พูดตามความจริงคือเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดบกพร่องของเขา!หากเขากลายมาเป็นคู่ต่อสู้...ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ... แต่ว่า... เรากำลังร่วมมือกับเขาในตอนนี้... มันจะไม่ยุติธรรมเกินไปหรือเปล่าขอรับ...”ไป๋ชิงชางรีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาก็กลัวหวังหยวนเช่นกัน แต่เขาวางแผนร่วมกับหวังหยวนมานานแล้ว และจู่ ๆ ก็จะหักหลัง เขาคงไม่กล้าสู้หน้าหวังหยวนจริง ๆ!ไป๋เจิ้นถังถอนหายใจแล้วพูดว่า “พ่อบอกเจ้าไว้เลยว่าความซื่อสัตย์สำหรับฮ่องเต้นั้นอันตรายเพียงใด”“ลูกเอ๋ย พ่อจะบอกเจ้าว่าพ่อระแวงหวังหยวนมาโดยตลอด พ่อยังอยากให้น้องสาวของเจ้าแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แต่เจ้าก็เห็นว่าหลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็ยังไม่มีความคิดเช่นนั้น”“แม้ว่าน้องสาวของเจ้าจะแต่งงานกับเขา แต่เจ้าแน่ใจได้หรือไม่ว่าอำนาจของตระกูลไป๋ของเราจะคงอยู่ไปหลายชั่วอายุคน?”“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นคนไกลหรอก เจ้าเองก็เห็นอาของเจ้าแล้ว นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาต้าเย่ที่เหมือนเรือที่มีใบเรือหักเอาไว้!”“หากอาของเจ้าไม่เข้ามาแทรกแซง เราอาจจะยึดครองแผ่นดินได้ไปตั้งนานแล้ว!”“เจ้าเองก็รู
หลังจากที่ไป๋เจิ้นถังพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ส่ายหน้าเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร!พูดตามตรงคือเขาไม่อยากขัดแย้งกับหวังหยวนเลย!แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับหวังหยวนมากนัก แต่เขาก็ชื่นชมหวังหยวนมากที่สุด!ไป๋ชิงชางชื่นชมทั้งบุคลิก ความกล้าหาญ ความรู้แม้กระทั่งความฉลาดปราดเปรื่อง และด้านอื่น ๆ ของหวังหยวน!ในสายตาของเขา หวังหยวนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยอะไรกันก็ได้!“ท่านพ่อ ข้า... ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรขอรับ”“อีกทั้ง... ตอนนี้เมืองหวงและตระกูลเซิ่งได้รุกคืบเข้ามาแล้ว เราควร... ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ขอรับ?”ไป๋ชิงชางรีบพูด แต่ในใจเขา เขายังคงไม่ต้องการจัดการกับหวังหยวนเมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย“พ่อเข้าใจว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ในกรณีนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ พ่อจะจัดการอย่างเต็มที่เอง”ไป๋เจิ้นถังพูดตามตรง ไป๋ชิงชางฟังแล้วจึงถอนหายใจก่อนพูดว่า “ท่านพ่อ ไม่ว่าเราจะวางแผนอะไรอยู่ตอนนี้ แต่เราก็ควรปล่อยหวังหยวนไปใช่หรือไม่ขอรับ?”“เพราะตราบใดที่มีเขาอย
