“แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าจงเล่ามาโดยละเอียด!”เมื่อผู้นำตระกูลหวังได้ยินข่าวร้ายนี้แล้วก็ยกมือขึ้นกุมหัวใจของตนไว้ขณะฝืนกลั้นความรู้สึกที่เหมือนจะหน้ามืดเป็นลมไว้ให้ได้ เพื่อที่จะต้องสืบหาความจริงให้กระจ่าง!เมื่อหวังหยวนได้ยินเซี่ยหลานพูดเช่นนี้ ก็คิดได้แล้วว่าต่อไปเขาจะทำเช่นไรเป็นไปตามคาด เซี่ยหลานชี้มาที่หวังหยวนในทันที“เป็นเขา! เป็นเขาที่ฆ่าพี่ใหญ่หวังขอรับ เมื่อครั้งที่พี่ใหญ่หวังยืนอยู่บนบันไดหินพร้อมกับเขา เขาได้ลงมือลอบทำร้ายพี่ใหญ่หวัง ทำให้พี่ใหญ่หวังขาพิการจนตกจากบันไดหิน และถูกรูปปั้นหินแกะสลักฟันแทงจนตาย!”เซี่ยหลานผู้นี้เก่งกาจในการบิดเบือนความจริงไม่น้อยเลย ชัดเจนว่าหวังหยวนเป็นฝ่ายป้องกันตัว แต่เมื่อมาถึงปากเขากลับกลายเป็นฆาตกรไปเสียได้หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งได้ยินเข้าก็ทนไม่ได้ที่เขามาใส่ร้ายพี่ชายของตนเช่นนี้ จึงต่างก็ออกมาปกป้องหวังหยวน และอธิบายความจริงที่เกิดขึ้นในเวลานั้น“ท่านเสวี่ยโส่วจุนและผู้นำตระกูลหวัง ขอท่านทั้งสองอย่าได้เชื่อคำพูดจาเหลวไหลของคนผู้นี้เลย ชัดเจนว่าเขาและพี่หวังร่วมมือกัน หลายครั้งแล้วที่พวกเขาต้องการให้หวังหยวนตาย แต่ห
เสวี่ยเชียนหลงมองไปที่หวังหยวนด้วยสายตาแน่วแน่ ท่าทีที่ต้องการจะปกป้องสามีของตนเช่นนี้ได้โจมตีหัวใจของหวังหยวนในทันที!หากไม่ใช่เพราะอยู่ในที่สาธารณะจึงไม่เหมาะที่จะกระทำ หวังหยวนคงอยากจะโอบกอดเสวี่ยเชียนหลงเข้ามาในอ้อมอกของตนเรื่องการประลองหาคู่ก็ได้จบลงแล้ว หวังหยวนอยู่ในเทียนไว่เทียนมานานแล้ว จึงถึงเวลาที่จะกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่หวังหยวนก็ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเชียนหลง ดังนั้นในใจจึงยังมีความกังวลอยู่หวังหยวนมาที่หน้าห้องของเสวี่ยโส่วจุน แล้วเคาะประตูเบา ๆ หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป“เสวี่ยโส่วจุน ศิษย์ทราบดีว่าเสวี่ยโส่วจุนต้องการรับศิษย์เป็นบุตรเขย เพื่อให้ได้อยู่ดูแลเคียงข้างเชียนหลงตลอดไป เพียงแต่ที่บ้านของศิษย์มีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องกลับไป จึงเกรงว่าจะไม่สามารถตอบรับคำขอของเสวี่ยโส่วจุนได้ขอรับ”หวังหยวนย่อมรู้ดีว่าเสวี่ยโส่วจุนนั้นไม่อยากจะพรากจากบุตรสาวของตน จึงรับเขาเป็นบุตรเขยแต่หวังหยวนก็มีครอบครัวที่ตนเองไม่อาจละทิ้งได้เช่นกัน เขาจะไม่มีวันอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิตมือที่กำลังเ
เมื่อหวังหยวนลงจากหลังม้าแล้วก็เดินไปยังเกี้ยวของเสวี่ยเชียนหลง จากนั้นก็ยกม่านขึ้น และยื่นมือเข้าไปรับเสวี่ยเชียนหลงออกมาเสวี่ยเชียนหลงวางมือลงบนหลังมือของหวังหยวนอย่างระมัดระวัง จากนั้นทั้งสองเดินเข้าประตูไปด้วยกันเสวี่ยโส่วจุนนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง สายตาเต็มไปด้วยความตื้นตันเมื่อได้เห็นลูกสาวของตนเองออกเรือนไม่นึกเลยว่าลูกสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจะต้องออกเรือนเสียแล้วหวังหยวนพาเสวี่ยเชียนหลงมาถึงเบื้องหน้าเสวี่ยโส่วจุน ทั้งสองคำนับฟ้าดิน คำนับผู้มีพระคุณ จากนั้นก็เข้าห้องหอ!หวังหยวนอุ้มเสวี่ยเชียนหลงขึ้นในท่าเจ้าหญิง ผู้คนรอบข้างต่างโห่ร้องกันลั่น!“เจ้าบ่าวใจร้อนมากเลยหรือ? แต่ว่าไม่ควรกระทำการเช่นนี้กลางวันแสก ๆ... อ๊ะ!”“ดูเจ้าบ่าวของเราสิ ใจร้อนเกินไปแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ข้าว่าตอนนี้ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ใต้ผ้าคลุมหน้าคงแดงก่ำจนไม่สามารถแดงไปกว่านี้ได้แล้ว!”“เจ้าบ่าวมีกำลังวังชาเหลือเกิน อุ้มสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ในคราวเดียว ราวกับว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หนักไม่ถึงสิบจิน”เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบข้าง ๆ หวังหยวนก็อุ้มเสวี่ยเชียนหลงเข้าไปใน
วันนี้คือวันที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางจากที่นี่เพื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงถือสัมภาระมายืนอยู่ที่ทางเข้าเทียนไว่เทียนเสวี่ยเชียนหลงมองไปที่บิดาและอาจารย์ของตนเองด้วยดวงตาแดงก่ำส่วนหวังหยวนมองไปที่หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้ง ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะมาส่งด้วยเดิมทีทุกคนเป็นศัตรูกัน แต่ยิ่งไม่ลงรอยกันก็ยิ่งรู้จักกันดี และความสัมพันธ์ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ“ลูกเอ๋ย เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว อย่าเถียงกับพี่สาวทั้งหลายของเจ้าเป็นอันขาดนะรู้หรือไม่? ทว่าหากได้รับความอยุติธรรม จงกลับมาหาพ่อเถิด เข้าใจหรือไม่? พ่อจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าเสมอ!”เสวี่ยโส่วจุนไม่เคยพูดคำหวาน ๆ เช่นนี้กับเสวี่ยเชียนหลงเลย แต่ในวันนี้ที่ลูกสาวต้องจากไปจากตนเองแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดให้กำลังใจลูกสาวในขณะเดียวกัน คำพูดเหล่านี้ก็เป็นการพูดให้หวังหยวนฟัง เพื่อเป็นการเตือนว่าอย่าได้รังแกลูกสาวของเขาด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมหวังหยวนเกาท้ายทอยของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวอำลาทุกคน แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางหลังจากเดินทางมาหลายวัน ทั้งสองก็กลับมาถึงหมู
เมื่อได้ยินเสียงของต้าหู่และเอ้อหู่แล้ว หวังหยวนก็หันกลับไปทักทายทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาหาหวังหยวน พวกเขาได้ยินเพียงว่าหวังหยวนออกไปตามหาภรรยา แต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง?ต้าหู่จ้องมองหวังหยวนด้วยสีหน้าตื่นเต้น และยังใช้แขนกระแทกไหล่ของหวังหยวนเบา ๆ ด้วย“พี่หวัง พวกเรารู้ว่าพี่ออกไปตามหาภรรยา แล้วเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ตามภรรยากลับมาได้หรือยัง?”เมื่อได้ยินคำพูดของต้าหู่ หวังหยวนก็ยกมือขึ้นลูบหน้าผากอย่างเหนื่อยหน่ายคนพวกนี้สนใจเรื่องของเขาไปเพื่ออะไรในกัน งานที่มอบหมายให้ไปทำนั้นเสร็จสิ้นแล้วหรือ?“สนใจเรื่องของข้ามากมายเช่นนี้ แล้วงานที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปทำนั้น เจ้าได้ทำเสร็จแล้วหรือ?”หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย“แน่นอนพี่หวัง งานที่พี่มอบหมายให้ข้าทำ ข้าจะไม่ทำให้เสร็จได้อย่างไร? วางใจเถิด ในช่วงหลายเดือนที่พี่ไม่อยู่ ข้าดูแลโรงฝึกยุทธ์ได้ดีมาก แถมยังมีรายได้ไม่น้อยอีกด้วย!”เดิมทีต้าหู่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของหวังหยวน แต่เนื่องจากหวังหยวนและอาจารย์ชิงอีต้องรีบเดินทาง ในตอนนั้นจึงไม่ได้พาต้าหู่ไปด้วยต้าหู่จึงต้องอยู่ดูแลโรงฝึกยุทธ์กับเอ้อหู่หวังหยวนพยักหน้าด้
เอาเถิด เอาเถิด วันนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดี ควรจะมาประชุมกันสักหน่อย เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาให้ฟัง เพื่อให้หวังหยวนได้ทราบสถานการณ์ปัจจุบันหลังจากที่ได้บอกความคิดของตนให้ทุกคนทราบแล้ว หวังหยวนก็ไปรอที่ห้องประชุมภรรยาของเขาทั้งสี่คงจะต้องพูดคุยกันอีกสักพัก แต่พี่น้องคนอื่น ๆ ต่างรีบมา“พี่หวัง ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์จะมาอยู่กับพวกเราจริงหรือ?”ต้าหู่จ้องมองไปที่ด้านนอกด้วยความไม่เชื่อ เมื่อเห็นท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์สนทนากับพี่สะใภ้ทั้งสามอย่างสนิทสนมก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์คงเข้ากับคนยาก แต่เมื่อมองดูตอนนี้แล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป“ใช่แล้ว เมื่อเชียนหลงแต่งงานกับข้าแล้วก็ต้องมาอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก เมื่อทุกคนมาถึงแล้ว ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ข้าไม่อยู่ให้ข้าฟังให้หมดเถิด”หวังหยวนไม่ค่อยอยากพูดคุยเรื่องผู้หญิงกับพี่น้อง จึงเร่งให้พวกเขาเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟังระหว่างที่รอภรรยาของตนทั้งสี่อยู่นั้น ต้าหู่และเอ้อหู่ก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรงฝึกยุทธ์ให้หวังหยวนฟัง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักก่อนหน้านี้ที่ได้พบกับพวกเขา พี่น้องทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่เลย สุดท้ายกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?หวังหยวนหันไปมองเกาเล่อ อยากให้เขาเล่าเรื่องราวต่อแต่เกาเล่อกลับส่ายหน้า“ไม่มีข้อมูลอื่นแล้วขอรับ พวกเราที่ส่งไปประจำอยู่ในวังหลวงถูกกำจัดออกไปทีละคนแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่ และไม่รู้ว่าแผนการต่อไปของพวกเขาคืออะไร เพียงแต่ตอนนี้ไป๋เฟยเฟยถูกคุมขังอยู่ เราควรช่วยเหลือนางดีหรือไม่ขอรับ?”หวังหยวนรู้สึกหนักใจจึงลูบคางครุ่นคิด เรื่องนี้ยุ่งยากยิ่งนักเพียงแค่จากไปไม่กี่เดือนเอง บ้านเมืองกลับปั่นป่วนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?เป็นไปตามคาด ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย เพียงแค่เผลอเล็กน้อยก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้!ส่วนไป๋เฟยเฟยที่เกาเล่อกล่าวถึง หวังหยวนก็อยากช่วยเหลือนางเช่นกันแต่เรื่องนี้เกรงว่าจะช่วยเหลือได้ยาก อย่างไรก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างน้อยพี่น้องทั้งสองก็มีสายเลือดเดียวกัน ไป๋ชิงชางคงไม่สังหารไป๋เฟยเฟยอย่างง่ายดาย“รอไปก่อนเถิด”เมื่อได้ยินว่าไป๋เฟยเฟยถูกคุมขัง หลี่ซื่อหานและคน
นางจึงวางมือลงบนไหล่ของเสวี่ยเชียนหลง แล้วตบเบา ๆ สองครั้งเสวี่ยเชียนหลงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองพี่หลี่ซื่อหานที่กำลังมองนางด้วยรอยยิ้ม“พี่ใหญ่...”“น้องเล็ก เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไปเพราะเรื่องราวเหล่านี้หรอก เมื่อเจ้าแต่งงานเข้ามาแล้วก็อยู่ที่บ้านกับพวกเราเหมือนเดิมก็พอ หากคุณชายมีเรื่องพิเศษที่ต้องการให้พวกเราช่วยเหลือ คุณชายจะบอกพวกเราเอง”หลี่ซื่อหานลูบหลังเสวี่ยเชียนหลงเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเสวี่ยเชียนหลงพยักหน้า ในใจหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเพื่อบรรเทาบรรยากาศที่ตึงเครียดและกังวลของเสวี่ยเชียนหลงในตอนนี้ พี่สาวอีกสามคนจึงพาเสวี่ยเชียนหลงไปพบกับลูกชายคนแรกของพวกนางถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะเกิดจากพี่หลี่ซื่อหาน แต่คนอื่น ๆ ก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกชายแท้ ๆ ของตนเองส่วนอีกด้านหนึ่ง หวังหยวนก็เดินทางไปยังวังหลวงเงาดำกระโจนผ่านหวังหยวนไป จากนั้นก็กระโดดเข้าไปในวังหลวง แล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ชิงชาง“ถวายบังคมฝ่าบาท คุณชายหวังกำลังเสด็จมาที่วังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากฟังรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ไป๋ชิงชางก็เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ มากนัก แล้วโบกมือให
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ
“ได้เลย!”หวังหยวนยิ้มอย่างพึงพอใจ จากนั้นจึงพาหลิ่วหรูเยียนไปยังสวนหลังบ้านเนื่องจากงานเลี้ยงยังไม่เลิก ทุกคนยังคงดื่มกินอย่างสนุกสนาน หวังหยวนจึงใช้สวนหลังบ้านเป็นสถานที่สอบสวนไม่นานต่งอวี่ก็พาโอวหยางอวี่และลั่วเฉินมา ข้างหลังพวกเขามีทหารหลายคน“ท่านหวัง!”“ท่านโปรดอย่าทำร้ายข้าเลย!”“ก่อนหน้านี้ข้าตาบอด จึงได้ไปอยู่กับตานสยงเฟย แต่ตอนนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว หากท่านให้โอกาสข้า ต่อไปข้ายินดีรับใช้ท่านให้ดีที่สุดขอรับ!”“หากท่านไม่ต้องการใช้ข้าก็ปล่อยข้าไปเถิด ข้าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่าน และจะไม่สร้างความเดือดร้อนใด ๆ ให้ท่านแน่นอนขอรับ!”โอวหยางอวี่รีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอความเมตตา!ครั้งก่อน แม้แต่ตอนอยู่บนหน้าผา เขาก็หมดอำนาจแล้ว ได้แต่ถูกขังอยู่ในห้องทุกวันแม้ว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นเพราะหวังหยวน แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้เขาเป็นนักโทษ หากไม่สามารถพูดโน้มน้าวหวังหยวนได้ ต่อไปเขาก็คงมีแต่ต้องตายเท่านั้น!วันชื่นคืนสุขผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว!หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ ช่างเป็นคนขี้ขลาดนัก!เพิ่งจะพบหน้ากันก็คุกเข่าขอความเมตตาแล้วหรือ?ครั้งก
หวังหยวนเดินไปหาหลิ่วหรูเยียน แล้วถามด้วยรอยยิ้ม“ข้าจำได้”“เพียงแต่...”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีลังเล ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างจากตอนนั้น ข้าไม่ใช่คนไร้เหตุผลและรู้จักกาลเทศะ!”“ในเมื่อตานสยงเฟยมีประโยชน์ต่อท่าน ข้าจะฆ่าเขาเพื่อความสาแก่ใจเพียงครู่เดียวได้อย่างไร?”สุดท้ายหลิ่วหรูเยียนก็รีบวิ่งออกไป ไม่อยากเห็นหน้าตานสยงเฟยอีก!ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตนเองจะอดใจไม่ไหว ลงมือฆ่าเขาจนทำลายแผนการของหวังหยวน!“เจ้าช่างโชคดี”“ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังรักษาหัวไว้บนบ่าได้”หวังหยวนมองตานสยงเฟยด้วยสายตาเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใด แล้วเดินออกไปข้างหลังมีเพียงเสียงหัวเราะอันน่ารังเกียจของตานสยงเฟยในเมื่อเขามีไพ่ตายอยู่ในมือก็ไม่ต้องกลัวตาย!สักวันหนึ่ง เขาจะต้องเป็นอิสระ!...“ช้าก่อน!”หลังจากออกจากคุกแล้ว หวังหยวนก็รีบวิ่งตามหลิ่วหรูเยียนไปหลิ่วหรูเยียนหันกลับมามองหวังหยวน แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “มีเรื่องอะไรอีกหรือ?”“ข้าแค่อยากถามเจ้าว่า ในบรรดาคนของพรรคทมิฬที่พวกเราจับมาได้มีคนระดับสูงคนอื่น ๆ อีกหรือไม่?”พรรคทมิฬมีรากฐานที่แข็งแกร่ง มีสาวกมากมาย แสดงว่าคงคนม
ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็หัวเราะลั่น ปรากฏว่าเป็นเช่นนี้เอง!“ดูเหมือนว่าข้ายังมีประโยชน์อยู่บ้าง สิ่งที่เจ้าต้องการคือทรัพย์สมบัติของข้างั้นหรือ?”“แต่ก็ดี พวกเรามาทำข้อตกลงกัน!”“หากเจ้าปล่อยข้าไป ทรัพย์สมบัติและทรัพยากรทั้งหมดของข้าจะเป็นของเจ้า แต่หากเจ้าไม่ยอมรับข้อเสนอ เจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้สิ่งเหล่านั้น!”ตานสยงเฟยกล่าว พร้อมกับจ้องหน้าหวังหยวน“จริงสิ”“หลิ่วหรูเยียนกลายเป็นคนของเจ้าแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดข้าก็ลองถามนางดู ว่าทรัพย์สมบัติของข้ามากมายมหาศาลจริงหรือไม่!”“ถามดูก็รู้ผล!”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างมั่นใจเหตุผลที่เขาสามารถสร้างพรรคทมิฬและรวบรวมสาวกมากมายจนมีอิทธิพลในดินแดนทั้งเก้าได้ ก็เพราะเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล!แม้ว่าจะเทียบกับหวังหยวนไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน!อย่างน้อยในดินแดนทั้งเก้าก็ยังมีที่ให้เขายืนหยัดในฐานะผู้นำ!หลิ่วหรูเยียนที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหยวนกำหมัดแน่น ไม่เอ่ยคำใด แต่ทุกคนต่างก็สัมผัสได้ถึงความโกรธของนาง!ความแค้นเพราะบิดาถูกสังหารนั้นไม่อาจลืมเลือน!ศัตรูอยู่ตรงหน้า แต่นางกลับทำอะไรไม่ได้ ช่างไร้ความสามารถ!“เขาพูดจริงหรือ?”
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“