูลเรา!”ครั้งนี้แม้ว่าหวังหยวนจะละเว้นโทษให้แก่ตระกูลซ่างกวน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้หากวันใดหวังหยวนอารมณ์ไม่ดี แล้วตนบังเอิญไปขวางหูขวางตาเข้าก็อาจจะเป็นโทษซ้ำรอยเดิมก็เป็นได้!ซ่างกวนอวี้ไม่กล้าที่จะเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องโถง เขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแล้วความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!”ฮูหยินใหญ่พยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง “ประเดี
เขาถูกขับไล่ ต้องถูกกักบริเวณอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซ้ำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากเป็นผู้อื่น มีใครบ้างที่จะทนรับเรื่องราวมากมายเช่นนี้ได้?“ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น”หวังหยวนส่ายหน้า เมื่อเห็นไป๋อวิ๋นเฟยชะงักงันไปชั่วครู่ จึงเอ่ยต่อว่า “เจี๋ยงโฉ่วอีเป็นผู้มีความสามารถแท้จริง เขาแตกต่างจากซือฟาง คนผู้นี้ไม่มีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ แต่กลับมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองให้สงบสุขได้”“ยามนี้ท่านเพิ่งขึ้นครองราชย์ แน่นอนว่าย่อมต้องการคนมาช่วยสนับสนุน ข้ากลับมองว่าเขาเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยม หากได้รับความช่วยเหลือจากเขาย่อมเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างยิ่ง”“อีกทั้งข้าได้เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว หากท่านยินยอม เขาจะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านโดยปราศจากเงื่อนไขใด ภายภาคหน้าย่อมไม่บังเกิดความคิดคดทรยศอีก”หวังหยวนเอ่ยความคิดในใจออกมาตามตรงเขาคิดเพื่อประโยชน์ของไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหวังหยวนและคนของราชวงศ์ต้าเป่ยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำศึกสงครามกันอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เกรงกลัวราชวงศ์ต้าเป่ย แต่เขาก็ไม่อยากให้ปวงประชาต้องทนทุกข์ทรมาน จึงจำต้องนั่งลงเ