“ท่านพี่ ท่านพ่อคุยอะไรกับท่านบ้างเจ้าค่ะ?”ไป๋เฟยเฟยรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงแอบหลบมาที่นี่ เพราะอย่างไรเสีย สถานะและความสามารถของนางก็ไม่ได้ด้อยเลย!ถ้าอยากจะออกจากตำหนักของตัวเองแล้วมายังตำหนักของพี่ชายก็ย่อมทำได้!“เฮ้อ...”ไป๋ชิงชางถอนหายใจ ไม่รู้จะเอ่ยคำใดเลยจริง ๆ!หากเขาบอกความจริงกับน้องสาวไป นางคงจะกังวลอย่างแน่นอน และอาจถึงกับบอกหวังหยวนด้วย ซึ่งถ้าพ่อรู้เข้า นางอาจจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!แม้กระทั่ง...บางทีอาจทำให้เขาและหวังหยวนต้องทะเลาะกันก็ได้!เพราะเขายังไม่ได้คุยกับหวังหยวนเลย!หากการเจรจาเป็นไปด้วยดีในวันพรุ่งนี้ บางทีหวังหยวนอาจจะยอมตกลงที่จะเป็นมหาองครักษ์แห่งอาณาจักรต้าเป่ย!ดังนั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงชางจึงกล่าวว่า “ท่านพ่อต้องการเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้เป็นมหาองครักษ์ของอาณาจักรต้าเป่ยของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุนนางชั้นสูงสุด!”ทันทีที่ไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจนางเข้าใจถึงเจตนาดีในเรื่องนี้ แต่ก็เข้าใจถึงอันตรายที่แฝงอยู่ด้วย!ท่านพ่อเลือกเกลี้ยกล่อมหวังหยวนในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการปล่อยเขาไป!และจะไม่ปล่อยเขาไปง่
ไป๋เฟยเฟยรู้ตัวว่าตนหลงรักหวังหยวน!เมื่อนางรู้เรื่องดังกล่าว นอกเหนือจากการเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนแล้ว นางยังกังวลมากด้วยว่าหวังหยวนจะหันมาต่อต้านตระกูลไป๋ด้วยเหตุนี้หรือไม่!หากเป็นเช่นนั้นหัวใจของนางคงถึงคราวแตกสลายแล้วจริง ๆ!นางจึงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!เมื่อกลับมาถึงห้องของตนเอง ไป๋เฟยเฟยก็รีบหยิบพู่กันและกระดาษออกมาตอนนี้นางไม่อาจไปเจอหวังหยวนได้ แม้ว่าจะต้องการก็ตาม จึงทำได้เพียงเขียนจดหมายถึงหวังหยวนเพื่อบอกข่าวแก่เขา!นางใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเขียนให้เสร็จ จากนั้นนางก็มอบจดหมายให้คนสนิทของนางแอบนำไปส่งให้หวังหยวน!หวังหยวนกำลังเตรียมตัวเข้านอนอยู่ในห้อง เมื่อเขาได้ยินเสียงบางอย่างพุ่งแหวกอากาศเข้ามา จึงหันไปมองแล้วเห็นลูกธนูยิงเข้ามาพร้อมกับมีจดหมายผูกอยู่หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้มฝืดเฝื่อนดูนี่สิ...เกรงว่าสถานการณ์คงจะไม่ค่อยดีนัก!เขาถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปแล้วเปิดจดหมายออกอ่าน เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน'หวังหยวน หากท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็โปรดอย่าตำหนิข้าเลย อันที่จริงแล้วข้าไม่อยากบอกท่านเรื่องนี้ คือว่า... เราเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับข้านั้นไม่ได้ม
ไป๋ชิงชางไม่ได้พูดเพื่อประจบประแจง!พูดตามตรงคือห้องเครื่องของที่นี่ไม่สามารถทำอาหารที่มีรสชาติเช่นนั้นได้!หวังหยวนยิ้มโดยไม่เอ่ยคำใดอีก เขารู้ว่าที่ไป๋ชิงชางมหาเขาในวันนี้เพราะมีเรื่องจะพูดกับเขาแน่นอน จึงรออยู่ที่นี่ทั้งสองพูดคุยกันขณะรับประทานอาหาร พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย แต่ก็เป็นการพูดอ้อมค้อมและเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่อยากจะพูดจริง ๆ แต่ก็ยังไม่พูดออกมาเมื่อหวังหยวนเห็นเขาทำเช่นนี้ก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก แต่เขาเห็นได้ว่าไป๋ชิงชางไม่รู้ว่าจะพูดกับตนอย่างไรจริง ๆ!