“หวังหานซานแห่งหมู่บ้านต้าหวัง หวังเฉียนจุน หวังพั่วหลู่พร้อมชาวบ้านจำนวนมากบุกเข้าไปในค่ายซานหู่ ซึ่งทำให้เทศบาลปราศจากอันตราย ตามรางวัลนำจับของหัวหน้าโจร เงินรางวัลหนึ่งพันตำลึง สำหรับเฮยซานหู่ เงินรางวัลแปดร้อยตำลึง สำหรับฮวางปิ้งหู่และโจรร้ายที่เหลือเป็นเงินรางวัลสิบสองตำลึงต่อคน โดยมีเงินรางวัลสองพันสามร้อยตำลึงจะถูกจัดสรรสำหรับแต่ละครัวเรือน!" “ขอบคุณท่านใต้เท้า!” หวังหานซานนำชาวบ้านทำความเคารพ! ต้าหู่ดูสงบนิ่ง! เอ้อหู่ หวังซื่อไห่ หวังเอ้อโกว หวังเฉียนซานและหวังเสี่ยซานต่างตื่นเต้นมาก! การขึ้นศาลครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้พวกเขาคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้มากจนไม่กลัวอีกต่อไป! สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาได้พบกับผู้พิพากษาผู้นี้และเขาเคารพต่อหวังหยวนมาก! บัดนี้เมื่อมาที่ที่ว่าการอำเภอ ยามที่เอ่ยปากพูดถึงหมู่บ้านต้าหวัง เจ้าหน้าที่ต่างยิ้มอย่างนอบน้อม หมู่บ้านต้าหวังโหดเกินไปแล้ว ทุกครั้งที่มาร้องเรียนก็จะโค่นล้มพวกเขาทีละคน ซ้ำยังโหดมากขึ้นในแต่ละครั้ง! ครั้งแรกเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ครั้งที่สองเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจการ องครักษ์ ครั้งที่สามเป็นหัวหน้าโจรและชายผู้มีอำนาจ ชาว
หากว่าปีนสูงขึ้นอีก เมื่อถึงครานั้น อาจจะมีสักวันหนึ่งที่เขาสามารถลากคนเสเพลผู้นั้นตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ คนรับใช้ถือถาดเงินมา “นายท่านหลิว สิ่งที่นายท่านร้องขอ นายน้อยสองบอกว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้ เงินเพียงเล็กน้อยนี้เป็นสินน้ำใจเล็กน้อยจากนายน้อย จากนี้ไปตระกูลหลิว และตระกูลหลี่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก!” ปัง! คนใช้หันหลังกลับและประตูใหญ่ก็ปิดสนิท! หลิวเจี้ยนเย่ตกตะลึง ทันใดนั้นเขาก็โยนถาดในมือแล้วทุบประตูด้วยความโกรธ “หลี่ซานซือ เจ้าคิดว่าข้าเป็นตัวอะไร ข้าเป็นคนโง่เขลาหรือไง! หากไม่ใช่เพราะน้องสาวของเจ้า แล้วใยตระกูลหลิวมาถึงจุดนี้ได้?ออกมา เจ้าออกมาอธิบายให้ข้าฟังหน่อย ออกมาซิ!” ภายในตระกูลหลี่ หลี่ซานซือขมวดคิ้ว! เขาหวังว่าน้องสาวจะกลับมาพบกันอีกครั้ง แต่เขาไม่เคยคิดที่จะปล่อยให้ใครฆ่าหวังหยวน! หากเขารู้ว่าตระกูลหลิวชั่วร้ายเช่นนี้ เขาจะไม่มีวันสนใจหรือนึกถึงเป็นอันขาด! ชายผู้ที่ไร้ศีลธรรม และไม่สามารถทำอะไรให้สำเร็จได้ ก็ไม่สามารถไว้วางใจให้คนดีได้ “หลี่ซานซือ ออกมา ออกมา…” เมื่อเหนื่อยกับการตะโกน หลิวเจี้ยนเย่ก็ได้สติและจากไปด้วยความสิ้นหวัง เขาไม่ได้เก็บ
