“ท่านพี่ ท่านพ่อคุยอะไรกับท่านบ้างเจ้าค่ะ?”ไป๋เฟยเฟยรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงแอบหลบมาที่นี่ เพราะอย่างไรเสีย สถานะและความสามารถของนางก็ไม่ได้ด้อยเลย!ถ้าอยากจะออกจากตำหนักของตัวเองแล้วมายังตำหนักของพี่ชายก็ย่อมทำได้!“เฮ้อ...”ไป๋ชิงชางถอนหายใจ ไม่รู้จะเอ่ยคำใดเลยจริง ๆ!หากเขาบอกความจริงกับน้องสาวไป นางคงจะกังวลอย่างแน่นอน และอาจถึงกับบอกหวังหยวนด้วย ซึ่งถ้าพ่อรู้เข้า นางอาจจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!แม้กระทั่ง...บางทีอาจทำให้เขาและหวังหยวนต้องทะเลาะกันก็ได้!เพราะเขายังไม่ได้คุยกับหวังหยวนเลย!หากการเจรจาเป็นไปด้วยดีในวันพรุ่งนี้ บางทีหวังหยวนอาจจะยอมตกลงที่จะเป็นมหาองครักษ์แห่งอาณาจักรต้าเป่ย!ดังนั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงชางจึงกล่าวว่า “ท่านพ่อต้องการเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้เป็นมหาองครักษ์ของอาณาจักรต้าเป่ยของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุนนางชั้นสูงสุด!”ทันทีที่ไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจนางเข้าใจถึงเจตนาดีในเรื่องนี้ แต่ก็เข้าใจถึงอันตรายที่แฝงอยู่ด้วย!ท่านพ่อเลือกเกลี้ยกล่อมหวังหยวนในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการปล่อยเขาไป!และจะไม่ปล่อยเขาไปง่
ไป๋เฟยเฟยรู้ตัวว่าตนหลงรักหวังหยวน!เมื่อนางรู้เรื่องดังกล่าว นอกเหนือจากการเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนแล้ว นางยังกังวลมากด้วยว่าหวังหยวนจะหันมาต่อต้านตระกูลไป๋ด้วยเหตุนี้หรือไม่!หากเป็นเช่นนั้นหัวใจของนางคงถึงคราวแตกสลายแล้วจริง ๆ!นางจึงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!เมื่อกลับมาถึงห้องของตนเอง ไป๋เฟยเฟยก็รีบหยิบพู่กันและกระดาษออกมาตอนนี้นางไม่อาจไปเจอหวังหยวนได้ แม้ว่าจะต้องการก็ตาม จึงทำได้เพียงเขียนจดหมายถึงหวังหยวนเพื่อบอกข่าวแก่เขา!นางใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเขียนให้เสร็จ จากนั้นนางก็มอบจดหมายให้คนสนิทของนางแอบนำไปส่งให้หวังหยวน!หวังหยวนกำลังเตรียมตัวเข้านอนอยู่ในห้อง เมื่อเขาได้ยินเสียงบางอย่างพุ่งแหวกอากาศเข้ามา จึงหันไปมองแล้วเห็นลูกธนูยิงเข้ามาพร้อมกับมีจดหมายผูกอยู่หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้มฝืดเฝื่อนดูนี่สิ...เกรงว่าสถานการณ์คงจะไม่ค่อยดีนัก!เขาถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปแล้วเปิดจดหมายออกอ่าน เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน'หวังหยวน หากท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็โปรดอย่าตำหนิข้าเลย อันที่จริงแล้วข้าไม่อยากบอกท่านเรื่องนี้ คือว่า... เราเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับข้านั้นไม่ได้ม
