แชร์

บทที่ 125

ผู้แต่ง: ชวินเป่ยอี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เจ้ากระทรวงกรมพิธีการ และเจ้ากระทรวงกรมกลาโหมต่างยืนหยัดเพื่อปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง!

ทันใดนั้น เสนาบดีทั้งสองฝ่ายทางขวาและซ้ายก็ทะเลาะกัน ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำ!

เจ้ากระทรวงกรมขุนนางดูสาสน์กราบทูลอยู่ข้าง ๆ โดยไม่มีผู้สนใจ เขาไม่แสดงท่าทีใดออกมา!

“มาลงคะแนนกันเถอะ!”

ทันใดนั้น เป้าชิงสื่อก็พูดขึ้นว่า “ข้าคิดว่ากลยุทธ์นี้ไม่เหมาะสม!”

“ข้าเห็นด้วย!”

เจ้ากระทรวงกรมพระคลัง กรมยุติธรรม และกรมโยธาธิการต่างพูดออกมาด้วยท่าทีต่อต้าน!

หยางเฟิ่งกั๋วขมวดคิ้วและกัดฟัน เขาโมโหจนอยากจะเดินออกไป

เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่มีการลงคะแนนเสียง สิ่งสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนไม่สามารถดำเนินการได้!

เสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้นี่ทำเกินไปจริง ๆ !

“แม้ว่ากลยุทธ์นี้จะมีข้อบกพร่อง แต่ก็มีบางสิ่งที่สามารถทำได้!”

หยวนกวนหลวน เจ้ากระทรวงกรมขุนนางที่เงียบงันมาจนถึงตอนนี้ จู่ ๆ ก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม!

สวบ!

เจ้ากระทรวงทั้งสามของกรมพระคลัง กรมยุติธรรมและกรมโยธาธิการต่างหันศีรษะและขมวดคิ้วมองสหายร่วมงานผู้นี้ด้วยความเหินห่าง!

เจ้ากระทรวงกรมขุนนางที่ไม่เคยมีส่วนร่วมในข้อพิพาทระหว่างทั้งสองฝ่าย

แต่ท
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 126

    “ผู้ที่เสนอนโยบายนี้ต้องมีเจตนาชั่วร้าย ต้องถูกจับกุมและตัดสินลงโทษในเมืองจิงตู!” ขุนนางจากฝ่ายขวาออกมาปะทะ! “ไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับพวกโจรอันธพาล จ้าวเว่ยหมินได้คิดมาตรการตอบโต้แล้ว!” “การทลายกำแพงตลาดและทำการค้าขายสามารถเพิ่มภาษี พัฒนาเศรษฐกิจกลางคืนและเพิ่มการต้าขายเช่นนั้นภาษีของราชสำนักก็จะเพิ่มขึ้นมากอย่างแน่นอนพะยะค่ะ!” “ฝ่าบาท นี่เป็นกลยุทธ์โบราณและผู้ที่มีส่วนร่วมจะต้องได้รับรางวัลมากมาย มิฉะนั้นใครหน้าไหนในโลกนี้จะให้คำแนะนำแก่ราชสำนักไก้!” “ข้าเห็นพ้องด้วยพะยะค่ะ ฝ่าบาทโปรดทรงปูนบำเหน็จให้จ้าวเว่ยหมินและให้คำแนะนำแก่บัณฑิตหวังหยวนแห่งเมืองฝูด้วยพะยะค่ะ!” ขุนนางของเสนาบดีฝ่ายซ้ายออกมาสนับสนุน! “หึหึ!” ฮ่องเต้ซิงหลงหรี่ตาลงและเฝ้ามองการปะทะระหว่างสองฝ่าย เมื่อท้องพระโรงเงียบลง เขาก็ตรัสว่า “เจ้ากระทรวงหยวน เจ้าคิดอย่างไรกับกลยุทธ์นี้” “ทูลฝ่าบาท!” หยวนกวนหลวนเจ้ากระทรวงกรมขุนนางออกมากล่าวว่า “หากว่าเมืองจวิ้นทั่วประเทศรื้อถอนกำแพงตลาด รายได้ของท้องพระคลังของประเทศก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยยี่สิบเปอร์เซนต์ อย่างไรก็ตามเราต้องระมัดระวังถึงปัญหาหลังรื้อถอนกำแพ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 127

