ผลไม้วิเศษเหล่านี้มีกลิ่นหอมเข้มเกินไปจนทำให้พวกเขารู้สึกเวียนหัว แต่ก็ยังอยากจะยัดผลไม้วิเศษทั้งหมดเข้าไปในท้อง“ข้าอดใจไม่ไหวแล้ว จะลองกินดูก่อน!”นายน้อยเจิ้งเป็นคนแรกที่อดใจไม่ไหว หยิบผลไม้วิเศษขึ้นมากัดเข้าปากหวังหยวนมองดูเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วเฝ้ารอเงียบ ๆ เพื่อดูว่ามีผลข้างเคียงใดหรือไม่หลังจากที่นายน้อยเจิ้งกินผลไม้วิเศษลูกแรกเข้าไป เขาก็พบว่าพละกำลังในร่างกายฟื้นคืนมาบ้าง และรู้สึกว่าการบ่มเพาะพลังลมปราณได้ก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย แม้แต่กล้ามเนื้อหน้าท้องก็ยังกลายเป็นแปดมัด!“นี่มันของดีจริง ๆ!”เมื่อเห็นผลจากการกินของนายน้อยแห่งตระกูลเจิ้ง หลิวอวี่ก็กินเข้าไปหนึ่งลูกเช่นกัน จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาทั้งสามคนกินผลไม้วิเศษไปมากมาย จนการบ่มเพาะพลังลมปราณในร่างกายใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดหลังจากกินจนอิ่มหนำสำราญ พวกเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีภารกิจที่ต้องทำ ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างจากนั้นจึงรีบหยิบผลไม้วิเศษขึ้นมาหนึ่งลูกแล้วรีบไปหางูยักษ์หากไม่เห็นก็จะไม่รู้เลย ไม่คาดคิดว่างูยักษ์จะตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ เมื่อมันแผ่พังพานจะสูงได้ถึงสิบเมตร!
หลังจากเคี้ยวเบา ๆ สองสามครั้ง ผลไม้วิเศษก็ถูกกลืนลงท้องไปจากนั้นมันก็ใช้หางปัดไปที่ตัวของมันเอง แล้วเกล็ดชิ้นหนึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี มันจึงแลบลิ้นเลียแผลสองสามครั้งหวังหยวนดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่มันไม่อยากกินผลไม้วิเศษ เพราะการถอนเกล็ดออกมานั้นเจ็บปวดเกินไปหลังจากได้เกล็ดมาแล้ว หวังหยวนก็โค้งคำนับงูยักษ์ จากนั้นพาลูกน้องทั้งสองคนวิ่งขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อหวังหยวนจากไปแล้ว หวังเฉียงเซิ่งและลูกน้องทั้งสองก็มาถึงช้ากว่า พวกเขาบาดเจ็บจากการต่อสู้ไปทั้งตัว ดูแล้วน่าเวทนา“นี่ เจ้างูยักษ์ กินเสีย!”หวังเฉียงเซิ่งตะโกนใส่งูยักษ์ เขาวางผลไม้วิเศษสีแดงไว้ตรงหน้าของมันเหมือนมอบของขวัญ แต่ว่างูยักษ์ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยงูยักษ์ยังอ้าปากหาว แล้วก็หลับสนิทด้วยการกระทำนี้ทำให้หวังเฉียงเซิ่งและคนอื่น ๆ ตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่ เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดมันไม่กินผลไม้วิเศษล่ะ? เราไม่ได้จำกฎผิดแน่นอนนะ!”“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผลไม้วิเศษก็ถูกวางไว้ที่นี่แล้ว ควรจะถือว่าเราทำภารกิจสำเร็จแล้วน
“เหตุใดพวกเจ้าขึ้นมาช้ากันนัก? พวกข้าขึ้นมาตั้งนานแล้ว หากไม่ติดว่าต้องเข้าไปในเขาวงกตพร้อมกัน พวกข้าคงได้ป้ายตราไปแล้ว”หลิวอวี่ยืดเส้นยืดสาย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยามเหยียดหวังเฉียงเซิ่งแทบจะขาดใจตายเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะถูกคนที่มีวิทยายุทธ์ต่ำกว่าตนเองทำให้เสียหน้า แถมยังดูถูกเขาอีก“พวกเจ้ารนหาที่ตายนัก!”หวังเฉียงเซิ่งบันดาลโทสะ ชักดาบออกมาโดยไม่สนใจบาดแผลบนร่างกาย เตรียมต่อสู้กับพวกเขาอีกครั้ง แต่เซี่ยหลานที่อยู่ข้าง ๆ รีบห้ามเขาไว้“พี่ใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาลงมือ ท่านคงจำได้ดีว่าหวังหยวนมีอาวุธลับอันร้ายกาจ หากเราเผลอก็อาจถูกเขาสังหารได้ในพริบตา!”เซี่ยหลานกระซิบข้างหูหวังเฉียงเซิ่งเขาเกลี้ยกล่อมหวังเฉียงเซิ่งให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ เพราะภารกิจหลักตอนนี้คือการเข้าไปในเขาวงกตหลังจากเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง หวังเฉียงเซิ่งจึงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงเมื่อเข้าไปในเขาวงกตแล้ว เขาจะมีหนทางฆ่าคนเหล่านี้ได้มากมายทุกคนยืนอยู่ด้วยกันจึงเปิดประตูเขาวงกตสำเร็จภายในมืดมิด มองเห็นรูปปั้นหินรูปคนขนาดใหญ่หลายตัวอยู่ที่ประตู พวกมันถือขวานและแส้ ดูน่าเกรงขามมาก“ปรากฏว่าเขาวงกตเป็น
