หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้าคนผู้นี้ช่างบ้าคลั่งจริง ๆ เพื่อชัยชนะแล้วทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะทำลายผลประโยชน์ของตนเองก็ตามจากนั้นหวังหยวนก็เล็งที่ขาขวาของเขา แล้วยิงไปหนึ่งนัดครั้งนี้หวังเฉียงเซิ่งไม่สามารถหลบได้ เขาคุกเข่าลงบนพื้น ขาขวามีเลือดไหลไม่หยุด แต่เขาก็ไม่สนใจเขาปาดาบประจำกายออกไปหมายจะให้แทงทะลุกะโหลกของหวังหยวน แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกหวังหยวนยิงที่ขาซ้ายอีกครั้งสุดท้ายหวังเฉียงเซิ่งที่เพิ่งขาพิการทั้งสองข้างก็คุกเข่าอยู่บนขั้นบันได ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาจ้องมองหวังหยวนด้วยความเคียดแค้นสุดขีด ราวกับว่าหวังหยวนเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ของเขา!“คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับสตรีศักดิ์สิทธิ์”หลังจากพูดประโยคนี้กับหวังเฉียงเซิ่งแล้ว หวังหยวนก็เหยียบหัวของเขาแทนขั้นบรรได แล้วกระโดดร่อนลงไปที่หน้าประตูได้สำเร็จไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้ต่อหวังหยวนเท่านั้น แต่ยังถูกหวังหยวนใช้เป็นที่รองเท้าอีกด้วย นับเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!ในที่สุดหวังเฉียงเซิ่งก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเขาผลักกำแพง จากนั้นใช้แรงจากกำแพงที่เด้งกลับมาพุ่งตัวตกลงไปที่พื้นทันทีที่ร่างของเขาสัม
หลังจากรอคอยอย่างเงียบงันเป็นเวลาหลายนาที ในที่สุดหวังหยวน หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็เดินออกมาช้า ๆ โดยในมือของหวังหยวนนั้นถือป้ายตราอยู่!“คุณชาย!”เสวี่ยเชียนหลงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นในใจของตนเองได้อีกต่อไป นางวิ่งเข้ามาหาหวังหยวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โผเข้ากอดหวังหยวนหวังหยวนเองก็ไม่คิดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้สง่างามผู้นั้นจะกลายเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เช่นนี้นายน้อยเจิ้งหลงรักเสวี่ยเชียนหลงมานานแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของตนอยู่กับหญิงที่ตนเองรัก เขาก็ยังรู้สึกหวิวในใจอยู่บ้างเมื่อเห็นนายน้อยเจิ้งทำท่าเหมือนจะร้องไห้ หลิวอวี่ก็แกล้งตบหลังเขาสองครั้งเพื่อปลอบใจนายน้อยเจิ้งรู้สึกไม่พอใจที่ตัวเองทำตัวน่าอับอายต่อหน้าน้องชาย จึงตบมือของหลิวอวี่อย่างแรง“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ตามหลักแล้วเจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าข้าสิ แต่กลับไม่เคารพพี่ชายเลย! ข้าเห็นเจ้าเศร้าโศกเสียใจ จึงอุตส่าห์ปลอบใจ เจ้ากลับตบมือข้าเนี่ยนะ!”หลิวอวี่ขยี้หลังมือของตัวเองที่เจ็บอยู่ จากนั้นก็จ้องมองนายน้อยเจิ้งด้วยสายตาหยอกล้อ ก่อนจะวิ่งไปหาหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงอย่างรวดเร็วคนผู้นี้ยังเป็นเด็กอยู่จริง ๆ ไ
เรื่องนี้ทำให้เสวี่ยโส่วจุนตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากแน่นอนว่าเขาเลือกคนไม่ผิด! มีสายตาเฉียบแหลมนัก!ดีเหลือเกิน บัดนี้ลูกสาวของเขาคงจะรอดชีวิตแล้ว!ขณะที่ยืนรอพวกเขากลับมาอยู่ที่หน้าประตู เสวี่ยโส่วจุนก็กำมือของตนเองแน่นแม้ว่าเขาจะดีใจ แต่เมื่อนึกถึงว่าบุตรสาวของตนกำลังจะออกเรือนก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้“ดูสิ! พวกเขากลับมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมา ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ด้านหน้าแล้วพวกเขาก็เห็นหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงจูงมือกันเดินมาจากระยะไกลท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นพี่ชิงอีและคนอื่น ๆ เดินตามหลังพวกเขา เซี่ยหลานและฮั่วไคเหลี่ยงก็วิ่งมาด้วย แต่หวังเฉียงเซิ่งคงต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปแล้ว“คารวะผู้นำตระกูลทั้งแปด คารวะเสวี่ยโส่วจุน!”