หากว่าปีนสูงขึ้นอีก เมื่อถึงครานั้น อาจจะมีสักวันหนึ่งที่เขาสามารถลากคนเสเพลผู้นั้นตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ คนรับใช้ถือถาดเงินมา “นายท่านหลิว สิ่งที่นายท่านร้องขอ นายน้อยสองบอกว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เงินเพียงเล็กน้อยนี้เป็นสินน้ำใจเล็กน้อยจากนายน้อย จากนี้ไปตระกูลหลิว และตระกูลหลี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!” ปัง! คนใช้หันหลังกลับและประตูใหญ่ก็ปิดสนิท! หลิวเจี้ยนเย่ตกตะลึง ทันใดนั้นเขาก็โยนถาดในมือแล้วทุบประตูด้วยความโกรธ “หลี่ซานซือ เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวอะไร ข้าเป็นคนโง่เขลาหรือไง! หากไม่ใช่เพราะน้องสาวของเจ้า แล้วใยตระกูลหลิวมาถึงจุดนี้ได้?ออกมา เจ้าออกมาอธิบายให้ข้าฟังหน่อย ออกมาซิ!” ภายในตระกูลหลี่ หลี่ซานซือขมวดคิ้ว! เขาหวังว่าน้องสาวจะกลับมาพบกันอีกครั้ง แต่เขาไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้ใครฆ่าหวังหยวน! หากเขารู้ว่าตระกูลหลิวชั่วร้ายเช่นนี้ เขาจะไม่มีวันสนใจหรือนึกถึงเป็นอันขาด! ชายผู้ที่ไร้ศีลธรรม และไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้ ก็ไม่สามารถไว้วางใจให้คนดีได้ “หลี่ซานซือ ออกมา ออกมา…” เมื่อเหนื่อยกับการตะโกน หลิวเจี้ยนเย่ก็ได้สติและจากไปด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่ได้เก็บ
หยางเฟิ่งกั๋วเสนาบดีฝ่ายซ้ายหรี่ตาลง “เจ้ากระทรวงสือ ผู้พิพากษาถูกลดตำแหน่งอย่างไม่เป็นทางการ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าท่าน ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงเสนาบดีกรมโยธาได้เข้ามาแทนที่เจ้ากระทรวงหยวน และกลายเป็นเสนาบดีกรมขุนนางเองแล้ว” เมืองต้าเย่มีคณะขุนนางขั้นเสนาบดีทางฝั่งซ้ายและขวา ซึ่งมีทั้งหมดหกกรม และแต่ละคนมีเลขานุการสองคน ในขั้นแรกจะเป็นการประมวลผลสาส์นสำหรับกราบทูลที่ได้รับ และจะถวายให้องค์จักรพรรดิตรวจสอบในขั้นสุดท้าย จากนั้นขันทีจะประทับตราแล้วจึงส่งให้คนทั้งประเทศ ทั้งหกกรมประกอบไปด้วย กรมขุนนาง กรมพีธีการ กรมกลาโหม กรมยุติธรรม กรมพระคลัง และกรมโยธาธิการ! กรมขุนนางมีอำนาจสูงกว่าทั้งหกกรม โดยรับผิดชอบในการควบคุม ประเมิน แต่งตั้ง และถอดถอนเจ้าหน้าที่ทั่วหล้า! กรมโยธาธิการอยู่ล่างสุดของทั้งหกกรม รับผิดชอบโครงการทั่วหล้า โดยทำงานหนักและยากลำบาก การแสดงออกของสือเหยาเฉียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “การแต่งตั้งและการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่จากทั่วหล้าถือเป็นความรับผิดชอบภายใต้กรมขุนนางอย่างแน่นอน จ้าวเว่ยหมินและหวังหยวนมีจุดประสงค์แอบแฝงโดยต้องการทลายกำแพง กรมโยธาธิการของข้ามีหน้าที่ควบคุมดูแล โดยทำ