ไป๋ชิงชางไม่ได้พูดเพื่อประจบประแจง!พูดตามตรงคือห้องเครื่องของที่นี่ไม่สามารถทำอาหารที่มีรสชาติเช่นนั้นได้!หวังหยวนยิ้มโดยไม่เอ่ยคำใดอีก เขารู้ว่าที่ไป๋ชิงชางมหาเขาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะพูดกับเขาแน่นอน จึงรออยู่ที่นี่ทั้งสองพูดคุยกันขณะรับประทานอาหาร พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย แต่ก็เป็นการพูดอ้อมค้อมและเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่อยากจะพูดจริง ๆ แต่ก็ยังไม่พูดออกมาเมื่อหวังหยวนเห็นเขาทำเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่เขาเห็นได้ว่าไป๋ชิงชางไม่รู้ว่าจะพูดกับตนอย่างไรจริง ๆ!แต่ไป๋ชิงชางไม่อาจทนอ้อมค้อมได้อีกต่อไป เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนมองหน้าหวังหยวนแล้วพูดว่า “หวังหยวน วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน”เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า“ท่านพูดมาได้เลย ข้าจะฟัง”หวังหยวนวางชามและตะเกียบลงแล้วมองไป๋ชิงชางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าไป๋ชิงชางคิดอยู่นาน และในที่สุดก็รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า “หวังหยวน ท่านเคยคิดอยากรับใช้อาณาจักรต้าเป่ยบ้างหรือไม่?”หวังหยวนส่ายหน้าทันทีโดยไม่ลังเล“ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย”ไป๋ชิงชางฟังแล้วก็ไม่แปลกใจเลย เขารู้ว่าหวังหยวนจะต้องตอบเช่นน
ไป๋ชิงชางสูดหายใจเข้าลึก ความสงสัยฉายแววในดวงตาของเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะนิยามความสุขตามมุมมองของเขาอย่างไรดี!หากเขาอยู่ในตำแหน่งสูงก็ควรจะมีความสุขมาก แต่ไป๋ชิงชางกลับไม่ค่อยรู้สึกเช่นนั้นเลยไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แต่แค่รู้สึกเหนื่อยเกินไปแม้ว่าหลังจากทำสิ่งต่าง ๆ ได้ประสบความสำเร็จจะทำให้เขามีความสุขมากก็ตามแต่เขายังคงไม่สามารถตอบคำถามของหวังหยวนได้ และเขายังเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนต้องการสื่อได้อีกด้วย!“ท่านตอบไม่ได้หรือ? ความสุขนั้นยากที่จะนิยามจริง ๆ อย่างน้อยสำหรับข้า ข้าคิดว่าความสุขควรจะเป็นความรู้สึกสุขใจอย่างแท้จริง”“ความสุขคืออะไร? มีอาหารให้กินเพียงพอ มีเสื้อผ้าเพียงพอ ไม่ถูกคุกคาม ไม่ถูกคนอื่นข่มขู่ มีเวลาทำสิ่งที่อยากทำ มีเพื่อนสนิทมิตรสหายมากมาย สิ่งเหล่านี้แหละ... ที่ข้าคิดว่ามันคือความสุข”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ถอนหายใจความสุขเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้!โลกที่หวังหยวนพูดถึงนั้นเปรียบเสมือนสวรรค์!พูดตามตรงคือแม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าพูดเลยว่าเขาสามารถทำให้แผ่นดินเป็นเช่นนั้นได้!“พี่หวัง เรื่องนี้มันยากเกินไปจริง ๆ…”ไป๋ชิงชางยิ้มฝืดเ
