อันธพาลประมงคนใหม่ของตงซื่อคือฝานเจียงหลง ชายวัยยี่สิบกลาง ๆ ใบหน้าอ้วนท้วน มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า หางตาตกดูเป็นคนละโมบและชั่วร้าย!เมื่อเขามาที่ตลาดปลา แล้วแย่งตำแหน่งของน่าวซานเจียง เดิมทีเขาต้องการทำตามคำแนะนำของสิงซาน ด้วยการไม่เก็บค่าคุ้มครองแต่เมื่อเห็นคนจากหมู่บ้านต้าหวังขายปลาได้มากมายทุกวัน ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปสิงซานขมวดคิ้วเขารู้ว่าหมู่บ้านต้าหวัง จับปลาและขายปลาได้ทีละเยอะมากเท่านั้น แต่คงไม่ใช่ทุกวันเมื่อนึกถึงปลาห้าถึงหกร้อยจินทุกวัน เขาก็นึกเสียดาย!ตามปกตินั้น อันธพาลประมงจะส่งเงินให้ร้อยละเจ็ดสิบ โดยร้อยละหกสิบจะต้องส่งมอบให้กับพวกองครักษ์แม้ว่าจะเหลือเพียงร้อยละสิบเท่านั้น แต่ก็ยังมีเงินถึงยี่สิบก้วนต่อเดือน ซึ่งไม่ใช่จำนวนเล็กน้อยเลย“ทำเถอะขอรับ นายท่านสิง!”ฝานเจียงหลงฉลาด “นายท่านสิง ข้ารู้ว่าท่านกังวลเรื่องอะไร ข้าส่งคนไปสืบเรื่องชายคนนั้นในหมู่บ้านต้าหวังแล้ว เขาหยุดเรียนไปนานแล้ว และจะไม่มีวันได้เป็นขุนนางอีกในอนาคต ส่วนหวังพั่วหลู่ แม้ว่าเขาจะมีวรยุทธ์ที่ทรงพลัง แต่หากท่านส่งเจ้าหน้าที่ศาลสักสองสามคน ไปล้อมเขาด้วยดาบ และมีนักธนูสองสามคนมาช่วยด้วย ต่อใ
กลุ่มทำสบู่เพิ่มเป็นสิบคน ตั้งหม้อขนาดใหญ่สามใบพร้อมกัน ผลผลิตเพิ่มขึ้นจากวันละหนึ่งร้อยก้อน เป็นสามร้อยก้อนทันทีนอกจากนี้ยังมีเทียนไขสามร้อยเล่มทุกวัน แต่หวังหยวนไม่คิดจะขายมัน!ตะเกียงน้ำมันมีควันมากเกินไป และอาจทำร้ายดวงตาได้ หากใช้นานเกินไป แต่เทียนมีควันน้อยกว่าและสว่างกว่าหวังหยวนแจกสบู่และเทียนให้กับสมาชิกกลุ่มประมง เพื่อเป็นสวัสดิการหลังจากสามวันของการผลิตอย่างต่อเนื่อง หวังหยวนก็รวบรวมสบู่ได้หนึ่งพันก้อน แล้วออกเดินทางสู่เทศบาลไม่ไปไม่ได้ เมื่อวานซื้อรถม้ามาในราคายี่สิบก้วนขายน้ำตาลได้มาหกร้อยก้วน ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่สิบก้วนเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงการสร้างบ้านขนาดสิบหมู่หรอก ไม่พอแม้แต่จะซื้ออิฐด้วยซ้ำสถานการณ์ที่ตลาดปลาก็ไม่ค่อยเป็นไปด้วยดีเช่นกัน หวังซื่อไห่ก็รู้สึกว่าฝานเจียงหลงกำลังจะมาอีกแล้วด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย เอ้อหู่และสามพี่น้องสกุลกัว ต่างก็ติดตามไปด้วย พร้อมเตรียมเอกสารเรื่องสำคัญที่สุด คือหลี่ซื่อหานต้องการกลับไปที่บ้านพ่อแม่ของนาง!ต้าหู่ขับรถม้า ส่วนหวังหยวนและหลี่ซื่อหานนั่งอยู่ในรถม้า ทั้งสามคนออกเดินทางสายกว่ากลุ่มประมง และออกเดินทางตอนร