แต่ไป๋ชิงชางไม่อาจทนอ้อมค้อมได้อีกต่อไป เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนมองหน้าหวังหยวนแล้วพูดว่า “หวังหยวน วันนี้ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกท่าน”เมื่อหวังหยวนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า“ท่านพูดมาได้เลย ข้าจะฟัง”หวังหยวนวางชามและตะเกียบลงแล้วมองไป๋ชิงชางด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าไป๋ชิงชางคิดอยู่นาน และในที่สุดก็รวบรวมความกล้าพูดออกมาว่า “หวังหยวน ท่านเคยคิดอยากรับใช้อาณาจักรต้าเป่ยบ้างหรือไม่?”หวังหยวนส่ายหน้าทันทีโดยไม่ลังเล“ข้าไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย”ไป๋ชิงชางฟังแล้วก็ไม่แปลกใจเลย เขารู้ว่าหวังหยวนจะต้องตอบเช่นน
ไป๋ชิงชางสูดหายใจเข้าลึก ความสงสัยฉายแววในดวงตาของเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าจะนิยามความสุขตามมุมมองของเขาอย่างไรดี!หากเขาอยู่ในตำแหน่งสูงก็ควรจะมีความสุขมาก แต่ไป๋ชิงชางกลับไม่ค่อยรู้สึกเช่นนั้นเลยไม่ใช่ว่าไม่พอใจ แต่แค่รู้สึกเหนื่อยเกินไปแม้ว่าหลังจากทำสิ่งต่าง ๆ ได้ประสบความสำเร็จจะทำให้เขามีความสุขมากก็ตามแต่เขายังคงไม่สามารถตอบคำถามของหวังหยวนได้ และเขายังเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนต้องการสื่อได้อีกด้วย!“ท่านตอบไม่ได้หรือ? ความสุขนั้นยากที่จะนิยามจริง ๆ อย่างน้อยสำหรับข้า ข้าคิดว่าความสุขควรจะเป็นความรู้สึกสุขใจอย่างแท้จริง”“ความสุขคืออะไร? มีอาหารให้กินเพียงพอ มีเสื้อผ้าเพียงพอ ไม่ถูกคุกคาม ไม่ถูกคนอื่นข่มขู่ มีเวลาทำสิ่งที่อยากทำ มีเพื่อนสนิทมิตรสหายมากมาย สิ่งเหล่านี้แหละ... ที่ข้าคิดว่ามันคือความสุข”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ถอนหายใจความสุขเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้!โลกที่หวังหยวนพูดถึงนั้นเปรียบเสมือนสวรรค์!พูดตามตรงคือแม้แต่ตอนนี้ เขาก็ยังไม่กล้าพูดเลยว่าเขาสามารถทำให้แผ่นดินเป็นเช่นนั้นได้!“พี่หวัง เรื่องนี้มันยากเกินไปจริง ๆ…”ไป๋ชิงชางยิ้มฝืดเ
ในเวลานี้หวังหยวนยังคงนั่งอยู่ที่ลานบ้าน จานอาหารบนโต๊ะหายไปแล้ว แต่ยังมีกาน้ำชาตั้งไว้หวังหยวนยังต้มน้ำร้อนรอให้ไป๋เจิ้นถังมาถึงด้วยซ้ำ!ไม่ว่าจะเป็นไป๋เฟยเฟยหรือไป๋ชิงชาง ก็ไม่สามารถหยุดไป๋เจิ้นถังได้!ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของไป๋เจิ้นถัง!หวังหยวนรู้ว่าไป๋เจิ้นถังกลัวเขา!กลัวอำนาจของเขา แต่ก็ยังอยากควบคุมอำนาจของเขาด้วย!ไม่ใช่กลัวแค่ในปัจจุบันแต่ยังรวมถึงอนาคตด้วย แม้กระทั่งอีกร้อยปีต่อจากนี้!หวังหยวนย่อมเข้าใจความคิดของไป๋เจิ้นถังดี เขาจึงอยากคุยกับไป๋เจิ้นถัง เพื่อดูว่าเขาจะยอมล้มเลิกความคิดหรือไม่!เพราะเขาไม่อยากขัดแย้งกับตระกูลไป๋เลย!