เมื่อเห็นว่าหวังหยวนได้ทีก็ยิ่งได้ใจ แต่หวังเฉียงเซิ่งกลับไม่มีหนทางใดจัดการเขาได้เลยเสียงซุบซิบนินทาข้าง ๆ ดังจนแทบทำให้หัวของเขาระเบิด!“หวังหยวนเก่งเกินไปแล้ว เขาถืออะไรอยู่ในมือ? เหตุใดมันถึงดูทรงพลังถึงเพียงนี้?”“ได้ยินมาว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเอง มีเพียงชิ้นเดียวในโลก และได้กลายเป็นของวิเศษในตำนานไปแล้ว!”“ไม่แปลกใจเลย ไม่เช่นนั้นปรมาจารย์ขั้นกลางอย่างเขาจะสามารถเอาชนะปรมาจารย์ขั้นสูงได้อย่างไร?”“จะว่าไปแล้วหวังเฉียงเซิ่งอ่อนแอลงถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด แม้แต่หวังหยวนยังสู้ไม่ได้ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเพียงแค่โอ้อวดนักหรือ? ตอนนี้ในที่สุดก็มีคนจัดการเขาได้แล้ว!”“ใช่แล้ว ใช่แล่ว ข้าคิดว่าคนเช่นนี้ควรต้องมีคนกำราบเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรกับพวกเรา!”หวังหยวนได้ยินเสียงซุบซิบนินทาข้าง ๆ ก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หวังเฉียงเซิ่งอับอายเพียงแต่หวังเฉียงเซิ่งคอยหาเรื่องเขาอยู่ตลอด หวังหยวนจึงรู้สึกเบื่อหน่ายจนต้องลงโทษเขาเช่นนี้“หวังหยวน เจ้ากล้ายิ่งนัก เมื่อออกไปจากที่นี่แล้ว ข้าจะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น!”หวังเฉียงเ
เมื่อได้ยินคำพูดของหวังหยวน หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็ส่ายหน้ารัวเมื่อได้เห็นความสามารถที่แท้จริงของหวังหยวนแล้ว พวกเขาจะไปแย่งผู้หญิงกับหวังหยวนได้อย่างไร อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายอย่างไรและหวังหยวนคนนี้ก็ค่อนข้างมีน้ำใจ ติดตามเขาไปในฐานะน้องชายก็ไม่เลว!จากนั้นก็มีศิษย์คนอื่น ๆ อีกมากมายเข้ามาหาเพราะต้องการให้หวังหยวนเป็นพี่ใหญ่หวังหยวนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต่อสู้กับหวังเฉียงเซิ่งเพียงครั้งเดียว แล้วจะได้กลายเป็นพี่ใหญ่ของเหล่าศิษย์แห่งเทียนไว่เทียนเมื่อเห็นลูกน้องมากมายถึงเพียงนี้ หลิวอวี่และนายน้อยเจิ้งก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องเน้นย้ำถึงสถานะของตนพวกเขาเป็นคนกลุ่มแรกที่ขอให้หวังหยวนเป็นพี่ใหญ่ ดังนั้นพวกเขาจึงควรมีสถานะสูงที่สุด!หวังหยวนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้อีกต่อไปจึงวิ่งไปนั่งพักอยู่ด้านข้างโชคดีที่วันถัดมาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าก็มาถึงวันที่สามเช้าวันที่สาม ต้นผลไม้วิเศษก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวหวังเฉียงเซิ่งและลูกน้องทั้งสองของเขาเป็นคนแรกที่ค้นพบ จากนั้นก็เป็นหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ค่อย ๆ ตอบสนองทุกคนต่อสู้แย่งชิงกันเป็นกลุ่ม สถานการณ์วุ่นวายมา
