การจัดหาเสบียงยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ขาดแคลนมาแต่เดิมก็ดีมากขึ้นทันที!แท่งเงินทองที่แลกเปลี่ยนเป็นเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงก็มาถึงแล้ว!หวังหยวนและอู๋หลิงมาที่ค่ายทหารทหารถูกจัดเรียงตามระดับตำแหน่งสูง ระดับกลาง และระดับล่าง ทั้งสองคนแบ่งกันรับหน้าที่รับผิดชอบในการจ่ายเบี้ยหวัดทหารทีละคนเบี้ยหวัดทหารนั้นต่ำมาก โดยระดับสูงได้รับเงินแค่เดือนละหนึ่งกว้าน ทหารระดับกลางได้รับเงินเดือนละเจ็ดร้อยเหรียญ และระดับล่างลงได้รับเงินเดือนละห้าร้อยเหรียญขั้นตอนนี้ยุ่งยากมาก อู๋หลิงกำลังจะยกหน้าที่ให้กับพลาธิการ แต่หวังหยวนห้ามเขาไว้จ่ายเบี้ยหวัดทหาร เรียกชื่อ และให้กำลังใจพวกเขา!แม้ว่าจะมีสองคนทำด้วยกัน แต่กระบวนการนี้กินเวลานานสี่ชั่วยามจนฟ้ามืดทหารที่ได้รับเบี้ยหวัดต่างก็มีน้ำตาคลอเบ้า และตื้นตันในกับเหตุการณ์นี้ยิ่งนักพวกทหารอยู่ในกองทัพมานานแล้ว แต่ไม่เคยได้รับเบี้ยหวัดเต็มจำนวนเลย และยังหักหัวคิวกันมาเป็นทอด ๆ อีกท่านที่ปรึกษาและแม่ทัพหนุ่มนั้นแตกต่างกัน พวกเขาไม่หักอะไรเลย และยังมอบให้พวกเขาด้วยตัวเองอีก“ขอบคุณท่านที่ปรึกษาที่จ่ายเบี้ยหวัดให้ข้า!”"ขอบคุณแม่ทัพหนุ่มที่จ่ายเบี
“กองทัพเกราะทมิฬได้รับการฝึกฝนจากของพ่อข้า ทหารทุกคนล้วนมีทักษะวรยุทธ์การต่อสู้สูงส่ง นอกจากนี้ พวกเขามีชุดเกราะทมิฬและดาบดำ ขวัญกำลังใจของเรานั้นช่างหึกเหิมไม่เกรงกลัวสิ่งใด เราสามารถควบคุมสั่งการได้ดั่งแขนขา เราไม่หวาดเกรงกองทหารม้าของพวกชาวหวงเลย”อู๋หลิงยิ้มอย่างขมขื่น "ทหารในจิ่วซานถือได้ว่าเป็นรองเท่านั้น แม้ว่าขวัญกำลังใจของพวกเขาจะถูกท่านกระตุ้นให้หึกเหิมแล้ว นำพวกเขามาปกป้องเมืองก็พอได้อยู่ แต่ถ้าพวกเขาได้ออกจากกำแพงเมือง และเห็นกองทัพชาวหวง ใจฮึดสู้ของพวกเขาจะต้องหายไปหมดแน่”หวังหยวนเอ่ยอย่างคาดหวัง "เป็นไปได้ไหมที่จะรวบรวมกองทัพเกราะทมิฬอีกครั้ง?"“พ่อข้าทำงานหนักมาสิบปี ฝึกทหารกองทัพเกราะทมิฬทั้งหมดหนึ่งหมื่นนาย ในช่วงสิบปีของการสู้รบทางเหนือและใต้ส่วนใหญ่เสียชีวิต ในเหตุการณ์เมื่อห้าปีที่แล้วอีกสองพันคนถูกราชสำนักสังหาร”ดวงตาของอู๋หลิงเต็มไปด้วยน้ำตาเจือไปด้วยความเจ็บปวด "ตอนนี้เหลืออีกสองพันคนที่กระจัดกระจายไปทั่วต้าเย่ ไม่ยอมรับใช้ราชสำนัก ต่อให้ข้าจะเรียกตัวกลับมา ก็คงเรียกได้เฉพาะจากบริเวณจิ่วซานเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วจะมาได้สักกี่คน”หวังหยวนพูดอย่างเค