ทันใดนั้นไป๋เจิ้นถังก็มาถึง เขาหรี่ตาลงเมื่อเห็นหวังหยวนนั่งจิบชารอเขาอยู่ตรงนั้น“หวังหยวน ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ว่าข้ากำลังมา”ไป๋เจิ้นถังเดินเข้ามาหาหวังหยวนด้วยรอยยิ้ม แล้วนั่งตรงข้ามเขา!“แน่นอน ฝ่าบาทลองดื่มชาที่ข้าเพิ่งชงดูเถิด”หวังหยวนรินชาให้เขาแล้ววางไว้ตรงหน้าเขาไป๋เจิ้นถังหยิบมันขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียวโดยไม่ลังเล“ไม่เลว ชาชั้นดี”หวังหยวนหัวเราะแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทไม่กังวลว่าข้าจะวางยาพิษในชาหรือ?”ไป๋เจิ้นถังได้ฟังเ
หลังจากที่หวังหยวนพูดถ้อยคำเหล่านั้นออกไป สีหน้าของไป๋เจิ้นถังก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย!พูดตามความจริง...แม้ว่าหวังหยวนจะยอมเป็นมหาองครักษ์จริง ๆ แต่เขาก็ยังคงไม่สบายใจอยู่ดี!เพราะเขาหวาดกลัวหวังหยวนจากก้นบึ้งของหัวใจ!ดังนั้นหากมีโอกาส เขาจะพยายามยึดพลังของหวังหยวนมาไว้ในมือของเขาเองอย่างแน่นอน!ในขณะนี้สีหน้าของไป๋เจิ้นถังเริ่มมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆหวังหยวนยกยิ้มขณะมองไป๋เจิ้นถัง เพราะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นจึงพูดว่า “ฝ่าบาท ข้ารู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ท่านอยากจะเกลี้ยกล่อมข้า แต่ก็ยังกังวลอยู่จึงรู้สึกลังเล”“ท่านกังวลว่าข้าจะต่อสู้เพื่อแย่งชิงแผ่นดินในอนาคตใช่หรือไม่ และท่านก็ยิ่งกังวลมากขึ้นว่า แม้ว่าข้าจะไม่ได้ต่อสู้แย่งชิงแผ่นดิน แต่ลูกหลานของข้าก็จะทำเช่นนั้นอยู่ดี”“ดังนั้น... ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรท่านก็ไม่เชื่อใจข้าอยู่ดี และท่านจะไม่โล่งใจจนกว่าพลังของข้าจะอยู่ในมือของท่านใช่หรือไม่?”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ ไป๋เจิ้นถังก็สูดหายใจเข้าลึก ในเมื่ออีกฝ่ายพูดทุกอย่างออกมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกต่อไป“ใช่แล้ว หวังหยวน หากเจ้าสามารถยอมจำนนต่อตระกูลไป๋ของข้าได
นอกจากฝีมือของหวังหยวนจะจัดว่ายอดเยี่ยมแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสักครู่นี้นางยังบังเอิญเห็นปืนคาบศิลาที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของหวังหยวน นางจึงรู้ตัวตนของหวังหยวนแล้วทันใดนั้นแม่นางหรูเยียนก็ยกยิ้มจาง ก่อนจะกล่าวเสียงเรียบว่า “หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคงเป็นหวังหยวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้จักข้าได้อย่างไร?” หวังหยวนตกตะลึง“คนมีชื่อเสียงเช่นนี้ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร?” แม่นางหรูเยียนกอดอกและกล่าวช้า ๆ ว่า “จากอาวุธลับในแขนเสื้อของท่าน ก็สามารถบอกตัวตนของท่านได้แล้ว”“ดังนั้น…” หวังหยวนจงใจลากเสียงยาว “เจ้าเป็นคนของอาณาจักรต้าเป่ยใช่หรือไม่? หรือว่าอาณาจักรต้าเย่ ไม่ก็คนเมืองหวงใช่หรือเปล่า?”