เจ้ากระทรวงกรมพิธีการ และเจ้ากระทรวงกรมกลาโหมต่างยืนหยัดเพื่อปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง! ทันใดนั้น เสนาบดีทั้งสองฝ่ายทางขวาและซ้ายก็ทะเลาะกัน ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ! เจ้ากระทรวงกรมขุนนางดูสาสน์กราบทูลอยู่ข้าง ๆ โดยไม่มีผู้สนใจ เขาไม่แสดงท่าทีใดออกมา! “มาลงคะแนนกันเถอะ!” ทันใดนั้น เป้าชิงสื่อก็พูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่ากลยุทธ์นี้ไม่เหมาะสม!” “ข้าเห็นด้วย!” เจ้ากระทรวงกรมพระคลัง กรมยุติธรรม และกรมโยธาธิการต่างพูดออกมาด้วยท่าทีต่อต้าน! หยางเฟิ่งกั๋วขมวดคิ้วและกัดฟัน เขาโมโหจนอยากจะเดินออกไป เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่มีการลงคะแนนเสียง สิ่งสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนไม่สามารถดำเนินการได้! เสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้นี่ทำเกินไปจริง ๆ ! “แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะมีข้อบกพร่อง แต่ก็มีบางสิ่งที่สามารถทำได้!” หยวนกวนหลวน เจ้ากระทรวงกรมขุนนางที่เงียบงันมาจนถึงตอนนี้ จู่ ๆ ก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม! สวบ! เจ้ากระทรวงทั้งสามของกรมพระคลัง กรมยุติธรรมและกรมโยธาธิการต่างหันศีรษะและขมวดคิ้วมองสหายร่วมงานผู้นี้ด้วยความเหินห่าง! เจ้ากระทรวงกรมขุนนางที่ไม่เคยมีส่วนร่วมในข้อพิพาทระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ท
“ผู้ที่เสนอนโยบายนี้ต้องมีเจตนาชั่วร้าย ต้องถูกจับกุมและตัดสินลงโทษในเมืองจิงตู!” ขุนนางจากฝ่ายขวาออกมาปะทะ! “ไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับพวกโจรอันธพาล จ้าวเว่ยหมินได้คิดมาตรการตอบโต้แล้ว!” “การทลายกำแพงตลาดและทำการค้าขายสามารถเพิ่มภาษี พัฒนาเศรษฐกิจกลางคืนและเพิ่มการต้าขายเช่นนั้นภาษีของราชสำนักก็จะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอนพะยะค่ะ!” “ฝ่าบาท นี่เป็นกลยุทธ์โบราณและผู้ที่มีส่วนร่วมจะต้องได้รับรางวัลมากมาย มิฉะนั้นใครหน้าไหนในโลกนี้จะให้คำแนะนำแก่ราชสำนักไก้!” “ข้าเห็นพ้องด้วยพะยะค่ะ ฝ่าบาทโปรดทรงปูนบำเหน็จให้จ้าวเว่ยหมินและให้คำแนะนำแก่บัณฑิตหวังหยวนแห่งเมืองฝูด้วยพะยะค่ะ!” ขุนนางของเสนาบดีฝ่ายซ้ายออกมาสนับสนุน! “หึหึ!” ฮ่องเต้ซิงหลงหรี่ตาลงและเฝ้ามองการปะทะระหว่างสองฝ่าย เมื่อท้องพระโรงเงียบลง เขาก็ตรัสว่า “เจ้ากระทรวงหยวน เจ้าคิดอย่างไรกับกลยุทธ์นี้” “ทูลฝ่าบาท!” หยวนกวนหลวนเจ้ากระทรวงกรมขุนนางออกมากล่าวว่า “หากว่าเมืองจวิ้นทั่วประเทศรื้อถอนกำแพงตลาด รายได้ของท้องพระคลังของประเทศก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามเราต้องระมัดระวังถึงปัญหาหลังรื้อถอนกำแพ