เมื่อหวังหยวนกลับบ้าน คนจากหมู่บ้านต้าหวังและหมู่บ้านเหล่าเฟยก็มาห้อมล้อมเขาไว้!เดิมทีเฟยหนิวและพวกจ้าวหู้ของหมู่บ้านเหล่าเฟยซ่อนตัวอยู่ในวัดร้างในเมือง!หวังซื่อไห่ไปพาพวกเขากลับมา ในหมู่บ้านมีบ้านหลายหลังที่สามารถรับรองพวกเขาได้อาหารเตรียมไว้นานแล้วจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารการกิน กินดีกว่าที่หมู่บ้านเหล่าเฟยเยอะ!“พี่หยวน พี่เป็นที่ปรึกษาทางทหารมีอำนาจไหม แล้วพวกทหารฟังพี่หรือเปล่า?”“พี่หยวน ที่ปรึกษาทางทหารใหญ่กว่าแม่ทัพหรือเปล่า?”“แน่นอน ที่ปรึกษา ที่ปรึกษาเลยนะ เป็นอาจารย์ในกองทัพ ต้องใหญ่อยู่แล้ว!”"ยินดีกับผู้มีพระคุณของข้าด้วย!"“ผู้มีพระคุณของข้า แม่ทัพหนุ่มเก่งขนาดนั้นจริงหรือ? เราจะเอาชนะกองทัพชาวหวงได้จริงหรือ?”“พี่หยวน ป้ายทองอาญาสิทธิ์หน้าตาเป็นอย่างไร? ช่วยแสดงให้พวกเราดูหน่อยได้ไหม?”คนหนุ่มสาวในหมู่บ้านต้าหวังรวมตัวกันถามนู้นถามนี่เฟยหนิวและเจ็ดพี่น้องกับพวกจ้าวหู้จากหมู่บ้านเหล่าเฟยยืนข้าง ๆ ยิ้มแสดงความยินดี"ได้สิ!"หวังหยวนหยิบป้ายทองอาญาสิทธิ์ออกมา แล้วมอบให้หูเมิ่งอิ๋งที่อยู่ใกล้ที่สุด!มือเล็ก ๆ ของหูเมิ่งอิ๋งสั่นราวกับกำลังยกภูเขาหลังจากด
เมื่อเห็นความทะเยอทะยานของสาวน้อยคนนี้ หวังหยวนก็ตกใจอยู่พักหนึ่ง เขากัดฟันแล้วพูดว่า "เอาล่ะ มาเสี่ยงโชคครั้งใหญ่กันเถอะ!"สามหมื่นตำลึงทองที่รับมาไว้ในมือ นางรู้สึกอบอุ่นไปทั้งหัวใจ คุณชายไม่เพียงแค่กล้าหาญเท่านั้น แต่ยังเชื่อใจนางด้วย ความรู้สึกแบบนี้ทำให้นางสบายใจอย่างยิ่ง...“ท่านที่ปรึกษา แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว แม่ทัพหนุ่มเชิญท่านให้รีบมาเร็วเข้า!”เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่หวังหยวนยังคงยืนอยู่ในบ้าน มีผู้ส่งสารคนหนึ่งรีบวิ่งมาหาเขาหวังหยวนนำเอ้อหู่และพรรคพวกของเขาไปที่กำแพงเมืองอย่างเร่งด่วน!ในนี้อู๋หลิงเป็นแม่ทัพใหญ่ ส่วนหวางห่าว, เว่ยชิงซาน, หวู่หยวน และเจิ้งฝาเป่ยเป็นรองแม่ทัพแม่ทัพ ขุนพล และนายกองทั้งหมดอยู่ที่นั่น พวกเขาต่างก็เป็นกังวลบนกำแพงเมือง ขวัญกำลังใจอันสูงส่งของเมื่อวานได้จางหายไป ทหารต่างก็ดูหดหู่เศร้าสร้อยทุกสายตาจับจ้องไปที่หวังหยวน จากความเคารพเมื่อวานนี้กลายเป็นคำติเตียนมีเพียงสีหน้าของอู๋หลิงเท่านั้นที่ยังคงเหมือนเดิม!หลังจากประเมินดูอย่างรวดเร็ว หวังหยวนก็ขมวดคิ้วและตระหนักได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้น "เกิดอะไรขึ้น?"อู๋หลิงยิ้มอย่างขมขื่
