เพราะเมื่อมาถึงเกาะสวรรค์น้อยแล้ว ตระกูลของทุกคนก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป มีเพียงความแข็งแกร่งเท่านั้นที่สำคัญนายน้อยเจิ้งจ้องมองหวังเฉียงเซิ่ง แต่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวอย่างบุ่มบ่ามเขารีบวิ่งไปข้างหลิวอวี่และประคองเขาขึ้นมา จากนั้นตรวจสอบบาดแผลของหลิวอวี่คร่าว ๆโชคดีที่เป็นเพียงบาดแผลเล็กน้อย ไม่ได้ร้ายแรงอะไรหวังเฉียงเซิ่งเห็นว่าหวังหยวนไม่ได้ตอบ จึงเดินเข้าไปอีกสองก้าวและยืนจ้องอยู่ตรงหน้าหวังหยวน หวังเฉียงเซิ่งตัวสูงกว่าหวังหยวนเล็กน้อย เมื่อหวังหยวนมองเขาก็ต้องเงยหน้าขึ้นในเวลานี้เอง หวังเฉียงเซิ่งจึงสังเกตเห็นว่าสายตาที่หวังหยวนมองเขานั้นไม่เป็นมิตรนัก แถมยังแฝงไปด้วยความเย็นชาอีกด้วย“เจ้าโกรธหรือ? หวังหยวน?”“เพราะพวกสวะสองคนนี้หรือ? พวกเขาไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับเจ้า หากเจ้าต้องการอยู่รอดจนถึงที่สุดก็ควรจะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกข้าจะดีกว่า แม้ว่าเจ้าคงเข้าใจความคิดของพวกข้าดี แต่พวกข้าสามารถรับรองได้ว่าเจ้าจะได้ไปจนถึงที่สุด เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราจะแข่งขันกันอย่างยุติธรรม นับว่าสมเหตุสมผลหรือไม่?”ในแววตาของหวังเฉียงเซิ่งแฝงไปด้วยความเย่อหยิ่งเพราะคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ห
เมื่อได้ยินคำพูดเยาะเย้ยถากถางของหวังเฉียงเซิ่ง หวังหยวนก็ไม่ได้ใส่ใจนักเวลานี้เขายังไม่ได้แสดงความสามารถทั้งหมดของตนออกมาเพราะมีผู้คนมากมายกำลังเฝ้าดูอยู่ หากเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของตนในเวลานี้ หวังหยวนก็รู้สึกว่าตนจะเสียเปรียบในภายหลังทว่าด้วยความคิดเช่นนี้ของหวังหยวน หวังเฉียงเซิ่งจึงรู้สึกว่าหวังหยวนนั้นอ่อนแอไร้พิษสงหวังเฉียงเซิ่งผู้นี้ยิ่งได้ทีก็ยิ่งรุกไล่ ทุกครั้งที่โจมตีหวังหยวน เขามักจงใจโจมตีจุดสำคัญของหวังหยวนเสมอซึ่งเรื่องนี้ทำให้หวังหยวนโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงการประลองเท่านั้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาเป็นเอาตายเช่นนี้หวังหยวนเตะหวังเฉียงเซิ่งจนกระเด็นไปอีกครั้ง แล้วก็ยืนอยู่ข้าง ๆ เพื่อปรับสภาพของตนเองเขาพยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง แต่หวังเฉียงเซิ่งที่ถูกเตะกระเด็นไปแล้วก็ยังไม่ยอมหยุด เขาวิ่งเข้ามาหาหวังหยวนอีกหวังหยวนและหวังเฉียงเซิ่งก็ต่อสู้กันอีกครั้ง หวังเฉียงเซิ่งยังคงพูดจาเยาะเย้ยถากถางเขาอยู่“เจ้าโกรธแล้วหรือเปล่า? ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ หรือว่าเจ้ารู้แผนการของข้าแล้ว?”“ข้าเดาว่าเจ้าคงกำลังคิดว่าเป็นเพียงการประลองเท่านั้น ไม
“มันยังไม่จบหรอกนะ หวังหยวน นี่เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น!”หวังเฉียงเซิ่งตะโกน แล้วเตะอาวุธของตนเองกระเด็นไป ก่อนจะกระโจนเข้าโจมตีหวังหยวนด้วยมือเปล่าหวังหยวนไม่คาดคิดว่าคนผู้นี้จะดื้อรั้นเช่นนี้ จากนั้นเคลื่อนไหวร่างกายอย่างว่องไวมาอยู่ด้านหลังของหวังเฉียงเซิ่ง แล้วเล็งปืนไปที่ท้ายทอยของเขาในทันทีเมื่อได้ยินเสียงเหนี่ยวไกปืนดังจากด้านหลังของตนเอง หวังเฉียงเซิ่งก็ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ ไม่กล้าขยับแม้แต่น้อยเพราะเขาเคยเห็นพลังของสิ่งนี้มาก่อนแล้วเขาไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าหวังหยวนจะสามารถมาอยู่ด้านหลังของเขาได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และยังใช้ปืนจ่อหัวของเขาไว้ด้วยในใจของเขาได้จินตนาการถึงวิธีการที่หวังหยวนจะทรมานเขาหลายวิธีหากเขาขยับเพียงเล็กน้อย หวังหยวนจะใช้สิ่งนี้ยิงหัวของเขาจนกระจุย เลือดสาดกระจายเลยหรือไม่?“ข้าสาบานว่าหากเจ้าขยับอีกครั้ง ข้าจะใช้สิ่งนี้ยิงหัวของเจ้าให้กระจุย ให้เลือดของเจ้าสาดกระจายไปเลย!”แม้ว่าคำพูดของหวังหยวนจะเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม แต่เหตุใดถึงฟังดูเหมือนขี้เกียจเช่นนี้?เซี่ยหลานและฮั่วไคเหลี่ยงก็ไม่คาดคิดว่าเพียงไม่กี่กระบวนท่า หวังหยวนก็สามารถ