กัวเหลียงและกัวเฉียงเหลือบมองพี่ใหญ่ แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าลงโดยไม่ส่งเสียง! “ไม่ ไม่มีอะไรขอรับ!” กัวฉางหน้าแดงและพูดว่า “ท่านแม่ของข้าสุขภาพไม่ดี เราจึงไปเรียกหมอ!” หวังหยวนถามด้วยความห่วงใย “หมอพูดว่าอย่างไรบ้าง? อาการป่วยร้ายแรงหรือไม่?” สังคมนี้ขาดการรักษาและยารักษาโรค แม้แต่เป็นไข้หวัดก็อาจคร่าชีวิตผู้คนได้! กัวฉางก้มศีรษะลงและพูดตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ร้ายแรง หมอบอกว่ากินยาสองสามห่อก็จะไม่เป็นไรแล้ว!” หวังหยวนกำชับว่า “คนชราสุขภาพอ่อนแอ หาอะไรดี ๆ ให้นางกินทุกวัน ไข่ไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูก็ดีหมดไปรีดนมวัวนมแพะแล้วต้มให้ท่านดื่ม ล้วนดีต่อร่างกาย! อย่าคิดที่จะเก็บหอมรอมริด ไม่เช่นนั้น เมื่อสุขภาพของหญิงชราทรุดโทรมลงไม่ว่าจะมีเงินมากเท่าไรก็เอาคืนไม่ได้ !” คนในยุคสมัยนี้มักขาดโปรตีน แม้ว่าทั้งสามพี่น้องจะได้รับเงินมากมาย แต่ครอบครัวของพวกเขาก็เคยชินกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงก็ไม่กล้ากินหรือดื่มมากเกินไป อย่างมากที่สุดก็ทานอาหารอิ่ม แบ่งปลาจากกลุ่มตกปลาแล้วนำมาปรุงด้วยน้ำมันและเกลือเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปลาเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วมีไว้สำหรับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ดื่มได้เพียงซุ
หวังหยวนตามอยู่ด้านหลังด้วยความมึนงง โดยไม่รู้ว่าคนตัวเล็กนี่จะพูดอะไรอีก! จ้าวชิงเหอชี้ไปที่ขวดสามใบในสวน “ตามวิธีที่ท่านพูด ท่านพ่อและข้าพบปรมาจารย์ที่เผาเครื่องลายคราม ทำไหขนาดต่าง ๆ มากกว่า 20 ใบ และเปิดเตาเผาสามเตาเพื่ออบมัน เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเป็นเงินทั้งหมดห้าสิบกว้านเราก็เผาไหที่แตกทั้งสามใบนี้ได้! รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งร้อยกว้าน!” “เยอะขนาดนี้เลยหรือ!” เมื่อมองไปยังไหที่เต็มไปด้วยฝุ่นสามใบ ซึ่งไม่ต่างจากไปราคาหลายสิบเหวินในท้องถนน เอ้อหู่รู้สึกเศร้าใจมากจนอยากจะร้องไห้ เขาทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลาสามวัน ซ้ำยังถูกตราหน้าจากการไปตรวจสอบที่หอนางโลม แต่กลับเห็นของเล่นอะไรแบบนี้ เป็นไปได้ไหมที่พี่หยวนกำลังสุรุ่ยสุร่ายจริง ๆ ? “มีสามใบ มันก็คุ้มมากแล้ว!” หวังหยวนหยิบเบ้าหลอมตะกั่วดำขึ้นมาเคาะมันและฟังเสียง เขารู้สึกมีความสุขมาก เดิมทีคิดว่าหลอมได้สักหนึ่งใบก็ดีมากแล้ว แต่ท้ายที่สุดกลับหลอมได้สามใบงาม! ไม่ใช่เพราะวัตถุดิบที่เขาผสมมีปัญหา แต่เป็นเพราะยุคนี้ควบคุมความร้อนได้ยาก สามารถหลอมได้ถึงสามใบ นับว่าเกินความคาดหมาย! จ้าวชิงเหอวางมือคาดเอว
ตอนนั้นรู้สึกเศร้าใจมากและอยากจะตำหนิเขาที่ไม่เอาไหน แต่ก็รู้สึกมีความสุขมากในเวลาเดียวกัน! ต่อมาถ้าเบ้าหลอมไม่สามารถละลายเหล็กหลอมเหลวได้ เพราะเห็นแก่สบู่ นางก็จะไม่ตำหนิเขา! “เหล็กหลอมละลายหมดแล้ว!” ทันใดนั้นเอ้อหู่ก็ตะโกน! กัวฉางสามพี่น้องยืดคอและดูประหลาดใจ “มันหลอมละลายแล้วจริง ๆ !” “มันละลายแล้ว ละลายแล้ว เส้นเหล็กทั้งหมดกลายเป็นเหล็กหลอมเหลว มันละลายแล้วจริง ๆ !” ท่านลุงคนด้วยท่อนเหล็กแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นและเต้นเหมือนเด็ก ฟู่! จ้าวชิงเหอที่กำลังเหม่อลอยลุกขึ้นยืนทันที แล้วรีบพุ่งไปที่เตาไฟ มองดูเหล็กหลอมเหลวในเบ้าหลอม ไฟสีแดงสะท้อนความตกใจบนใบหน้าของเธอ ในฐานะลูกสาวของช่างตีเหล็ก เธอรู้ดีว่าเหล็กเส้นหลอมละลายหมายถึงอะไร! นี่คือเตาหลอมเหล็กอย่างดี หากสร้างดาบชื่อดังได้ ก็สามารถขายได้ในราคาหลายร้อยหรือหลายพันกว้าน! “หยวนเอ๋อ เหล็กหลอมละลายแล้วจริง ๆ ละลายแล้วจริง ๆ !” ท่านลุงรีบวิ่งไปหาหวังหยวนอย่างตื่นเต้น โดยไม่ท่าทีเหมอนผู้หลักผู้ใหญ่เลย หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และพยักหน้า ผลผลิตในสมัยโบราณต่ำมากจนถ้วยใส่เหล็กจะทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ หากบนโลกนี้ เหล็กช
เมื่อตอนเด็กๆ ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองมักจะนอนห้องเดียวกันหรือนอนเตียงเดียวกันด้วยซ้ำ! แต่ตอนนี้พวกเขาต่างโตแล้ว ถึงเวลาที่ควรแบ่งแยกชายหญิง แต่ท่านลุงยังคงปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเด็ก! แต่ก็เข้าใจได้ว่าบุรุษอย่างช่างตีเหล็ก คงจะไม่คิดมากขนาดนั้น ใบหน้าสวยของจ้าวชิงเหอเปลี่ยนเป็นสีแดง “เช่นนั้นท่านก็นอนบนพื้นซิ!” หวังหยวนเลิกคิ้ว “ท่านลุงบอกว่าร่างกายข้าอ่อนแอ เขาจึงขอให้ข้านอนบนเตียงและเจ้านอนบนพื้น!” “ท่านพ่อ นี่มันลำเอียงเกินไปแล้ว ข้าจะไม่เป็นลูกสาวของเขาอีกต่อไป!” จ้าวชิงเหอปูที่นอนลงบนพื้นด้วยความโกรธ! ทันทีที่ปูที่นอนลงบนพื้นเสร็จ หวังหยวนก็นอนลงโดยเอามือไขว้ไว้ด้านหลังศีรษะ! จ้าวชิงเหอดึงเขาด้วยความโกรธ “ท่านกำลังทำอะไรอยู่ รีบลุกขึ้นเร็ว ๆ นี่ที่นอนของข้า!” หวังหยวนนอนอยู่บนพื้น “ข้าเหนื่อยมาก ไม่อยากคลานขึ้นบนเตียงแล้ว คืนนี้ข้าจะนอนที่นี่!” “ท่าน!” จ้าวชิงเหอพูดด้วยความโกรธ “ถ้าอย่างนั้นท่านต้องลุกขึ้นมาล้างเท้าก่อนเข้านอน ไม่เช่นนั้นผ้าห่มของข้าจะเปื้อน!” “อา!” หวังหยวนหาว “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไปเอาน้ำล้างเท้าให้ข้าซิ!” “ไม่ไป!” จ้าวชิงเหอหันกลับมา ญ
หลายปีมานี้นางเชื่อคำพูดของตานสยงเฟยมาโดยตลอด คิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้า แม้กระทั่งเกลียดชังบิดามารดาของตนเองด้วยซ้ำ!เหตุใดพวกเขาจึงทอดทิ้งนาง?ทำให้นางต้องระหกระเหินมานานหลายปี!แต่ทั้งหมดนี้กลับเป็นคำโกหกของตานสยงเฟย บิดามารดาของนางไม่ได้ทอดทิ้งนาง แต่ถูกตานสยงเฟยฆ่าตายต่างหาก!บัดนี้เมื่อความจริงปรากฏ นางจึงอยากไปเคารพหลุมศพของพวกเขา!เป็นการแสดงความกตัญญูและทำให้หมดห่วง“เป็นเช่นนี้เอง”หวังหยวนพยักหน้า“ได้!”“ในเมื่อเจ้าต้องการเช่นนั้น ข้าจะพาเจ้าไปที่คุกเอง”“เพื่อป้องกันไม่ให้ตานสยงเฟยใช้อุบายอันใด”หลิ่วหรูเยียนมีท่าทีแปลกไป อาจจะถูกตานสยงเฟยชักจูงได้หลิ่วหรูเยียนไม่ได้ปฏิเสธ นางพยักหน้า หวังหยวนจึงพานางไปที่คุกที่จวน ทุกคนยังคงดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน!ภายในคุกเนื่องจากตานสยงเฟยและพรรคพวกล้วนเป็นคนชั่ว หวังหยวนจึงสั่งให้ขังพวกเขาไว้ที่ชั้นใต้ดินของคุกที่นี่มักจะใช้ขังนักโทษอุกฉกรรจ์ยิ่งไปกว่านั้น การจะหนีออกไปจากที่นี่ก็ช่างยากเย็นพอ ๆ กับการปีนสู่สวรรค์!“หวังหยวน!”“ข้าสำนึกผิดแล้ว ขอท่านปล่อยข้าไปเถิด!”“ต่อไปนี้ข้ายินดีอยู่เคียงข้างรับใช้ท่าน!”“
“เจ้าไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับข้า แสดงว่าเจ้าคงอารมณ์ไม่ดีจริง ๆ”“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่เล่าให้ข้าฟังสักหน่อยล่ะ อย่างน้อยก็ให้ข้าสนุกขึ้นมาบ้าง”หวังหยวนนั่งลงข้างหลิ่วหรูเยียน เขานั่งไขว่ห้างมือวางบนราวบันไดขณะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยรอยยิ้ม“เหตุใดท่านถึงน่ารำคาญนัก?”“ดูไม่ออกหรือว่าข้าไม่อยากคุยกับท่าน?”“รีบกลับไปดื่มกับพวกเขาซะเถอะ จะมานั่งขวางหูขวางตาข้าทำไม?”หลิ่วหรูเยียนกลอกตามองหวังหยวนแท้จริงแล้ว นางเพียงแค่รู้สึกว่างเปล่าหลังจากได้ล้างแค้นสำเร็จ ราวกับชีวิตไม่มีจุดหมายอีกต่อไป นางไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไป จึงทำให้ดูเหม่อลอยและเศร้าสร้อยแต่ไม่รู้ว่าทำไม ตั้งแต่วังหยวนมาที่นี่ นางกลับรู้สึกเหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“ว่ามาสิ เป็นอะไรไป?”หวังหยวนเปลี่ยนเรื่อง“ข้าอยากไปพบตานสยงเฟย”“ครั้งก่อนท่านสัญญากับข้าว่า เมื่อจับตานสยงเฟยได้จะให้ข้าจัดการเขา ยังจำได้หรือไม่?”หลิ่วหรูเยียนถาม“อืม...”หวังหยวนครุ่นคิด ใช้นิ้วเคาะขมับพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียเรื่องของพรรคทมิฬเป็นเรื่องใหญ่ ไม่อาจตัดสินใจเพียงเพราะคำพูดของคนคนเดียวได้ ยิ่งกว่านั้น เพื่อจับตานสยงเฟย ยังต้องสูญ
“หวังหยวน! เจ้าช่างน่ารังเกียจ! กล้าเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวหรือ?”ตานสยงเฟยกล่าวอย่างเดือดดาลส่วนโอวหยางอวี่และลั่วเฉินเห็นท่าไม่ดี จึงไม่รีรอ รีบพาผู้ใต้บัญชาหนีลงจากเขา!แต่น่าเสียดาย ที่เชิงเขามีการวางกองกำลังดักไว้แล้ว!ตานสยงเฟยและคนอื่น ๆ ต่างถูกจับเป็น!การต่อสู้ครั้งนี้ หวังหยวนได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์แบบ!แต่เนื่องจากหน้าผาแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ห่างไกล โดยรอบไม่มีบ้านเรือนหรือเมืองจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังหยวนต้องการเพราะที่นี่คืออาณาจักรต้าเป่ย หากหานเทารู้ว่าเขายกทัพมาในดินแดนของอาณาจักรต้าเป่ย ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พวกเขาก็อาจจะหาเรื่องจู่โจมได้!เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องราวคงจะวุ่นวายและเกิดความขัดแย้ง!หลังจากที่จับตานสยงเฟยและพรรคพวกได้แล้ว หวังหยวนจึงรีบกลับเมืองอู่เจียงทันที!ใช้เวลาเพียงวันครึ่งก็กลับมาถึง!ระหว่างทาง แม้ว่าจะมีคนเห็น แต่มีเกาเล่อคอยนำทาง จึงไม่ทำให้คนของอาณาจักรต้าเป่ยรู้ตัว!...ณ ที่ว่าการเมืองอู่เจียงตอนนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลองกันอย่างสนุกสนาน!คนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์คือหวังหยวน!ส่วนเอ้อหู่และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ที่
หลิ่วหรูเยียนไม่เอ่ยคำใด นางจ้องมองตานสยงเฟยด้วยความโกรธแค้นนางต้องการล้างแค้น!“ชีวิตของเขาเป็นของเจ้า ข้าจะช่วยจับเป็นให้!”“ส่วนต่อไป เจ้าจะจัดการเขาอย่างไรก็สุดแล้วแต่เจ้า!”หวังหยวนกล่าวจบก็หยิบปืนคาบศิลาออกมาจากอก แล้วเล็งไปที่ตานสยงเฟย“ในเมื่อเจ้ารู้จักข้าดี”“เจ้าควรรู้ว่าอาวุธลับของข้าไม่มีผู้ใดเทียบได้ ใช่หรือไม่?”“ข้าแนะนำให้เจ้ายอมจำนนเสีย จะได้ไม่เจ็บตัว!”หวังหยวนเตือนมุมปากของตานสยงเฟยกระตุก เขาสืบเรื่องของหวังหยวนมานาน จึงรู้จักหวังหยวนดี และจำได้ว่าอาวุธในมือของหวังหยวนคืออะไร!ไม่ต้องพูดถึงเขา แม้แต่ขุนพลที่เก่งกาจก็ยังไม่อาจหลบอาวุธนี้ได้!ทันใดนั้น ตานสยงเฟยก็คว้าตัวสาวกพรรคทมิฬคนหนึ่งมาใช้เป็นโล่มนุษย์!“ปัง!”เสียงปืนดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬคนนั้นล้มลงกับพื้นต้องยอมรับว่าตานสยงเฟยช่างโหดเหี้ยม!เพื่อเอาชีวิตรอด กลับยอมเสียสละชีวิตคนอื่น ช่างน่ารังเกียจ!หวังหยวนยกปืนขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะเล็งไปที่ตานสยงเฟย ไม่ให้เขามีโอกาสหนี!“หวังหยวน!”“วันนี้ไว้ชีวิตข้าเถิด ต่อไปข้าจะตอบแทนเจ้าแน่นอน!”“เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”“การบีบให้ข้าจนตรอกไม่ได้เป็นผลดีต่อ
ลั่วเฉินพยักหน้า ไม่เอ่ยคำใดอีก เพียงแค่รีบพาผู้ใต้บัญชาออกไป!เสียงโห่ร้องแห่งการฆ่าฟันดังขึ้น สาวกพรรคทมิฬล้มตายเป็นใบไม้ร่วง!ตานสยงเฟยเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจ!สมาชิกพรรคทมิฬล้วนเป็นคนที่เขาฝึกฝนเอง เขาทุ่มเทมากมายเพื่อสร้างกองกำลังที่แข็งแกร่ง!เดิมทีเขาต้องการครองแผ่นดิน แต่ไม่นึกเลยว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้!สูญเสียกำลังพลไปเยอะมาก!ปัญหาเกิดขึ้นมากมาย!“ตานสยงเฟย! อย่าหนีนะ!”“เจ้าคนสารเลว! หลอกลวงข้ามาหลายปี!”“ไม่เพียงแต่ฆ่าพ่อแม่ข้าเท่านั้น ยังฝึกฝนข้าให้เป็นเครื่องมือทำเรื่องเลวร้ายมากมาย!”“วันนี้พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”ขณะที่ตานสยงเฟยกำลังจะลงจากเขา หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งเข้ามา ในมือถือกริชเปื้อนเลือด สายตาเย็นชาราวกับคมดาบจ้องมองตานสยงเฟย!“มาคนเดียวหรือ?”เมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนมาคนเดียว ตานสยงเฟยก็หัวเราะในลำคอ เขาหันมาคว้าทวนยาวจากมือผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านข้าง!เหตุผลที่ตานสยงเฟยสร้างฐานะขึ้นมาได้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีความคิดที่แตกต่าง แต่ยังเป็นเพราะฝีมือของเขาด้วย!ในยุคสงคราม ผู้แข็งแกร่งย่อมเป็นผู้ชนะ!ยิ่งกว่านั้น ฝีมือ
“ทุกคนขึ้นเขาเดี๋ยวนี้!”“ห้ามปล่อยให้ใครหนีรอดไปได้!”หวังหยวนออกคำสั่ง ขุนพลนายกองเริ่มเคลื่อนไหวคนที่อาศัยอยู่บนหน้าผาแห่งนี้ล้วนเป็นระดับสูงของพรรคทมิฬและมีตำแหน่งสำคัญ การกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้น จึงจะทำให้พรรคทมิฬหายไปอย่างสมบูรณ์!ตัดวัชพืชไม่ถอนราก เมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็งอกขึ้นมาใหม่!เมื่อทุกคนเข้าไปบนหน้าผาแล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่ง ต่งอวี่และเอ้อหู่ต่างเป็นผู้นำพาผู้ใต้บัญชาบุกขึ้นไปบนยอดเขา!ส่วนหวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็ตามไปติด ๆ!“เจ้าจะทำอะไร?”หวังหยวนหันไปคว้าแขนหลิ่วหรูเยียน แล้วถามขึ้นหลิ่วหรูเยียนมีสีหน้าเย็นชา กำหมัดแน่น สีหน้าโกรธเกรี้ยวนางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าจะขึ้นไปล้างแค้นด้วยตัวเอง!”“ไม่เพียงแต่ข้าเกือบตายเท่านั้น แม้แต่บิดามารดาข้าก็ถูกคนของพรรคทมิฬฆ่าตาย จะปล่อยพวกมันไปได้อย่างไร?”“วันนี้ไม่มีใครหยุดข้าได้ ข้าจะฆ่าตานสยงเฟย ล้างแค้นให้พ่อแม่!”พูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็สะบัดแขนหวังหยวนออก ก่อนจะชักกริชออกมาแล้ววิ่งขึ้นไปบนยอดเขา!แม้ว่านางจะเป็นคนบอกที่ตั้งฐานทัพนี้ให้หวังหยวน แต่ไม่มีใครรู้จักที่นี่ดีไปกว่านาง!ไม่นานพวกหวังหยวนก็ขึ้นไปถึงยอดเขา
หวังหยวนกลอกตามองเอ้อหู่ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ชีวิตของทหารที่อยู่ข้างหลังเจ้าล้วนอยู่ในมือเจ้า!”“การที่เจ้าพาพวกเขามาเสี่ยงอันตราย หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็ดีไป แต่หากเกิดความผิดพลาด เจ้าจะเผชิญหน้ากับครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?”“อย่าลืมว่าการเป็นขุนพลไม่ใช่แค่เพื่อรบชนะ!”“แต่ต้องชนะอย่างสวยงาม ลดการสูญเสียให้มากที่สุด!”ทุกคนต่างตกตะลึงเดิมทีพวกเขาคิดว่าการติดตามหวังหยวนก็เพื่อหาเลี้ยงชีพ ในยุคสงคราม การมีข้าวกินก็ดีมากแล้วชีวิตพวกเขาจะสำคัญอะไร?ในสายตาของชนชั้นสูง ชีวิตพวกเขาไม่ต่างจากเศษหญ้า!เป็นเพียงเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจ!แต่หวังหยวนกลับมีเมตตา เห็นใจพวกเขา ทำให้พวกเขาซาบซึ้งจริง ๆ!ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ตัดสินใจแล้ว แม้ว่าจะต้องสูญเสียมากมาย พวกเขาก็ยินดีสละชีพเพื่อช่วยหวังหยวนพิชิตหน้าผาแห่งนี้ และฆ่าคนของพรรคทมิฬให้หมดสิ้น!“รีบก่อไฟทำอาหาร!”“เมื่อทุกคนอิ่มท้องแล้วก็คงถึงเวลาพอดี!”“จำไว้! ห้ามส่งเสียงดัง ประเดี๋ยวพวกมันจะรู้ตัว!”“หากพวกมันรู้ตัวจะเป็นอันตรายต่อพวกเรา!”หวังหยวนกำชับทุกคนพยักหน้ารับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองเ
ในช่วงเวลาไม่กี่วันต่อมา ด้วยการนำทางของหลิ่วหรูเยียน หวังหยวนและคนอื่น ๆ จึงไม่หลงทาง เดินทางมาถึงเชิงผาได้อย่างรวดเร็ว!บัดนี้สมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อก็ได้แทรกซึมเข้าไปในพื้นที่โดยรอบแล้วหวังหยวนและคนอื่น ๆ ตั้งค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่งเมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นเงาคนมากมาย พวกเขาล้วนเป็นสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อ“สืบทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหรือ?”หวังหยวนสวมชุดเกราะเตรียมพร้อมรับมือกรณีฉุกเฉินและป้องกันการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว!เกาเล่อรีบเข้ามารายงานด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สืบเรียบร้อยแล้วขอรับ คนร้ายอยู่บนเขาลูกนี้!”“แต่ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังขนย้ายสิ่งของ ตั้งแต่ที่พวกเรามาถึงก็เห็นรถม้าลงมาจากเขาไม่ต่ำกว่าร้อยคันแล้ว!”“แต่พวกเราไม่ได้ลงมือเพื่อไม่ให้พวกมันตื่นตัว!”“ข้าได้ส่งคนไปตามเส้นทางที่พวกมันใช้ หลังจากที่พวกเราจัดการเรื่องบนหน้าผาแล้ว จากนั้นจึงไปกวาดล้างพวกมัน!”“แล้วทรัพย์สมบัติของพวกมันก็จะตกเป็นของพวกเรา!”หวังหยวนพยักหน้าอย่างพึงพอใจเรื่องนี้จัดการได้ดีมาก!เหตุผลที่พรรคทมิฬเติบโตอย่างรวดเร็วก็เพราะความร่ำรวย!หากตัดเส้นทางการเงินของพวกมัน แม้ว่าตานเฟยจ
ตานเฟยยิ้มอย่างพึงพอใจช่วงนี้หลังจากถูกหวังหยวนจับตามอง เขารู้สึกเหมือนมีคนคอยจ้องมองทุกการกระทำของเขาอยู่ตลอดเวลา!แม้แต่การหาสาวกใหม่ก็ยังยากลำบาก!หวังหยวนคอยขัดขวางเขา เขาจึงต้องสั่งสอนหวังหยวนบ้าง!แต่น่าเสียดาย...ยังหาโอกาสไม่ได้!ยิ่งไปกว่านั้น ตานเฟยไม่ใช่คนโง่ เขารู้ดีว่าตนเองต่างกับหวังหยวน แล้วจะสู้หวังหยวนได้อย่างไร?อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่ได้!ดังนั้นแม้ว่าในใจจะเคียดแค้นอาฆาต แต่ย่อมต้องหลีกเลี่ยง“ที่เจ้าทำงานสำเร็จก็แค่ช่วยถ่วงเวลาเท่านั้น”“ตราบใดที่หลิ่วหรูเยียนยังมีชีวิตอยู่ นางก็เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะระเบิดทุกเมื่อ!”“ดังนั้นก่อนที่พวกเราจะฆ่านางได้ พวกเราต้องระวังตัวและดำเนินแผนการต่อไป!”“พยายามขนย้ายสิ่งของออกไป หากถึงเวลาจำเป็น พวกเราก็ต้องทิ้งฐานที่มั่นแห่งนี้”ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายหน้าผาแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดี ไม่เพียงแต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบเท่านั้น แต่ยังปลอดภัยมากอีกด้วย!จึงทำให้พวกเขาเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!แม้ว่าสมาชิกองค์กรเครือข่ายผีเสื้อจะกระจายอยู่ทั่วดินแดนทั้งเก้า แต่ก็ไม่ได้ตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงหน้าผาแห่งนี้!แต่น่าเสียดา