หมานต๋าถูกับหมานจิ้งกำลังนั่งอยู่ในกระโจม สายตาจับจ้องไปที่แผนผังจำลองทำด้วยทรายหลังจากที่หมานจิ้งรู้ข่าว สายตานางก็เคร่งขรึม ขณะถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ท่านพี่ พวกเราจะต่อสู้กับต้าเย่จริงหรือเจ้าคะ?”“แน่นอน”หมานต๋าถูยกยิ้มอ่อนด้วยสีหน้าสงบใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ขณะพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าตั้งตารอวันนี้มานานแล้ว!”เมื่อเห็นพี่ชายดูมีความสุขมาก หมานจิ้งก็ยิ้มกว้างทันที แล้วพูดว่า “ท่านพี่ ดูเหมือนท่านจะมั่นใจมากเลยนะเจ้าคะ”“จะตัดสินใจเรื่องนี้อย่างไร?”สีหน้าของหมานต๋าถูเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด แล้วพูดว่า “ความจริงข้าอยากจะเริ่มสงครามมานานแล้ว การต่อสู้ระหว่างตระกูลเซิ่งและราชวงศ์ครั้งนี้ เป็นโอกาสที่หายากสำหรับเรา!”“โอกาสหรือเจ้าคะ? ท่านพี่ นี่หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”หมานจิ้งถามด้วยความสับสน“ฮ่าฮ่า ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด อย่างน้อยเราก็สามารถบุกเมืองสู่ได้แล้ว!”“และตอนนี้ในต้าเย่ ตระกูลเซิ่งได้ดำเนินการกับราชวงศ์แล้ว ฮองเฮาแห่งต้าเย่คงประสบปัญหาทั้งภายในและภายนอก ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มดำเนินการกับต้าเย่!”“นั่นเป็นข่าวดีจริง ๆ เจ้าค่ะ ท
“เด็กหนุ่มหวังหยวนคนนั้น เป็นคนมีพรสวรรค์ที่หาได้ยากในแผ่นดินจริง ๆ!”“ความสามารถและกลยุทธ์ของเขาไม่มีใครเทียบได้ หากเขาดำเนินการเพราะเรื่องนี้จริง ๆ มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะรับมือ”“แต่เราไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้หรอก อู๋หลิงมาถึงถิ่นของเราแล้ว ขณะที่เมืองหวงเดินทัพ หวังหยวนทำได้เพียงไปจัดการกับเมืองหวงเท่านั้น”หมานต๋าถูยกยิ้มมุมปาก พยักหน้าแล้วพูดว่า “ดังนั้นให้เมืองหวงปวดหัวกับเรื่องนี้ไปเถิด”หลังจากได้ยินดังนั้น หมานจิ้งก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมืองหวงล้มเหลว เพราะหวังหยวนนั้นเก่งกาจมาก หากเขาต้องการจัดการกับเมืองหวง มันก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาใช่หรือไม่?”“เจ้าพูดถูก”หมานต๋าถูตอบด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “แต่หวังหยวนอาจจะไม่ดำเนินการใด ๆ เลย”“เอ๊ะ เหตุใดหรือเจ้าคะ?”หมานจิ้งถามอย่างสงสัย“เพราะหวังหยวนเป็นคนฉลาด เขาจึงเห็นแล้วว่าแผ่นดินกำลังสับสนวุ่นวาย”น้ำเสียงของหมานต๋าถูเคร่งขรึมมากขณะอธิบาย “ตอนนี้ตระกูลเซิ่งกำลังกระหายอำนาจ เพื่อที่จะได้ครองบัลลังก์ อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาปฏิเสธญาติพี่น้องทั้งหมด และใช้วิธีการที่โหดเหี้ยม!”“เพราะเรื่องเหล่าน
แม้ว่าต้าเย่จะมีปัญหาทั้งภายในและภายนอก แต่ความแข็งแกร่งก็ไม่อาจมองข้ามได้ หากพวกเขาต่อสู้จริง ๆ ย่อมชนะ แต่ก็จะต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักเช่นกันเมื่อถึงเวลานั้น แม้ว่าต้าเย่จะเจ็บหนัก แต่ก็ยังมีหมานอี๋อยู่ค่อย ๆ กลืนกินต้าเย่ไปทีละน้อยแม้ว่าจะช้า แต่ก็มีความมั่นคงมากกว่า!“ในเมื่อเจ้าทั้งสองมีความตั้งใจนี้ เช่นนั้นก็เดินหน้าต่อไปเลย ทันทีที่หมานอี๋และอู๋หลิงลงมือ เราจะใช้โอกาสนี้โจมตีชายแดน เพื่อยึดครองดินแดน!”