    กัวเหลียงและกัวเฉียงเหลือบมองพี่ใหญ่ แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าลงโดยไม่ส่งเสียง! “ไม่ ไม่มีอะไรขอรับ!” กัวฉางหน้าแดงและพูดว่า “ท่านแม่ของข้าสุขภาพไม่ดี เราจึงไปเรียกหมอ!” หวังหยวนถามด้วยความห่วงใย “หมอพูดว่าอย่างไรบ้าง? อาการป่วยร้ายแรงหรือไม่?” สังคมนี้ขาดการรักษาและยารักษาโรค แม้แต่เป็นไข้หวัดก็อาจคร่าชีวิตผู้คนได้! กัวฉางก้มศีรษะลงและพูดตะกุกตะกัก “ไม่ ไม่ร้ายแรง หมอบอกว่ากินยาสองสามห่อก็จะไม่เป็นไรแล้ว!” หวังหยวนกำชับว่า “คนชราสุขภาพอ่อนแอ หาอะไรดี ๆ ให้นางกินทุกวัน ไข่ไก่ เนื้อปลา เนื้อหมูก็ดีหมดไปรีดนมวัวนมแพะแล้วต้มให้ท่านดื่ม ล้วนดีต่อร่างกาย! อย่าคิดที่จะเก็บหอมรอมริด ไม่เช่นนั้น เมื่อสุขภาพของหญิงชราทรุดโทรมลงไม่ว่าจะมีเงินมากเท่าไรก็เอาคืนไม่ได้ !” คนในยุคสมัยนี้มักขาดโปรตีน แม้ว่าทั้งสามพี่น้องจะได้รับเงินมากมาย แต่ครอบครัวของพวกเขาก็เคยชินกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงก็ไม่กล้ากินหรือดื่มมากเกินไป อย่างมากที่สุดก็ทานอาหารอิ่ม แบ่งปลาจากกลุ่มตกปลาแล้วนำมาปรุงด้วยน้ำมันและเกลือเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปลาเหล่านี้โดยพื้นฐานแล้วมีไว้สำหรับเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ดื่มได้เพียงซุ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 128

    หวังหยวนตามอยู่ด้านหลังด้วยความมึนงง โดยไม่รู้ว่าคนตัวเล็กนี่จะพูดอะไรอีก! จ้าวชิงเหอชี้ไปที่ขวดสามใบในสวน “ตามวิธีที่ท่านพูด ท่านพ่อและข้าพบปรมาจารย์ที่เผาเครื่องลายคราม ทำไหขนาดต่าง ๆ มากกว่า 20 ใบ และเปิดเตาเผาสามเตาเพื่ออบมัน เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเป็นเงินทั้งหมดห้าสิบกว้านเราก็เผาไหที่แตกทั้งสามใบนี้ได้! รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งร้อยกว้าน!” “เยอะขนาดนี้เลยหรือ!” เมื่อมองไปยังไหที่เต็มไปด้วยฝุ่นสามใบ ซึ่งไม่ต่างจากไปราคาหลายสิบเหวินในท้องถนน เอ้อหู่รู้สึกเศร้าใจมากจนอยากจะร้องไห้ เขาทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลาสามวัน ซ้ำยังถูกตราหน้าจากการไปตรวจสอบที่หอนางโลม แต่กลับเห็นของเล่นอะไรแบบนี้ เป็นไปได้ไหมที่พี่หยวนกำลังสุรุ่ยสุร่ายจริง ๆ ? “มีสามใบ มันก็คุ้มมากแล้ว!” หวังหยวนหยิบเบ้าหลอมตะกั่วดำขึ้นมาเคาะมันและฟังเสียง เขารู้สึกมีความสุขมาก เดิมทีคิดว่าหลอมได้สักหนึ่งใบก็ดีมากแล้ว แต่ท้ายที่สุดกลับหลอมได้สามใบงาม! ไม่ใช่เพราะวัตถุดิบที่เขาผสมมีปัญหา แต่เป็นเพราะยุคนี้ควบคุมความร้อนได้ยาก สามารถหลอมได้ถึงสามใบ นับว่าเกินความคาดหมาย! จ้าวชิงเหอวางมือคาดเอว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 129