ในเวลานี้หวังหยวนยังคงนั่งอยู่ที่ลานบ้าน จานอาหารบนโต๊ะหายไปแล้ว แต่ยังมีกาน้ำชาตั้งไว้หวังหยวนยังต้มน้ำร้อนรอให้ไป๋เจิ้นถังมาถึงด้วยซ้ำ!ไม่ว่าจะเป็นไป๋เฟยเฟยหรือไป๋ชิงชาง ก็ไม่สามารถหยุดไป๋เจิ้นถังได้!ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของไป๋เจิ้นถัง!หวังหยวนรู้ว่าไป๋เจิ้นถังกลัวเขา!กลัวอำนาจของเขา แต่ก็ยังอยากควบคุมอำนาจของเขาด้วย!ไม่ใช่กลัวแค่ในปัจจุบันแต่ยังรวมถึงอนาคตด้วย แม้กระทั่งอีกร้อยปีต่อจากนี้!หวังหยวนย่อมเข้าใจความคิดของไป๋เจิ้นถังดี เขาจึงอยากคุยกับไป๋เจิ้นถัง เพื่อดูว่าเขาจะยอมล้มเลิกความคิดหรือไม่!เพราะเขาไม่อยากขัดแย้งกับตระกูลไป๋เลย!ทันใดนั้นไป๋เจิ้นถังก็มาถึง เขาหรี่ตาลงเมื่อเห็นหวังหยวนนั่งจิบชารอเขาอยู่ตรงนั้น“หวังหยวน ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ว่าข้ากำลังมา”ไป๋เจิ้นถังเดินเข้ามาหาหวังหยวนด้วยรอยยิ้ม แล้วนั่งตรงข้ามเขา!“แน่นอน ฝ่าบาทลองดื่มชาที่ข้าเพิ่งชงดูเถิด”หวังหยวนรินชาให้เขาแล้ววางไว้ตรงหน้าเขาไป๋เจิ้นถังหยิบมันขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียวโดยไม่ลังเล“ไม่เลว ชาชั้นดี”หวังหยวนหัวเราะแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทไม่กังวลว่าข้าจะวางยาพิษในชาหรือ?”ไป๋เจิ้นถังได้ฟังเ
หลังจากที่หวังหยวนพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกไป สีหน้าของไป๋เจิ้นถังก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย!พูดตามความจริง...แม้ว่าหวังหยวนจะยอมเป็นมหาองครักษ์จริง ๆ แต่เขาก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี!เพราะเขาหวาดกลัวหวังหยวนจากก้นบึ้งของหัวใจ!ดังนั้นหากมีโอกาส เขาจะพยายามยึดพลังของหวังหยวนมาไว้ในมือของเขาเองอย่างแน่นอน!ในขณะนี้สีหน้าของไป๋เจิ้นถังเริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆหวังหยวนยกยิ้มขณะมองไป๋เจิ้นถัง เพราะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นจึงพูดว่า “ฝ่าบาท ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ท่านอยากจะเกลี้ยกล่อมข้า แต่ก็ยังกังวลอยู่จึงรู้สึกลังเล”“ท่านกังวลว่าข้าจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงแผ่นดินในอนาคตใช่หรือไม่ และท่านก็ยิ่งกังวลมากขึ้นว่า แม้ว่าข้าจะไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงแผ่นดิน แต่ลูกหลานของข้าก็จะทำเช่นนั้นอยู่ดี”“ดังนั้น... ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรท่านก็ไม่เชื่อใจข้าอยู่ดี และท่านจะไม่โล่งใจจนกว่าพลังของข้าจะอยู่ในมือของท่านใช่หรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เจิ้นถังก็สูดหายใจเข้าลึก ในเมื่ออีกฝ่ายพูดทุกอย่างออกมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป“ใช่แล้ว หวังหยวน หากเจ้าสามารถยอมจำนนต่อตระกูลไป๋ของข้าได