ในปัจจุบัน แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้าถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน เขาครอบครองส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกสามส่วนถูกครอบครองโดยอีกสามคนแม้ว่าจะยังไม่รบกันในตอนนี้ แต่ก็ต้องมีสงครามเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้! เป็นเพียงเรื่องของเวลาเท่านั้นแต่คนที่สามารถจดจำอาวุธลับในมือเขาได้ก็มีไม่มาก นั่นก็พิสูจน์ได้ว่าแม่นางหรูเยียนต้องมีความเกี่ยวข้องกับหนึ่งในกองกำลังเหล่านี้ จึงสามารถจำต
หวังหยวนที่กำลังจะก้าวออกไปชะงักฝีเท้าทันที แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เฉินเทียนอับอาย ในสายตาของหวังหยวนนั้น ชายคนนี้ก็เป็นเพียงชายเจ้าสำราญคนหนึ่งที่ประพฤติตนไร้สาระ จึงไม่สมควรได้รับการใส่ใจทว่าเหตุผลที่เขาก้าวออกไปนั้น ไม่ใช่เพราะหันหลังให้ความทุกข์ยาก แต่เป็นเพราะเชื่อมั่นว่าแม่นางหรูเยียนจะสามารถจัดการเรื่องราวเหล่านี้ได้ด้วยฝีมือของแม่นางหรูเยียน เพียงแค่นายน้อยขี้เมาคนหนึ่งจะมีความหมายอะไร? แต่เฉินเทียนกลับกล้าเอ่ยวาจาท้าทายเขาต่อหน้า ซ้ำยังใช้คำหยาบคายอย่างยิ่ง หวังหยวนจึงไม่อาจปล่อยวางได้! ไม่เช่นนั้นจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?ทันใดนั้น หวังหยวนก็หันมาถีบเข้าที่อกของเฉินเทียนอย่างแรง! ในวินาทีต่อมา ร่างของเฉินเทียนก็กระเด็นไปหลายวาเหมือนลูกบอล ก่อนจะหยุดลง... เลือดไหลทะลักออกมาจากจมูก!ดูสภาพแล้วน่าเวทนาเหลือเกิน! แม่นางหรูเยียนที่อยู่ข้าง ๆ ยกมือปิดปากหัวเราะเบา ๆหวังหยวนปัดฝุ่นบนมือ และพูดอย่างใจเย็นว่า “งาช้างไม่งอกออกจากปากสุนัข!” “มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เจ้ากลับไม่เห็นคุณค่า ยังกล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าข้าอีก สมควรตายนัก!”ด้วยเหตุใดไม่ทราบ แม่
“ได้! ข้ายินยอม!”แม่นางหรูเยียนจำต้องยอมจำนนดังที่หวังหยวนคาดการณ์ไว้ นางยังคงมีจุดประสงค์ของตนเอง จึงไม่สามารถยอมแพ้ในสถานการณ์นี้ได้ ส่วนเรื่องความแค้นกับหวังหยวน ภายหลังค่อยแก้แค้นภายหลังยังไม่สาย…“ถูกต้อง”เมื่อแม่นางหรูเยียนตอบตกลง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยิ้ม แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ทุกคนเข้าใจผิดแล้วจริง ๆ”“ข้ากับแม่นางหรูเยียนเป็นเพื่อนที่ไม่ได้พบกันมานานหลายปี ครั้งนี้ข้ามาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องบางอย่างกับนาง”“หากเราจะทำอะไรกันจริง เราจะนั่งห่างกันถึงเพียงนี้หรือ?”หวังหยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มผู้คนต่างมองหน้ากัน ไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมา คำพูดนี้ยังไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือนักหวังหยวนเหลือบมอง และกล่าวอีกครั้ง “ทุกคน! คงไม่รู้ว่าข้าแต่งงานแล้วใช่หรือไม่?”“ภรรยาของข้ารอข้าอยู่ที่บ้าน และนางก็รู้จักแม่นางหรูเยียน นางจึงให้ข้ามาพบกับนาง”“ทุกท่านดูข้าสิ ข้าดูเหมือนคนเจ้าชู้หรือ?”ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของคนจากหอชิงสุ่ย ฝูงชนจึงค่อย ๆ แยกย้ายสลายตัวกันไป ไม่มีใครอยู่ต่อมีเพียงคนเดียวที่ยังไม่จากไปไหน นั่นคือเฉินเทียนขี้เมาสีหน้า
