ในระยะไกล กลุ่มชาวหวงกำลังควบคุมแผนการสู้รบ ถือดาบตะโกนอย่างเย็นชา “พวกเจ้าทุกคนมีความผิดในต้าเย่ ใครก็ตามที่โจมตีเมืองได้ ท่านอ๋องจะประทานสถานะชาวหวง ที่ดิน และผู้หญิงให้”เมื่อทหารที่ปิดล้อมอยู่ได้ยินดังนั้น ก็มีกำลังใจและโจมตีอย่างดุเดือดต่อไป!บนกำแพงเมือง รองผู้บัญชาการหร่วนเฉิงกังขมวดคิ้ว มองลงไปด้วยสายตาหดหู่ทหารที่มาปิดล้อมเหมือนมดงานเหล่านี้ ไม่ใช่ชาวหวงที่แท้จริง แต่เป็นชาวเมืองโจวซึ่งอยู่ในต้าเย่น่าเสียดายที่เมืองโจวกบฏ พวกเขากลายเป็นตัวล่อเป้าสำหรับชาวหวง จึงหันมาโจมตีต้าเย่สำหรับทหารม้าชาวหวงตัวจริง กำลังตั้งค่ายอยู่ในระยะไกล และยังไม่ได้ถูกส่งออกไปเลย!และอ๋องถูหนานผู้ดุร้ายก็ไม่ปรากฏตัวด้วยซ้ำ!แค่การโจมตีของมดปลวกเหล่านี้ ก็ทำให้ทหารชายแดนตื่นตระหนกแล้วชื่อเสียงของชาวหวงนั้นดุร้ายเกินไป นอกจากแม่ทัพมู่ผู้ล่วงลับแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเขาได้!ทันใดนั้นทหารก็รีบก้าวเข้ามารายงาน “ท่านใต้เท้า มีข่าวจากทางเมืองหลวง ผู้บัญชาการเสวี่ยได้ออกคำสั่ง กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว และอากาศจะหนาวขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ให้เรายึดเมืองไว้ไม่ออกไปข้างนอก สู้ได้ตามใจ เมื่อ
สือเหยาเฉียน เจ้ากระทรวงกรมโยธาธิการกล่าวว่า “เสนาบดีฝ่ายซ้าย ท่านกำลังพูดถึงอะไร? เสนาบดีฝ่ายขวาเสนอให้เจรจาสันติภาพเพื่อประโยชน์ของแผ่นดินต้าเย่ หากจะสู้ก็ต้องค้นหาแม่ทัพที่สามารถเอาชนะอ๋องถูหนานได้ หากหาได้ ข้าจะเห็นด้วยทันที!”ฮ่องเต้ซิงหลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “สิ่งที่เจ้ากระทรวงสือพูดนั้นสมเหตุสมผล หากต้องการต่อสู้จริง ๆ ก็ต้องหาแม่ทัพที่สามารถเอาชนะอ๋องถูหนานได้ ไม่เช่นนั้น หากจะพึ่งเพียงเสวี่ยผานและหร่วนเฉิงกังอย่างเดียว ก็คงต้องอดทนรอต่อไป”“การเอาชนะอ๋องถูหนานจะยากเย็นอะไรปานนั้น?”หยางเฟิ่งกั๋วเงยหน้าขึ้น “ฝ่าบาททรงลืมไปแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ ว่าในการต่อกรกับชาวหวงนั้น เราทิ้งใครไว้ข้างหลังในเมืองจิ่วซาน”ฉินจ้าน เจ้ากระทรวงกรมกลาโหม และโจวจิงเหย่เจ้ากระทรวงพิธีกรรมกล่าวว่า “ฝ่าบาท โปรดใช้อู๋หลิงเพื่อเอาชนะทหารม้าของอ๋องถูหนาน เพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีของแผ่นดินต้าเย่เถอะพ่ะย่ะค่ะ”อู๋หลิง ลูกชายของแม่ทัพมู่ ซึ่งเป็นแม่ทัพหนุ่มแห่งกองทัพเกราะดำ เข้าร่วมกองทัพกับแม่ทัพมู่เมื่ออายุสิบสามปี เขาได้ฝึกวรยุทธ์และทักษะทางทหารกับแม่ทัพมู่ครั้งหนึ่งเขาเคยนำทหารม้าร้อยนาย ไปฆ่