เมื่อเขาตะโกน เหล่าทหารผู้มีวรยุทธ์ชั้นสูงหลายสิบคนก็รีบวิ่งเข้ามาในลานบ้าน!“ตอนนี้ข้าแค่ต้องออกคำสั่งเท่านั้น หวังหยวน หัวของเจ้าจะหลุดจากบ่าทันที!”“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งเดียว ว่าเจ้าจะยอมแพ้หรือจะ... ตาย!”ไป๋เจิ้นถังแทบรอไม่ไหวแล้ว!เพราะเขาเข้าใจความคิดของหวังหยวนว่าจะไม่ยอมจำนน!แม้ว่าตอนนี้เขาจะดำเนินการอย่างหุนหันพลันแล่น ไร้ความเมตตา และไม่ยุติธรรมก็ตาม!แต่ว่า…เขาต้องทำเช่นนี้ในฐานะฮ่องเต้!หวังหยวนก็สามารถเข้าใจได้ เขาจึงไม่โกรธเลย เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ผู้ใดไม่เห็นแก่ตัว ผู้นั้นจะถูกสวรรค์ลงทัณฑ์!แต่หวังหยวนยังคงถามว่า “ฝ่าบาท ท่านเองก็ทราบดีอยู่แล้วว่าข้าท่านจะไม่ยอม”“ว่าแต่... ท่านจะลงมือกับข้าจริงหรือ?”หวังหยวนถามประโยคนี้อีกครั้งไป๋เจิ้นถังถอนหายใจแล้วพูดว่า “หวังหยวน ไม่ใช่ว่าข้าอยากลงมือจัดการเจ้า แต่ว่า... เจ้าเองก็สามารถเข้าใจได้ว่าการอยู่ร่วมกันเป็นเรื่องยากสำหรับเรา และเพื่อจุดประสงค์อันยิ่งใหญ่ ข้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ ดังนั้น…”“อย่าได้โทษข้าเลย จงยอมรับเสียเถิด!”ไป๋เจิ้นถังตัดสินใจแล้วในเวลานี้!ทันทีที่เขาโบกมือ กองทหารเหล่านี้ก็จะเข้าไปจั
หลังจากออกไปได้แล้ว หวังหยวนก็ออกคำสั่งป้องกันตนเองจากตระกูลไป๋ด้วยพลังทั้งหมดของเขาทันที!เขาต้องการควบคุมทุกการเคลื่อนไหวของตระกูลไป๋!แน่นอนว่าหวังหยวนรู้ดีว่าตระกูลไป๋จะไม่กล้าโจมตีเขาง่าย ๆ เพราะด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลไป๋ในปัจจุบัน แม้จะจัดการกับตระกูลเซิ่งและเมืองหวงก็ยังยากมากแล้ว หากจะหันมาจัดการกับพวกเขาก็ยากพอ ๆ กับการบุกสวรรค์!ไป๋เจิ้นถังไม่ได้บอกไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยเรื่องนี้ แต่สองพี่น้องย่อมรู้ข่าวการจากไปของหวังหยวน!แม้ว่าพวกเขาไม่ได้ถาม แต่ก็รู้ด้วยว่าไม่มีการปรองดองระหว่างผู้เป็นบิดากับหวังหยวน!“ท่านพ่อ เราควรทำอย่างไรดี ตระกูลเซิ่งและเมืองหวงจะรุกคืบเข้ามาในไม่ช้าแล้วขอรับ!”ไป๋ชิงชางถามด้วยความกังวล“แค่ต้านทานเอาไว้ พวกเขาจะไม่สามารถโจมตีได้หรอก ไม่ต้องกังวล”ไป๋เจิ้นถังพูดด้วยสีหน้าราวกับว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้อย่างจริงจัง!พวกเขาไม่มีพลังแบบหวังหยวน มีเพียงแค่อาวุธที่ใช้ในการต่อสู้แบบดั้งเดิมที่สุดเท่านั้น หากต้องการเอาชนะพวกเขาก็อาจจะต้องจ่ายอย่างแสนสาหัส!แต่หากต้องการจะบุกเมืองให้สำเร็จ ก็ต้องมีกองกำลังเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองถึงสามเท่า!ตอนนี้
ตอนนี้หวังหยวนกลับพูดจาเยาะเย้ยเช่นนี้ นางจะไม่โกรธได้อย่างไร?“ดีนัก!”“พวกเราเพิ่งจะอยู่ร่วมกันไม่ถึงครึ่งปี ท่านก็เริ่มรังเกียจข้าแล้วหรือ?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ให้ข้าไปตอนนี้เลยแล้วกัน!”“ถือเสียว่าพวกเราไม่เคยรู้จักกัน!”หลิ่วหรูเยียนยังคงแข็งกร้าวเช่นเดิม พูดจบนางก็ลุกขึ้น เตรียมจะกระโดดลงจากรถม้าหวังหยวนรีบคว้าแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้ พลางเอ่ยขอโทษอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าพูดผิดไป เจ้าเป็นคนใจกว้าง อย่าได้ถือสาข้าเลย!”