แม่นางหรูเยียนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของที่นี่ เหล่าบุรุษมากมายต่างมาเยือนที่นี่เพราะนาง แต่บัดนี้เหตุการณ์ไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นแล้ว ผู้คนมากมายต่างมารวมตัวกันนอกประตู ต่างพากันกระซิบกระซาบวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ขาดสาย“นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางหรูเยียนแสร้งทำเป็นสูงส่งเป็นเปลือกนอก แต่เบื้องหลังกลับเป็นเช่นนี้!”“ข้าก็พอจะเข้าใจ คนเราล้วนมีด้านมืด นางจะมาทำเป็นสูงส่งได้อย่างไร?”“นางแสร้งทำเป็นหญิงบริสุทธิ์ผุดผ่อง!”ทันใดนั้นความคิดของทุกคนที่มีต่อแม่นางหรูเยียนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหลายคนบ่นว่าเงินที่เสียไปก่อนหน้านี้ไม่คุ้มค่าเลยจริง ๆ! หากรู้ว่านางเป็นเช่นนี้แล้ว พวกเขาจะมาที่นี่เพื่ออะไร? เสียเงินทองมากมายไปกับการฟังเพลง มันช่างเป็นเรื่องไร้สาระ!สีหน้าของแม่นางหรูเยียนเปลี่ยนไป นางรีบหยิบผ้าไหมขึ้นมาปิดบังใบหน้า แล้วชี้ไปที่หวังหยวนพลางกล่าวว่า “เรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคิด!”“บุรุษผู้นี้เป็นเพียงคนเจ้าชู้! ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาบุกเข้ามาในห้องได้อย่างไร!”“ทุกท่านเข้าใจผิดแล้ว!”ทุกคนต่างหัวเราะเยาะในกลุ่มคนมีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้น “แม่นางหรูเยียน เจ้าคิดว่าพวกข้
“ต่อให้คนธรรมดาทำงานหนักทั้งชีวิตก็ไม่มีโอกาสได้ใช้ของเหมือนที่อยู่ในห้องข้าได้!”แม่นางหรูเยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและแฝงไปด้วยความรำคาญทว่าตั้งแต่เข้ามาในห้อง หวังหยวนก็จ้องมองแม่นางหรูเยียนตลอดเวลา พิจารณาแม้แต่ท่าทางการพูดของนางแม้ว่าแม่นางหรูเยียนจะแสร้งทำเป็นหยิ่งผยองและทำท่าทางเย็นชา แต่หวังหยวนรู้สึกได้ว่านางไม่ใช่คนเช่นนี้แน่นอน นางกำลังจงใจเล่นละครเพื่อปกปิดอะไรบางอย่าง!แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้หวังหยวนยังไม่สามารถค้นพบความลับของนางได้โชคดีที่เขายังมีเวลาอีกมากพอที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป ค่อย ๆ ขุดคุ้ยความลับเบื้องหลังของแม่นางหรูเยียน!เวลาผ่านไปทีละวินาทีแม่นางหรูเยียนก็แอบมองหวังหยวนเป็นระยะ นางคาดเดาความคิดของชายผู้นี้อยู่ในใจพลางครุ่นคิด“เขาคงไม่เฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดหรอกใช่หรือไม่?”“เขาต้องการอะไรกันแน่?”“ข้ากับเขาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน เหตุใดข้าถึงจำไม่ได้เลยว่าเคยพบเขามาก่อน?”ส่วนหวังหยวนก็นั่งจิบชาเงียบ ๆ ด้วยท่าทางสบายใจทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างเร่งรีบ ตามมาด้วยเสียงสนทนาของชายหญิงดังเข้ามาในห้อง“คุณชายเฉิน! ท่านเข้าไปไม่ได้นะเจ้าคะ!”