หยางเฟิ่งกั๋วเสนาบดีฝ่ายซ้ายหรี่ตาลง “เจ้ากระทรวงสือ ผู้พิพากษาถูกลดตำแหน่งอย่างไม่เป็นทางการ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าท่าน ซึ่งเป็นเจ้ากระทรวงเสนาบดีกรมโยธาได้เข้ามาแทนที่เจ้ากระทรวงหยวน และกลายเป็นเสนาบดีกรมขุนนางเองแล้ว” เมืองต้าเย่มีคณะขุนนางขั้นเสนาบดีทางฝั่งซ้ายและขวา ซึ่งมีทั้งหมดหกกรม และแต่ละคนมีเลขานุการสองคน ในขั้นแรกจะเป็นการประมวลผลสาส์นสำหรับกราบทูลที่ได้รับ และจะถวายให้องค์จักรพรรดิตรวจสอบในขั้นสุดท้าย จากนั้นขันทีจะประทับตราแล้วจึงส่งให้คนทั้งประเทศ ทั้งหกกรมประกอบไปด้วย กรมขุนนาง กรมพีธีการ กรมกลาโหม กรมยุติธรรม กรมพระคลัง และกรมโยธาธิการ! กรมขุนนางมีอำนาจสูงกว่าทั้งหกกรม โดยรับผิดชอบในการควบคุม ประเมิน แต่งตั้ง และถอดถอนเจ้าหน้าที่ทั่วหล้า! กรมโยธาธิการอยู่ล่างสุดของทั้งหกกรม รับผิดชอบโครงการทั่วหล้า โดยทำงานหนักและยากลำบาก การแสดงออกของสือเหยาเฉียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย “การแต่งตั้งและการเลิกจ้างเจ้าหน้าที่จากทั่วหล้าถือเป็นความรับผิดชอบภายใต้กรมขุนนางอย่างแน่นอน จ้าวเว่ยหมินและหวังหยวนมีจุดประสงค์แอบแฝงโดยต้องการทลายกำแพง กรมโยธาธิการของข้ามีหน้าที่ควบคุมดูแล โดยทำ
เจ้ากระทรวงกรมพิธีการ และเจ้ากระทรวงกรมกลาโหมต่างยืนหยัดเพื่อปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง! ทันใดนั้น เสนาบดีทั้งสองฝ่ายทางขวาและซ้ายก็ทะเลาะกัน ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ! เจ้ากระทรวงกรมขุนนางดูสาสน์กราบทูลอยู่ข้าง ๆ โดยไม่มีผู้สนใจ เขาไม่แสดงท่าทีใดออกมา! “มาลงคะแนนกันเถอะ!” ทันใดนั้น เป้าชิงสื่อก็พูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่ากลยุทธ์นี้ไม่เหมาะสม!” “ข้าเห็นด้วย!” เจ้ากระทรวงกรมพระคลัง กรมยุติธรรม และกรมโยธาธิการต่างพูดออกมาด้วยท่าทีต่อต้าน! หยางเฟิ่งกั๋วขมวดคิ้วและกัดฟัน เขาโมโหจนอยากจะเดินออกไป เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่มีการลงคะแนนเสียง สิ่งสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนไม่สามารถดำเนินการได้! เสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้นี่ทำเกินไปจริง ๆ ! “แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะมีข้อบกพร่อง แต่ก็มีบางสิ่งที่สามารถทำได้!” หยวนกวนหลวน เจ้ากระทรวงกรมขุนนางที่เงียบงันมาจนถึงตอนนี้ จู่ ๆ ก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม! สวบ! เจ้ากระทรวงทั้งสามของกรมพระคลัง กรมยุติธรรมและกรมโยธาธิการต่างหันศีรษะและขมวดคิ้วมองสหายร่วมงานผู้นี้ด้วยความเหินห่าง! เจ้ากระทรวงกรมขุนนางที่ไม่เคยมีส่วนร่วมในข้อพิพาทระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ท