    ตอนนั้นรู้สึกเศร้าใจมากและอยากจะตำหนิเขาที่ไม่เอาไหน แต่ก็รู้สึกมีความสุขมากในเวลาเดียวกัน! ต่อมาถ้าเบ้าหลอมไม่สามารถละลายเหล็กหลอมเหลวได้ เพราะเห็นแก่สบู่ นางก็จะไม่ตำหนิเขา! “เหล็กหลอมละลายหมดแล้ว!” ทันใดนั้นเอ้อหู่ก็ตะโกน! กัวฉางสามพี่น้องยืดคอและดูประหลาดใจ “มันหลอมละลายแล้วจริง ๆ !” “มันละลายแล้ว ละลายแล้ว เส้นเหล็กทั้งหมดกลายเป็นเหล็กหลอมเหลว มันละลายแล้วจริง ๆ !” ท่านลุงคนด้วยท่อนเหล็กแล้วตะโกนอย่างตื่นเต้นและเต้นเหมือนเด็ก ฟู่! จ้าวชิงเหอที่กำลังเหม่อลอยลุกขึ้นยืนทันที แล้วรีบพุ่งไปที่เตาไฟ มองดูเหล็กหลอมเหลวในเบ้าหลอม ไฟสีแดงสะท้อนความตกใจบนใบหน้าของเธอ ในฐานะลูกสาวของช่างตีเหล็ก เธอรู้ดีว่าเหล็กเส้นหลอมละลายหมายถึงอะไร! นี่คือเตาหลอมเหล็กอย่างดี หากสร้างดาบชื่อดังได้ ก็สามารถขายได้ในราคาหลายร้อยหรือหลายพันกว้าน! “หยวนเอ๋อ เหล็กหลอมละลายแล้วจริง ๆ ละลายแล้วจริง ๆ !” ท่านลุงรีบวิ่งไปหาหวังหยวนอย่างตื่นเต้น โดยไม่ท่าทีเหมอนผู้หลักผู้ใหญ่เลย หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ และพยักหน้า ผลผลิตในสมัยโบราณต่ำมากจนถ้วยใส่เหล็กจะทำให้ผู้คนคลั่งไคล้ หากบนโลกนี้ เหล็กช

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 130

    เมื่อตอนเด็กๆ ลูกพี่ลูกน้องทั้งสองมักจะนอนห้องเดียวกันหรือนอนเตียงเดียวกันด้วยซ้ำ! แต่ตอนนี้พวกเขาต่างโตแล้ว ถึงเวลาที่ควรแบ่งแยกชายหญิง แต่ท่านลุงยังคงปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเด็ก! แต่ก็เข้าใจได้ว่าบุรุษอย่างช่างตีเหล็ก คงจะไม่คิดมากขนาดนั้น ใบหน้าสวยของจ้าวชิงเหอเปลี่ยนเป็นสีแดง “เช่นนั้นท่านก็นอนบนพื้นซิ!” หวังหยวนเลิกคิ้ว “ท่านลุงบอกว่าร่างกายข้าอ่อนแอ เขาจึงขอให้ข้านอนบนเตียงและเจ้านอนบนพื้น!” “ท่านพ่อ นี่มันลำเอียงเกินไปแล้ว ข้าจะไม่เป็นลูกสาวของเขาอีกต่อไป!” จ้าวชิงเหอปูที่นอนลงบนพื้นด้วยความโกรธ! ทันทีที่ปูที่นอนลงบนพื้นเสร็จ หวังหยวนก็นอนลงโดยเอามือไขว้ไว้ด้านหลังศีรษะ! จ้าวชิงเหอดึงเขาด้วยความโกรธ “ท่านกำลังทำอะไรอยู่ รีบลุกขึ้นเร็ว ๆ นี่ที่นอนของข้า!” หวังหยวนนอนอยู่บนพื้น “ข้าเหนื่อยมาก ไม่อยากคลานขึ้นบนเตียงแล้ว คืนนี้ข้าจะนอนที่นี่!” “ท่าน!” จ้าวชิงเหอพูดด้วยความโกรธ “ถ้าอย่างนั้นท่านต้องลุกขึ้นมาล้างเท้าก่อนเข้านอน ไม่เช่นนั้นผ้าห่มของข้าจะเปื้อน!” “อา!” หวังหยวนหาว “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไปเอาน้ำล้างเท้าให้ข้าซิ!” “ไม่ไป!” จ้าวชิงเหอหันกลับมา ญ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 131

