“พี่หวัง ท่านพอจะมีวิธีใดในการขัดขวางพวกเขาหรือไม่?”ขณะนี้ไป๋ชิงชางถามขึ้นมา สิ่งที่เขาจะสื่อนั้นชัดเจนมากคือต้องการให้หวังหยวนช่วย!หวังหยวนยกยิ้มแล้วถามกลับว่า “เพียงแค่ถ่วงเวลาพวกเขางั้นหรือ?”พวกเขาได้ฟังแล้วก็ตกตะลึง!ไป๋เฟยเฟยและไป๋ชิงชางย่อมเข้าใจสิ่งที่หวังหยวนจะสื่อได้!ไม่คิดจะถ่วงเวลาและผัดวันประกันพรุ่ง แต่อยากจะ...กวาดล้างพวกเขา!ทั้งสองไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน!เมื่อได้ฟังคำพูดของหวังหยวนจึงตกใจ!“พี่หวัง ท่านหมายความว่าอย่างไร…?”ไป๋ชิงชางถามตามตรง หวังหยวนได้ฟังแล้วก็ยกยิ้ม“ดังที่เจ้าคิดนั่นแหละ!”หวังหยวนไม่ต้องการให้อภัยตระกูลเซิ่ง เพราะตระกูลเซิ่งนี้ก่อปัญหามาโดยตลอด ความสงบสุขที่แท้จริงอาจเกิดขึ้นหากพวกเขาถูกกวาดล้าง!หวังหยวนจึงต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อกำจัดตระกูลเซิ่งให้สิ้นซาก!ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ลงทุนมาถึงที่นี่!“แม้ว่า… เรื่องนี้จะฟังดูน่าสนใจมาก แต่หากลงมือทำจริง ก็เกรงว่าจะทำได้ไม่ง่ายนักใช่หรือไม่?”ไป๋ชิงชางไม่รู้ว่าหวังหยวนกำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่ในสายตาของเขาก็ยังมองว่าเรื่องนี้จัดการได้ยาก!แต่หวังหยวนกล่าวว่า “ทั้งหมดเป็นเรื่องของความร
หากพวกเขาร่วมมือกับเมืองหวงก็ย่อมสามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการได้เร็วขึ้นอย่างแน่นอน!แต่ก็ต้องย้ำอีกครั้งว่ามีความเสี่ยงสูง!เพราะหากจู่ ๆ เมืองหวงเปลี่ยนข้างก็จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อตระกูลไป๋!พวกเขาเชื่อใจหวังหยวนแต่ไม่เชื่อใจเมืองหวง!ยิ่งไปกว่านั้นคือนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตายของคนในอาณาจักร!จึงแน่นอนว่าต้องคิดให้รอบคอบเสียก่อน!“พี่หวัง แม้ว่าเราจะเชื่อท่าน แต่... เรื่องนี้จะราบรื่นจริงหรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้า... จู่ ๆ เมืองหวงก็แปรพักตร์…”ตอนนี้ไป๋ชิงชางพูดตามตรง หวังหยวนฟังแล้วก็ยกยิ้มเขารู้ว่าไป๋ชิงชางไม่ไว้ใจเรื่องเช่นนี้อย่างเห็นได้ชัดเพราะนี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของราชวงศ์ของพวกเขาอย่างมาก!แต่หากจะวางแผนเรื่องนี้ในระยะยาว นี่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำได้“พวกเจ้าต้องรีบคุยกันเรื่องนี้ เพราะกองทัพกำลังใกล้เข้ามา ไม่มีเวลาให้คิดมาก”หวังหยวนกล่าว ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยฟังแล้วจึงพยักหน้า เพราะทั้งสองต่างก็รู้ว่าเรื่องนี้ยากเพียงใด!ดังนั้น...พวกเขาจะต้องปรึกษาเรื่องนี้กับบิดาก่อน“และตอนนี้ข
ขณะนี้ไป๋ชิงชางและไป๋เฟยเฟยกำลังรีบไปที่ห้องตำราของไป๋เจิ้นถัง“น้องสาว เจ้าคิดว่า...แผนการของหวังหยวนจะสำเร็จหรือไม่?”ไป๋ชิงชางยังคงมีความกังวลฉายแววในดวงตา“ข้าไม่คิดว่าพี่หวังจะโกหกเรา หลังจากที่ติดต่อกันมานานแล้วยังไม่แน่ใจอีกหรือ? หากเขาไม่ยินยอม ก็เกรงว่าเราจะไม่สามารถพิชิตดินแดนสามแคว้นได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้หรอกเจ้าค่ะ”ไป๋เฟยเฟยเข้าใจสิ่งที่พี่ชายของตนกำลังคิดจึงตอบด้วยรอยยิ้มไป๋ชิงชางได้ฟังเช่นนั้นก็มีรอยยิ้มเช่นกัน“พูดมีเหตุผล...”ทั้งสองมาถึงห้องตำราหลวงแล้วเข้าไปพบไป๋เจิ้นถัง เพื่อบอกแผนการของหวังหยวนให้ไป๋เจิ้นถังฟังแต่หลังจากได้ฟังแล้ว สีหน้าของไป๋เจิ้นถังกลับค่อนข้างเปลี่ยนไป“ตระกูลเซิ่งจะรวมตัวกับเมืองหวงเพื่อจัดการกับเรา…”นั่นเป็นประเด็นที่ยุ่งยากสำหรับเรื่องนี้!แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขา แต่ไป๋เจิ้นถังยังคงมั่นใจ!ถ้าจะยึดดินแดนสามแคว้นไว้ก็ยังทำได้!เพราะพวกเขามีป้อมปราการเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่คอยปกป้องจากข้าศึก!ยิ่งไปกว่านั้นคือตระกูลไป๋ยังมีทหารมากถึงหนึ่งแสนสองหมื่นนาย หากข้าศึกพยายามจะบุกยึดก็ยังสามารถสู้ได้!“ท่านพ่อ ถ้าเราทำต
แต่รอยยิ้มของไป๋เจิ้นถังกลับเต็มไปด้วยความผิดหวัง“ลูกเอ๋ย ความคิดของเจ้ายังเรียบง่ายเกินไป!”“เรียบง่ายยิ่งนัก... เจ้าคิดถึงเพียงแค่ปัจจุบันเท่านั้น!”ไป๋ชิงชางสับสน ไม่ค่อยเข้าใจว่าพ่อของเขาจะสื่ออะไรกันแน่ไป๋เจิ้นถังมองลูกชายแล้วก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่เห็นคุณค่าของมิตรภาพ แน่นอนว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในฐานะเพื่อน!แต่หากเขาได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้!ก็ยังคงขาดประสบการณ์อยู่!ดังนั้น...วันนี้เขาจึงต้องการอธิบายเรื่องนี้ให้ลูกชายฟัง!“ลูกเอ๋ย สิ่งที่พ่อจะพูดต่อไปนี้ เจ้าต้องจดจำมันไปชั่วชีวิต!”ไป๋เจิ้นถังจ้องมองลูกชายของตน หลังจากไป๋ชิงชางได้ฟังแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพยักหน้า“ท่านพ่อโปรดชี้แนะด้วยขอรับ”ไป๋เจิ้นถังกล่าวว่า “สิ่งแรกที่พ่อต้องการพูดถึงคือตัวเจ้าเอง เจ้าเป็นไท่จื่อที่มีจริยธรรมทางการปกครองที่ดี หลายคนชื่นชมเจ้าว่าเจ้าเป็นคนชอบธรรม นี่คือข้อดีของเจ้า”“แต่ว่า... เจ้าขาดความโหดเหี้ยมแบบฮ่องเต้!”“ฮ่องเต้ต้องมีความโหดเหี้ยมมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้ไร้เหตุผลเลย นี่คือเรื่องแรกที่พ่อต้องการจะพูด!”“แม้ว่าความภักดีจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ตอนนี้เจ้
พูดตามความจริงคือเป็นเรื่องยากที่จะหาจุดบกพร่องของเขา!หากเขากลายมาเป็นคู่ต่อสู้...ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!“ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อ... แต่ว่า... เรากำลังร่วมมือกับเขาในตอนนี้... มันจะไม่ยุติธรรมเกินไปหรือเปล่าขอรับ...”ไป๋ชิงชางรีบพูดอย่างรวดเร็ว เขาก็กลัวหวังหยวนเช่นกัน แต่เขาวางแผนร่วมกับหวังหยวนมานานแล้ว และจู่ ๆ ก็จะหักหลัง เขาคงไม่กล้าสู้หน้าหวังหยวนจริง ๆ!ไป๋เจิ้นถังถอนหายใจแล้วพูดว่า “พ่อบอกเจ้าไว้เลยว่าความซื่อสัตย์สำหรับฮ่องเต้นั้นอันตรายเพียงใด”“ลูกเอ๋ย พ่อจะบอกเจ้าว่าพ่อระแวงหวังหยวนมาโดยตลอด พ่อยังอยากให้น้องสาวของเจ้าแต่งงานกับเขาเพื่อที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา แต่เจ้าก็เห็นว่าหลังจากเวลาผ่านไปนาน เขาก็ยังไม่มีความคิดเช่นนั้น”“แม้ว่าน้องสาวของเจ้าจะแต่งงานกับเขา แต่เจ้าแน่ใจได้หรือไม่ว่าอำนาจของตระกูลไป๋ของเราจะคงอยู่ไปหลายชั่วอายุคน?”“ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นคนไกลหรอก เจ้าเองก็เห็นอาของเจ้าแล้ว นางพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาต้าเย่ที่เหมือนเรือที่มีใบเรือหักเอาไว้!”“หากอาของเจ้าไม่เข้ามาแทรกแซง เราอาจจะยึดครองแผ่นดินได้ไปตั้งนานแล้ว!”“เจ้าเองก็รู
หลังจากที่ไป๋เจิ้นถังพูดจบ ไป๋ชิงชางก็ส่ายหน้าเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร!พูดตามตรงคือเขาไม่อยากขัดแย้งกับหวังหยวนเลย!แม้ว่าเขาจะไม่ได้ติดต่อกับหวังหยวนมากนัก แต่เขาก็ชื่นชมหวังหยวนมากที่สุด!ไป๋ชิงชางชื่นชมทั้งบุคลิก ความกล้าหาญ ความรู้แม้กระทั่งความฉลาดปราดเปรื่อง และด้านอื่น ๆ ของหวังหยวน!ในสายตาของเขา หวังหยวนคือเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นเพื่อนสนิทที่สามารถพูดคุยอะไรกันก็ได้!“ท่านพ่อ ข้า... ไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำอย่างไรขอรับ”“อีกทั้ง... ตอนนี้เมืองหวงและตระกูลเซิ่งได้รุกคืบเข้ามาแล้ว เราควร... ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ก่อนหรือไม่ขอรับ?”ไป๋ชิงชางรีบพูด แต่ในใจเขา เขายังคงไม่ต้องการจัดการกับหวังหยวนเมื่อไป๋เจิ้นถังได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าลูกชายของเขาเป็นคนจิตใจอ่อนโยน จึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย“พ่อเข้าใจว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ แต่ในกรณีนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ พ่อจะจัดการอย่างเต็มที่เอง”ไป๋เจิ้นถังพูดตามตรง ไป๋ชิงชางฟังแล้วจึงถอนหายใจก่อนพูดว่า “ท่านพ่อ ไม่ว่าเราจะวางแผนอะไรอยู่ตอนนี้ แต่เราก็ควรปล่อยหวังหยวนไปใช่หรือไม่ขอรับ?”“เพราะตราบใดที่มีเขาอย