โชคดีที่หวังหยวนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เขารีบวิ่งผ่านเสาด้านข้างไปหาหลิวอวี่ แล้วคว้าเอวเขากลับมาที่เดิมทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นรูปปั้นหินเหล่านั้นก็กลายเป็นหินอีกครั้ง ไม่ขยับเขยื้อน“พี่ใหญ่ เราจะทำอย่างไรดี? รูปปั้นหินเหล่านี้ตัวใหญ่เกินไปและยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอีกด้วย หากเราพุ่งตรงไปตามทางนี้ คงมีแต่ตายกับตาย”นายน้อยเจิ้งพูด ขณะที่หวังหยวนหยิบปืนออกมาเตรียมพร้อม รูปปั้นหินเหล่านี้ตัวใหญ่มากหากใช้ปืนยิงไปแบบสุ่มก็คงไม่สามารถล้มพวกมันได้หวังเฉียงเซิ่งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหวังหยวน มองดูพวกเขาเงียบ ๆ ว่าจะรับมือกับด่านนี้อย่างไรด้านหลังรูปปั้นหินเหล่านี้เป็นห้องที่ปิดสนิท และมีแม่กุญแจที่ทำจากทองคำเห็นได้ชัดว่าภายในน่าจะมีของมีค่าบางอย่างซ่อนอยู่ จึงได้ประดับประดาประตูให้หรูหราเช่นนี้หากไม่ผิดคาด ภายในน่าจะเป็นเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ นั่นก็คือป้ายตราหวังหยวนลูบคางครุ่นคิดพลางสังเกตโครงสร้างโดยรอบอย่างละเอียดนอกจากทางนี้แล้วก็ไม่มีทางอื่นให้เลือกอีก พวกเขาจึงต้องเดินตรงไปแต่รูปปั้นหินเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ดังนั้นต้องมีวิธีอื่นที่เ
“หวังหยวนระวัง พวกเขาตามเรามาตลอด ตอนนี้ขึ้นบันไดมาแล้ว กำลังจะเข้าไปใกล้ท่านแล้ว!”เมื่อไม่สามารถขึ้นไปสู้กับพวกเขาได้ ก็ต้องแจ้งให้หวังหยวนทราบ เพื่อให้หวังหยวนระมัดระวังตัวหวังหยวนหันกลับมาดูก็พบหวังเฉียงเซิ่ง เซี่ยหลาน และอีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลังจริง ๆพวกนี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ“หวังหยวน ข้าบอกไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ นี่เป็นโอกาสอันดี ถึงแม้เราจะผลักเจ้าตกลงไปก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของเรา อาจเป็นเพราะขาเจ้าไม่แข็งแรงจึงร่วงตกลงไปเองก็ได้!”หลังจากพูดจบ หวังเฉียงเซิ่งก็ชักอาวุธออกมาเริ่มโจมตีหวังหยวน ความเร็วของเขาเร็วมาก และเน้นโจมตีที่เท้าของหวังหยวนทุกครั้งแต่หวังหยวนก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาหยิบปืนออกจากกระเป๋ามายิงที่แขนซ้ายของหวังเฉียงเซิ่งยังไม่ทันที่หวังหยวนจะได้พักหายใจ เซี่ยหลานที่อยู่ด้านข้างก็โจมตีเข้ามาอีก พัดในมือของเขากลายเป็นใบมีดที่คมกริบอย่าเพิ่งดูถูกเซี่ยหลานที่ดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลย แต่แท้จริงแล้วจิตใจของเขาละเอียดอ่อนที่สุด และยังเป็นคนโหดเหี้ยมอีกด้วยทุกครั้งที่โจมตีหวังหยวน เขามุ่งแต่จะแทงไปที่ลำคอของหวังหยวนส่วนฮั่วไคเหลี่ยงไม่มีอะไรพิเศษ แต่พละก
หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้าคนผู้นี้ช่างบ้าคลั่งจริง ๆ เพื่อชัยชนะแล้วทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะทำลายผลประโยชน์ของตนเองก็ตามจากนั้นหวังหยวนก็เล็งที่ขาขวาของเขา แล้วยิงไปหนึ่งนัดครั้งนี้หวังเฉียงเซิ่งไม่สามารถหลบได้ เขาคุกเข่าลงบนพื้น ขาขวามีเลือดไหลไม่หยุด แต่เขาก็ไม่สนใจเขาปาดาบประจำกายออกไปหมายจะให้แทงทะลุกะโหลกของหวังหยวน แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกหวังหยวนยิงที่ขาซ้ายอีกครั้งสุดท้ายหวังเฉียงเซิ่งที่เพิ่งขาพิการทั้งสองข้างก็คุกเข่าอยู่บนขั้นบันได ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาจ้องมองหวังหยวนด้วยความเคียดแค้นสุดขีด ราวกับว่าหวังหยวนเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ของเขา!“คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับสตรีศักดิ์สิทธิ์”หลังจากพูดประโยคนี้กับหวังเฉียงเซิ่งแล้ว หวังหยวนก็เหยียบหัวของเขาแทนขั้นบรรได แล้วกระโดดร่อนลงไปที่หน้าประตูได้สำเร็จไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้ต่อหวังหยวนเท่านั้น แต่ยังถูกหวังหยวนใช้เป็นที่รองเท้าอีกด้วย นับเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!ในที่สุดหวังเฉียงเซิ่งก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเขาผลักกำแพง จากนั้นใช้แรงจากกำแพงที่เด้งกลับมาพุ่งตัวตกลงไปที่พื้นทันทีที่ร่างของเขาสัม