“ว่ามาสิว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” สตรีผู้นี้มีวิทยายุทธไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ นางจะซ่อนเร้นให้รอดพ้นสายตาของหวังหยวนไปได้อย่างไร?ที่นี่คือเมืองอู่เจียง ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของเขา ไม่อาจปล่อยให้คนเช่นนี้ปรากฏตัวได้! แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นสตรี หวังหยวนก็จำต้องระมัดระวัง เพราะเกรงว่าจะเกิดความผิดพลาด!แม่นางหรูเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยกมือขึ้นดึงปิ่นปักผมของตนเองออกมาอย่างรวดเร็ว แล้วจ่อไปที่ลำคอของตนเอง ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะสละชีพ!“ได้!”“ถือว่าข้าโชคร้ายเองที่ได้พบเจ้า!”“หากเจ้ายังคงบีบบังคับข้าต่อไป ข้าจะตายตรงหน้าเจ้าบัดเดี๋ยวนี้!”หลังจากพูดจบ แม่นางหรูเยียนก็พร้อมที่จะใช้ปิ่นปักผมแทงเข้าที่คอของตนเอง!โชคดีที่หวังหยวนตาไว คว้าปิ่นปักผมออกจากมือของนางได้ทัน แล้วเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่ามาเล่นละครตบตากับข้า!”แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ในใจก็ยังหวาดกลัวอยู่บ้าง!สตรีผู้นี้ช่างบ้าคลั่งนัก กล้าลงมือกับตนเองเช่นนี้!ช่างโหดเหี้ยมนัก แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เว้น!“เจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?” ใบหน้าของแม่นางหรูเยียนบึ้งตึง วิทยายุทธของหวังหยวนนั้นสูงส่งแล
ก่อนที่แม่นางหรูเยียนจะทันได้ตั้งตัว มือของหวังหยวนก็สัมผัสผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว!เห็นได้ชัดว่าต้องการจะดึงผ้าคลุมหน้าออก!แต่ที่หวังหยวนไม่คาดคิดก็คือแม่นางหรูเยียนมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก เห็นได้ชัดว่านางมีวรยุทธ!นางรีบยกมือขึ้นมาสกัดกั้นมือของหวังหยวน แล้วถอยหลังอย่างรวดเร็วไปยังเตียงนอนนางคว้ามีดสั้นออกมา ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาหวังหยวนด้วยท่าทางน่าเกรงขาม!“มีวรยุทธด้วยหรือ?”หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้ม เรื่องราวยิ่งน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆไม่น่าแปลกใจเลยที่แม่นางหรูเยียนช่างมีเสน่ห์ดึงดูดใจ นางมีความลึกลับซ่อนอยู่มากมาย!เพียงชั่วพริบตาเดียว หวังหยวนก็เข้าต่อสู้กับแม่นางหรูเยียน!แม้ว่าหวังหยวนจะระวัง แต่กระบวนท่าโจมตีอันทรงพลังของแม่นางหรูเยียนนั้นรุนแรงมาก เห็นได้ชัดว่านางต้องการสังหารหวังหยวนให้ได้!โชคดีที่หวังหยวนหลบหลีกได้ทัน สามารถเลี่ยงการโจมตีของนางได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!“เจ้าเป็นสตรี เหตุใดถึงได้โหดร้ายเช่นนี้?”หวังหยวนส่ายหน้าขณะพูดแม่นางหรูเยียนขมวดคิ้ว “นั่นก็เพราะท่านชั่วร้ายเกินไปไม่ใช่หรือ?”“ท่านรู้เรื่องที่ควรจะรู้แล้ว แต่ท่านยังคงหยาบคาย เห็นได้ชัด
“ข้าได้กล่าวไปแล้วว่าข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่ต้องการสนทนากับเจ้าเท่านั้น” ริมฝีปากของหวังหยวนเผยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับว่าได้กลับมาถึงบ้านของตนเองต่อจากนั้น หวังหยวนก็นั่งลงรินน้ำชาให้ตนเอง แล้วโบกมือให้อีกฝ่ายนั่งลง ก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “หากเจ้าคิดจะเรียกคนมาช่วย ข้ารับรองว่าได้ว่าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ข้าสามารถทำให้เจ้าเสียโฉมได้แน่นอน”“หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองดูได้”หวังหยวนยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ไม่รู้ว่าฝาถ้วยชามาอยู่ในมือของเขาตั้งแต่เมื่อใด เป็นการเตือนแม่นางหรูเยียนอย่างชัดเจนแม่นางหรูเยียนสีหน้าซีดเผือด นี่เป็นครั้งแรกที่นางถูกข่มขู่ ในหอชิงสุ่ยนี้ ชายแทบทุกคนต่างปรารถนาจะได้ใกล้ชิดนาง แต่ก็ไม่มีใครได้โอกาสและไม่มีใครกล้าล่วงเกินนางแม้แต่ข่มขู่นางก็ไม่เคยมีมาก่อนหวังหยวนเป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แม่นางหรูเยียนจึงขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านต้องการอะไร?”ขณะที่พูด แม่นางหรูเยียนก็รักษาระยะห่างจากหวังหยวน ไม่ได้เข้าใกล้เขาแม้แต่น้อยแต่สามารถเห็นได้ชัดจากแววตาของนางว่านางก็หวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเพราะหวังหยวนเป็นคนแรกที่เข้ามาในห้องนี้!แต่ที่ไม่คาดคิดก
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น