    นางสงสัยว่าดาบที่ทำการชุบแข็งด้วยปัสสาวะสัตว์จะคมหรือไม่!“มันต้องคมแน่!”ในฐานะช่างตีเหล็กผู้มีประสบการณ์ ลุงพูดอย่างมั่นใจ “นำเกราะมา!”เพื่อทดสอบดาบใหม่ จึงซื้อชุดเกราะหนังมาเพื่อทดสอบความคมของดาบ!มีเกราะหนังวางซ้อนกันหลายชั้นอยู่บนม้านั่ง!ฟึ่บ!ลุงฟันดาบ ชั้นเกราะหนังแยกออกจากกัน!หวังหยวนไม่ได้นับประวัติศาสตร์ด้านวัสดุศาสตร์เคยบันทึกไว้ว่า ปรมาจารย์ด้านอาวุธอู๋หวยเหวิน แห่งราชวงศ์เหนือและใต้ ใช้เหล็กหุ้มเหล็กสองชั้น แล้วนำไปชุบแข็งสองชั้น เพื่อสร้างอาวุธที่สามารถเจาะเกราะได้สามสิบชั้น!คุณภาพของเหล็กกล้าคาร์บอนย่อมสูงกว่า และดาบราชวงศ์ถังที่ผลิตได้นั้นคมกว่า จะสามารถเจาะเกราะได้เกินสามสิบชั้นแน่นอน!จ้าวชิงเหอเปิดเกราะหนังที่ถูกฟันจนขาด แล้วนับ “หนึ่งชั้น สองชั้น...”เอ้อหู่เบิกตากว้างดาบที่โจรและเจ้าหน้าที่ใช้ ไม่ว่าจะลับให้คมเพียงใด ก็ทำลายเกราะได้เพียงห้าหรือหกชั้นเท่านั้น!แม้แต่ดาบทมิฬของพ่อ ก็สามารถทำลายเกราะได้เพียงยี่สิบชั้นเท่านั้น!“สามสิบหกชั้น ทำลายเกราะได้สามสิบหกชั้น ท่านพ่อ ดาบที่ท่านใช้โจมตีสามารถเจาะเกราะได้ถึงสามสิบหกชั้น!”จ้าวชิงเหอกระโดดขึ้น