ใบหน้างามของหลี่ซื่อหานเปลี่ยนไป นางแอบมองหวังหยวนด้วยความรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่สามีมา สาวใช้จะไม่เรียกเขาว่าท่านเขย แต่จะเรียกว่าชายคนนั้นสามีจึงมักจะโกรธทุกครั้งหวังหยวนแอบถอนหายใจแต่งงานกันมาสามปีแล้ว แต่คนตระกูลหลี่ยังคงเรียกเขาเช่นนั้น ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าของร่างเดิมจะถูกกระตุ้นหลังจากนั้นไม่นาน หญิงสาวคนหนึ่งและสาวใช้สองคน ก็เดินออกจากประตูอย่างรวดเร็ว!สาวใช้สวมชุดผ้าฝ้าย ส่วนหญิงสาวสวมกระโปรงยาวผ้าแพร ไม่ค่อยใส่เครื่องประดับมากนักนิสัยของนางอ่อนโยนรักสงบ เหมือนกุลสตรีหญิงสาวกอดหลี่ซื่อหานแล้วหลั่งน้ำตา “น้องสาว พี่สะใภ้รู้แล้วว่าเจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน”สาวใช้ทั้งสองจ้องมองหวังหยวนคนรับใช้สองคนถือท่อนไม้อยู่ในมือ ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองประหนึ่งว่าทันทีที่หญิงสาวออกคำสั่ง พวกเขาจะรีบรุดเข้ามาทุบตีเขาอย่างหนักต้าหู่รีบไปยืนอยู่ข้างหวังหยวนหลี่ซื่อหานรู้สึกกังวล “พี่สะใภ้ ท่านรู้แล้วหรือ แต่ตอนนี้สามีของข้าดีกับข้ามาก”หญิงสาวจ้องมองหวังหยวน “น้องสาว เขาใช้เจ้าเป็นหลักประกันในเอกสารกู้ยืมเงินคนอื่น เหตุใดเจ้าถึงยังมาพูดแทนผู้ชายที่โหดเหี้
หญิงสาวสะดุ้ง แล้วถอนหายใจ “เจ้าฉลาดพอ ๆ กับพี่ชายของเจ้า เขาก็พูดถึงหลิวเจี้ยนเย่เช่นเดียวกัน”หลี่ซื่อหานขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “แล้วเหตุใดท่านกับท่านพี่ถึงพยายามชักชวนข้าเช่นนี้อีก”หญิงสาวถอนหายใจเบา ๆ “ประการแรก มันเป็นเพราะเจ้า เจ้าคนเสเพลคนนั้นทุบตีเจ้าทุกวัน ซ้ำยังนำเจ้าไปเป็นหลักประกันกู้เงินอีกด้วย พี่ชายของเจ้าจะโล่งใจหายห่วงได้อย่างไร!”“ตอนนี้สามีของข้าดีกับข้ามาก ไม่เคยทุบตีข้าอีกเลย!”หลี่ซื่อหานอธิบายอีกครั้งแต่นางก็รู้ว่ามันยากที่พี่ชายและพี่สะใภ้ของนางจะเชื่อ แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่“ประการที่สองคือเพื่อช่วยท่านพ่อ!”หญิงสาวทำหน้าเศร้า “แม้ว่าท่านพ่อจะมีความสามารถพอ แต่การกลับมาใช้ชีวิตในเมืองหลวงนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ราชสำนักเต็มไปด้วยกลอุบาย ทุกอย่างต้องได้รับการดูแล ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะถูกขัดขวาง ท่านพ่อเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ ตระกูลหลี่มีฐานะทางการเงินที่อ่อนแอ จึงต้องการการสนับสนุนจากตระกูลที่เชื่อถือได้ เราเป็นมิตรกับตระกูลหลิวมานานหลายชั่วอายุคน แม้ว่าจะมีเหตุการณ์พลิกผัน ก่อให้เกิดความบาดหมางกันหลายครั้ง แต่หากเจ้าตกลงปลงใจกับห
คนรับใช้สองคนรีบวิ่งเข้าไปตีขาของหวังหยวนด้วยท่อนไม้ โดยลืมเงินเมื่อครู่นี้ไปจนสิ้นสัญญาการซื้อขายตัวอยู่ในจวนหลี่ พวกเขารับใช้จวนหลี่ จึงไม่อาจฝ่าฝืนคำสั่งได้หวังหยวนไม่หลบไม่ได้!ไม่ว่าใครก็คงโกรธมาก หากน้องสาวของตนถูกใช้เป็นหลักประกันกู้เงินฟึ่บ! ฟึ่บ!ในช่วงเวลาวิกฤติ เอ้อหู่รีบวิ่งไปด้านหน้าหวังหยวน นั่งยอง ๆ แล้วหักไม้ของทั้งสองคน!โครม!ต้าหู่เดินตามหลังหวังหยวนไป ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขาของเขามั่นคงราวกับเสาไม้คนรับใช้ทั้งสองถือไม้ครึ่งท่อน รู้สึกหวาดกลัว!หลิวเจี้ยนเย่จ้องมองต้าหู่ นัยน์ตาสั่นไหว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่“เอาล่ะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่กล้าบุกมาจวนหลี่อย่างบ้าคลั่ง ปรากฏว่าพาจอมยุทธ์มาด้วยนี่เอง!”หลี่ซานซือยิ้มเย้ยหยัน แล้วหันไปมองคนรับใช้ “ไปที่ว่าการอำเภอ แล้วเรียกเจ้าหน้าที่มา ให้พวกเขาสวมชุดเกราะแล้วถือธนูมาด้วย มาดูกันว่าใครจะกล้าหาญกว่ากัน”คนรับใช้ทั้งสองเตรียมออกเดินทาง!สีหน้าของต้าหู่เปลี่ยนไปทันที หากเป็นการสู้ด้วยมือเปล่า จะแปดคนสิบคนก็ไม่มีปัญหาแต่ทหารสวมชุดเกราะที่ถือมีดและธนู สามหรือห้าคนก็สามารถล้อมสังหารเขาได้แล้วหวังหยวนยก
ตอนนี้สามีตั้งกลุ่มประมง เอาชนะหลี่ฉาง จัดประชุมหมู่บ้าน สร้างโรงอาหารขนาดใหญ่ ตั้งกลุ่มทำสบู่ เอาชนะใจชาวบ้าน เป็นดั่งสูญรวมจิตใจของทุกคน แล้วคนที่ทำได้แค่อ่านหนังสือสอบขุนนาง จะเทียบได้ได้อย่างไร!แต่หวังหยวนขัดจังหวะ “ซื่อหาน พี่ชายของเจ้าพูดถูก พวกเขาทุกคนดีกว่าข้า! ข้าเป็นเพียงเด็กบ้านนอก จะเทียบกับพวกเขาได้อย่างไร”หลิวเจี้ยนเย่เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “น้องซื่อหาน เจ้าเห็นหรือไม่ว่าเขาเองก็รู้ตัวดี!”“น่าเสียดายที่ร่ำเรียนมาหลายปี แต่กลับไม่รู้จักคำว่า 'ถ่อมตัว' ด้วยซ้ำ!”หลี่ซื่อหานพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย “และโปรดเรียกข้าด้วยชื่อเต็มของข้าด้วย อย่าเรียกข้าว่าน้องอีก ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้สนิทกันถึงเพียงนั้น”ใบหน้าของหลิวเจี้ยนเย่เปลี่ยนเป็นสีแดงและซีด เลือดไหลขึ้นสู่ศีรษะทันทีหวังหยวนส่ายหน้า ความแข็งแกร่งทางจิตใจของชายหนุ่มคนนี้แย่มาก จนเขาไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เพียงไม่กี่คำก็ตาม“เอาล่ะ น้องหญิงสาม นี่คือแขก พูดเช่นนี้ได้อย่างไร!”หลี่ซานซือเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงแผ่วเบา “รีบไปหาพี่สะใภ้ของเจ้าเถอะ แล้วสั่งให้ห้องครัวทำอาหารที่เจ้าชอบ