เมื่อพบกับเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย หวังหยวนก็โค้งคำนับก่อน จากนั้นจึงมอบป้ายตราให้แก่เสวี่ยโส่วจุนเมื่อเห็นป้ายตราในมือ เสวี่ยโส่วจุนก็พยักหน้าซ้ำ ๆ จากนั้นก็ตบไหล่หวังหยวน“ดีมาก ขอแสดงความยินดีที่เจ้าชนะการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่เป็นอันดับหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ตามกฎกติกาของการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่ บุตรสาวของข้า เสวี่ยเชียนหลง จะเป็น
“แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าจงเล่ามาโดยละเอียด!”เมื่อผู้นำตระกูลหวังได้ยินข่าวร้ายนี้แล้วก็ยกมือขึ้นกุมหัวใจของตนไว้ขณะฝืนกลั้นความรู้สึกที่เหมือนจะหน้ามืดเป็นลมไว้ให้ได้ เพื่อที่จะต้องสืบหาความจริงให้กระจ่าง!เมื่อหวังหยวนได้ยินเซี่ยหลานพูดเช่นนี้ ก็คิดได้แล้วว่าต่อไปเขาจะทำเช่นไรเป็นไปตามคาด เซี่ยหลานชี้มาที่หวังหยวนในทันที“เป็นเขา! เป็นเขาที่ฆ่าพี่ใหญ่หวังขอรับ เมื่อครั้งที่พี่ใหญ่หวังยืนอยู่บนบันไดหินพร้อมกับเขา เขาได้ลงมือลอบทำร้ายพี่ใหญ่หวัง ทำให้พี่ใหญ่หวังขาพิการจนตกจากบันไดหิน และถูกรูปปั้นหินแกะสลักฟันแทงจนตาย!”เซี่ยหลานผู้นี้เก่งกาจในการบิดเบือนความจริงไม่น้อยเลย ชัดเจนว่าหวังหยวนเป็นฝ่ายป้องกันตัว แต่เมื่อมาถึงปากเขากลับกลายเป็นฆาตกรไปเสียได้หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งได้ยินเข้าก็ทนไม่ได้ที่เขามาใส่ร้ายพี่ชายของตนเช่นนี้ จึงต่างก็ออกมาปกป้องหวังหยวน และอธิบายความจริงที่เกิดขึ้นในเวลานั้น“ท่านเสวี่ยโส่วจุนและผู้นำตระกูลหวัง ขอท่านทั้งสองอย่าได้เชื่อคำพูดจาเหลวไหลของคนผู้นี้เลย ชัดเจนว่าเขาและพี่หวังร่วมมือกัน หลายครั้งแล้วที่พวกเขาต้องการให้หวังหยวนตาย แต่ห
เสวี่ยเชียนหลงมองไปที่หวังหยวนด้วยสายตาแน่วแน่ ท่าทีที่ต้องการจะปกป้องสามีของตนเช่นนี้ได้โจมตีหัวใจของหวังหยวนในทันที!หากไม่ใช่เพราะอยู่ในที่สาธารณะจึงไม่เหมาะที่จะกระทำ หวังหยวนคงอยากจะโอบกอดเสวี่ยเชียนหลงเข้ามาในอ้อมอกของตนเรื่องการประลองหาคู่ก็ได้จบลงแล้ว หวังหยวนอยู่ในเทียนไว่เทียนมานานแล้ว จึงถึงเวลาที่จะกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่หวังหยวนก็ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเชียนหลง ดังนั้นในใจจึงยังมีความกังวลอยู่หวังหยวนมาที่หน้าห้องของเสวี่ยโส่วจุน แล้วเคาะประตูเบา ๆ หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป“เสวี่ยโส่วจุน ศิษย์ทราบดีว่าเสวี่ยโส่วจุนต้องการรับศิษย์เป็นบุตรเขย เพื่อให้ได้อยู่ดูแลเคียงข้างเชียนหลงตลอดไป เพียงแต่ที่บ้านของศิษย์มีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องกลับไป จึงเกรงว่าจะไม่สามารถตอบรับคำขอของเสวี่ยโส่วจุนได้ขอรับ”หวังหยวนย่อมรู้ดีว่าเสวี่ยโส่วจุนนั้นไม่อยากจะพรากจากบุตรสาวของตน จึงรับเขาเป็นบุตรเขยแต่หวังหยวนก็มีครอบครัวที่ตนเองไม่อาจละทิ้งได้เช่นกัน เขาจะไม่มีวันอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิตมือที่กำลังเ
เมื่อหวังหยวนลงจากหลังม้าแล้วก็เดินไปยังเกี้ยวของเสวี่ยเชียนหลง จากนั้นก็ยกม่านขึ้น และยื่นมือเข้าไปรับเสวี่ยเชียนหลงออกมาเสวี่ยเชียนหลงวางมือลงบนหลังมือของหวังหยวนอย่างระมัดระวัง จากนั้นทั้งสองเดินเข้าประตูไปด้วยกันเสวี่ยโส่วจุนนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง สายตาเต็มไปด้วยความตื้นตันเมื่อได้เห็นลูกสาวของตนเองออกเรือนไม่นึกเลยว่าลูกสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจะต้องออกเรือนเสียแล้วหวังหยวนพาเสวี่ยเชียนหลงมาถึงเบื้องหน้าเสวี่ยโส่วจุน ทั้งสองคำนับฟ้าดิน คำนับผู้มีพระคุณ จากนั้นก็เข้าห้องหอ!หวังหยวนอุ้มเสวี่ยเชียนหลงขึ้นในท่าเจ้าหญิง ผู้คนรอบข้างต่างโห่ร้องกันลั่น!“เจ้าบ่าวใจร้อนมากเลยหรือ? แต่ว่าไม่ควรกระทำการเช่นนี้กลางวันแสก ๆ... อ๊ะ!”“ดูเจ้าบ่าวของเราสิ ใจร้อนเกินไปแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ข้าว่าตอนนี้ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ใต้ผ้าคลุมหน้าคงแดงก่ำจนไม่สามารถแดงไปกว่านี้ได้แล้ว!”“เจ้าบ่าวมีกำลังวังชาเหลือเกิน อุ้มสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ในคราวเดียว ราวกับว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หนักไม่ถึงสิบจิน”เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบข้าง ๆ หวังหยวนก็อุ้มเสวี่ยเชียนหลงเข้าไปใน
วันนี้คือวันที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางจากที่นี่เพื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงถือสัมภาระมายืนอยู่ที่ทางเข้าเทียนไว่เทียนเสวี่ยเชียนหลงมองไปที่บิดาและอาจารย์ของตนเองด้วยดวงตาแดงก่ำส่วนหวังหยวนมองไปที่หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้ง ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะมาส่งด้วยเดิมทีทุกคนเป็นศัตรูกัน แต่ยิ่งไม่ลงรอยกันก็ยิ่งรู้จักกันดี และความสัมพันธ์ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ“ลูกเอ๋ย เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว อย่าเถียงกับพี่สาวทั้งหลายของเจ้าเป็นอันขาดนะรู้หรือไม่? ทว่าหากได้รับความอยุติธรรม จงกลับมาหาพ่อเถิด เข้าใจหรือไม่? พ่อจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าเสมอ!”เสวี่ยโส่วจุนไม่เคยพูดคำหวาน ๆ เช่นนี้กับเสวี่ยเชียนหลงเลย แต่ในวันนี้ที่ลูกสาวต้องจากไปจากตนเองแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดให้กำลังใจลูกสาวในขณะเดียวกัน คำพูดเหล่านี้ก็เป็นการพูดให้หวังหยวนฟัง เพื่อเป็นการเตือนว่าอย่าได้รังแกลูกสาวของเขาด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมหวังหยวนเกาท้ายทอยของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวอำลาทุกคน แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางหลังจากเดินทางมาหลายวัน ทั้งสองก็กลับมาถึงหมู
เมื่อได้ยินเสียงของต้าหู่และเอ้อหู่แล้ว หวังหยวนก็หันกลับไปทักทายทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาหาหวังหยวน พวกเขาได้ยินเพียงว่าหวังหยวนออกไปตามหาภรรยา แต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง?ต้าหู่จ้องมองหวังหยวนด้วยสีหน้าตื่นเต้น และยังใช้แขนกระแทกไหล่ของหวังหยวนเบา ๆ ด้วย“พี่หวัง พวกเรารู้ว่าพี่ออกไปตามหาภรรยา แล้วเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ตามภรรยากลับมาได้หรือยัง?”เมื่อได้ยินคำพูดของต้าหู่ หวังหยวนก็ยกมือขึ้นลูบหน้าผากอย่างเหนื่อยหน่ายคนพวกนี้สนใจเรื่องของเขาไปเพื่ออะไรในกัน งานที่มอบหมายให้ไปทำนั้นเสร็จสิ้นแล้วหรือ?“สนใจเรื่องของข้ามากมายเช่นนี้ แล้วงานที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปทำนั้น เจ้าได้ทำเสร็จแล้วหรือ?”หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย“แน่นอนพี่หวัง งานที่พี่มอบหมายให้ข้าทำ ข้าจะไม่ทำให้เสร็จได้อย่างไร? วางใจเถิด ในช่วงหลายเดือนที่พี่ไม่อยู่ ข้าดูแลโรงฝึกยุทธ์ได้ดีมาก แถมยังมีรายได้ไม่น้อยอีกด้วย!”เดิมทีต้าหู่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของหวังหยวน แต่เนื่องจากหวังหยวนและอาจารย์ชิงอีต้องรีบเดินทาง ในตอนนั้นจึงไม่ได้พาต้าหู่ไปด้วยต้าหู่จึงต้องอยู่ดูแลโรงฝึกยุทธ์กับเอ้อหู่หวังหยวนพยักหน้าด้