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 132

    ดาบราชวงศ์ถังในมือของเอ้อหู่ยังคงสภาพเดิม แต่ดาบยาวในมือของกัวฉางนั้นหักแล้ว!“หยวนเอ๋อร์ ตัดเหล็กได้เหมือนตัดดินเหนียว นี่คืออาวุธวิเศษ เป็นสมบัติล้ำค่า!”ลุงตื่นเต้นมากจนน้ำตาไหล!จ้าวชิงเหอตกใจมาก ปิดปากมองภาพนี้ด้วยความไม่เชื่อ!หวังหยวนหัวเราะเบา ๆ “เป็นเช่นนั้น มันใช้ได้เลยขอรับ!”ในฐานะคนจบปริญญาเอก สาขาวัสดุศาสตร์ เขาเคยเห็นดาบโลหะผสมที่คมยิ่งกว่านี้อีก!ไม่ใช่ว่าดาบราชวงศ์ถังสามารถตัดเหล็กเหมือนตัดดินเหนียวได้จริง ๆ แต่ดาบในมือของกัวฉางนั้นเปราะบางเกินไป จึงทนต่อแรงกระแทกไม่ได้!ในความเป็นจริง การหลอมเหล็กคาร์บอนสูง เป็นเพียงวิธีการตีเหล็กธรรมดาเท่านั้น!ทั้งยังสามารถเคลือบด้วยเหล็กหลอม เหล็กบริสุทธิ์ และโลหะอื่น ๆ เพื่อให้การตีขึ้นรูปมีความซับซ้อนมากขึ้นได้ด้วยแต่การใช้เหล็กหุ้มเหล็กนั้นถือว่าล้ำหน้าที่สุดในยุคนี้ ไม่มีใครในโลกเทียบได้!ดวงตาคู่งามของจ้าวชิงเหอเป็นประกายตอนแรกคิดว่าอาวุธวิเศษชนิดนี้ดูธรรมดา แต่ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของนางเก่งมาก!“พี่หยวน ดาบเล่มนี้ดีมาก ดีกว่าดาบทมิฬของท่านพ่อด้วยซ้ำ!”เอ้อหู่ไม่อาจวางดาบราชวงศ์ถังที่ถืออยู่ได้!หวังหยวนเลิกคิ้ว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 133

    หวังหยวนทำงานเสร็จ และเห็นลุงของเขาในร้านช่างตีเหล็กหยุดตีเหล็ก ชิงเหอเปิดประตูครึ่งเดียว ท่าทางวิตกกังวล เขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ใครมา?”ชิงเหอกระซิบ “เจ้าของร้านโจว!”“ไม่ต้องกลัว!”หวังหยวนเปิดประตูเดินไป!เอ้อหู่คว้าดาบราชวงศ์ถังแล้วรีบวิ่งตามไป และสามพี่น้องกัวฉางก็ติดตามไปอย่างรวดเร็วรถม้าอันหรูหราจอดด้านนอกร้านตีเหล็กโจวฉางฟา นายท่านคนที่สามของตระกูลโจวเอาผ้าเช็ดหน้าปิดจมูก รู้สึกว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบสกปรกเลอะเทอะเมื่อเห็นหวังหยวน โจวฉางฟาก็หรี่ตาลง “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายน้อยหวังจากเมืองจิ่วซาน จะเป็นเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านต้าหวัง หญิงรับใช้เป็นลูกสาวของช่างตีเหล็ก และช่างตีเหล็กจ้าวเป็นลุงของเจ้า! น้ำตาลทรายขาวไม่ได้มาจากทางตะวันตก แต่เป็นเจ้าที่ทำเอง!”เขาได้พบกับหลิวเจี้ยนเย่เมื่อไม่กี่วันก่อน จึงได้รู้ตัวตนและสายสัมพันธ์ของหวังหยวนเดิมทีเขาวางแผนที่จะไปชนบทเพื่อซื้อสูตรลับ แต่ทันใดนั้น เขาก็ได้ยินว่าหมู่บ้านต้าหวังได้กวาดล้างค่ายซานหู่แล้วหลังจากชั่งน้ำหนักความสนใจแล้ว เขาก็ตัดสินใจจะซื้อขาย แต่น้ำเสียงของเขาแข็งกระด้าง!เป็นเรื่องปกติที่จะสุภาพกับคนร่ำรวยขอ

บทล่าสุด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1858

    เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1857

    หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1856

    แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1855

    ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1854

    ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1853

    “มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1852

    “ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1851

    “หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1850

    “การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า

DMCA.com Protection Status