หวังหยวนทนไม่ไหวแล้ว “เจ้าจะมาพูดแทนข้าเพื่ออะไร? โบราณว่าไว้ว่าออกทัพแทนบิดา ชำระหนี้ให้บิดา เช่นนั้นเหตุใดเจ้าไม่คำนับแทนข้า และขอโทษแทนข้าเสียเลยเล่า!”หลิวเจี้ยนเย่โกรธจัด “เจ้า!”ท่านไป๋หลี่หัวเราะ “พี่อู๋โยว สหายน้อยผู้นี้น่าสนใจนัก เหตุใดไม่แนะนำเขาให้รู้จัก!”หลิวเจี้ยนเย่ชอบประจบประแจง และเหยียบย่ำคนอื่น เขาอยู่ทั้งตำแหน่งสูงและต่ำมาหลายปีแล้ว จึงสามารถมองออกได้อย่างรวดเร็วเขาไม่ชอบพฤติกรรมร้ายกาจเช่นนี้“เขา เฮ้อ!”หลังจากมองไปที่หวังหยวนแล้ว หลี่ซานซือก็ส่ายหน้า ไม่สามารถพูดคำว่า 'พี่เขย' ออกมาได้หลิวเจี้ยนเย่ตอบแทนว่า “ท่านไป๋หลี่ เขาเป็นหนุ่มเสเพล ไม่ได้ไปโรงเรียนมาสามปีแล้ว เขาล้างผลาญทรัพย์สินของครอบครัวไปจนหมดสิ้น ซ้ำยังจำนองบ้าน ที่ดินของบรรพบุรุษ และภรรยาอีกด้วย เขาเกือบจะขายตัวเองไปเป็นทาส”ท่านไป๋หลี่ขมวดคิ้ว “สหายน้อยเจี้ยนเย่ โปรดระวังคำพูดด้วย! แม้ว่าข้าจะไม่รู้จักสหายน้อยผู้นี้ดีนัก แต่เขาไม่น่าจะเป็นคนเช่นนั้น”เขามีความสามารถในการสังเกตคน ต่างคนต่างมีนิสัยต่างกันมองเพียงปราดแรก ชายหนุ่มคนนี้ดูหล่อเหลา แต่เมื่อพิจารณาให้ดี เขาน่าจะมีความประพฤติสูงส
ท่านไป๋หลี่มองไปที่หวังหยวนอีกครั้ง “สหายน้อย เช่นนั้นเรามาคุยกันแบบสบาย ๆ เถอะ!”“ดูเหมือนว่าหากวันนี้ข้าไม่พูดอะไรเลย ท่านไป๋หลี่จะไม่ยอมปล่อยข้าไป”หวังหยวนเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่เข้าใจเรื่องภาษีจริง ๆ แต่ข้าสามารถเสนอแนะเกี่ยวกับการทำเงินได้นิดหน่อย”“ทำเงินรึ?”ดวงตาของท่านไป๋หลี่เป็นประกาย “สหายน้อยโปรดชี้แนะ!”พอไม่พูดเรื่องเก็บภาษีก็ยังมีวิธีหาเงิน คำกล่าวของสหายน้อยผู้นี้ชวนให้กระชุ่มกระชวยเสียจริง!หลี่ซานซือจ้องมองหวังหยวน ‘เจ้ากล้าพูดเรื่องสำคัญของประเทศเชียวรึ!’หลิวเจี้ยนเย่ตะคอก ‘ข้าไม่เชื่อว่าคนบ้านนอกเสเพลผู้นี้จะเก่งไปกว่าข้าด้านความรู้เรื่องภาษี’หวังหยวนเลิกคิ้ว “ท่านกำลังทำธุรกิจใช่หรือไม่? แน่นอนว่าใครก็ตามที่มีเงินก็ทำธุรกิจได้ทั้งนั้น กลับกันผู้ที่ทำงานหนักตลอดทั้งวันกลับไม่สามารถทำเงินได้ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามอย่างหนักสักเพียงใดก็ตาม”ท่านไป๋หลี่ปรบมือแล้วหัวเราะ “สหายน้อย ขอเพียงมีเงินก็สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ แต่จะทำอย่างไรล่ะ?”หลี่ซานซือและหลิวเจี้ยนเย่รู้สึกหนาววาบที่กระดูกสันหลัง ‘พวกข้าทั้งสองจัดว่ามีเงินเหมือนกัน’หวังหยวนกล่าว “เราอาจ
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห