เสวี่ยเชียนหลงมองไปที่หวังหยวนด้วยสายตาแน่วแน่ ท่าทีที่ต้องการจะปกป้องสามีของตนเช่นนี้ได้โจมตีหัวใจของหวังหยวนในทันที!หากไม่ใช่เพราะอยู่ในที่สาธารณะจึงไม่เหมาะที่จะกระทำ หวังหยวนคงอยากจะโอบกอดเสวี่ยเชียนหลงเข้ามาในอ้อมอกของตนเรื่องการประลองหาคู่ก็ได้จบลงแล้ว หวังหยวนอยู่ในเทียนไว่เทียนมานานแล้ว จึงถึงเวลาที่จะกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองจะกลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่หวังหยวนก็ยังไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับเชียนหลง ดังนั้นในใจจึงยังมีความกังวลอยู่หวังหยวนมาที่หน้าห้องของเสวี่ยโส่วจุน แล้วเคาะประตูเบา ๆ หลังจากที่ได้รับอนุญาตแล้วจึงเปิดประตูเข้าไป“เสวี่ยโส่วจุน ศิษย์ทราบดีว่าเสวี่ยโส่วจุนต้องการรับศิษย์เป็นบุตรเขย เพื่อให้ได้อยู่ดูแลเคียงข้างเชียนหลงตลอดไป เพียงแต่ที่บ้านของศิษย์มีภรรยาและบุตรอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องกลับไป จึงเกรงว่าจะไม่สามารถตอบรับคำขอของเสวี่ยโส่วจุนได้ขอรับ”หวังหยวนย่อมรู้ดีว่าเสวี่ยโส่วจุนนั้นไม่อยากจะพรากจากบุตรสาวของตน จึงรับเขาเป็นบุตรเขยแต่หวังหยวนก็มีครอบครัวที่ตนเองไม่อาจละทิ้งได้เช่นกัน เขาจะไม่มีวันอยู่ที่นี่ได้ตลอดชีวิตมือที่กำลังเ
เมื่อหวังหยวนลงจากหลังม้าแล้วก็เดินไปยังเกี้ยวของเสวี่ยเชียนหลง จากนั้นก็ยกม่านขึ้น และยื่นมือเข้าไปรับเสวี่ยเชียนหลงออกมาเสวี่ยเชียนหลงวางมือลงบนหลังมือของหวังหยวนอย่างระมัดระวัง จากนั้นทั้งสองเดินเข้าประตูไปด้วยกันเสวี่ยโส่วจุนนั่งอยู่บนบัลลังก์สูง สายตาเต็มไปด้วยความตื้นตันเมื่อได้เห็นลูกสาวของตนเองออกเรือนไม่นึกเลยว่าลูกสาวที่ตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็กจะต้องออกเรือนเสียแล้วหวังหยวนพาเสวี่ยเชียนหลงมาถึงเบื้องหน้าเสวี่ยโส่วจุน ทั้งสองคำนับฟ้าดิน คำนับผู้มีพระคุณ จากนั้นก็เข้าห้องหอ!หวังหยวนอุ้มเสวี่ยเชียนหลงขึ้นในท่าเจ้าหญิง ผู้คนรอบข้างต่างโห่ร้องกันลั่น!“เจ้าบ่าวใจร้อนมากเลยหรือ? แต่ว่าไม่ควรกระทำการเช่นนี้กลางวันแสก ๆ... อ๊ะ!”“ดูเจ้าบ่าวของเราสิ ใจร้อนเกินไปแล้ว สตรีศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเลย ข้าว่าตอนนี้ใบหน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์ใต้ผ้าคลุมหน้าคงแดงก่ำจนไม่สามารถแดงไปกว่านี้ได้แล้ว!”“เจ้าบ่าวมีกำลังวังชาเหลือเกิน อุ้มสตรีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ในคราวเดียว ราวกับว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์หนักไม่ถึงสิบจิน”เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบข้าง ๆ หวังหยวนก็อุ้มเสวี่ยเชียนหลงเข้าไปใน
วันนี้คือวันที่พวกเขาจะต้องออกเดินทางจากที่นี่เพื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงถือสัมภาระมายืนอยู่ที่ทางเข้าเทียนไว่เทียนเสวี่ยเชียนหลงมองไปที่บิดาและอาจารย์ของตนเองด้วยดวงตาแดงก่ำส่วนหวังหยวนมองไปที่หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้ง ไม่คิดเลยว่าทั้งสองคนจะมาส่งด้วยเดิมทีทุกคนเป็นศัตรูกัน แต่ยิ่งไม่ลงรอยกันก็ยิ่งรู้จักกันดี และความสัมพันธ์ก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ“ลูกเอ๋ย เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว อย่าเถียงกับพี่สาวทั้งหลายของเจ้าเป็นอันขาดนะรู้หรือไม่? ทว่าหากได้รับความอยุติธรรม จงกลับมาหาพ่อเถิด เข้าใจหรือไม่? พ่อจะเป็นที่พึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าเสมอ!”เสวี่ยโส่วจุนไม่เคยพูดคำหวาน ๆ เช่นนี้กับเสวี่ยเชียนหลงเลย แต่ในวันนี้ที่ลูกสาวต้องจากไปจากตนเองแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดให้กำลังใจลูกสาวในขณะเดียวกัน คำพูดเหล่านี้ก็เป็นการพูดให้หวังหยวนฟัง เพื่อเป็นการเตือนว่าอย่าได้รังแกลูกสาวของเขาด้วย ไม่เช่นนั้นจะต้องได้รับผลตอบแทนอย่างสาสมหวังหยวนเกาท้ายทอยของตนเองอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็กล่าวอำลาทุกคน แล้วทั้งสองก็ออกเดินทางหลังจากเดินทางมาหลายวัน ทั้งสองก็กลับมาถึงหมู
เมื่อได้ยินเสียงของต้าหู่และเอ้อหู่แล้ว หวังหยวนก็หันกลับไปทักทายทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาหาหวังหยวน พวกเขาได้ยินเพียงว่าหวังหยวนออกไปตามหาภรรยา แต่ไม่รู้ว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรบ้าง?ต้าหู่จ้องมองหวังหยวนด้วยสีหน้าตื่นเต้น และยังใช้แขนกระแทกไหล่ของหวังหยวนเบา ๆ ด้วย“พี่หวัง พวกเรารู้ว่าพี่ออกไปตามหาภรรยา แล้วเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? ตามภรรยากลับมาได้หรือยัง?”เมื่อได้ยินคำพูดของต้าหู่ หวังหยวนก็ยกมือขึ้นลูบหน้าผากอย่างเหนื่อยหน่ายคนพวกนี้สนใจเรื่องของเขาไปเพื่ออะไรในกัน งานที่มอบหมายให้ไปทำนั้นเสร็จสิ้นแล้วหรือ?“สนใจเรื่องของข้ามากมายเช่นนี้ แล้วงานที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปทำนั้น เจ้าได้ทำเสร็จแล้วหรือ?”หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย“แน่นอนพี่หวัง งานที่พี่มอบหมายให้ข้าทำ ข้าจะไม่ทำให้เสร็จได้อย่างไร? วางใจเถิด ในช่วงหลายเดือนที่พี่ไม่อยู่ ข้าดูแลโรงฝึกยุทธ์ได้ดีมาก แถมยังมีรายได้ไม่น้อยอีกด้วย!”เดิมทีต้าหู่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของหวังหยวน แต่เนื่องจากหวังหยวนและอาจารย์ชิงอีต้องรีบเดินทาง ในตอนนั้นจึงไม่ได้พาต้าหู่ไปด้วยต้าหู่จึงต้องอยู่ดูแลโรงฝึกยุทธ์กับเอ้อหู่หวังหยวนพยักหน้าด้
เอาเถิด เอาเถิด วันนี้ทุกคนก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดี ควรจะมาประชุมกันสักหน่อย เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาให้ฟัง เพื่อให้หวังหยวนได้ทราบสถานการณ์ปัจจุบันหลังจากที่ได้บอกความคิดของตนให้ทุกคนทราบแล้ว หวังหยวนก็ไปรอที่ห้องประชุมภรรยาของเขาทั้งสี่คงจะต้องพูดคุยกันอีกสักพัก แต่พี่น้องคนอื่น ๆ ต่างรีบมา“พี่หวัง ท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์จะมาอยู่กับพวกเราจริงหรือ?”ต้าหู่จ้องมองไปที่ด้านนอกด้วยความไม่เชื่อ เมื่อเห็นท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์สนทนากับพี่สะใภ้ทั้งสามอย่างสนิทสนมก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าท่านสตรีศักดิ์สิทธิ์คงเข้ากับคนยาก แต่เมื่อมองดูตอนนี้แล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรแตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป“ใช่แล้ว เมื่อเชียนหลงแต่งงานกับข้าแล้วก็ต้องมาอยู่ด้วยกันเป็นธรรมดา เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก เมื่อทุกคนมาถึงแล้ว ก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ข้าไม่อยู่ให้ข้าฟังให้หมดเถิด”หวังหยวนไม่ค่อยอยากพูดคุยเรื่องผู้หญิงกับพี่น้อง จึงเร่งให้พวกเขาเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟังระหว่างที่รอภรรยาของตนทั้งสี่อยู่นั้น ต้าหู่และเอ้อหู่ก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรงฝึกยุทธ์ให้หวังหยวนฟัง
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หวังหยวนก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนักก่อนหน้านี้ที่ได้พบกับพวกเขา พี่น้องทั้งสองยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่เลย สุดท้ายกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร?หวังหยวนหันไปมองเกาเล่อ อยากให้เขาเล่าเรื่องราวต่อแต่เกาเล่อกลับส่ายหน้า“ไม่มีข้อมูลอื่นแล้วขอรับ พวกเราที่ส่งไปประจำอยู่ในวังหลวงถูกกำจัดออกไปทีละคนแล้ว ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่ และไม่รู้ว่าแผนการต่อไปของพวกเขาคืออะไร เพียงแต่ตอนนี้ไป๋เฟยเฟยถูกคุมขังอยู่ เราควรช่วยเหลือนางดีหรือไม่ขอรับ?”หวังหยวนรู้สึกหนักใจจึงลูบคางครุ่นคิด เรื่องนี้ยุ่งยากยิ่งนักเพียงแค่จากไปไม่กี่เดือนเอง บ้านเมืองกลับปั่นป่วนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?เป็นไปตามคาด ในช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย เพียงแค่เผลอเล็กน้อยก็อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้!ส่วนไป๋เฟยเฟยที่เกาเล่อกล่าวถึง หวังหยวนก็อยากช่วยเหลือนางเช่นกันแต่เรื่องนี้เกรงว่าจะช่วยเหลือได้ยาก อย่างไรก็คงต้องค่อยเป็นค่อยไปอย่างน้อยพี่น้องทั้งสองก็มีสายเลือดเดียวกัน ไป๋ชิงชางคงไม่สังหารไป๋เฟยเฟยอย่างง่ายดาย“รอไปก่อนเถิด”เมื่อได้ยินว่าไป๋เฟยเฟยถูกคุมขัง หลี่ซื่อหานและคน
นางจึงวางมือลงบนไหล่ของเสวี่ยเชียนหลง แล้วตบเบา ๆ สองครั้งเสวี่ยเชียนหลงตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองพี่หลี่ซื่อหานที่กำลังมองนางด้วยรอยยิ้ม“พี่ใหญ่...”“น้องเล็ก เจ้าไม่ต้องกังวลมากเกินไปเพราะเรื่องราวเหล่านี้หรอก เมื่อเจ้าแต่งงานเข้ามาแล้วก็อยู่ที่บ้านกับพวกเราเหมือนเดิมก็พอ หากคุณชายมีเรื่องพิเศษที่ต้องการให้พวกเราช่วยเหลือ คุณชายจะบอกพวกเราเอง”หลี่ซื่อหานลูบหลังเสวี่ยเชียนหลงเบา ๆ เพื่อปลอบโยนเสวี่ยเชียนหลงพยักหน้า ในใจหวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเพื่อบรรเทาบรรยากาศที่ตึงเครียดและกังวลของเสวี่ยเชียนหลงในตอนนี้ พี่สาวอีกสามคนจึงพาเสวี่ยเชียนหลงไปพบกับลูกชายคนแรกของพวกนางถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะเกิดจากพี่หลี่ซื่อหาน แต่คนอื่น ๆ ก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนลูกชายแท้ ๆ ของตนเองส่วนอีกด้านหนึ่ง หวังหยวนก็เดินทางไปยังวังหลวงเงาดำกระโจนผ่านหวังหยวนไป จากนั้นก็กระโดดเข้าไปในวังหลวง แล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ชิงชาง“ถวายบังคมฝ่าบาท คุณชายหวังกำลังเสด็จมาที่วังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”หลังจากฟังรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ไป๋ชิงชางก็เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ มากนัก แล้วโบกมือให
ชายผู้นี้โจมตีอย่างเฉียบขาด ทุกกระบวนท่าล้วนหมายมุ่งโจมตีจุดสำคัญของหวังหยวนด้วยปรารถนาจะปลิดชีพหวังหยวนแม้ไม่อาจทราบได้ว่าเหตุใดไป๋ชิงชางจึงคบค้าสมาคมกับจอมยุทธ์ แต่ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาเลย“เจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับฮ่องเต้?”ขณะที่หวังหยวนหลบหลีกก็ยังไม่ลืมที่จะล้วงข้อมูลจากปากของชายผู้นี้ทว่าชายผู้นี้จดจ่ออยู่กับการสังหารหวังหยวนอย่างเดียว ไม่ได้เอ่ยตอบแต่อย่างใดเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าแม้ฝีมือของตนจะจัดว่าเยี่ยมยอด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับหวังหยวน ต่อให้รุกโจมตีอย่างรวดเร็วเพียงใด หวังหยวนก็ยังหลบหลีกได้อย่างง่ายดายแม้หวังหยวนจะไม่ได้โต้ตอบ แต่เขาก็ตระหนักดีว่าหากหวังหยวนโต้กลับ เขาก็คงไม่มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่“เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่? ผู้ใดอยู่เบื้องหลังฮ่องเต้?”หวังหยวนได้ซักถามคำถามมากมายเช่นนี้แล้ว แต่ชายผู้นี้กลับไม่สนใจไยดี ไม่ยอมเอ่ยคำใดเลย หวังหยวนจึงรู้สึกสิ้นหวังในเมื่อชายผู้นี้ไม่ยอมตอบคำถาม ก็คงไม่สามารถไว้ชีวิตเขาไว้ได้หลังจากนั้นหวังหยวนก็กระโดดตีลังกากลับหลัง ลงมายืนอยู่ห่างจากชายสวมหน้ากากเล็กน้อย แล้วชักปืนพกที่เหน็บไว้ที่เอวออกมาปากกระบอกปืนจ่อ