หยางเฟิ่งกั๋ว โจวจิงเหย่ และฉินจ้านรู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะคิดว่าคำแนะนำของพวกเขาจะถูกนำไปใช้คาดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ซิงหลงจะเปลี่ยนประเด็น “สั่งให้ผู้บัญชาการเสวี่ยผาน และรองผู้บัญชาการหร่วนเฉิงกัง ใช้ด่านหัวมังกรเป็นพื้นฐานในการต่อต้านด้วยกำลังทั้งหมด แล้วชะลอจนกว่าข้าศึกจะล่าถอยไปเองในฤดูหนาว!”หยางเฟิ่งกั๋วขมวดคิ้วพูดว่า “ฝ่าบาท ผู้บัญชาการสูงศักดิ์เสวี่ยผาน ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่เคยเป็นแนวหน้าเลย นับตั้งแต่เขาดูแลด่านหัวมังกร แม้ว่าหร่วนเฉิงกังจะมีประสบการณ์การต่อสู้หลายร้อยครั้ง แต่เขาขาดความสามารถในการปรับตัว แล้วเขาจะจัดการกับจิ้งจอกเฒ่าอ๋องถูหนานอย่างไร? โปรดให้อู๋หลิงรับผิดชอบด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ!”ฮ่องเต้ซิงหลงโบกมือด้วยความไม่พอใจ “มีด่านหัวมังกรคุมอยู่ ข้าไม่เชื่อว่าเราไม่อาจหยุดชาวหวงได้! สำหรับเรื่องสั่งอู๋หลิง เราจะหารือกันในภายหลัง พวกเจ้าออกไปกันได้แล้ว ข้าเหนื่อยแล้ว!”...“คุณชาย เจ้ากำลังทำอะไรอยู่ เหตุใดถึงต้องการช่างฝีมือมากมายถึงเพียงนี้!”ในลานบ้านตระกูลเว่ย หูเมิ่งอิ๋งอยากรู้อยากเห็น ขณะที่นางมองช่างฝีมือทั้งยี่สิบคน“เจ้าจะรู้เมื่อทำเสร็จแล้ว ไม่เพ
... ตระกูลหยาง! หยางว่านหลี่ถามหน้านิ่ง “เรื่องการย้ายไปทางใต้เตรียมตัวไปถึงไหนแล้ว?” “ทุกอย่างพร้อมพร้อมแล้วขอรับ!” ผู้ดูแลตระกูลหยางตอบว่า “เราได้เตรียมรถม้าหนึ่งร้อยคัน และคนคุ้มกันสองร้อยคน และจะใช้เวลาอีกสองวันในการขนส่งทองคำและเงินจากบ้านบรรพชน เราสามารถออกเดินทางได้ในวันมะรืนนี้ขอรับ” หยางว่านหลี่กำชับว่า “ต้องเชิญหมอไปด้วย พร้อมทั้งเตรียมยาทุกชนิดให้พร้อม!” ผู้ดูแลยกกำปั้นของเขาแล้วถอยออกไป “แค่ก ๆ!” หยางซั่วที่สวมเสื้อผ้าหนาพร้อมสีหน้าซีดเซียวเดินเข้ามา แล้วมองไปรอบ ๆ อย่างอาวอน “รากฐานเก่าแก่นับศตวรรษของตระกูลหยางของข้ากลับถูกทิ้งร้างเช่นนี้!” หยางว่านหลี่กล่าวว่า “มีคนสนิทและคนรับใช้คอยดูแลบ้านอยู่ หากพวกโจรไม่ตีด่านหัวมังกรแตกได้ เราก็ยังสามารถกลับมาได้หลังจากที่พวกเขาล่าถอย หากพวกโจรโจมตีด่านแตกแล้วบุกเข้ามา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบ้านเหล่านี้แล้ว แม้แต่กิจการเกลือก็จะจบสิ้น” “กิจการเกลือ!” หยางซั่วหรี่ตาลง “ข้าได้ยินมาว่าในการประชุมกวีนิพนธ์เมื่อวานนี้ แผนการจัดการกับคนต่ำต้อยนั้นล้มเหลวอีกครั้ง นอกจากนี้เขายังขายอาวุธวิเศษสามชิ้น และได้รับเงินเหรียญทองจำน
