หวังหยวนกำลังคิดอะไรอยู่?ที่นี่คือจวนเจิ้งซึ่งเป็นอาณาเขตของเขา หากเขาสั่งเพียงคำเดียว บิดาของเขาก็จะนำกองทัพมามากมายเพื่อฆ่าหวังหยวน!หวังหยวนยืนอยู่ตรงหน้านายน้อยตระกูลเจิ้งก่อนจะต่อยเข้าที่ใบหน้า นายน้อยตระกูลเจิ้งทรงตัวไม่อยู่จึงล้มลงไปในแอ่งโคลนด้านข้าง“หมัดนี้ต่อยแทนเสวี่ยเชียนหลง เพราะการที่คนอย่างเจ้าชอบนางถือว่าเป็นการดูหมิ่นนางอย่างแท้จริง”จากนั้นหวังหยวนก็คว้าคอเสื้อของนายน้อยตระกูลเจิ้งขึ้นมาต่อยอีกหมัดแต่หมัดนี้ต่อยไปอีกด้านหนึ่ง ทำให้เขายังยืนได้อย่างสมดุลกัน“หมัดนี้สำหรับข้าเอง การที่ได้รู้จักคนอย่างเจ้าถือว่าเป็นมลทินในชีวิตของข้า ขอให้หลังจากนี้เราต่างคนต่างอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกันอีก!”หลังจากที่หวังหยวนต่อยสองหมัดแล้ว เขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือ ราวกับว่านายน้อยตระกูลเจิ้งเป็นสิ่งสกปรกที่ทำให้ร่างกายของเขาแปดเปื้อนนายน้อยตระกูลเจิ้งทรุดตัวลงไปที่พื้น แววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อตั้งแต่เด็ก เขาเป็นลูกชายคนโปรดมาโดยตลอด ไม่เคยถูกดูหมิ่นเช่นนี้มาก่อน แต่หวังหยวนกลับมอบความอัปยศอดสูเช่นนี้ให้แก่เขาเขาตะโกนดังลั่นก่อนลุกขึ้นจากพื้น แล้วหยิบดาบประจำตัวออ
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่อาจละเลยลูกชายของตนเองได้“ดูเหมือนว่าลูกชายคนเล็กของข้าจะดื้อรั้นเกินไป ข้าขอโทษแทนเขาด้วย ตระกูลเจิ้งของข้าถือว่าติดหนี้เจ้า เจ้าไว้ชีวิตเขาด้วยเถิด วันหน้าข้าจะชดใช้ให้”กล่าวจบแล้ว หัวหน้าตระกูลเจิ้งก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วโค้งคำนับตรงหน้าหวังหยวนอย่างสุภาพลูกชายคนเล็กของตระกูลเจิ้งไม่เคยเห็นบิดาตนเองก้มหัวให้ผู้อื่นเช่นนี้ จึงลืมแม้กระทั่งจะเอ่ยคำใดออกไปหวังหยวนก็ไม่ได้คาดคิดว่าหัวหน้าตระกูลเจิ้งจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขากล่าวคำขอโทษโดยไม่ลังเลบุคคลเช่นนี้เองที่ทำให้ทั้งโลกต้องหวาดกลัว เพราะเขาไร้ซึ่งความละอายมีคำกล่าวโบราณว่าคนไร้ซึ่งความละอาย ทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้าน คงจะเป็นเช่นนี้กระมังที่ทำให้หัวหน้าตระกูลเจิ้งก้าวขึ้นมาสู่ตำแหน่งนี้ได้“ท่านพ่อ ท่านกำลังอะไรอยู่ขอรับ? เขาเป็นเพียงคนต่ำช้า ท่านจะก้มหัวให้เขาได้อย่างไร?”ลูกชายคนเล็กของตระกูลเจิ้งเพิ่งจะตั้งสติได้ เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาจึงก้มหัวให้คนต่ำช้าที่รังแกตนเองเช่นนี้หวังหยวนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ส่วนหัวหน้าตระกูลเจิ้งตวาดเขาเสียงดัง“พอแล้ว เจ้ายังคิดว่าสิ่งที่เจ้าทำมานั้นย
“ฮึ่ม ท่านหัวหน้าตระกูลเจิ้ง บางสิ่งที่ท่านทำลงไป จงอย่าได้คิดว่าผู้อื่นจะไม่รู้ และอีกอย่าง เหตุใดจวนของข้าจึงมีสาวใช้ตระกูลเจิ้งของท่านเข้ามา? นางมาถึงหน้าประตูห้องของหวังหยวน แล้วอ้างตนเป็นสาวใช้ของสตรีสูงศักดิ์หญิงได้อย่างไร?”คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเสวี่ยโส่วจุน ก็ทำให้หัวหน้าตระกูลเจิ้งเหงื่อตกลูกชายคนเล็กที่อยู่ข้าง ๆ รู้ดีว่าตนเองเป็นผู้ก่อเรื่องนี้ขึ้นมา จึงไม่อยากให้บิดาต้องรับผิดแทนตน“เสวี่ยโส่วจุน! เรื่องทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของข้าเพียงผู้เดียวขอรับ บิดาของข้าไม่รู้เรื่องใด ๆ ขอเสวี่ยโส่วจุนอย่าได้ลงโทษบิดาของข้า หากจะลงโทษ ข้าขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียวขอรับ”ขณะที่ลูกชายคนเล็กของตระกูลเจิ้งกล่าวถ้อยคำนี้ หวังหยวนก็หันไปมองเขาด้วยความประหลาดใจเพราะไม่คาดคิดว่าเด็กคนนี้แม้จะไม่ฉลาดนัก แต่ก็รักบิดาของตนเองอย่างแท้จริงแท้จริงแล้วเขาไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงใด ๆ หวังหยวนจึงไม่คิดจะเอาเรื่องเขาอยู่แล้ววันนี้มาที่นี่ก็เพื่อตักเตือนเขา หากหลังจากนี้ยังกระทำเช่นนี้อีก หวังหยวนจะไม่ละเว้นเขาเป็นแน่“เจ้าจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นร้ายแรงเช่นนี้ แม้แต่
นายน้อยแห่งตระกูลเจิ้งไม่ได้หันกลับมามอง เขาเพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่คาดคิดเลยว่าศัตรูในอดีตจะกลายมาเป็นมิตรได้เขายกยิ้มแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากับหวังหยวน“นับว่าเราได้รู้จักกันโดยไม่ได้ตั้งใจ เรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ข้ายังไม่ได้บอกชื่อของข้าเลย ข้าชื่อเจิ้งอู๋หมิ่น หวังหยวน เจ้าจงจำชื่อของข้าไว้ให้ดี แม้ว่าเราจะยังไม่สามารถเป็นสหายกันได้ในเร็ววันนี้ แต่ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานเราคงได้พบกันอีก”หลังจากที่เจิ้งอู๋หมิ่นพูดจบ เขาก็หันหลังโบกมือลาแล้วเดินจากไปหวังหยวนมองตามหลังเขา มุมปากปรากฏรอยยิ้มจาง“เอ๊ะ พวกท่านลืมข้าไปแล้วหรือไร? หากไม่มีอะไรแล้ว เราก็กลับกันเถิด ข้ารู้สึกไม่ค่อยดีอยู่เสมอเมื่ออยู่ในจวนตระกูลเจิ้ง การแข่งขันรอบที่สามจะประกาศในเร็ว ๆ นี้แล้ว จึงควรกลับไปเตรียมตัวเจ้าค่ะ”เสวี่ยเชียนหลงก็บอกไม่ถูกว่าเพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกได้ถึงความวังเวงน่ากลัว ราวกับมีกลิ่นคาวเลือดอบอวลอยู่ไปทั่ว เมื่อนางอยู่ในจวนตระกูลเจิ้ง ทั้งที่มีแสงแดดส่องสว่างสดใส เสียงนกร้องไพเราะ และมีดอกไม้ป่างามตาขึ้นอยู่ทั่วทุกหนแห่งเมื่อหวังหยวนหันไปมองเสวี่ยเชียนหลง เขาก็เห็นว่าคิ้วของนางขมวดเข้า
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ หวังหยวนก็รู้สึกแปลกใจก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า? หรือว่าเสียงนินทาเหล่านั้นเคยทำให้เชียนหลงรู้สึกแย่ จึงทำให้นางรู้สึกไวต่อคำติฉินนินทามากถึงเพียงนี้?พี่ชิงอีเดินไปยืนข้างหวังหยวนพลางมองตามหลังเสวี่ยเชียนหลงที่เดินจากไป แล้วก็เดินกลับไปพร้อมกับหวังหยวนอย่างตลอดทางทั้งสองพูดคุยกันมากมายเกี่ยวกับอดีตของเชียนหลง รวมถึงเรื่องที่นางป่วยเป็นโรคหนาวสั่นหวังหยวนไม่รู้ พี่ชิงอีก็เล่าให้ฟังหมดทุกเรื่องเมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลเสวี่ย หวังหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเต้นเร็วมาก แต่ก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเขาเข้าใจว่าตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดจากการบาดเจ็บภายในคงเป็นเพราะว่าเขาเป็นห่วงเสวี่ยเชียนหลงมากเกินไปเขาเดินไปที่หน้าห้องของเสวี่ยเชียนหลงและต้องการจะเคาะประตู แต่สุดท้ายก็เดินจากไป เขาคิดว่าตอนนี้ยังเร็วเกินไปเมื่อเขาได้เป็นผู้ชนะเลิศในการประลองยุทธ์เพื่อสู่ขอแล้ว เขาจะมาสู่ขอเสวี่ยเชียนหลงอย่างเปิดเผย และบอกกับนางว่าโรคหนาวสั่นนั้นไม่ได้น่ากลัว เขาจะช่วยนางเอง!เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สามวันก็มาถึงและการแข่งขันรอบสุดท้ายก็มาถึ
เมื่อรับของเหล่านั้นแล้ว หวังหยวนก็หันหลังเตรียมจะเริ่มออกเดินทางจะมีคนรับใช้พาเขาไปยังป่ามรณะแต่ก่อนจะก้าวออกจากประตู หวังหยวนก็หันกลับไปมองเสวี่ยเชียนหลงราวกับมีกระแสจิต เขาจึงรู้สึกว่าเสวี่ยเชียนหลงเป็นห่วงเขา เขายิ้มเพื่อบอกให้เสวี่ยเชียนหลงไม่ต้องกังวล เพียงแค่รอให้เขากลับมาอย่างสบายใจก็พอเมื่อส่งยิ้มให้แล้ว หวังหยวนก็หันหลังจากไปเขาขี่ม้าติดตามคนรับใช้ไปนานเพียงใดก็ไม่อาจทราบได้ ในที่สุดก็มาถึงป่ามรณะ“เห็นป้ายนี้หรือไม่ ข้างหน้าคือป่ามรณะ เมื่อก้าวเข้าไปที่นั่นจะมีสัตว์ป่ามากมายมาโจมตีท่าน ข้าจะบอกเพียงเท่านี้ ขอให้โชคดีขอรับ”คนรับใช้ได้เห็นการแข่งขันสองครั้งก่อนหน้าของหวังหยวนแล้ว จึงรู้สึกว่าหวังหยวนก็เป็นบุคคลมีพรสวรรค์ที่หาได้ยากด้วยความเสียดายคนที่มีความสามารถ เขาจึงเตือนด้วยความหวังดีเมื่อคนรับใช้จากไปแล้ว หวังหยวนก็ไม่ลังเลที่จะถือข้าวของเดินเข้าไปยังป่ามรณะเมื่อก้าวข้ามป้ายนั้นไปแล้ว เขาสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไป ปรากฏว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในเทียนไว่เทียนหลังจากการประชุมเล็ก ๆ สิ้นสุดลง เสวี่ยเชียนหลงและนักพรตช
เขารู้สึกหิวโหยนักจึงจำต้องหาของกินมาประทังชีวิต ไม่เช่นนั้นตนอาจสิ้นใจลงก่อนที่จะได้ลงมือกระทำการใดด้วยซ้ำด้วยความที่เขาเดินทางข้ามเวลามาจากยุคสมัยใหม่ จึงชอบดูคลิปวิดีโอของชายนามว่าแบร์ กริลส์มาก คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้นำความรู้ดังกล่าวมาใช้ในสถานที่เช่นนี้ เขาสร้างกับดักง่าย ๆ ตามวิธีที่แบร์ กริลส์เคยสอนทำในคลิปวิดีโอ บัดนี้สิ่งที่ต้องทำคือหาเหยื่อล่อมาทว่าจะหามาได้จากที่ใดเล่า?ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เสียงใบหญ้าเสียดสีกันก็ดังขึ้นจากพุ่มไม้ข้างกายเขาตึงเครียดขึ้นทันใด กำมีดสั้นไว้ในมือแน่น หากมีสัตว์ป่าปรากฏตัวขึ้น เขาก็พร้อมจะสู้ตาย!ทว่ากระต่ายป่าตัวหนึ่งกลับกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ แล้วมายืนอยู่ตรงหน้าหวังหยวนเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีสัตว์ป่าอื่นซ่อนตัวอยู่อีก หวังหยวนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกจากนั้นเขาก็ได้มองไปยังกระต่ายป่าตัวน้อยที่นอนอยู่ตรงหน้าตนโชคดีนักที่เหยื่อล่อมาหาถึงที่หวังหยวนจึงจับกระต่ายป่ามาได้โดยง่ายดาย จากนั้นเขาก็ใช้เลือดกระต่ายป่าที่มีกลิ่นคาวล่อสัตว์ป่าในบริเวณใกล้เคียงบริเวณโดยรอบมีพุ่มไม้มากมาย หวังหยวนจึงได้หาโคลนมาพอกที่ตัวเพื่อกลบกลิ่นต
คนเช่นนี้ยังจำเป็นต้องให้พวกเขาคอยปกป้องอีกหรือ?“ไม่เช่นนั้นเราก็กลับไปกันเถิด ดูจากลักษณะเขาแล้วไม่น่าจะต้องการให้เราปกป้องเลยนะ!”“ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นคำสั่งของท่านเสวี่ยโส่วจุน เราจึงควรเฝ้ารออยู่ที่นี่ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการให้เราปกป้องก็ตาม เราก็ต้องอยู่ที่นี่”เหล่าองครักษ์ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริด พวกเขาถกเถียงกันว่าควรจะจากไปดีหรือไม่แต่สุดท้ายก็ยังคงอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่สามารถขัดคำสั่งของท่านเสวี่ยโส่วจุนได้ในดินแดนรกร้างเช่นนี้ หากปราศจากหินเหล็กไฟ ก็ทำได้เพียงแต่พยายามใช้ไม้ก่อไฟเท่านั้นไม่เหมือนกับในยุคสมัยที่เขาเคยอาศัยอยู่ที่มีไฟแช็กเครื่องมือขนาดเล็กที่สะดวกสบาย เพียงพกไว้ในกระเป๋าก็สามารถนำติดตัวไปได้ทุกหนแห่งแต่บัดนี้เขาต้องพกหินหนัก ๆ สองก้อนไว้กับตัว และยังต้องเอามากระทบกันอยู่นานกว่าจะติดไฟหวังหยวนใช้มีดสั้นถลกหนังหมูป่าที่ตายแล้วออกและปล่อยเลือดออก จากนั้นก็หั่นเนื้อเป็นชิ้นเล็ก ๆแล้วใช้กิ่งไม้ที่เก็บมาได้เสียบชิ้นเนื้อที่หั่นไว้ทีละชิ้น แล้วนำไปวางบนเตาปิ้งย่างที่ทำขึ้นอย่างง่าย ๆเตาปิ้งย่างนี้ทำขึ้นอย่างหยาบ ๆ โดยใช้กิ่งไม้ขนาดใหญ่จำ
ดูเหมือนว่าเมืองหลิงจะเป็นเมืองที่รุ่งเรืองและมั่งคั่งที่สุดในดินแดนทั้งเก้า!ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข เป็นที่หมายปองของทุกคน!เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านของหวังหยวน พวกหลี่ซื่อหานได้สั่งให้คนเตรียมอาหารไว้แล้ว เมื่อทุกคนนั่งลงที่โต๊ะแล้ว หวังหยวนจึงแนะนำหลิ่วหรูเยียนให้เหล่าภรรยารู้จักพวกนางชินกับเรื่องแบบนี้แล้วบุรุษมีสามภรรยาสี่อนุเป็นเรื่องปกติ ไม่นานพวกนางก็สนิทสนมกันดั่งพี่สาวน้องสาวเนื่องจากไป๋ลั่วหลีอยู่ที่นี่ด้วย หวังหยวนจึงไม่อาจอยู่พูดคุยกับภรรยาได้ เพราะต้องไปดูแลไป๋ลั่วหลีก่อนเพื่อไม่ให้เสียมารยาทหวังหยวนกลับมานั่งที่โต๊ะ หลังจากดื่มกับไป๋ลั่วหลีสองสามจอกแล้วจึงกล่าวว่า “คุณหนูไป๋เดินทางมาไกล คงไม่ใช่แค่มาขอบคุณข้ากระมัง?”“ตอนนี้เราเป็นสหายกันแล้ว หากเจ้ามีเรื่องอยากปรึกษาก็บอกมาตามตรงเถิด ไม่ต้องอ้อมค้อม! ข้าไม่ใช่คนใจแคบ! หากมีสิ่งใดให้ข้าช่วย ข้าก็ยินดี”หวังหยวนเป็นคนใจกว้างไป๋ลั่วหลีได้ยินเช่นนั้นก็ส่ายหน้าและถอนหายใจเป็นเช่นที่ร่ำลือกันจริง ๆ!หวังหยวนมีสายตาเฉียบแหลม แม้จะอายุยังน้อยแต่ก็มองคนได้ทะลุปรุโปร่ง ไม่มีความคิดใดหลบเลี่ยงสายตาเขาไปได้!“ในเมื่อท
“ทุกท่านดื่มกันเถิด!”“ไม่ต้องสนใจข้า!”“ครั้งนี้ไม่เพียงแต่ปราบพรรคทมิฬได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เมืองอู่เจียงเจริญรุ่งเรือง เส้นทางคมนาคมทางน้ำก็เปิดใช้งานแล้วทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะความร่วมมือของพวกท่าน!”หวังหยวนยกจอกสุราขึ้นดื่มกับทุกคนวันนี้มีสุรา วันนี้ก็เมามาย ช่างรื่นรมย์ยิ่งนัก!เมื่อฟ้าสาง ทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ เช้าวันรุ่งขึ้น หวังหยวนออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านต้าหวังภายในค่ำวันนั้น หวังหยวนก็กลับมาถึงหมู่บ้านต้าหวัง“ท่านหวัง! ไม่ได้พบกันนานเลยนะเจ้าคะ!”“กำลังนึกถึงท่านพอดีเลยเจ้าค่ะ!”เมื่อหวังหยวนเข้าเมืองหลิงก็เห็นไป๋ลั่วหลีเดินเข้ามาหาได้พบเพื่อนเก่า หวังหยวนรู้สึกยินดี รีบลงจากม้าเดินไปหาไป๋ลั่วหลี แล้วถามว่า “คุณหนูไป๋มาที่นี่ได้อย่างไร?”“ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอบคุณท่าน!”“หากไม่ใช่เพราะว่าท่านมอบปืนไรเฟิลซุ่มยิงให้ ข้าจะประสบความสำเร็จเช่นนี้ได้อย่างไร?”“ยิ่งกว่านั้น ครั้งก่อนที่เมืองอู่เจียง ท่านยังช่วยชีวิตข้าด้วย บัดนี้ข้าหายดีแล้ว จึงต้องมาขอบคุณท่านด้วยตัวเองเจ้าค่ะ!”พี่น้องต้าหู่และเอ้อหู่ได้รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองยืนต้อนรับอยู่ข้าง ๆ ด
ทุกคนต่างพยักหน้าแต่ในใจก็รู้สึกอาลัยการได้อยู่เคียงข้างหวังหยวนนับเป็นโชคดี ใครบ้างอยากจากเขาไป?เพราะการได้อยู่ใกล้ชิดหวังหยวนย่อมมีโอกาสก้าวหน้า!แต่น่าเสียดาย ในเมื่อหวังหยวนตัดสินใจเช่นนี้แล้ว พวกเขาได้แต่ทำตาม“ข้าจะไปล่องเรือต่อ!”“พวกท่านกลับเข้าเมืองกันก่อนเถิด!”“งานเลี้ยงเตรียมพร้อมแล้ว เมื่อขึ้นฝั่งก็ไปที่วังของข้า แล้วข้าจะรีบตามไป ไม่ต้องรอพิธีรีตอง!”ทุกคนรับคำ แล้วลงเรือเล็กมุ่งหน้ากลับเมืองอู่เจียง!ทางด้านหวังหยวนก็พาหลิ่วหรูเยียนและต่งอวี่ล่องเรือชมแม่น้ำต่อ“ลั่วเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”“ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว ได้ยินว่าเขายังคงปากแข็งได้อีกหรือ?”หวังหยวนมองไปที่ต่งอวี่แล้วถามขึ้นดูเหมือนว่าเขาคงไม่มีวาสนาได้ทรัพย์สมบัติของพรรคทมิฬ จึงเสียเวลามากมายไปโดยเปล่าประโยชน์!“ข้าละอายใจนักขอรับ!”“ข้าตัดนิ้วเขาไปหลายนิ้ว ใช้วิธีทรมานไปมากมาย แต่เขาก็ยังไม่ยอมปริปากพูด เหมือนกับปากทำด้วยเหล็กเลยขอรับ!”“ข้าคิดว่าแม้จะให้เวลาข้าอีกหนึ่งสัปดาห์ ข้าก็คงเปิดปากเขาไม่ได้...”“คนผู้นี้ช่างดื้อรั้นนัก!”ต่งอวี่ถอนหายใจ แต่ก็อดชื่นชมไม่ได้!แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู
“ไม่ใช่เช่นนั้น!”หลิ่วหรูเยียนส่ายหน้า ในเมื่อหวังหยวนซื่อสัตย์กับนาง นางก็ไม่ควรปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองนางจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้ามีใจให้ท่านมานานแล้ว แม้แต่ข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ข้าเริ่มหลงรักท่าน!”“ข้าแค่กลัวว่าคนรอบข้างท่านจะรับข้าไม่ได้!”“เพราะก่อนหน้านี้ข้าทำเรื่องไม่ดีกับท่านไว้มากมาย...”“ซ้ำยังเกือบฆ่าท่านด้วย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจากใจจริง นี่คือสิ่งที่นางกังวลหวังหยวนหัวเราะ ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “เจ้าพูดผิดแล้ว! คนรอบข้างข้าล้วนเชื่อฟังข้า จะน่ากลัวอย่างที่เจ้าคิดได้อย่างไร?”“ส่วนภรรยาของข้าไม่ใช่คนชอบสร้างปัญหา ไม่เช่นนั้นข้าจะวางใจปล่อยให้พวกนางอยู่ข้างหลังได้อย่างไร?”“บ้านของข้าจะสงบสุขได้อย่างไร?”หลิ่วหรูเยียนตกตะลึง แต่ก็เป็นเช่นนั้นจริง!หวังหยวนเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์มาก การมีสตรีอยู่รอบกายหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เป็นฮ่องเต้ แต่เขาก็มีคุณสมบัติของผู้นำเทียบเท่าฮ่องเต้ทั้งสาม!การมีภรรยาหลายคนจะเป็นอะไรไป?“ในเมื่อท่านไม่รังเกียจ ข้าก็ยินดีอยู่เคียงข้างท่าน!”“เป็นผู้หญิงของท่าน!”หลิ่วหรูเยียนกล่า
“แต่น่าเสียดายที่วีรบุรุษเช่นเจ้ากลับติดตามเจ้านายที่ไม่คู่ควร จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้!”“ข้าขอเตือนอีกครั้ง หากเจ้ายินดีมาอยู่กับข้าหรือบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้าอีก!”หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใดแค่นี้ก็สาสมแล้วลั่วเฉินน่าสงสารยิ่งกว่าโอวหยางอวี่ อย่างน้อยโอวหยางอวี่ยังได้ตายอย่างรวดเร็ว!แต่ลั่วเฉินเล่า?ตอนนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยเลือด สภาพของเขาย่ำแย่มาก มีลมหายใจอยู่ก็เหมือนรอวันตายการมีชีวิตอยู่ยังทรมานยิ่งกว่าการตาย!“เลิกคิดเถิด!”“ข้าจะไม่ยอมแพ้!”ลั่วเฉินใช้แรงเฮือกสุดท้ายตะโกนด้วยความโกรธ“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ตามใจเจ้า”“ข้าอยากรู้ว่ากระดูกเจ้าจะแข็งได้สักกี่น้ำ”พูดจบหวังหยวนก็ไม่เสียเวลากับลั่วเฉิน พาหลิ่วหรูเยียนเดินออกจากคุกระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้หันไปมองตานสยงเฟยต่อไปแค่เค้นถามลั่วเฉินก็พอแล้ว หากไม่ได้ผลค่อยไปหาตานสยงเฟย!เพราะตานสยงเฟยจัดการยากกว่าลั่วเฉินมาก!ตานสยงเฟยรู้ดีว่าที่ซ่อนทรัพย์สมบัติคือเครื่องช่วยชีวิตของเขา ตราบใดที่เขายังปากแข็ง หวังหยวนก็ไม่อาจทำอะไรเขาได้!นี่คือประโยชน์อย่างเดียวของเขา!เขาต้องเก็บไพ่ตายใบนี้ไว้ ไม
“อะแฮ่ม”หวังหยวนกระแอม แล้วรีบแต่งตัว ไม่ได้ตอบคำถามของหลิ่วหรูเยียนจะให้เขาตอบเช่นไร?หรือว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ?แต่เมื่อนึกถึงภรรยาหลายคนที่บ้านก็รู้สึกหนักใจ เพิ่งจะแต่งงานกับเสวี่ยเชียนหลงยังไม่ถึงปี ก็มีหญิงงามมาเพิ่มอีกคน แล้วจะอธิบายกับภรรยาอย่างไร!แต่จะเดินจากไปง่าย ๆ เลยก็คงไม่ดีหรือไม่?หวังหยวนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คงต้องตัดสินใจในภายหลัง“จริงสิ”“ข้าต้องไปที่คุก เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่?”หวังหยวนมองหลิ่วหรูเยียน แล้วเอ่ยถาม“แน่นอน!”หลิ่วหรูเยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ข้าอยากเห็นลั่วเฉินถูกทรมานเพื่อระบายความแค้น!”ไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกต่งอวี่รีบเข้ามาต้อนรับ เมื่อเห็นหวังหยวนก็โค้งคำนับ แล้วกล่าวว่า“ท่านผู้นำ!”“เมื่อคืนข้าอยู่ที่นี่ตลอด ใช้บทลงโทษต่าง ๆ นานากับลั่วเฉินจนเขาบาดเจ็บสาหัส แต่เขากลับปากแข็งไม่ยอมปริปากเลยขอรับ!”“หากไม่ใช่เพราะเขาใกล้จะตายเต็มทน เราคงไม่ปล่อยให้เขาพักหรอกขอรับ”ต่งอวี่กล่าวด้วยความโกรธช่างน่าโมโหนัก!เขาใช้ความอำมหิตไปเกือบหมดแล้ว แต่ลั่วเฉินก็ยังปากแข็ง!ปากอย่างกับแม่กุญแจ!ยากที่จะแงะออกจริงๆ!เขารู้สึกหนัก
ต่งอวี่รับคำแล้วพาลั่วเฉินไปที่คุกก็แค่พวกกระดูกแข็งเท่านั้น!หากใช้การทรมานเข้าช่วยก็ไม่เชื่อหรอกว่าจะมีใครทนได้ กระดูกจะแข็งเพียงใดกัน?หากทนได้ แสดงว่าแค่ทรมานไม่มากพอ!“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ยอมเปิดปาก”“แม้ว่าท่านจะฆ่าเขา เขาก็คงไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติ”หลิ่วหรูเยียนเดินไปข้างหวังหยวน มองคนพาตัวลั่วเฉินออกไป แล้วกล่าวต่อว่า “เขาไม่ใช่คนอย่างโอวหยางอวี่ นับว่าเป็นขุนพลที่กล้าหาญและซื่อสัตย์“หวังหยวนพยักหน้า เขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?แต่จำต้องลองดูสักครั้ง“เจ้าจัดการโอวหยางอวี่ไปแล้วหรือ?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามด้วยรอยยิ้ม“ใช่แล้ว”“เขายังหวังจะให้นึกถึงความสัมพันธ์ในอดีต ใช้คำพูดโน้มน้าวข้า แต่น่าเสียดายตอนนี้ใจข้าแข็งดั่งหิน ต้องการแค่ล้างแค้นให้บิดามารดา ทวงความยุติธรรมให้พวกท่านเท่านั้น!”“ในสายตาข้า ชีวิตคนของพรรคทมิฬไร้ค่า!”“ไม่ต้องพูดถึงโอวหยางอวี่ แม้แต่ตานสยงเฟย ข้าก็จะฆ่าเขา!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวอย่างหนักแน่นความแค้นในการฆ่าบิดาไม่อาจลืมเลือน จะปล่อยไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?หวังหยวนยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี”“แต่หล
