รูกลมสองรูนี้ไม่ใช่เพียงรูกลมธรรมดา หากแต่ยังมีควันสีขาวพวยพุ่งออกมาด้วยนั่นแสดงว่าเมื่อสักครู่นี้หวังหยวนได้ใช้ของร้อนใดบางอย่างเผาจนมันจนหลอมละลายหรือเปล่า?“เจ้าใช้อาวุธลับอันใดกันแน่ ถึงได้ทำให้มือข้าเจ็บปวดเช่นนี้!”นายน้อยพยายามหยิบดาบขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทุกครั้งที่เขาจะหยิบ ดาบก็จะถูกหวังหยวนปัดตกลงไปอย่างง่ายดายด้วยเหตุนี้มือของนายน้อยจึงสั่นระริกหัวหน้าตระกูลเจิ้งที่นั่งอยู่บนที่นั่งทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว บัดนี้บุตรชายคนเล็กของเขากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบหากหวังหยวนไม่คิดจะยั้งมือ ฆ่าบุตรชายคนเล็กของเขาในเวลานี้ก็สมควรแล้ว เพราะเมื่อสักครู่นี้บุตรชายคนเล็กของเขาล้อเลียนอีกฝ่ายอย่างหนัก“ข้ารู้สึกว่าหวังหยวนจะได้รับชัยชนะในการประลองครั้งนี้แล้ว หรือเราควรหยุดการประลองนี้เสีย”หัวหน้าตระกูลเจิ้งพยายามไกล่เกลี่ยเพื่อจะหยุดการประลองนี้ แต่นักพรตชิงอีกลับหัวเราะเยาะ“เหตุใดจึงหยุดง่ายดายเช่นนี้เล่า? อีกฝ่ายยังไม่ได้ขอร้องให้หยุดเลย และหวังหยวนก็ยังไม่ได้ทำให้เขาพ่ายแพ้หรือเคลื่อนไหวไม่ได้ หากหยุดเช่นนี้ก็เกรงว่าฝูงชนจะไม่ยอมรับ!”คำพูดของนักพรตชิงอีชัดเจนมากแล้วว่า
ไม่อยากจะยอมรับเลย แต่ผลการประลองก็เป็นเช่นนี้ นายน้อยก้มหน้าลง สายตาเต็มไปด้วยความหมองหม่นเช่นนี้ก็ยังดีกว่าหวังหยวนเก็บปืนพกขนาดเล็ก แล้วเดินไปยังใจกลางเวทีการประลอง โค้งคำนับต่อเสวี่ยโส่วจุนบนเวทีและหัวหน้าตระกูลทั้งแปด“การประลองสิ้นสุดลงแล้ว ข้าได้เอาชนะพวกเขาทั้งสิบคนแล้วขอรับ”หลังจากหวังหยวนพูดประโยคนี้จบลง นายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งก็โยนหน้ากากลงบนเวทีด้วยความโกรธ จากนั้นก็ลงจากเวทีก่อนที่จะจากไป เขาก็ยังไม่ลืมที่จะจ้องมองหวังหยวนด้วยแววตาอาฆาตมาดร้ายความแค้นได้ก่อตัวขึ้นแล้ว อย่าคิดว่าต่อไปเขาจะยอมแพ้ง่าย ๆ เขาจะไม่ปล่อยหวังหยวนไปอย่างแน่นอนแม้ว่าหวังหยวนจะชนะการประลองสามครั้งนี้จริง ๆ แต่เมื่อถึงการประลองเพื่อเลือกคู่ครอง เขาก็คงไม่มีทางเอาชนะได้ เพราะในเวลานั้นจะมีผู้ที่เก่งกาจกว่าเขามากมาย!“ยอดเยี่ยม หวังหยวนมีความสามารถในการต่อสู้ที่โดดเด่น! เป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่งในโลกอย่างแท้จริง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงขอประกาศว่าหวังหยวนผ่านการทดสอบครั้งนี้!”เสวี่ยโส่วจุนลุกขึ้นยืนกล่าวชื่นชมหวังหยวน จากนั้นจึงประกาศว่าหวังหยวนได้รับชัยชนะหวังหยวนพยักหน้าเบา ๆ จากนั