ผลไม้วิเศษเหล่านี้มีกลิ่นหอมเข้มเกินไปจนทำให้พวกเขารู้สึกเวียนหัว แต่ก็ยังอยากจะยัดผลไม้วิเศษทั้งหมดเข้าไปในท้อง“ข้าอดใจไม่ไหวแล้ว จะลองกินดูก่อน!”นายน้อยเจิ้งเป็นคนแรกที่อดใจไม่ไหว หยิบผลไม้วิเศษขึ้นมากัดเข้าปากหวังหยวนมองดูเขาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วเฝ้ารอเงียบ ๆ เพื่อดูว่ามีผลข้างเคียงใดหรือไม่หลังจากที่นายน้อยเจิ้งกินผลไม้วิเศษลูกแรกเข้าไป เขาก็พบว่าพละกำลังในร่างกายฟื้นคืนมาบ้าง และรู้สึกว่าการบ่มเพาะพลังลมปราณได้ก้าวหน้าขึ้นเล็กน้อย แม้แต่กล้ามเนื้อหน้าท้องก็ยังกลายเป็นแปดมัด!“นี่มันของดีจริง ๆ!”เมื่อเห็นผลจากการกินของนายน้อยแห่งตระกูลเจิ้ง หลิวอวี่ก็กินเข้าไปหนึ่งลูกเช่นกัน จากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มมีปฏิกิริยาทั้งสามคนกินผลไม้วิเศษไปมากมาย จนการบ่มเพาะพลังลมปราณในร่างกายใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดหลังจากกินจนอิ่มหนำสำราญ พวกเขาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีภารกิจที่ต้องทำ ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ ข้างนอกเป็นอย่างไรบ้างจากนั้นจึงรีบหยิบผลไม้วิเศษขึ้นมาหนึ่งลูกแล้วรีบไปหางูยักษ์หากไม่เห็นก็จะไม่รู้เลย ไม่คาดคิดว่างูยักษ์จะตัวใหญ่ถึงเพียงนี้ เมื่อมันแผ่พังพานจะสูงได้ถึงสิบเมตร!
หลังจากเคี้ยวเบา ๆ สองสามครั้ง ผลไม้วิเศษก็ถูกกลืนลงท้องไปจากนั้นมันก็ใช้หางปัดไปที่ตัวของมันเอง แล้วเกล็ดชิ้นหนึ่งก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ดี มันจึงแลบลิ้นเลียแผลสองสามครั้งหวังหยวนดูเหมือนจะเข้าใจแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่มันไม่อยากกินผลไม้วิเศษ เพราะการถอนเกล็ดออกมานั้นเจ็บปวดเกินไปหลังจากได้เกล็ดมาแล้ว หวังหยวนก็โค้งคำนับงูยักษ์ จากนั้นพาลูกน้องทั้งสองคนวิ่งขึ้นเขาไปอย่างรวดเร็วเมื่อหวังหยวนจากไปแล้ว หวังเฉียงเซิ่งและลูกน้องทั้งสองก็มาถึงช้ากว่า พวกเขาบาดเจ็บจากการต่อสู้ไปทั้งตัว ดูแล้วน่าเวทนา“นี่ เจ้างูยักษ์ กินเสีย!”หวังเฉียงเซิ่งตะโกนใส่งูยักษ์ เขาวางผลไม้วิเศษสีแดงไว้ตรงหน้าของมันเหมือนมอบของขวัญ แต่ว่างูยักษ์ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยงูยักษ์ยังอ้าปากหาว แล้วก็หลับสนิทด้วยการกระทำนี้ทำให้หวังเฉียงเซิ่งและคนอื่น ๆ ตกใจจนยืนนิ่งอยู่กับที่ เกิดอะไรขึ้น? มีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า?“พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้น? เหตุใดมันไม่กินผลไม้วิเศษล่ะ? เราไม่ได้จำกฎผิดแน่นอนนะ!”“ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผลไม้วิเศษก็ถูกวางไว้ที่นี่แล้ว ควรจะถือว่าเราทำภารกิจสำเร็จแล้วน