เมื่อเห็นว่าหวังหยวนได้ทีก็ยิ่งได้ใจ แต่หวังเฉียงเซิ่งกลับไม่มีหนทางใดจัดการเขาได้เลยเสียงซุบซิบนินทาข้าง ๆ ดังจนแทบทำให้หัวของเขาระเบิด!“หวังหยวนเก่งเกินไปแล้ว เขาถืออะไรอยู่ในมือ? เหตุใดมันถึงดูทรงพลังถึงเพียงนี้?”“ได้ยินมาว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเอง มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และได้กลายเป็นของวิเศษในตำนานไปแล้ว!”“ไม่แปลกใจเลย ไม่เช่นนั้นปรมาจารย์ขั้นกลางอย่างเขาจะสามารถเอาชนะปรมาจารย์ขั้นสูงได้อย่างไร?”“จะว่าไปแล้วหวังเฉียงเซิ่งอ่อนแอลงถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่หวังหยวนยังสู้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเพียงแค่โอ้อวดนักหรือ? ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนจัดการเขาได้แล้ว!”“ใช่แล้ว ใช่แล่ว ข้าคิดว่าคนเช่นนี้ควรต้องมีคนกำราบเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับพวกเรา!”หวังหยวนได้ยินเสียงซุบซิบนินทาข้าง ๆ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หวังเฉียงเซิ่งอับอายเพียงแต่หวังเฉียงเซิ่งคอยหาเรื่องเขาอยู่ตลอด หวังหยวนจึงรู้สึกเบื่อหน่ายจนต้องลงโทษเขาเช่นนี้“หวังหยวน เจ้ากล้ายิ่งนัก เมื่อออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”หวังเฉียงเ
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็ส่ายหน้ารัวเมื่อได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของหวังหยวนแล้ว พวกเขาจะไปแย่งผู้หญิงกับหวังหยวนได้อย่างไร อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายอย่างไรและหวังหยวนคนนี้ก็ค่อนข้างมีน้ำใจ ติดตามเขาไปในฐานะน้องชายก็ไม่เลว!จากนั้นก็มีศิษย์คนอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาหาเพราะต้องการให้หวังหยวนเป็นพี่ใหญ่หวังหยวนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต่อสู้กับหวังเฉียงเซิ่งเพียงครั้งเดียว แล้วจะได้กลายเป็นพี่ใหญ่ของเหล่าศิษย์แห่งเทียนไว่เทียนเมื่อเห็นลูกน้องมากมายถึงเพียงนี้ หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องเน้นย้ำถึงสถานะของตนพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ขอให้หวังหยวนเป็นพี่ใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงควรมีสถานะสูงที่สุด!หวังหยวนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปจึงวิ่งไปนั่งพักอยู่ด้านข้างโชคดีที่วันถัดมาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าก็มาถึงวันที่สามเช้าวันที่สาม ต้นผลไม้วิเศษก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวหวังเฉียงเซิ่งและลูกน้องทั้งสองของเขาเป็นคนแรกที่ค้นพบ จากนั้นก็เป็นหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ตอบสนองทุกคนต่อสู้แย่งชิงกันเป็นกลุ่ม สถานการณ์วุ่นวายมา
ผลไม้วิเศษเหล่านี้มีกลิ่นหอมเข้มเกินไปจนทำให้พวกเขารู้สึกเวียนหัว แต่ก็ยังอยากจะยัดผลไม้วิเศษทั้งหมดเข้าไปในท้อง“ข้าอดใจไม่ไหวแล้ว จะลองกินดูก่อน!”นายน้อยเจิ้งเป็นคนแรกที่อดใจไม่ไหว หยิบผลไม้วิเศษขึ้นมากัดเข้าปากหวังหยวนมองดูเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วเฝ้ารอเงียบ ๆ เพื่อดูว่ามีผลข้างเคียงใดหรือไม่หลังจากที่นายน้อยเจิ้งกินผลไม้วิเศษลูกแรกเข้าไป เขาก็พบว่าพละกำลังในร่างกายฟื้นคืนมาบ้าง และรู้สึกว่าการบ่มเพาะพลังลมปราณได้ก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย แม้แต่กล้ามเนื้อหน้าท้องก็ยังกลายเป็นแปดมัด!“นี่มันของดีจริง ๆ!”เมื่อเห็นผลจากการกินของนายน้อยแห่งตระกูลเจิ้ง หลิวอวี่ก็กินเข้าไปหนึ่งลูกเช่นกัน จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาทั้งสามคนกินผลไม้วิเศษไปมากมาย จนการบ่มเพาะพลังลมปราณในร่างกายใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดหลังจากกินจนอิ่มหนำสำราญ พวกเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีภารกิจที่ต้องทำ ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างจากนั้นจึงรีบหยิบผลไม้วิเศษขึ้นมาหนึ่งลูกแล้วรีบไปหางูยักษ์หากไม่เห็นก็จะไม่รู้เลย ไม่คาดคิดว่างูยักษ์จะตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ เมื่อมันแผ่พังพานจะสูงได้ถึงสิบเมตร!
หลังจากเคี้ยวเบา ๆ สองสามครั้ง ผลไม้วิเศษก็ถูกกลืนลงท้องไปจากนั้นมันก็ใช้หางปัดไปที่ตัวของมันเอง แล้วเกล็ดชิ้นหนึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี มันจึงแลบลิ้นเลียแผลสองสามครั้งหวังหยวนดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่มันไม่อยากกินผลไม้วิเศษ เพราะการถอนเกล็ดออกมานั้นเจ็บปวดเกินไปหลังจากได้เกล็ดมาแล้ว หวังหยวนก็โค้งคำนับงูยักษ์ จากนั้นพาลูกน้องทั้งสองคนวิ่งขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อหวังหยวนจากไปแล้ว หวังเฉียงเซิ่งและลูกน้องทั้งสองก็มาถึงช้ากว่า พวกเขาบาดเจ็บจากการต่อสู้ไปทั้งตัว ดูแล้วน่าเวทนา“นี่ เจ้างูยักษ์ กินเสีย!”หวังเฉียงเซิ่งตะโกนใส่งูยักษ์ เขาวางผลไม้วิเศษสีแดงไว้ตรงหน้าของมันเหมือนมอบของขวัญ แต่ว่างูยักษ์ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยงูยักษ์ยังอ้าปากหาว แล้วก็หลับสนิทด้วยการกระทำนี้ทำให้หวังเฉียงเซิ่งและคนอื่น ๆ ตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่ เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดมันไม่กินผลไม้วิเศษล่ะ? เราไม่ได้จำกฎผิดแน่นอนนะ!”“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผลไม้วิเศษก็ถูกวางไว้ที่นี่แล้ว ควรจะถือว่าเราทำภารกิจสำเร็จแล้วน
“เหตุใดพวกเจ้าขึ้นมาช้ากันนัก? พวกข้าขึ้นมาตั้งนานแล้ว หากไม่ติดว่าต้องเข้าไปในเขาวงกตพร้อมกัน พวกข้าคงได้ป้ายตราไปแล้ว”หลิวอวี่ยืดเส้นยืดสาย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยามเหยียดหวังเฉียงเซิ่งแทบจะขาดใจตายเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะถูกคนที่มีวิทยายุทธ์ต่ำกว่าตนเองทำให้เสียหน้า แถมยังดูถูกเขาอีก“พวกเจ้ารนหาที่ตายนัก!”หวังเฉียงเซิ่งบันดาลโทสะ ชักดาบออกมาโดยไม่สนใจบาดแผลบนร่างกาย เตรียมต่อสู้กับพวกเขาอีกครั้ง แต่เซี่ยหลานที่อยู่ข้าง ๆ รีบห้ามเขาไว้“พี่ใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาลงมือ ท่านคงจำได้ดีว่าหวังหยวนมีอาวุธลับอันร้ายกาจ หากเราเผลอก็อาจถูกเขาสังหารได้ในพริบตา!”เซี่ยหลานกระซิบข้างหูหวังเฉียงเซิ่งเขาเกลี้ยกล่อมหวังเฉียงเซิ่งให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ เพราะภารกิจหลักตอนนี้คือการเข้าไปในเขาวงกตหลังจากเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง หวังเฉียงเซิ่งจึงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงเมื่อเข้าไปในเขาวงกตแล้ว เขาจะมีหนทางฆ่าคนเหล่านี้ได้มากมายทุกคนยืนอยู่ด้วยกันจึงเปิดประตูเขาวงกตสำเร็จภายในมืดมิด มองเห็นรูปปั้นหินรูปคนขนาดใหญ่หลายตัวอยู่ที่ประตู พวกมันถือขวานและแส้ ดูน่าเกรงขามมาก“ปรากฏว่าเขาวงกตเป็น