อารมณ์ที่คลุมเครือแฝงเร้นอยู่ในดวงตาของทั้งสองเสวี่ยเชียนหลงเป็นฝ่ายรู้สึกตัวก่อนจึงเบือนสายตาหนี แต่สีแดงบนใบหน้าได้ทรยศความรู้สึกในใจนางในขณะนี้ในที่สุดเสวี่ยโส่วจุนก็เหมือนจะได้ยินเสียงจากด้านนอกจึงเดินออกมา เมื่อเห็นชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองยืนอยู่ด้วยกันอย่างสนิทสนมก็ไม่ได้เอ่ยคำใดตอนแรกเขายังเป็นกังวลว่าหากนักพรตชิงอีพบผู้ที่ฝึกเคล็ดวิชามหาสุริยันแล้ว แต่เสวี่ยเชียนหลงไม่ชอบคนผู้นั้นจะทำอย่างไร?บัดนี้ดีแล้ว ไม่เพียงแต่ลูกสาวของตนจะชอบเท่านั้น แต่คนผู้นี้ยังมีฝีมือและความสามารถเป็นเลิศอีกด้วยนอกจากการมีภรรยาอยู่แล้วสามคน ก็นับว่าเป็นบุรุษที่หาได้ยากยิ่งส่วนเรื่องที่ว่าหวังหยวนจะได้แต่งงานกับลูกสาวของตนหรือไม่นั้น ยังต้องผ่านการทดสอบครั้งสุดท้ายของเสวี่ยโส่วจุนอีกหลังจากส่งเสวี่ยเชียนหลงกลับห้องแล้ว หวังหยวนก็กลับมายังห้องของตนเองเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หวังหยวนก็ได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อเปิดประตูออกก็พบกับสาวใช้ที่ตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน“สวัสดีเจ้าค่ะคุณชายหวัง ข้าเป็นสาวใช้ข้างกายของสตรีสูงศักดิ์ สตรีสูงศักดิ์ประสงค์จะเชิญท่านไปพบ แต่เนื่องจากเกรงใจในฐานะจึงไม่อาจมา
สาวใช้พยักหน้าอย่างรุนแรง หวังให้หวังหยวนไว้ชีวิตนางหวังหยวนก็ไม่ได้อยากปลิดชีวิตนางอยู่แล้ว ในเมื่อคนผู้นี้สารภาพทุกอย่างแล้ว เขาก็จะเมตตาสาวใช้จึงพาหวังหยวนออกจากจวนเสวี่ยไปยังจวนตระกูลเจิ้ง นับเป็นครั้งแรกที่เขาได้ก้าวเข้าสู่ประตูจวนของแปดตระกูลใหญ่หลังจากที่หวังหยวนออกจากจวนเสวี่ย เสวี่ยเชียนหลงก็ได้รับข่าวทันทีนางรีบแต่งตัวแล้วไปที่ห้องของบิดา หวังให้บิดาออกมาจัดการเรื่องนี้เพราะหากหวังหยวนได้รับอันตราย นางเกรงว่าตนจะไม่มีทางรอดชีวิตอีกต่อไป“ท่านพ่อ ลูกเข้าใจว่าท่านไม่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่น แต่เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตของลูก ลูกจึงหวังให้ท่านช่วยด้วยเจ้าค่ะ”หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเสวี่ยเชียนหลง สีหน้าของเสวี่ยโส่วจุนก็เปลี่ยนไป ก่อนจะรีบส่งคนของตนไปสืบหาความจริงหากเป็นตระกูลเจิ้งที่ตั้งใจหาเรื่อง เขาจะไม่เข้าข้างปกป้องอย่างแน่นอน และจะต้องลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสาสม“ก่อนที่พ่อจะสืบหาความจริงได้ เจ้าจงอยู่แต่ในเรือน เรื่องนี้ให้พ่อจัดการเอง วางใจเถิด พ่อจะไม่ปล่อยให้เขาเป็นอันตรายอย่างแน่นอน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นเพียงผู้เดียวที่สามารถช่วยชีวิตเจ้าได้ ไม่ว่าอย
“เจ้าหนูสกปรกกล้ามาอาละวาดที่จวนเจิ้งของพวกข้าหรือ เจ้าไม่รู้หรือว่าตระกูลเจิ้งของพวกข้าเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่?”“พ่อบ้าน ท่านคิดว่าควรจะทำอย่างไรดี? ข้าควรจะพูดพล่ามกับมันต่อไปหรือไม่? หากไม่ควรก็คงต้องรุมกระทืบเจ้าหนูสกปรกตัวนี้ แล้วโยนมันออกไป”“ตั้งแต่เกิดมาข้าเพิ่งเคยพบคนโอหังเช่นนี้ เป็นเพียงหนูสกปรกไร้ชื่อเสียง กลับกล้ามาอาละวาดที่จวนเจิ้ง”เหล่าคนรับใช้ที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เกรงกลัวสถานะของเขาเลย กลับเอ่ยวาจาหยาบคายและเย่อหยิ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นสมุนที่อยู่ในตระกูลใหญ่มาช้านาน จนหลงคิดว่าตนเองก็เป็นสมาชิกตระกูลใหญ่เช่นกันหลังจากที่พ่อบ้านเห็นว่าตนมีพวกหนุนหลังแล้วก็กลายเป็นคนเย่อหยิ่งขึ้นมาทันทีเขาไม่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่เดินอย่างองอาจไปตรงหน้าหวังหยวน“เห็นหรือไม่ พวกนี้ล้วนมีฝีมือสูงส่งกว่าเจ้าทั้งสิ้น หากเจ้ายังกล้าบังอาจอีกก็จะไม่เกรงใจเจ้าแล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกข้าเป็นคนของตระกูลใหญ่ที่ต้องรักษาหน้าตา ก็คงจัดการเจ้าไปนานแล้ว!”พ่อบ้านรู้สึกว่าตนเองเมตตาพูดจาเตือนสติหวังหยวนอย่างดีที่สุดแล้ว หากหวังหยวนไม่ฟังก็คงช่วยอะไรไม่ได้หวังหยวนมองพวกเ
หวังหยวนกำลังคิดอะไรอยู่?ที่นี่คือจวนเจิ้งซึ่งเป็นอาณาเขตของเขา หากเขาสั่งเพียงคำเดียว บิดาของเขาก็จะนำกองทัพมามากมายเพื่อฆ่าหวังหยวน!หวังหยวนยืนอยู่ตรงหน้านายน้อยตระกูลเจิ้งก่อนจะต่อยเข้าที่ใบหน้า นายน้อยตระกูลเจิ้งทรงตัวไม่อยู่จึงล้มลงไปในแอ่งโคลนด้านข้าง“หมัดนี้ต่อยแทนเสวี่ยเชียนหลง เพราะการที่คนอย่างเจ้าชอบนางถือว่าเป็นการดูหมิ่นนางอย่างแท้จริง”จากนั้นหวังหยวนก็คว้าคอเสื้อของนายน้อยตระกูลเจิ้งขึ้นมาต่อยอีกหมัดแต่หมัดนี้ต่อยไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้เขายังยืนได้อย่างสมดุลกัน“หมัดนี้สำหรับข้าเอง การที่ได้รู้จักคนอย่างเจ้าถือว่าเป็นมลทินในชีวิตของข้า ขอให้หลังจากนี้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกันอีก!”หลังจากที่หวังหยวนต่อยสองหมัดแล้ว เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ ราวกับว่านายน้อยตระกูลเจิ้งเป็นสิ่งสกปรกที่ทำให้ร่างกายของเขาแปดเปื้อนนายน้อยตระกูลเจิ้งทรุดตัวลงไปที่พื้น แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกชายคนโปรดมาโดยตลอด ไม่เคยถูกดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อน แต่หวังหยวนกลับมอบความอัปยศอดสูเช่นนี้ให้แก่เขาเขาตะโกนดังลั่นก่อนลุกขึ้นจากพื้น แล้วหยิบดาบประจำตัวออ
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจละเลยลูกชายของตนเองได้“ดูเหมือนว่าลูกชายคนเล็กของข้าจะดื้อรั้นเกินไป ข้าขอโทษแทนเขาด้วย ตระกูลเจิ้งของข้าถือว่าติดหนี้เจ้า เจ้าไว้ชีวิตเขาด้วยเถิด วันหน้าข้าจะชดใช้ให้”กล่าวจบแล้ว หัวหน้าตระกูลเจิ้งก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วโค้งคำนับตรงหน้าหวังหยวนอย่างสุภาพลูกชายคนเล็กของตระกูลเจิ้งไม่เคยเห็นบิดาตนเองก้มหัวให้ผู้อื่นเช่นนี้ จึงลืมแม้กระทั่งจะเอ่ยคำใดออกไปหวังหยวนก็ไม่ได้คาดคิดว่าหัวหน้าตระกูลเจิ้งจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขากล่าวคำขอโทษโดยไม่ลังเลบุคคลเช่นนี้เองที่ทำให้ทั้งโลกต้องหวาดกลัว เพราะเขาไร้ซึ่งความละอายมีคำกล่าวโบราณว่าคนไร้ซึ่งความละอาย ทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้าน คงจะเป็นเช่นนี้กระมังที่ทำให้หัวหน้าตระกูลเจิ้งก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ได้“ท่านพ่อ ท่านกำลังอะไรอยู่ขอรับ? เขาเป็นเพียงคนต่ำช้า ท่านจะก้มหัวให้เขาได้อย่างไร?”ลูกชายคนเล็กของตระกูลเจิ้งเพิ่งจะตั้งสติได้ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาจึงก้มหัวให้คนต่ำช้าที่รังแกตนเองเช่นนี้หวังหยวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ส่วนหัวหน้าตระกูลเจิ้งตวาดเขาเสียงดัง“พอแล้ว เจ้ายังคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำมานั้นย
“ฮึ่ม ท่านหัวหน้าตระกูลเจิ้ง บางสิ่งที่ท่านทำลงไป จงอย่าได้คิดว่าผู้อื่นจะไม่รู้ และอีกอย่าง เหตุใดจวนของข้าจึงมีสาวใช้ตระกูลเจิ้งของท่านเข้ามา? นางมาถึงหน้าประตูห้องของหวังหยวน แล้วอ้างตนเป็นสาวใช้ของสตรีสูงศักดิ์หญิงได้อย่างไร?”คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเสวี่ยโส่วจุน ก็ทำให้หัวหน้าตระกูลเจิ้งเหงื่อตกลูกชายคนเล็กที่อยู่ข้าง ๆ รู้ดีว่าตนเองเป็นผู้ก่อเรื่องนี้ขึ้นมา จึงไม่อยากให้บิดาต้องรับผิดแทนตน“เสวี่ยโส่วจุน! เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของข้าเพียงผู้เดียวขอรับ บิดาของข้าไม่รู้เรื่องใด ๆ ขอเสวี่ยโส่วจุนอย่าได้ลงโทษบิดาของข้า หากจะลงโทษ ข้าขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวขอรับ”ขณะที่ลูกชายคนเล็กของตระกูลเจิ้งกล่าวถ้อยคำนี้ หวังหยวนก็หันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจเพราะไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้แม้จะไม่ฉลาดนัก แต่ก็รักบิดาของตนเองอย่างแท้จริงแท้จริงแล้วเขาไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงใด ๆ หวังหยวนจึงไม่คิดจะเอาเรื่องเขาอยู่แล้ววันนี้มาที่นี่ก็เพื่อตักเตือนเขา หากหลังจากนี้ยังกระทำเช่นนี้อีก หวังหยวนจะไม่ละเว้นเขาเป็นแน่“เจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงเช่นนี้ แม้แต่