“ผู้ที่เสนอนโยบายนี้ต้องมีเจตนาชั่วร้าย ต้องถูกจับกุมและตัดสินลงโทษในเมืองจิงตู!” ขุนนางจากฝ่ายขวาออกมาปะทะ! “ไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับพวกโจรอันธพาล จ้าวเว่ยหมินได้คิดมาตรการตอบโต้แล้ว!” “การทลายกำแพงตลาดและทำการค้าขายสามารถเพิ่มภาษี พัฒนาเศรษฐกิจกลางคืนและเพิ่มการต้าขายเช่นนั้นภาษีของราชสำนักก็จะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอนพะยะค่ะ!” “ฝ่าบาท นี่เป็นกลยุทธ์โบราณและผู้ที่มีส่วนร่วมจะต้องได้รับรางวัลมากมาย มิฉะนั้นใครหน้าไหนในโลกนี้จะให้คำแนะนำแก่ราชสำนักไก้!” “ข้าเห็นพ้องด้วยพะยะค่ะ ฝ่าบาทโปรดทรงปูนบำเหน็จให้จ้าวเว่ยหมินและให้คำแนะนำแก่บัณฑิตหวังหยวนแห่งเมืองฝูด้วยพะยะค่ะ!” ขุนนางของเสนาบดีฝ่ายซ้ายออกมาสนับสนุน! “หึหึ!” ฮ่องเต้ซิงหลงหรี่ตาลงและเฝ้ามองการปะทะระหว่างสองฝ่าย เมื่อท้องพระโรงเงียบลง เขาก็ตรัสว่า “เจ้ากระทรวงหยวน เจ้าคิดอย่างไรกับกลยุทธ์นี้” “ทูลฝ่าบาท!” หยวนกวนหลวนเจ้ากระทรวงกรมขุนนางออกมากล่าวว่า “หากว่าเมืองจวิ้นทั่วประเทศรื้อถอนกำแพงตลาด รายได้ของท้องพระคลังของประเทศก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามเราต้องระมัดระวังถึงปัญหาหลังรื้อถอนกำแพ
กัวเหลียงและกัวเฉียงเหลือบมองพี่ใหญ่ แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าลงโดยไม่ส่งเสียง! “ไม่ ไม่มีอะไรขอรับ!” กัวฉางหน้าแดงและพูดว่า “ท่านแม่ของข้าสุขภาพไม่ดี เราจึงไปเรียกหมอ!” หวังหยวนถามด้วยความห่วงใย “หมอพูดว่าอย่างไรบ้าง? อาการป่วยร้ายแรงหรือไม่?” สังคมนี้ขาดการรักษาและยารักษาโรค แม้แต่เป็นไข้หวัดก็อาจคร่าชีวิตผู้คนได้! กัวฉางก้มศีรษะลงและพูดตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ร้ายแรง หมอบอกว่ากินยาสองสามห่อก็จะไม่เป็นไรแล้ว!” หวังหยวนกำชับว่า “คนชราสุขภาพอ่อนแอ หาอะไรดี ๆ ให้นางกินทุกวัน ไข่ไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูก็ดีหมดไปรีดนมวัวนมแพะแล้วต้มให้ท่านดื่ม ล้วนดีต่อร่างกาย! อย่าคิดที่จะเก็บหอมรอมริด ไม่เช่นนั้น เมื่อสุขภาพของหญิงชราทรุดโทรมลงไม่ว่าจะมีเงินมากเท่าไรก็เอาคืนไม่ได้ !” คนในยุคสมัยนี้มักขาดโปรตีน แม้ว่าทั้งสามพี่น้องจะได้รับเงินมากมาย แต่ครอบครัวของพวกเขาก็เคยชินกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงก็ไม่กล้ากินหรือดื่มมากเกินไป อย่างมากที่สุดก็ทานอาหารอิ่ม แบ่งปลาจากกลุ่มตกปลาแล้วนำมาปรุงด้วยน้ำมันและเกลือเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปลาเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วมีไว้สำหรับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ดื่มได้เพียงซุ
หวังหยวนตามอยู่ด้านหลังด้วยความมึนงง โดยไม่รู้ว่าคนตัวเล็กนี่จะพูดอะไรอีก! จ้าวชิงเหอชี้ไปที่ขวดสามใบในสวน “ตามวิธีที่ท่านพูด ท่านพ่อและข้าพบปรมาจารย์ที่เผาเครื่องลายคราม ทำไหขนาดต่าง ๆ มากกว่า 20 ใบ และเปิดเตาเผาสามเตาเพื่ออบมัน เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเป็นเงินทั้งหมดห้าสิบกว้านเราก็เผาไหที่แตกทั้งสามใบนี้ได้! รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งร้อยกว้าน!” “เยอะขนาดนี้เลยหรือ!” เมื่อมองไปยังไหที่เต็มไปด้วยฝุ่นสามใบ ซึ่งไม่ต่างจากไปราคาหลายสิบเหวินในท้องถนน เอ้อหู่รู้สึกเศร้าใจมากจนอยากจะร้องไห้ เขาทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลาสามวัน ซ้ำยังถูกตราหน้าจากการไปตรวจสอบที่หอนางโลม แต่กลับเห็นของเล่นอะไรแบบนี้ เป็นไปได้ไหมที่พี่หยวนกำลังสุรุ่ยสุร่ายจริง ๆ ? “มีสามใบ มันก็คุ้มมากแล้ว!” หวังหยวนหยิบเบ้าหลอมตะกั่วดำขึ้นมาเคาะมันและฟังเสียง เขารู้สึกมีความสุขมาก เดิมทีคิดว่าหลอมได้สักหนึ่งใบก็ดีมากแล้ว แต่ท้ายที่สุดกลับหลอมได้สามใบงาม! ไม่ใช่เพราะวัตถุดิบที่เขาผสมมีปัญหา แต่เป็นเพราะยุคนี้ควบคุมความร้อนได้ยาก สามารถหลอมได้ถึงสามใบ นับว่าเกินความคาดหมาย! จ้าวชิงเหอวางมือคาดเอว
ตอนนั้นรู้สึกเศร้าใจมากและอยากจะตำหนิเขาที่ไม่เอาไหน แต่ก็รู้สึกมีความสุขมากในเวลาเดียวกัน! ต่อมาถ้าเบ้าหลอมไม่สามารถละลายเหล็กหลอมเหลวได้ เพราะเห็นแก่สบู่ นางก็จะไม่ตำหนิเขา! “เหล็กหลอมละลายหมดแล้ว!” ทันใดนั้นเอ้อหู่ก็ตะโกน! กัวฉางสามพี่น้องยืดคอและดูประหลาดใจ “มันหลอมละลายแล้วจริง ๆ !” “มันละลายแล้ว ละลายแล้ว เส้นเหล็กทั้งหมดกลายเป็นเหล็กหลอมเหลว มันละลายแล้วจริง ๆ !” ท่านลุงคนด้วยท่อนเหล็กแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นและเต้นเหมือนเด็ก ฟู่! จ้าวชิงเหอที่กำลังเหม่อลอยลุกขึ้นยืนทันที แล้วรีบพุ่งไปที่เตาไฟ มองดูเหล็กหลอมเหลวในเบ้าหลอม ไฟสีแดงสะท้อนความตกใจบนใบหน้าของเธอ ในฐานะลูกสาวของช่างตีเหล็ก เธอรู้ดีว่าเหล็กเส้นหลอมละลายหมายถึงอะไร! นี่คือเตาหลอมเหล็กอย่างดี หากสร้างดาบชื่อดังได้ ก็สามารถขายได้ในราคาหลายร้อยหรือหลายพันกว้าน! “หยวนเอ๋อ เหล็กหลอมละลายแล้วจริง ๆ ละลายแล้วจริง ๆ !” ท่านลุงรีบวิ่งไปหาหวังหยวนอย่างตื่นเต้น โดยไม่ท่าทีเหมอนผู้หลักผู้ใหญ่เลย หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และพยักหน้า ผลผลิตในสมัยโบราณต่ำมากจนถ้วยใส่เหล็กจะทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ หากบนโลกนี้ เหล็กช
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า