หลังจากรอคอยอย่างเงียบงันเป็นเวลาหลายนาที ในที่สุดหวังหยวน หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็เดินออกมาช้า ๆ โดยในมือของหวังหยวนนั้นถือป้ายตราอยู่!“คุณชาย!”เสวี่ยเชียนหลงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นในใจของตนเองได้อีกต่อไป นางวิ่งเข้ามาหาหวังหยวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โผเข้ากอดหวังหยวนหวังหยวนเองก็ไม่คิดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์ผู้สง่างามผู้นั้นจะกลายเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เช่นนี้นายน้อยเจิ้งหลงรักเสวี่ยเชียนหลงมานานแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นพี่ใหญ่ของตนอยู่กับหญิงที่ตนเองรัก เขาก็ยังรู้สึกหวิวในใจอยู่บ้างเมื่อเห็นนายน้อยเจิ้งทำท่าเหมือนจะร้องไห้ หลิวอวี่ก็แกล้งตบหลังเขาสองครั้งเพื่อปลอบใจนายน้อยเจิ้งรู้สึกไม่พอใจที่ตัวเองทำตัวน่าอับอายต่อหน้าน้องชาย จึงตบมือของหลิวอวี่อย่างแรง“เจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร ตามหลักแล้วเจ้าน่าจะอายุน้อยกว่าข้าสิ แต่กลับไม่เคารพพี่ชายเลย! ข้าเห็นเจ้าเศร้าโศกเสียใจ จึงอุตส่าห์ปลอบใจ เจ้ากลับตบมือข้าเนี่ยนะ!”หลิวอวี่ขยี้หลังมือของตัวเองที่เจ็บอยู่ จากนั้นก็จ้องมองนายน้อยเจิ้งด้วยสายตาหยอกล้อ ก่อนจะวิ่งไปหาหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงอย่างรวดเร็วคนผู้นี้ยังเป็นเด็กอยู่จริง ๆ ไ
เรื่องนี้ทำให้เสวี่ยโส่วจุนตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมากแน่นอนว่าเขาเลือกคนไม่ผิด! มีสายตาเฉียบแหลมนัก!ดีเหลือเกิน บัดนี้ลูกสาวของเขาคงจะรอดชีวิตแล้ว!ขณะที่ยืนรอพวกเขากลับมาอยู่ที่หน้าประตู เสวี่ยโส่วจุนก็กำมือของตนเองแน่นแม้ว่าเขาจะดีใจ แต่เมื่อนึกถึงว่าบุตรสาวของตนกำลังจะออกเรือนก็อดรู้สึกเสียดายไม่ได้“ดูสิ! พวกเขากลับมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าใครตะโกนออกมา ทำให้สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ด้านหน้าแล้วพวกเขาก็เห็นหวังหยวนและเสวี่ยเชียนหลงจูงมือกันเดินมาจากระยะไกลท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นพี่ชิงอีและคนอื่น ๆ เดินตามหลังพวกเขา เซี่ยหลานและฮั่วไคเหลี่ยงก็วิ่งมาด้วย แต่หวังเฉียงเซิ่งคงต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปแล้ว“คารวะผู้นำตระกูลทั้งแปด คารวะเสวี่ยโส่วจุน!”เมื่อพบกับเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย หวังหยวนก็โค้งคำนับก่อน จากนั้นจึงมอบป้ายตราให้แก่เสวี่ยโส่วจุนเมื่อเห็นป้ายตราในมือ เสวี่ยโส่วจุนก็พยักหน้าซ้ำ ๆ จากนั้นก็ตบไหล่หวังหยวน“ดีมาก ขอแสดงความยินดีที่เจ้าชนะการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่เป็นอันดับหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ตามกฎกติกาของการประลองยุทธ์เพื่อหาคู่ บุตรสาวของข้า เสวี่ยเชียนหลง จะเป็น
“พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ
“เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน
หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก
กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้
“เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป
การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”
“ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?
แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็
เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห