ไป๋เฟยเฟยพยักหน้า “ใช่เจ้าค่ะ นี่เป็นความคิดของหวังหยวนอย่างแน่นอน เขาต้องการทราบว่าตระกูลเซิ่งต้องการทำอะไรกันแน่ และจะใช้โอกาสนี้จัดการตระกูลเซิ่งให้ได้ในคราวเดียว!”ไป๋ชิงชางได้ฟังดังนั้นจึงพยักหน้า“เช่นนั้นนำเรื่องนี้ไปหารือกับท่านพ่อก่อนดีหรือไม่?”เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง และเขาไม่กล้าตัดสินใจตามลำพัง เขาจึงอยากคุยกับพ่อของเขาโดยเร็วที่สุด!“ดีเลยเจ้าค่ะ เรื่องนี้ต้องปรึกษาหารือกันให้ดี!”ไป๋เฟยเฟยกล่าว จากนั้นไป๋ชิงชางก็ไปพบไป๋เจิ้นถังเพื่อแจ้งเรื่องเดียวกันนี้เมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังแล้ว ปฏิกิริยาของเขาก็เหมือนกับไป๋ชิงชางในตอนแรก คือเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ!แต่กลับมีบางอย่างแปลก ๆ ผุดขึ้นมาในใจของไป๋เจิ้นถัง!“หากทำเช่นนี้ได้จริง ก็จะเผยให้เห็นข้อบกพร่องของตระกูลเซิ่งอย่างแน่นอน…”หลังจากที่ไป๋เจิ้นถังพูดจบ ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางก็ยกยิ้มเช่นกัน!“ใช่แล้วขอรับท่านพ่อ เมื่อตระกูลเซิ่งเปิดเผยข้อบกพร่องออกมา เราก็จะจัดการกับพวกเขาได้ง่ายขึ้นมาก!”ไป๋ชิงชางหัวเราะ ใครจะคิดว่าพวกเขาจะแสร้งทำจริง ๆ!จากนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็จะง่ายขึ้น แล้วไป๋ชิงชางก็เริ่มว
หลังจากที่เซิ่งตงฉยงพูดจบเซิ่งฟางสี่ก็พยักหน้า“ดี เช่นนั้นก็แจ้งให้เมืองหวงทราบได้เลย”เซิ่งฟางสี่รู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว ตระกูลไป๋และหวังหยวนกำลังแตกคอกัน นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา!เกรงว่าจะไม่มีโอกาสที่ดีเช่นนี้อีกแล้วในชีวิต!ในเวลานี้หวังหยวนมาถึงวังหลวงของตระกูลไป๋แล้วจริง ๆ!หวังหยวนเข้าไปในเมืองหลวงพร้อมกับการประโคมข่าวครั้งใหญ่ว่าทันทีที่เขาเข้าไป เขาก็ถูกราชองครักษ์เข้าจับกุมเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของวังหลวง!ไม่มีใครเข้ามาพบเจอเขาได้!ซึ่งหวังหยวนไม่ได้คัดค้านและไม่มีอะไรจะพูดไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยรีบมาหาเขาในทันที“พี่หวังต้องลำบากเสียแล้ว”ไป๋ชิงชางพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนหวังหยวนก็เพียงแค่ยกยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ“สภาพแวดล้อมที่นี่ดีมาก ไม่ได้ลำบากเลยสักหน่อย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เฟยเฟยก็รีบพูดว่า “พี่หวัง เราได้ส่งกองกำลังทั้งหมดของเราไปคอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของตระกูลเซิ่งแล้ว!”“แต่ตอนนี้ยังไม่มีผล!”“แต่... เราพบว่าตระกูลเซิ่งได้เริ่มตระเตรียมเสบียงอาหารกันแล้ว!”หวังหยวนฟังแล้วก็ยกยิ้ม“ดูเหมือนว่าตระกูลเซิ่งกำลังจะยกทัพ! ตามที่เราคาดไว้ พวกเขากำล
“พี่หวัง ท่านพอจะมีวิธีใดในการขัดขวางพวกเขาหรือไม่?”ขณะนี้ไป๋ชิงชางถามขึ้นมา สิ่งที่เขาจะสื่อนั้นชัดเจนมากคือต้องการให้หวังหยวนช่วย!หวังหยวนยกยิ้มแล้วถามกลับว่า “เพียงแค่ถ่วงเวลาพวกเขางั้นหรือ?”พวกเขาได้ฟังแล้วก็ตกตะลึง!ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางย่อมเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้!ไม่คิดจะถ่วงเวลาและผัดวันประกันพรุ่ง แต่อยากจะ...กวาดล้างพวกเขา!ทั้งสองไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน!เมื่อได้ฟังคำพูดของหวังหยวนจึงตกใจ!“พี่หวัง ท่านหมายความว่าอย่างไร…?”ไป๋ชิงชางถามตามตรง หวังหยวนได้ฟังแล้วก็ยกยิ้ม“ดังที่เจ้าคิดนั่นแหละ!”หวังหยวนไม่ต้องการให้อภัยตระกูลเซิ่ง เพราะตระกูลเซิ่งนี้ก่อปัญหามาโดยตลอด ความสงบสุขที่แท้จริงอาจเกิดขึ้นหากพวกเขาถูกกวาดล้าง!หวังหยวนจึงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดตระกูลเซิ่งให้สิ้นซาก!ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ลงทุนมาถึงที่นี่!“แม้ว่า… เรื่องนี้จะฟังดูน่าสนใจมาก แต่หากลงมือทำจริง ก็เกรงว่าจะทำได้ไม่ง่ายนักใช่หรือไม่?”ไป๋ชิงชางไม่รู้ว่าหวังหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ในสายตาของเขาก็ยังมองว่าเรื่องนี้จัดการได้ยาก!แต่หวังหยวนกล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นเรื่องของความร
หากพวกเขาร่วมมือกับเมืองหวงก็ย่อมสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน!แต่ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่ามีความเสี่ยงสูง!เพราะหากจู่ ๆ เมืองหวงเปลี่ยนข้างก็จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อตระกูลไป๋!พวกเขาเชื่อใจหวังหยวนแต่ไม่เชื่อใจเมืองหวง!ยิ่งไปกว่านั้นคือนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตายของคนในอาณาจักร!จึงแน่นอนว่าต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน!“พี่หวัง แม้ว่าเราจะเชื่อท่าน แต่... เรื่องนี้จะราบรื่นจริงหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า... จู่ ๆ เมืองหวงก็แปรพักตร์…”ตอนนี้ไป๋ชิงชางพูดตามตรง หวังหยวนฟังแล้วก็ยกยิ้มเขารู้ว่าไป๋ชิงชางไม่ไว้ใจเรื่องเช่นนี้อย่างเห็นได้ชัดเพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของราชวงศ์ของพวกเขาอย่างมาก!แต่หากจะวางแผนเรื่องนี้ในระยะยาว นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำได้“พวกเจ้าต้องรีบคุยกันเรื่องนี้ เพราะกองทัพกำลังใกล้เข้ามา ไม่มีเวลาให้คิดมาก”หวังหยวนกล่าว ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยฟังแล้วจึงพยักหน้า เพราะทั้งสองต่างก็รู้ว่าเรื่องนี้ยากเพียงใด!ดังนั้น...พวกเขาจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับบิดาก่อน“และตอนนี้ข
ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยกำลังรีบไปที่ห้องตำราของไป๋เจิ้นถัง“น้องสาว เจ้าคิดว่า...แผนการของหวังหยวนจะสำเร็จหรือไม่?”ไป๋ชิงชางยังคงมีความกังวลฉายแววในดวงตา“ข้าไม่คิดว่าพี่หวังจะโกหกเรา หลังจากที่ติดต่อกันมานานแล้วยังไม่แน่ใจอีกหรือ? หากเขาไม่ยินยอม ก็เกรงว่าเราจะไม่สามารถพิชิตดินแดนสามแคว้นได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้หรอกเจ้าค่ะ”ไป๋เฟยเฟยเข้าใจสิ่งที่พี่ชายของตนกำลังคิดจึงตอบด้วยรอยยิ้มไป๋ชิงชางได้ฟังเช่นนั้นก็มีรอยยิ้มเช่นกัน“พูดมีเหตุผล...”ทั้งสองมาถึงห้องตำราหลวงแล้วเข้าไปพบไป๋เจิ้นถัง เพื่อบอกแผนการของหวังหยวนให้ไป๋เจิ้นถังฟังแต่หลังจากได้ฟังแล้ว สีหน้าของไป๋เจิ้นถังกลับค่อนข้างเปลี่ยนไป“ตระกูลเซิ่งจะรวมตัวกับเมืองหวงเพื่อจัดการกับเรา…”นั่นเป็นประเด็นที่ยุ่งยากสำหรับเรื่องนี้!แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา แต่ไป๋เจิ้นถังยังคงมั่นใจ!ถ้าจะยึดดินแดนสามแคว้นไว้ก็ยังทำได้!เพราะพวกเขามีป้อมปราการเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่คอยปกป้องจากข้าศึก!ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลไป๋ยังมีทหารมากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นนาย หากข้าศึกพยายามจะบุกยึดก็ยังสามารถสู้ได้!“ท่านพ่อ ถ้าเราทำต
แต่รอยยิ้มของไป๋เจิ้นถังกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ลูกเอ๋ย ความคิดของเจ้ายังเรียบง่ายเกินไป!”“เรียบง่ายยิ่งนัก... เจ้าคิดถึงเพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้น!”ไป๋ชิงชางสับสน ไม่ค่อยเข้าใจว่าพ่อของเขาจะสื่ออะไรกันแน่ไป๋เจิ้นถังมองลูกชายแล้วก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของมิตรภาพ แน่นอนว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในฐานะเพื่อน!แต่หากเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้!ก็ยังคงขาดประสบการณ์อยู่!ดังนั้น...วันนี้เขาจึงต้องการอธิบายเรื่องนี้ให้ลูกชายฟัง!“ลูกเอ๋ย สิ่งที่พ่อจะพูดต่อไปนี้ เจ้าต้องจดจำมันไปชั่วชีวิต!”ไป๋เจิ้นถังจ้องมองลูกชายของตน หลังจากไป๋ชิงชางได้ฟังแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยักหน้า“ท่านพ่อโปรดชี้แนะด้วยขอรับ”ไป๋เจิ้นถังกล่าวว่า “สิ่งแรกที่พ่อต้องการพูดถึงคือตัวเจ้าเอง เจ้าเป็นไท่จื่อที่มีจริยธรรมทางการปกครองที่ดี หลายคนชื่นชมเจ้าว่าเจ้าเป็นคนชอบธรรม นี่คือข้อดีของเจ้า”“แต่ว่า... เจ้าขาดความโหดเหี้ยมแบบฮ่องเต้!”“ฮ่องเต้ต้องมีความโหดเหี้ยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ไร้เหตุผลเลย นี่คือเรื่องแรกที่พ่อต้องการจะพูด!”“แม้ว่าความภักดีจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ตอนนี้เจ้
พูดตามความจริงคือเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดบกพร่องของเขา!หากเขากลายมาเป็นคู่ต่อสู้...ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ... แต่ว่า... เรากำลังร่วมมือกับเขาในตอนนี้... มันจะไม่ยุติธรรมเกินไปหรือเปล่าขอรับ...”ไป๋ชิงชางรีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาก็กลัวหวังหยวนเช่นกัน แต่เขาวางแผนร่วมกับหวังหยวนมานานแล้ว และจู่ ๆ ก็จะหักหลัง เขาคงไม่กล้าสู้หน้าหวังหยวนจริง ๆ!ไป๋เจิ้นถังถอนหายใจแล้วพูดว่า “พ่อบอกเจ้าไว้เลยว่าความซื่อสัตย์สำหรับฮ่องเต้นั้นอันตรายเพียงใด”“ลูกเอ๋ย พ่อจะบอกเจ้าว่าพ่อระแวงหวังหยวนมาโดยตลอด พ่อยังอยากให้น้องสาวของเจ้าแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แต่เจ้าก็เห็นว่าหลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็ยังไม่มีความคิดเช่นนั้น”“แม้ว่าน้องสาวของเจ้าจะแต่งงานกับเขา แต่เจ้าแน่ใจได้หรือไม่ว่าอำนาจของตระกูลไป๋ของเราจะคงอยู่ไปหลายชั่วอายุคน?”“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นคนไกลหรอก เจ้าเองก็เห็นอาของเจ้าแล้ว นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาต้าเย่ที่เหมือนเรือที่มีใบเรือหักเอาไว้!”“หากอาของเจ้าไม่เข้ามาแทรกแซง เราอาจจะยึดครองแผ่นดินได้ไปตั้งนานแล้ว!”“เจ้าเองก็รู
หลังจากที่ไป๋เจิ้นถังพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ส่ายหน้าเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร!พูดตามตรงคือเขาไม่อยากขัดแย้งกับหวังหยวนเลย!แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับหวังหยวนมากนัก แต่เขาก็ชื่นชมหวังหยวนมากที่สุด!ไป๋ชิงชางชื่นชมทั้งบุคลิก ความกล้าหาญ ความรู้แม้กระทั่งความฉลาดปราดเปรื่อง และด้านอื่น ๆ ของหวังหยวน!ในสายตาของเขา หวังหยวนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยอะไรกันก็ได้!“ท่านพ่อ ข้า... ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรขอรับ”“อีกทั้ง... ตอนนี้เมืองหวงและตระกูลเซิ่งได้รุกคืบเข้ามาแล้ว เราควร... ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ขอรับ?”ไป๋ชิงชางรีบพูด แต่ในใจเขา เขายังคงไม่ต้องการจัดการกับหวังหยวนเมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย“พ่อเข้าใจว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ในกรณีนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ พ่อจะจัดการอย่างเต็มที่เอง”ไป๋เจิ้นถังพูดตามตรง ไป๋ชิงชางฟังแล้วจึงถอนหายใจก่อนพูดว่า “ท่านพ่อ ไม่ว่าเราจะวางแผนอะไรอยู่ตอนนี้ แต่เราก็ควรปล่อยหวังหยวนไปใช่หรือไม่ขอรับ?”“เพราะตราบใดที่มีเขาอย
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี
ในขณะที่หวังหยวนกับเกาเล่อกำลังพูดคุยกัน พลันได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น“เขาพูดถูก หากตกลงมาจากยอดเขานี้ ต่อให้เจ้ามีสามเศียรหกกรก็จะต้องแหลกเป็นชิ้นแน่นอน!”“ถึงตอนนั้น สภาพย่อมดูไม่จืด!”หวังหยวนกับเกาเล่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกตึงเครียด รีบหันไปมองตามต้นเสียงเมื่อสักครู่นี้พวกเขาทั้งสองคนกลับไม่ทันสังเกตว่าในความมืดมิดนั้นยังมีผู้อื่นซ่อนอยู่ด้วย!“พวกท่านไม่ต้องเครียด! ข้าไม่มีเจตนาร้ายต่อพวกท่าน!”ชายคนนั้นค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืด เขาแต่งกายด้วยชุดผ้าป่าน อายุใกล้เคียงกับหวังหยวน ใบหน้าใต้แสงจันทร์ ของเขาเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา“ไม่ทราบว่าท่านเป็นใคร?”“เหตุใดจึงมาที่นี่ในยามนี้?”ภูเขาทางเหนือตั้งอยู่ในที่ห่างไกล รอบด้านไม่มีบ้านเรือนผู้คน แม้แต่หมู่บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้!ไม่เช่นนั้น หวังหยวนคงไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาหลายชั่วยาม!แต่ในสถานที่เช่นนี้กลับมีคนแปลกหน้าปรากฏตัว จะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร?ชายคนนั้นยิ้มพลางโบกมือเอ่ยว่า “ข้าก็เพียงแค่เดินทางผ่านมาที่นี่ เห็นพวกท่านทั้งสองกำลังเตรียมปีนหน้าผา จึงคิดจะดูความสนุกสักหน่อย”“แต่ข
ในใจนางก็รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี และที่พูดเช่นนี้กับไฉจวิ้นก็เพราะว่านางมองว่าไฉจวิ้นเป็นน้องชายแท้ ๆ ของนางเองไม่ใช่หรือ?หากปฏิบัติต่อคนนอกย่อมไม่ใช่ท่าทีเช่นนี้หยอกล้อกันอยู่ครู่หนึ่ง หลิ่วหรูเยียนอาจจะรู้สึกเหนื่อยจึงหลับไปอย่างรวดเร็วในคืนนั้น หลังจากที่หวังหยวนกินอาหารเสร็จก็ได้ออกไปอย่างเงียบเชียบหลายชั่วยามต่อมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืน หวังหยวนมายืนอยู่ตรงหน้าผาของภูเขาทางเหนือเมื่อมองออกไป อาจเป็นเพราะความมืดมิด จึงมองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของหน้าผา ให้ความรู้สึกกดดันอย่างอธิบายไม่ถูก!หวังหยวนกอดอกยืนอยู่ด้านข้าง มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มจางที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและสง่างาม“พายุใหญ่คลื่นยักษ์แบบไหนที่ไม่เคยพบเจอ?”“สถานการณ์แบบไหนที่ไม่เคยประสบ?”“เพียงแค่หน้าผา คิดจะขวางทางข้าได้หรือ?”“ช่างน่าขันนัก!”ขณะที่พูด หวังหยวนก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่า ทันใดนั้น เขาได้ยินเสียงเคลื่อนไหวมาจากด้านหลังเขาหันกลับไปโดยสัญชาตญาณ สายตาจับจ้องไปที่ผู้มาเยือน ผู้ที่มานั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเกาเล่อ!ท่ามกลางความมืดมิด ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังหวัง
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ...”เมื่อเห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของหวังหยวน ไท่สื่อลี่ก็ไม่ได้กล่าวต่ออีก สุดท้ายก็จำต้องจากไปส่วนหวังหยวนนั่งลงศึกษาแผนที่อย่างละเอียดภายในห้องเมื่อไฉจวิ้นกลับมา หลิ่วหรูเยียนก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาไฉจวิ้นอย่างรวดเร็ว พลิกดูห่อผ้าในมือเขาอย่างตื่นเต้น“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก!”“ซื้อของดี ๆ มาฝากข้ามากมายเพียงนี้เลยหรือ?”“ต่อไปต้องมอบเรื่องเช่นนี้ให้เจ้าจัดการแล้ว!”หลิ่วหรูเยียนลูบศีรษะของไฉจวิ้น พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มไฉจวิ้นรู้สึกอึดอัด นี่นางเห็นเขาเป็นเด็กน้อยชัด ๆ แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งแล้ว อายุอานามก็ไม่น้อย กลับถูกปฏิบัติเหมือนเด็กงั้นหรือ?ช่างน่าเจ็บใจนัก!แต่พี่สะใภ้ผู้นี้ก็เป็นคนที่เขาไม่อาจล่วงเกิน จึงทำได้เพียงอดทนหากเป็นผู้อื่นที่กล้าลูบศีรษะของเขา นี่ถือว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ!“จริงสิ พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ไหน?”“เมื่อครู่เขาออกไปกับไท่สื่อลี่ นี่ก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนกินขนมพลางเอ่ยถามไฉจวิ้นชี้ไปที่นอกประตู แล้วตอบว่า “พี่ใหญ่อยู่ในลานบ้านขอรับ เมื่อครู่ตอนที่ข้าเข้ามา เขากำลั
ครึ่งชั่วยามต่อมา ไท่สื่อลี่นำแผนที่มาให้ด้วยตนเอง ทางด้านหวังหยวนเฝ้ารออยู่ที่ลานบ้านเมื่อรับแผนที่มาก็ตรวจดูอย่างละเอียด คิ้วของหวังหยวนขมวดแน่นช่างอันตรายยิ่งนัก!แม้ว่าภูเขาทางเหนือจะเป็นภูเขาโดดเดี่ยว แต่ด้านข้างเป็นหน้าผาทั้งสิ้น หากต้องการเก็บเกสรของดอกหน้าผาชันก็ต้องปีนขึ้นไปบนหน้าผา ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดินนี่ช่างเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก!หากไม่มีวิชาตัวเบา การปีนขึ้นหน้าผาด้วยมือเปล่านั้นยากราวกับปีนขึ้นสวรรค์!หวังหยวนตกอยู่ในห้วงความคิด ครุ่นคิดหาวิธีเก็บเกสรดอกหน้าผาชันส่วนไท่สื่อลี่ไม่ได้เอ่ยคำใด ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเวลาผ่านไปทีละน้อย ไม่นานไฉจวิ้นก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าห่อใหญ่ ในมือไม่เพียงแต่มีของกิน ยังมีของเล่นน่าสนใจอีกมากมายด้วยทั้งหมดนี้ก็เพื่อเอาใจหลิ่วหรูเยียนเป็นเพราะเขาเอง หลิ่วหรูเยียนจึงไม่อาจออกไปเที่ยวเล่นได้ สตรีนั้นอารมณ์แปรปรวน เขากลัวว่าหลิ่วหรูเยียนจะเก็บเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อย“กลับมาแล้ว”หวังหยวนเอ่ยอย่างเรียบเฉยไฉจวิ้นพยักหน้า เขามองหวังหยวนก่อนเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่อารมณ์ไม่ดี หรือว่าเมื่อครู่นี้ทะเลาะกับพี่