“เหตุใดพวกเจ้าขึ้นมาช้ากันนัก? พวกข้าขึ้นมาตั้งนานแล้ว หากไม่ติดว่าต้องเข้าไปในเขาวงกตพร้อมกัน พวกข้าคงได้ป้ายตราไปแล้ว”หลิวอวี่ยืดเส้นยืดสาย มองอีกฝ่ายด้วยสายตาหยามเหยียดหวังเฉียงเซิ่งแทบจะขาดใจตายเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะถูกคนที่มีวิทยายุทธ์ต่ำกว่าตนเองทำให้เสียหน้า แถมยังดูถูกเขาอีก“พวกเจ้ารนหาที่ตายนัก!”หวังเฉียงเซิ่งบันดาลโทสะ ชักดาบออกมาโดยไม่สนใจบาดแผลบนร่างกาย เตรียมต่อสู้กับพวกเขาอีกครั้ง แต่เซี่ยหลานที่อยู่ข้าง ๆ รีบห้ามเขาไว้“พี่ใหญ่ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาลงมือ ท่านคงจำได้ดีว่าหวังหยวนมีอาวุธลับอันร้ายกาจ หากเราเผลอก็อาจถูกเขาสังหารได้ในพริบตา!”เซี่ยหลานกระซิบข้างหูหวังเฉียงเซิ่งเขาเกลี้ยกล่อมหวังเฉียงเซิ่งให้หลีกเลี่ยงการต่อสู้ เพราะภารกิจหลักตอนนี้คือการเข้าไปในเขาวงกตหลังจากเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง หวังเฉียงเซิ่งจึงค่อย ๆ สงบสติอารมณ์ลงเมื่อเข้าไปในเขาวงกตแล้ว เขาจะมีหนทางฆ่าคนเหล่านี้ได้มากมายทุกคนยืนอยู่ด้วยกันจึงเปิดประตูเขาวงกตสำเร็จภายในมืดมิด มองเห็นรูปปั้นหินรูปคนขนาดใหญ่หลายตัวอยู่ที่ประตู พวกมันถือขวานและแส้ ดูน่าเกรงขามมาก“ปรากฏว่าเขาวงกตเป็น
โชคดีที่หวังหยวนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว เขารีบวิ่งผ่านเสาด้านข้างไปหาหลิวอวี่ แล้วคว้าเอวเขากลับมาที่เดิมทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที จากนั้นรูปปั้นหินเหล่านั้นก็กลายเป็นหินอีกครั้ง ไม่ขยับเขยื้อน“พี่ใหญ่ เราจะทำอย่างไรดี? รูปปั้นหินเหล่านี้ตัวใหญ่เกินไปและยังเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอีกด้วย หากเราพุ่งตรงไปตามทางนี้ คงมีแต่ตายกับตาย”นายน้อยเจิ้งพูด ขณะที่หวังหยวนหยิบปืนออกมาเตรียมพร้อม รูปปั้นหินเหล่านี้ตัวใหญ่มากหากใช้ปืนยิงไปแบบสุ่มก็คงไม่สามารถล้มพวกมันได้หวังเฉียงเซิ่งซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหวังหยวน มองดูพวกเขาเงียบ ๆ ว่าจะรับมือกับด่านนี้อย่างไรด้านหลังรูปปั้นหินเหล่านี้เป็นห้องที่ปิดสนิท และมีแม่กุญแจที่ทำจากทองคำเห็นได้ชัดว่าภายในน่าจะมีของมีค่าบางอย่างซ่อนอยู่ จึงได้ประดับประดาประตูให้หรูหราเช่นนี้หากไม่ผิดคาด ภายในน่าจะเป็นเป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ นั่นก็คือป้ายตราหวังหยวนลูบคางครุ่นคิดพลางสังเกตโครงสร้างโดยรอบอย่างละเอียดนอกจากทางนี้แล้วก็ไม่มีทางอื่นให้เลือกอีก พวกเขาจึงต้องเดินตรงไปแต่รูปปั้นหินเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ดังนั้นต้องมีวิธีอื่นที่เ
“หวังหยวนระวัง พวกเขาตามเรามาตลอด ตอนนี้ขึ้นบันไดมาแล้ว กำลังจะเข้าไปใกล้ท่านแล้ว!”เมื่อไม่สามารถขึ้นไปสู้กับพวกเขาได้ ก็ต้องแจ้งให้หวังหยวนทราบ เพื่อให้หวังหยวนระมัดระวังตัวหวังหยวนหันกลับมาดูก็พบหวังเฉียงเซิ่ง เซี่ยหลาน และอีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลังจริง ๆพวกนี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ“หวังหยวน ข้าบอกไว้แล้วว่าจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่ นี่เป็นโอกาสอันดี ถึงแม้เราจะผลักเจ้าตกลงไปก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดของเรา อาจเป็นเพราะขาเจ้าไม่แข็งแรงจึงร่วงตกลงไปเองก็ได้!”หลังจากพูดจบ หวังเฉียงเซิ่งก็ชักอาวุธออกมาเริ่มโจมตีหวังหยวน ความเร็วของเขาเร็วมาก และเน้นโจมตีที่เท้าของหวังหยวนทุกครั้งแต่หวังหยวนก็ไม่ใช่คนธรรมดา เขาหยิบปืนออกจากกระเป๋ามายิงที่แขนซ้ายของหวังเฉียงเซิ่งยังไม่ทันที่หวังหยวนจะได้พักหายใจ เซี่ยหลานที่อยู่ด้านข้างก็โจมตีเข้ามาอีก พัดในมือของเขากลายเป็นใบมีดที่คมกริบอย่าเพิ่งดูถูกเซี่ยหลานที่ดูเหมือนไม่สนใจอะไรเลย แต่แท้จริงแล้วจิตใจของเขาละเอียดอ่อนที่สุด และยังเป็นคนโหดเหี้ยมอีกด้วยทุกครั้งที่โจมตีหวังหยวน เขามุ่งแต่จะแทงไปที่ลำคอของหวังหยวนส่วนฮั่วไคเหลี่ยงไม่มีอะไรพิเศษ แต่พละก
หวังหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้าคนผู้นี้ช่างบ้าคลั่งจริง ๆ เพื่อชัยชนะแล้วทำได้ทุกอย่าง แม้ว่าจะทำลายผลประโยชน์ของตนเองก็ตามจากนั้นหวังหยวนก็เล็งที่ขาขวาของเขา แล้วยิงไปหนึ่งนัดครั้งนี้หวังเฉียงเซิ่งไม่สามารถหลบได้ เขาคุกเข่าลงบนพื้น ขาขวามีเลือดไหลไม่หยุด แต่เขาก็ไม่สนใจเขาปาดาบประจำกายออกไปหมายจะให้แทงทะลุกะโหลกของหวังหยวน แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกหวังหยวนยิงที่ขาซ้ายอีกครั้งสุดท้ายหวังเฉียงเซิ่งที่เพิ่งขาพิการทั้งสองข้างก็คุกเข่าอยู่บนขั้นบันได ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ เขาจ้องมองหวังหยวนด้วยความเคียดแค้นสุดขีด ราวกับว่าหวังหยวนเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อฆ่าแม่ของเขา!“คนอย่างเจ้าไม่คู่ควรกับสตรีศักดิ์สิทธิ์”หลังจากพูดประโยคนี้กับหวังเฉียงเซิ่งแล้ว หวังหยวนก็เหยียบหัวของเขาแทนขั้นบรรได แล้วกระโดดร่อนลงไปที่หน้าประตูได้สำเร็จไม่เพียงแต่จะพ่ายแพ้ต่อหวังหยวนเท่านั้น แต่ยังถูกหวังหยวนใช้เป็นที่รองเท้าอีกด้วย นับเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง!ในที่สุดหวังเฉียงเซิ่งก็ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเขาผลักกำแพง จากนั้นใช้แรงจากกำแพงที่เด้งกลับมาพุ่งตัวตกลงไปที่พื้นทันทีที่ร่างของเขาสัม
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น