“ท่านพี่ ท่านพ่อคุยอะไรกับท่านบ้างเจ้าค่ะ?”ไป๋เฟยเฟยรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติ นางจึงแอบหลบมาที่นี่ เพราะอย่างไรเสีย สถานะและความสามารถของนางก็ไม่ได้ด้อยเลย!ถ้าอยากจะออกจากตำหนักของตัวเองแล้วมายังตำหนักของพี่ชายก็ย่อมทำได้!“เฮ้อ...”ไป๋ชิงชางถอนหายใจ ไม่รู้จะเอ่ยคำใดเลยจริง ๆ!หากเขาบอกความจริงกับน้องสาวไป นางคงจะกังวลอย่างแน่นอน และอาจถึงกับบอกหวังหยวนด้วย ซึ่งถ้าพ่อรู้เข้า นางอาจจะถูกลงโทษอย่างรุนแรง!แม้กระทั่ง...บางทีอาจทำให้เขาและหวังหยวนต้องทะเลาะกันก็ได้!เพราะเขายังไม่ได้คุยกับหวังหยวนเลย!หากการเจรจาเป็นไปด้วยดีในวันพรุ่งนี้ บางทีหวังหยวนอาจจะยอมตกลงที่จะเป็นมหาองครักษ์แห่งอาณาจักรต้าเป่ย!ดังนั้นหลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋ชิงชางจึงกล่าวว่า “ท่านพ่อต้องการเกลี้ยกล่อมหวังหยวนให้เป็นมหาองครักษ์ของอาณาจักรต้าเป่ยของเรา ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขุนนางชั้นสูงสุด!”ทันทีที่ไป๋เฟยเฟยได้ฟังเช่นนั้นก็ตกใจนางเข้าใจถึงเจตนาดีในเรื่องนี้ แต่ก็เข้าใจถึงอันตรายที่แฝงอยู่ด้วย!ท่านพ่อเลือกเกลี้ยกล่อมหวังหยวนในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการปล่อยเขาไป!และจะไม่ปล่อยเขาไปง่
ไป๋เฟยเฟยรู้ตัวว่าตนหลงรักหวังหยวน!เมื่อนางรู้เรื่องดังกล่าว นอกเหนือจากการเป็นห่วงความปลอดภัยของหวังหยวนแล้ว นางยังกังวลมากด้วยว่าหวังหยวนจะหันมาต่อต้านตระกูลไป๋ด้วยเหตุนี้หรือไม่!หากเป็นเช่นนั้นหัวใจของนางคงถึงคราวแตกสลายแล้วจริง ๆ!นางจึงจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น!เมื่อกลับมาถึงห้องของตนเอง ไป๋เฟยเฟยก็รีบหยิบพู่กันและกระดาษออกมาตอนนี้นางไม่อาจไปเจอหวังหยวนได้ แม้ว่าจะต้องการก็ตาม จึงทำได้เพียงเขียนจดหมายถึงหวังหยวนเพื่อบอกข่าวแก่เขา!นางใช้เวลาครึ่งชั่วยามในการเขียนให้เสร็จ จากนั้นนางก็มอบจดหมายให้คนสนิทของนางแอบนำไปส่งให้หวังหยวน!หวังหยวนกำลังเตรียมตัวเข้านอนอยู่ในห้อง เมื่อเขาได้ยินเสียงบางอย่างพุ่งแหวกอากาศเข้ามา จึงหันไปมองแล้วเห็นลูกธนูยิงเข้ามาพร้อมกับมีจดหมายผูกอยู่หวังหยวนหรี่ตาแล้วยกยิ้มฝืดเฝื่อนดูนี่สิ...เกรงว่าสถานการณ์คงจะไม่ค่อยดีนัก!เขาถอนหายใจแล้วเดินเข้าไปแล้วเปิดจดหมายออกอ่าน เพื่อยืนยันการคาดเดาของตน'หวังหยวน หากท่านได้อ่านจดหมายฉบับนี้ก็โปรดอย่าตำหนิข้าเลย อันที่จริงแล้วข้าไม่อยากบอกท่านเรื่องนี้ คือว่า... เราเป็นเพื่อนกัน แต่สำหรับข้านั้นไม่ได้ม