ผู้หญิงชุดม่วงแอบโมโหเบา ๆ! เศรษฐีผู้นี้กล้าให้แม่ทัพหนุ่มระบำดาบ นี่กำลังปฏิบัติต่อเขาเหมือนนักเต้นหรือนักแสดงและดูอย่างขบขำ! “ท่านแม่ทัพ ข้าพาคนมาแล้วขอรับ!” พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่ถนนหวู่เป้ยทางตอนใต้ของเมือง ไม่นานหลังจากนั้น ชายหนุ่มในชุดขาวก็ก้าวเข้ามาในห้องโถง เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ ราวกับหอกแทงทะลุนภาอันกว้างใหญ่ เผยให้เห็นความสามารถที่ได้แสดงออกมาอันน่าทึ่ง ผู้หญิงในชุดสีม่วงตัวสั่นไปทั้งตัว เมื่อมองไปที่ร่างในชุดขาว น้ำตาก็ไหลออกมาในดวงตาของนาง เมื่อมองไปที่ดวงตาของผู้หญิงชุดสีม่วง ดวงตาของอู๋หลิงก็สั่นไหว และเขาก็หันไปหาเสวี่ยผานด้วยสีหน้าว่างเปล่า “มีอันใดหรือ?” “เมื่อวานนี้ ข้าได้อาวุธวิเศษที่สามารถทำลายเกราะได้หกสิบครั้ง และตัดเหล็กได้เหมือนโคลน!” เสวี่ยผานคว้าดาบราชวงศ์ถังแล้วโยนมันออกไปด้วยหลังมือของเขา “ข้าได้ยินมาว่าทักษะดาบของตระกูลหวู่นั้นไม่มีใครเทียมเท่าในใต้หล้านี้ วันนี้ข้าจัดงานเลี้ยงเชิญแขกผู้มีเกียรติ เจ้าสามารถระบำดาบเพื่อสร้างความบันเทิงให้ข้าและแขกผู้มีเกียรติ!” ปัง! อู๋หลิงไม่ได้เข้าไปรับ แต่ปล่อยให้ดาบราชวงศ์ถังล้มลงกับพื้น และพูด
เสวี่ยผานเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก! เพี๊ยะ เพี๊ยะ เพี๊ยะ... อู๋หลิงคว้าคอเสื้อของเขาแล้วตบเขารัว ๆ ด้วยหลังมือ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน เจ้ากล้าเอาแม่และพี่น้องมาข่มขู่ข้า เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าฆ่าเจ้าตอนนี้ได้ และจะไม่มีใครกล้าแตะต้องพวกเขาแม้แต่น้อย!” “เจ้า เจ้า...” ดวงตาของเสวี่ยผานเบิกกว้างแดงก่ำ ราวจะระเบิดออกมาด้วยความโกรธ พรวด! อู๋หลิงผลักกลับและโยนเสวี่ยผานลงบนที่นั่ง เขาเสียบดาบราชวงศ์ถังไว้ข้างคอ แล้วหันหลังกลับและเดินจากไป “อย่ามาท้าทายกับความอดทนของข้าอีก ข้าเกรงว่าวันหนึ่งข้าจะสูญเสียการควบคุมและลงมือทำสิ่งที่ไม่ดี” “ไอ้สารเลว เจ้ากล้าดียังไงมาทำอย่างนี้กับข้า! เด็ก ๆ เข้ามาจับตัวเขาไป!” เสวี่ยผานลุกขึ้น คว้าดาบราชวงศ์ถังแล้วชี้ไปที่เขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล! นักโทษผู้นี้ทำให้เขาอับอายต่อหน้าคนนอกจริง ๆ พรวด พรวด พรวด... ทหารกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทั้งสองฝ่าย! อู๋หลิงมองไปทางซ้าย! ผัวะ ผัวะ ผัวะ! ทหารทางซ้ายเซกลับ! อู๋หลิงมองไปด้านข้างที่ทหารทางขวาอีกครั้ง! ทหารทางขวาตัวสั่นและล่าถอย! อู๋หลิงเอามือไพล่หลังและเดินออกจากบ้า
ดวงตาของอู๋หลิงฉายแววเจ็บปวดพร้อมส่ายหัว “ข้าไม่ได้ทำเพื่อราชสำนัก แต่ข้าทำเพื่อสานต่อเจตนาของท่านพ่อ ท่านพ่อบอกว่าหากในใต้หล้านี้ยังมีสงครามไม่จบสิ้น คนที่ถูกสังหารย่อมเป็นประชาชนธรรมดาเสมอ ตราบใดที่ต้าเย่ยังเจริญรุ่งเรือง ใต้หล้านี้ก็จะไม่มีสงครามเกิดขึ้น ยิ่งกว่านั้น ประชาชนก็จะสามารถเป็นอยู่ได้อย่างสงบสุข นี่คือสิ่งที่ท่านพ่อปรารถนา และเป็นสิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำเพื่อท่านพ่อได้!” ... ฟ้ามืดแล้ว และช่างฝีมือในสวนหลังบ้านก็กลับบ้านแล้ว โดยทิ้งส่วนประกอบต่าง ๆ ที่ทำเสร็จแล้วไว้มากมาย! หวังหยวนนำภาพวาดและไม้บรรทัดเชือกที่ทำขึ้นเองมาวัดขนาดของแต่ละส่วนประกอบ ข้อดีของการมีเงินคือตราบใดที่เจ้าเสนอความต้องการ ก็จะมีคนช่วยเจ้าทำสิ่งนั้น! ไม่ว่าจะเป็นช่างฝีมือ และวัสดุที่ใช้ล้วนเป็นของชั้นยอดจากเมืองจิ่วซาน หวังหยวนเริ่มประกอบมัน ด้วยความช่วยเหลือของหูเมิ่งอิ๋ง เขาทำงานจนมืดค่ำ และในที่สุดก็ประกอบสำเร็จ “อ๊าก!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากสวนหลังบ้าน วี๊ด... วี๊ด... เสียงผิวปากแหลมคมดังขึ้น และเสียงดังกึกก้องนั้นมาจากสวนหลังบ้าน! “ตามหลังข้ามา!” หวังหยวนถือหน้าไ
“ขอรับ!” องครักษ์เหล่าสือซื่อและเหล่าสือชีต่างพยักหน้า “อ๊าก!” ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังมาจากสนามหญ้า “มีเรื่องเกิดขึ้น!” อู๋หลิงขี่ม้าไปที่กำแพงลานบ้าน เมื่อเข้าไปใกล้ก็เหยียบหลังม้าแล้วพุ่งเข้าไป ทั้งสองคนก็รีบพุ่งกระโดดเข้าไปด้วย! ลานบ้านสว่างไสวและมีโคมไฟอยู่ทั่วทุกแห่ง “หัวหน้าสวี่ ข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เราหยุดปล้นเงินนี้กันดีกว่า!” ชายคนหนึ่งถือมีดสีดำที่มีช่องว่างเหลือบมองไปรอบ ๆ เพื่อกล่าวเตือน “ติงสือซาน เจ้าอย่าคิดที่จะยอมแพ้เป็นอันขาด ครอบครัวที่ร่ำรวยมีเงินมากมาย จุดไฟเยอะแล้วอย่างไรเล่า!” ชายสวมหน้ากากที่เป็นผู้นำโบกมีดยาวของเขา “สหายต่างอยู่ที่นี่หมดแล้ว ยังไงก็ต้องกินเนื้ออ้วน ๆ ตัวนี้ให้ได้” ชายสวมหน้ากากคนอื่น ๆ ก็ฉายแววตาอันดุร้ายและมุ่งมั่น ติงสือซานพึมพำ “อย่าโทษข้าที่ไม่เตือนเจ้าแล้วกัน บรรยากาศที่นี่ผิดปกติมาก มันเหมือนกับถูกซุ่มโจมตีระหว่างบุกโจมตี หากพวกเจ้าไม่กลัวตายก็ลุยเลย” “ซุ่มโจมตี?” ชายสวมหน้ากากผู้นำสะดุ้ง และคนกลุ่มหนึ่งก็หยุดแล้วมองไปโดยอชจมรอบอย่างระมัดระวัง! “ยิงธนู!” ด้วยกลัวว่าพวกโจรจะหนีไปไ