บนกำแพงเมือง ทหารหลายคนที่ได้ยินต่างมีแววตาเป็นประกาย พวกเขาดูตื่นเต้นมาก!อู๋หลิง พวกกลุ่มแม่ทัพ ขุนพล นายกองต่างมองดูอย่างช่วยไม่ได้!ระยะมันไกลเกินไป คนพวกนี้ยืนห่างออกไปสามร้อยก้าว และถือโล่ขนาดใหญ่ไว้ด้วยแม้ว่าจะใช้หน้าไม้ขนาดยักษ์ยิงมันออกไป สามร้อยก้าวก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้อยู่ดีหวางห่าวจิ้ปากและเอ่ยว่า "ท่านที่ปรึกษา ทีนี้เราจะทำยังไงกันต่อไปดี อ๋องถูหนานใช้กลยุทธ์ของเจ้ามาเล่นงานพวกเราแล้ว ขวัญกำลังใจของเรายังแย่กว่าเมื่อวานอีกด้วย!"เว่ยชิงซานเงยหน้าขึ้นและพูดว่า "ถ้าท่านที่ปรึกษาไม่ได้คิดแผนนั้นออกเมื่อวาน วันนี้อ๋องถูหนานอาจจะไม่ได้คิดถึงแผนนี้ก็ได้ เราจะทำอย่างไรดีตอนนี้ ขวัญกำลังใจของทหารเริ่มลดลงเรื่อย ๆ ถ้าเรายังปล่อยให้พวกเขาตะโกนแบบนี้ต่อไป อีกไม่กี่วัน เราคงสู้ไม่ได้ ทหารทั้งหมดในเมืองคงยอมจำนนแล้ว!”ทุกคนมองไปที่หวังหยวน สายตาของพวกเขาไม่แสดงความเคารพเหมือนกับเมื่อวานอีกต่อไป!"หุบปาก!" แววตาของอู๋หลิงมืดลง "ให้ท่านที่ปรึกษาเป็นคนตัดสินใจ!""สมแล้วที่เป็นอ๋องถูหนาน ใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน เราประมาทเขาไม่ได้เลยจริง ๆ!"หวังหยวนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มองไป
เปรี้ยง!ราวกับสายฟ้าลงมากลางวันแสก ๆ ทำให้ทั้งกองทัพตกตะลึงกันไปหมด!ครึ่งเดือนหลังจากนั้น เขาสู้ตายกับอ๋องถูหนาน นี่มันรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?เป็นแค่บัณฑิตที่เป็นนำกองทัพ ไอคนเก่งแต่ปาก กำลังทำลายชาติบ้านเมือง!“ข้าคัดค้าน!”แม่ทัพหวางห่าวเป็นคนแรกที่ก้าวออกมาคัดค้าน "สู้รบแบบเผชิญหน้า มันเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเอาชนะกองทหารม้าของชาวหวง ในครึ่งเดือนหากสู้กันมีแต่ตายกับตาย!"เว่ยชิงซานยังกล่าวอีกว่า "ท่านที่ปรึกษา เจ้าไม่รู้หรอกว่ากองทหารม้าของชาวหวงนั้นทรงพลังขนาดไหน เจ้าเห็นชีวิตของทหารทั้งหมดในกองทัพเป็นของเล่นรึไง!"ทั้งสองได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเสวี่ย ในขณะนี้พวกเขารู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลจึงคัดค้านอย่างไร้ความปราณีหวู่หยวนก็ก้าวออกมาข้างหน้า "ท่านที่ปรึกษา คิดให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ หากเราตะโกนออกไปแล้ว ในครึ่งเดือนหลังจากนั้นไม่สู้ตายกันล่ะก็ ขวัญกำลังใจของทหารเราก็จะลดลงจนถึงขีดสุด เมื่อถึงเวลานั้นชาวหวงบุกโจมตีอย่างหนักก็คงไม่อาจรักษาเมืองไว้ได้แล้ว!”เจิ้งฝาเป่ยยังแนะนำอีกว่า "ท่านที่ปรึกษา เราตั้งหลักในเมือง มีข้อได้เปรียบในการปกป้องเมือง เรายังสามารถระดมกำลังจากภ
ชาวหวงที่ได้รับคำสั่งลงมาได้ออกไปเเล้ว!อ๋องถูหนานโบกมือและพวกแม่ทัพทั้งหมดก็ออกไป เขามองไปทางลูกชายแล้วพูดว่า "อากู่ฉา ไปแจ้งหน่วยอินทรีดำ เรียกระดมพลทหารกลับเข้าหน่วยโดยเร็วที่สุด แล้วไปสืบเกี่ยวกับที่ปรึกษาคนนั้นมาอย่างละเอียดซะ!”อากู่ฉาขมวดคิ้ว “เสด็จพ่อทรงกังวลว่าในศึกนี้ที่ปรึกษาคนนั้นจะเล่นลูกไม้อะไรอีกรึ?”อ๋องถูหนานขำเล็กน้อย "อากู่ฉา เจ้าจำไว้นะว่า ภายใต้ความแข็งแกร่งอย่างแท้จริงนั้น การเล่นลูกไม้หรืออุบายใด ๆ ก็ไร้ประโยชน์ เขาแค่ดิ้นรนก่อนตาย และถ่วงเวลาไว้เท่านั้น ถ้าภายในครึ่งเดือนไม่ออกมาสู้ ขวัญกำลังใจของเมืองทั้งเมืองต่ำตกจนถึงขีดสุด ถึงตอนนั้นเรายกพลไปโจมตีทั้งภายในและภายนอก มันก็จะง่ายดายเหมือนพลิกฝ่ามือ และศึกครั้งนี้ก็จะจบลง”...“ภายในครึ่งเดือน แม่ทัพหนุ่มจะนำกองทัพออกจากเมืองไปตัดหัวอ๋องสุนัขถูหนาน!”“อ๋องถูหนานแก่แล้ว ตอนนี้ในแต่ละมื้อเขากินข้าวได้แค่ครึ่งชาม เขามาตื่นแปดครั้งในตอนกลางคืน ชอบฉี่เปียกรองเท้า เรื่องนี้ท่าจะไม่ไหวแล้ว!”"ในศึกนี้ พวกชาวหวงจะแพ้อย่างแน่นอน!""ตัดหัวอ๋องถูหนาน ล้างแค้นให้กับครอบครัวและญาติพี่น้องของเราที่ตายจากการเหยียบย่ำขอ
หยางซั่วขมวดคิ้วพูดว่า “ในเวลานี้ พวกครอบครัวที่ร่ำรวยต่างก็กำลังขายทรัพย์สินของของตัวเอง และราคาก็ต่ำพอ ๆ กับราคากะหล่ำปลี ถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีใครซื้อ!”“เฮ้อ ถูกต้อง เมื่อกองทัพชาวหวงเข้ามาในเมือง ทุกอย่างก็จะตกเป็นของชาวหวง แล้วใครล่ะจะซื้อ!”หยางว่านหลี่ถอนหายใจ “ไม่ได้การแล้ว รีบเก็บของแล้วไปทางใต้ของเมืองโจวกันเถอะ!”พูดจบคนรับใช้ก็วิ่งเข้ามา “นายน้อยสาม นายน้อยเล็ก จากร้านพ่อค้านายหน้า บอกว่ามีคนต้องการซื้อคฤหาสน์ของท่านขอรับ แต่ราคาเป็นหนึ่งในสิบของราคาเดิม อยากถามท่านว่าต้องการจะขายหรือไม่ขอรับ!”“หนึ่งในสิบของราคาเดิม นี่ นี่มัน!”เดิมทีราคามันเท่า ๆ กับกะหล่ำปลี แต่นี่ยังมากถึงหนึ่งในสิบของราคาเดิม หยางซั่วจำใจจริง ๆ เขาจึงหลับตาแล้วโบกมือ “ขาย ขาย ขาย!”หยางว่านหลี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “หากยังสามารถขายทรัพย์สินได้ในเวลานี้ ก็นับว่าเป็นบุญของตระกูลหยางของข้าแล้ว!”ไม่เพียงแต่ตระกูลหยางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตระกูลใหญ่หลายตระกูลในเมืองด้วย เมื่อเกิดภาวะสงครามเช่นนี้ ทรัพย์สินทั้งหมดจะมีราคาต่ำกว่าราคากะหล่ำปลีถึงสิบเท่า!ในเวลาเดียวกัน ประตูเมืองก็ย