“เพียะ เพียะ เพียะ!”หลิ่วหรูเยียนไม่พูด เพียงแค่ยกมือขึ้นตบหน้าโอวหยางอวี่หลายครั้งจนหน้าบวมปูด!ทหารหลายคนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองโอวหยางอวี่ด้วยสายตาเย็นชาทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะตัวเขาเอง!แต่ต้องยอมรับว่าหลิ่วหรูเยียนเป็นสตรีที่แข็งแกร่ง ไม่ควรไปยั่วยุนาง!“เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีต ข้าจึงจะให้เจ้าตายอย่างสงบ!”“ไม่เช่นนั้นข้าจะทรมานเจ้าให้การมีชีวิตยังดีกว่าตาย!”หลิ่วหรูเยียนกล่าวด้วยความโกรธแค้นคนของพรรคทมิฬล้วนไม่ใช่คนดีสักคน ฆ่าทิ้งก็สิ้นเรื่อง!ตอนนี้นางแค่อยากฆ่าคนระดับสูงของพรรคทมิฬให้หมด!“น้องหรูเยียน...”โอวหยางอวี่ตะโกนอีกครั้ง แต่หลิ่วหรูเยียนลงดาบตัดหัวเขาขาดในดาบเดียว!คนชั่วช้าคนหนึ่งจบชีวิตลง!“หัวหน้าองครักษ์คนหนึ่งจากในสี่คน! ก็แค่นี้!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ ไม่เอ่ยคำใด นางโยนดาบทิ้ง แล้วเดินไปหาหวังหยวนตอนนี้หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับลั่วเฉิน“หรูเยียนกลับมาแล้ว โอวหยางอวี่คงตายแล้ว”“คนเช่นนั้น ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย”หวังหยวนส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มลั่วเฉินหัวเราะลั่น แล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว! คนทรยศ ขี้ขลาดเช่นนั้น ไม่ฆ่าเขา แล้วจะฆ่าใคร?”“เ
“เท่าที่ข้ารู้ พรรคทมิฬมีทรัพย์สมบัติมากมาย!”“วันนี้ข้าเรียกพวกเจ้ามาก็เพื่อถามว่าทรัพย์สมบัติเหล่านั้นอยู่ที่ใด?”“ก่อนที่ข้าจะบุกหน้าผา ได้ยินว่าของพวกนั้นถูกขนย้ายไปแล้วจริงหรือไม่?”หวังหยวนมองไปที่โอวหยางอวี่ แล้วถามตรงประเด็นโอวหยางอวี่พูดไม่ออก ได้แต่อ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง แต่ก็ไม่เอ่ยคำใด“ฮ่าฮ่าฮ่า!”ลั่วเฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หัวเราะลั่น“โอวหยางอวี่!”“เจ้าคิดว่าท่านประมุขไม่รู้ความทะเยอทะยานของเจ้าหรือ?”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ จะบอกคนชั่วเช่นเจ้าได้อย่างไร?”“ตอนนี้แม้ว่าเจ้าจะประจบสอพลอก็คงไม่มีโอกาสแล้วกระมัง?”นี่...โอวหยางอวี่รู้สึกจนใจ หน้าแดงก่ำ เขาไม่รู้ที่ซ่อนทรัพย์สมบัติจริง ๆ!ไม่เช่นนั้นเขาคงบอกหวังหยวนไปแล้วเพื่อเอาชีวิตรอด!หวังหยวนจะมองความคิดของโอวหยางอวี่ไม่ออกได้อย่างไร?เขาหรี่ตาลง ก่อนจะเตะโอวหยางอวี่ แล้วหันไปพยักหน้าให้หลิ่วหรูเยียน เขาชี้ไปที่โอวหยางอวี่ แล้วกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้ประโยชน์ เจ้าจัดการเขาเถิด!”“จะปล่อยเขาไปหรือจะฆ่าเขาก็สุดแล้วแต่เจ้า ไม่ต้องถามข้า!”หลิ่วหรูเยียนดีใจ รู้สึกซาบซึ้งใจมากส่วนโอวหยางอวี่กลับมีสีหน้าหวาดกลัว รีบ