“อีกอย่าง ต่อให้ร่างกายของเจ้าจะมีรอยแผลเป็น แล้วจะเป็นอย่างไร? ใจของข้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!”“ข้ารู้ดีว่ารอยแผลเป็นบนร่างกายของเจ้าเกิดขึ้นเพราะข้า หากไม่มีรอยแผลเป็นนี้ บางทีข้าอาจจะลืมเลือนความดีของเจ้าที่มีต่อข้า แต่หากรอยแผลเป็นนี้ยังคงอยู่ ย่อมทำให้ข้ารู้สึกดีขึ้น!”“อย่างน้อยก็ทำให้ข้าจดจำความดีของเจ้าได้ตลอดไป!”หลิ่วหรูเยียนพ่นลมหายใจ แต่ในใจกลับรู้สึกยินดีนางรู้ดีว่าหวังหยวนไม่ใช่คนอกตัญญู ไม่เช่นนั้นในคืนนั้นนางคงไม่ยืนหยัดต่อสู้เต็มที่อยู่เคียงข้างหวังหยวน!ความทุ่มเทถือว่าได้รับผลตอบแทน!หลายวันผ่านไป หวังหยวนและพรรคพวกได้เดินทางมาถึงเชิงเขา
ครึ่งเดือนผ่านไป เนื่องจากเกาเล่อได้รวบรวมช่างฝีมือมามากมาย การก่อสร้างหอไร้เทียมทานจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็วยามนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วคาดว่าอีกครึ่งเดือน หอไร้เทียมทานก็จะสร้างเสร็จสมบูรณ์!และในช่วงเวลานี้ อาการของหลิ่วหรูเยียนค่อย ๆ ดีขึ้น หวังหยวนได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง เพื่อทำให้ทุกคนสบายใจตั้งแต่หลิ่วหรูเยียนล้มป่วย หวังหยวนนั้นไม่มีแก่ใจจะทำสิ่งใด ไม่ได้ติดต่อกับคนของหมู่บ้านต้าหวัง ซึ่งทำให้ต้าหู่และเอ้อหู่สองพี่น้องร้อนใจยิ่งนัก!ยามนี้เมืองหลิงอยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาทั้งสอง แม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่นช่วยเหลือ แต่ทั้งสองนั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนมากกว่าแม้ว่าพวกเขาทั้งหลายจะไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือด แต่ก็รักใคร่กันยิ่งกว่าพี่น้อง!แม้ว่ายามนี้จะมีอำนาจอยู่ในมือ แต่สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ!ขอเพียงพี่น้องได้อยู่ร่วมกัน ต่อให้ต้องสูญเสียแผ่นดินไป แล้วจะมีความหมายอะไร?เวลาผ่านไปครึ่งเดือน ทุกอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง และในช่วงครึ่งเดือนนี้ หอไร้เทียมทานสร้างเสร็จสมบูรณ์ หวังหยวนออกจากเผ่าแล้ว ยามนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเม
หากจะกล่าวให้ยิ่งใหญ่ขึ้นก็เพื่อปวงประชา!ดินแดนทั้งเก้าได้กลับคืนสู่ความสงบสุขได้ก็เพราะเขา เขาจึงต้องการให้ความสงบสุขนี้คงอยู่สืบไป ปวงประชาจะได้อยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขตลอดกาล!“ไม่ทราบว่าท่านหมอเทวดาอันมีความคิดเห็นเช่นไร?”หวังหยวนเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความปรารถนาของเขา อันจูหมิงจึงรีบโบกมือเอ่ยว่า “ในเมื่อมีเรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะไม่เข้าร่วม? ข้าจะต้องมีที่นั่งในหอไร้เทียมทานนี้อย่างแน่นอน! ถือว่าเป็นการพิสูจน์ความสามารถของข้าด้วยก็แล้วกัน!”“อีกอย่าง ข้ารู้ว่าท่านมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า ปวงประชาต่างเคารพท่านราวกับเป็นฮ่องเต้ แม้แต่คนของอาณาจักรต้าเป่ยก็คิดเช่นนั้น!”“หอไร้เทียมทานย่อมต้องเจริญรุ่งเรืองภายใต้การดูแลของท่าน แล้วชื่อเสียงของข้าก็จะยิ่งโด่งดัง!”“เรื่องดีเช่นนี้ มีหรือที่ข้าจะพลาด?”คิดไม่ถึงว่าอันจูหมิงจะตอบรับอย่างง่ายดาย!หวังหยวนยินดียิ่งนัก “เช่นนั้นต้องขอบคุณท่านหมอเทวดาอันที่ให้เกียรติ!”เมื่อได้หมอเทวดาอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าเข้าร่วม คาดว่าอีกไม่นานหอไร้เทียมทานนี้ก็จะสามารถรวบรวมผู้มีความสามารถไว้ได้มากมายแน
“รับความไว้วางใจจากผู้อื่น ต้องรักภักดีต่องานของผู้อื่น”อันจูหมิงหยิบขวดยาออกมาจากอกเสื้อ พลางเอ่ยขึ้นว่า “นี่คือยาเม็ดที่ข้าปรุงให้ฮูหยิน ทานวันละหนึ่งเม็ด หลังอาหารเย็น ในนี้มียาสามสิบเม็ด หนึ่งเดือนต่อมา ฮูหยินก็จะหายดี!”หลังจากที่หวังหยวนและคนอื่น ๆ กลับมาเมื่อวาน ก็ให้เกาเล่อนำดอกหน้าผาชันมามอบให้อันจูหมิงเขาทำได้เพียงนำดอกหน้าผาชันกลับมา ส่วนการนำมาใช้เป็นยานั้นต้องอาศัยความสามารถของอันจูหมิงอีกทั้งอันจูหมิงก็ไม่ดื่มสุราเลย เพียงคืนเดียว ยาเม็ดนี้ก็ปรุงเสร็จ!“ยังต้องกินยาอีกหรือ?”หลิ่วหรูเยียนเดินมาด้วยสีหน้าจนใจ เมื่อเห็นขวดยาอันสวยงามประณีตก็ไม่รู้สึกสนใจแม้แต่น้อยเนื่องจากนางยังมีบาดแผล ทุกวันนี้จึงต้องดื่มยามากมาย ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายคิดไม่ถึงเลยว่าอาการป่วยของนางยังไม่หายดี แต่ปริมาณยากลับเพิ่มขึ้น ช่างน่าเจ็บใจนัก!หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “นี่คือสิ่งที่พวกเราแลกมาด้วยชีวิต เจ้าต้องกินให้ดี ไม่เช่นนั้นทั้งข้า เกาเล่อ และเฉินอวิ่นจะเสียแรงเปล่า”“เกิดอะไรขึ้น?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามด้วยความสงสัยส่วนอันจูหมิงที่อยู่ด้านข้างโบกมือ เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ
หวังหยวนใช้นิ้วเคาะเบา ๆ ที่หน้าผากของตน จากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นส่วนเกาเล่อยกยิ้ม แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “นี่ก็เป็นเรื่องง่าย หากต้องการจะได้รับฉายาไร้เทียมทานย่อมต้องไปให้ถึงจุดสูงสุดของด้านนั้นๆ ต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญมาสองคน พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องรับไว้ทั้งหมด สู้ให้พวกเขาทั้งสองประลองฝีมือกัน ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้อ่อนแอกว่า ย่อมรู้ได้ในพริบตา!”“ท่านผู้นำคิดเห็นเช่นไรขอรับ?”หวังหยวนตบมือ เขาจะปฏิเสธได้อย่างไร?เขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกันไม่ใช่หรือ?หากสามารถรวบรวมผู้ที่ไร้เทียมทานเหล่านี้มาอยู่เคียงข้างได้ เขาสามารถจินตนาการถึงภาพนั้นได้แล้ว!ต่อให้ภายภาคหน้าเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าผู้ครองเมืองหลิงอีกต่อไป เพียงแค่หอไร้เทียมทานก็สามารถทำให้ผู้คนทั่วหล้ายังคงเคารพเขา และปกป้องแผ่นดินให้สงบสุขได้ด้วย!“ดื่มสุรา! ดื่มสุรา!”หวังหยวนอารมณ์ดียิ่งนัก เขายกจอกสุราขึ้น พลางโบกมือให้กับทุกคน ทุกคนจึงดื่มสุราตามเฉินอวิ่นไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอก ในไม่ช้าก็สามารถเข้ากับทุกคนได้ดี ผู้ที่มีความสัมพันธ์อันดีที่สุดกับเขาคือไฉจวิ้นแม้ว่าไฉจวิ้นจะอายุน้อยกว่าเขามาก แต่ไฉจวิ้นมีนิสัยห้าวหาญ อีกทั้งยังไม่
“ถ้าอย่างนั้นก็ได้”“อย่างไรเสีย ข้าก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ดื่มสุรากับท่านสักสองจอกที่นี่ก็ถือว่าได้สหายเพิ่มอีกคน”“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร แต่ดูจากความร่ำรวยของท่านแล้ว ภายภาคหน้าหากต้องการเงินทอง ท่านคงเป็นผู้ช่วยที่ดี”ชายคนนั้นไม่เกรงใจ เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจหวังหยวนรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเนื่องจากไท่สื่อลี่ได้เตรียมงานเลี้ยงไว้แล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปยังบ้านของไท่สื่อลี่อย่างไรเสีย หวังหยวนก็ไม่อยากดื่มสุรากับคนทั้งเผ่า ประสบการณ์ครั้งก่อนยังคงแจ่มชัด เขาไม่อยากจะประสบพบเจออีก...อีกอย่าง ครั้งนี้ที่ต้องการจะดื่มสุราก็เพราะชายตรงหน้าคนนี้คนผู้นี้ช่างลึกลับยิ่งนัก แต่มีความสามารถที่แท้จริง หวังหยวนเป็นคนชอบคนเก่ง หากสามารถทำให้คนผู้นี้มาทำงานให้ตนได้ ภายภาคหน้าย่อมเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของเขา!“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไรหรือ?”ขณะที่ทุกคนกำลังเดินไปยังบ้านของไท่สื่อลี่ สายตาของหวังหยวนก็จับจ้องไปที่ชายคนนั้น“ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักหรอก เรียกข้าว่าเฉินอวิ่นก็พอ”เฉินอวิ่นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เห็นได้ชัดตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นคนคนพเนจร ไม่ยึดติดกับกฎเกณฑ์เฉินอ
หวังหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ย่อมไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เขามีวรยุทธ์ล้ำเลิศ แต่กลับแต่งกายเรียบง่าย นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าเขาใช้เงินเท่าที่จำเป็น คาดว่าเงินทองส่วนเกินคงจะมอบให้ผู้อื่นไปหมดแล้ว”“นี่อาจจะเป็นความหมายของคำว่าคุณธรรมก็เป็นได้”“แต่สิ่งเหล่านี้ก็ไม่สำคัญ หากต้องการจะพิชิตใจคนผู้นี้ ดูท่าแล้วคงต้องใช้ความคิดมากกว่านี้”เกาเล่อพยักหน้าเห็นด้วย เป็นเช่นนั้นจริงๆครึ่งชั่วยามผ่านไป ชายคนนั้นกระโดดลงมาจากที่สูงเพียงไม่กี่ครั้งก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าพวกหวังหยวน ในมือของเขาถือเกสรดอกไม้ที่ส่องประกาย“นี่คือเกสรของดอกหน้าผาชันหรือ?”ดวงตาของหวังหยวนก็เป็นประกาย เขากำลังจะยื่นมือไปรับ แต่ชายคนนั้นหดมือกลับ“สหาย ท่านสัญญากับข้าว่าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทอง จ่ายเงินแล้วค่อยรับของ เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”“หากข้าไม่เห็นเงิน ข้าก็ไม่อาจมอบสิ่งนี้ให้ท่านได้”ชายคนนั้นมีท่าทีที่หนักแน่นหวังหยวนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงทองนั้นมากมายยิ่งนัก แต่สำหรับข้าแล้วนั้นไม่นับว่ามากมาย เพียงแต่ว่าข้าไม่ได้พกทองติดตัวมามากมายเพียงนั้น หรือว่าท่านจะติดตามข้าไปยังเผ่
ดังเช่นที่ชายคนนั้นได้กล่าวไว้ บนหน้าผาสูงตระหง่านแห่งนั้นช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!แม้ว่าเกาเล่อจะมีวรยุทธ์ล้ำเลิศและฝึกฝนอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อาจปีนป่ายหน้าผาได้!เมื่อครู่นี้เขาตั้งใจจะเสี่ยงอันตราย หากสามารถนำดอกหน้าผาชันกลับมาได้ย่อมเป็นเรื่องดีแต่หากไม่สำเร็จ คงต้องสูญเสียชีวิตไป...ในขณะที่เขากำลังจะเคลื่อนไหวผ่านจุดที่ยากลำบากที่สุด ก็เห็นชายคนนั้นมาถึงข้างกาย ใช้เถาวัลย์พันรอบเอวของเขา แล้วพาเขากลับลงสู่พื้นดินทุกอย่างราวกับความฝัน ทำให้เกาเล่อไม่อยากเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น!หลังจากที่ชายคนนั้นช่วยเหลือเกาเล่อแล้ว ก็ไม่ได้เสียเวลาพูดคุยกับพวกหวังหยวนอีก แต่กลับมุ่งหน้าไปยังหน้าผาอีกครั้ง!การเคลื่อนไหวนั้นช่างชำนาญยิ่ง ราวกับเป็นยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือ!ทั้งสองคนที่ยืนอยู่บนหน้าผารู้สึกราวกับกำลังชมการร่ายรำ เพียงแต่ว่าท่วงท่าอันงดงามนี้ หากเกิดความผิดพลาดเพียงครึ่งก้าวย่อมต้องแลกมาด้วยชีวิต!ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นร้ายแรงยิ่งนัก!หวังหยวนและเกาเล่อสบตากัน เกาเล่อเอ่ยขึ้นว่า “ชาติที่แล้วเจ้านี่คงเกิดเป็นลิง ทักษะของเขาจะดีเยี่ยมปานนี้ได้อย่างไร? หรือว่าจะเป็นผู้มีวิชาที่เ
น่าเสียดาย หากต้องการเก็บเกสรดอกหน้าผาชันก็จำเป็นต้องมีทักษะอย่างแท้จริง!“ท่านรู้จักดอกหน้าผาชันด้วยหรือ?”หวังหยวนเอ่ยถามโดยไม่รู้ตัว“ย่อมต้องรู้จักสิ”“ท่านไม่อยากรู้หรือว่าข้ามาที่นี่เพื่ออะไร?”“ง่ายมาก! ข้าเองก็มาเพื่อดอกหน้าผาชันนี้เช่นกัน!”ชายคนนั้นกอดอกพูดคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ“ท่านต้องการดอกหน้าผาชันไปทำอะไร?”หวังหยวนรีบถาม“แน่นอนว่าต้องนำไปแลกเงิน”“ดอกหน้าผาชันนับว่าเป็นสมุนไพรล้ำค่า ข้าต้องพึ่งพามันเพื่อหาทางอยู่รอด!”“ดอกหน้าผาชันหนึ่งดอกสามารถขายได้สิบตำลึงเงิน เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายทั้งเดือนของข้า!”หวังหยวนชะงักไปครู่หนึ่ง เพียงแค่สิบตำลึงเงินเองหรือ?“เหตุใดจึงมีราคาแต่ไม่มีคนขาย?”หากสามารถใช้เงินซื้อดอกหน้าผาชันในตอนนั้นได้ เขาจะลำบากเดินทางมาที่นี่เพื่ออะไร?บ่ายวันนี้ หวังหยวนได้แอบสอบถามมาแล้ว ปรากฏว่าในเผ่าไม่มีดอกหน้าผาชันแม้แต่ดอกเดียว!เขามีบารมีสูงส่งในเผ่า ผู้คนในเผ่าย่อมไม่หลอกลวงเขาหรือว่า...ชายตรงหน้าเขากำลังโกหก?“เหตุใดท่านมองข้าเช่นนี้?”“แน่นอนว่าดอกหน้าผาชันไม่ได้มีไว้ขายให้กับคนในเผ่า เพราะว่าพวกเขาไม่ต้องการสิ่งนี