หลังจากที่เซียวฉู่ฉู่พูดจบ อากู่ต๋าก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดว่า “ไทเฮา ข้าคิดถึงใครบางคน ... “หลังจากพูดเช่นนี้ อ๋องหลงซีก็ขมวดคิ้วแล้วสูดหายใจเข้าลึกไทเฮาย่อมทราบดีว่าเขากำลังนึกถึงใคร“เจ้าหมายถึง หวังหยวน อ๋องเป่ยหลิง...”หลังจากที่ไทเฮาพูดจบ อากู่ต๋าก็พยักหน้า“ใช่แล้ว ไทเฮา แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหวังหยวนจะดี แต่เขาจะไม่เฝ้าดูเราโจมตีต้าเย่ ถ้าเขาขัดขวาง... ด้วยกลยุทธ์ที่ไม่มีใครเทียบได้ของเขา ข้าเกรงว่า...”อากู่ต๋าชื่นชมหวังหยวนมาก!ชายคนนี้ร้ายกาจเกินไปจริง ๆ! เรื่องวางแผนการ อาจไม่มีใครในแผ่นดินเทียบได้ เขากลัวจริง ๆ ว่าหวังหยวนจะด
ในขณะนี้เซิ่งตงหยวนกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้อู๋หลิงได้จัดการกับหมานอี๋แล้ว อาจไม่มีใครในเมืองจิงตูที่เป็นคู่ต่อสู้ของเรา ไม่เช่นนั้น หากเราไปบุกเมืองจิงเลยจะได้หรือไม่ขอรับ?”แม้ว่าแนวคิดนี้จะฟังดูเหิมเกริมมาก แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นไปได้!แต่เมื่อเซิ่งฟางสี่ได้ยินดังนั้น เขาก็ส่ายหน้า“ลูกชาย เจ้ายังคิดว่าราชสำนักต้าเย่นั้นเรียบง่ายเกินไป!”หลังจากที่เซิ่งฟางสี่พูดจบ เซิ่งตงหยวนก็สับสน“เหตุใดล่ะขอรับ ท่านพ่อ หลังจากที่อู๋หลิงจากไป แม้ว่าจะมีทหารในเมืองหลวง พวกเขาก็ไม่อาจสู้กับท่านพ่อได้!”เซิ่งตงหยวนไม่เข้าใจว่าเหตุใดพ่อของเขาถึงระมัดระวังถึงเพียงนี้“เมืองจิง นั่นคือหนึ่งในดินแดนทั้งเก้า สถานที่ที่มีป้อมปราการมากที่สุด มีเมืองล้อมรอบมากกว่าสองดินแดนของเราเสียอีก!”“แต่ละเมืองมีผู้พิทักษ์อย่างน้อยห้าพันคน!”“ดังนั้น กองทหารรักษาการณ์ในเมืองจะต้องมีจำนวนอย่างน้อยสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคน!”“ทั้งยังมีกองทหารจักรวรรดิมากกว่าหนึ่งหมื่นนายในเมืองจิง และทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือ หากตระกูลเซิ่งของเราต้องการยึดเมืองจิง เราจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีคนถึงหนึ่งแสนคน!”เซิ่งฟางสี่รู้ดีว่าเมืองจิงเ
เซิ่งฟางสี่พูดด้วยสายตาเยาะเย้ย“ฮองเฮาเพิ่งจะครองแผ่นดิน ด้วยการบริหารของนาง ทำให้ต้าเย่เกิดความสับสนวุ่นวาย เจ้าคิดว่าผู้คนในแผ่นดินนี้จะคิดอย่างไรกัน?”“สำหรับตระกูลเซิ่งของเรายังมีองค์ชายใหญ่อยู่ จิตใจของทุกคนก็ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาใช่หรือไม่?”แผนการของเซิ่งฟางสี่นั้นดีจริง ๆ!หากยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ก็จะประสบความสำเร็จได้จริงๆ!“ใช่แล้ว! หากเราเผยแพร่ข่าวลือต่อไป เกรงว่าข้าราชบริพารและผู้คนในแผ่นดินจะเริ่มคิดอย่างรอบคอบจริง ๆ!”“ใช่แล้ว! เมื่อผู้คนในแผ่นดินผิดหวังในตัวฮองเฮา นางก็จะอยู่ไม่ไกลจากความล้มเหลว!”เซิ่งตงหยวนกับน้องชายยกยิ้ม พลางคิดว่าแผนการของพ่อพวกเขายอดเยี่ยมมาก!“เพราะอย่างไรเสีย ตระกูลเซิ่งของเราก็มีสถานะอันชอบธรรม เรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”เซิ่งฟางสี่ยกยิ้มอ่อน ดูเหมือนว่าเขามั่นใจในชัยชนะในขณะนี้ เกาเล่อกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังแล้ว สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก“คุณชาย พวกหมานอี๋ได้ดำเนินการแล้ว มีข่าวมาจากเมืองหวงว่ากองทัพชายแดนได้เคลื่อนไหวแล้ว...”เกาเล่อมาจากเมืองหวง เขาจึงคอยระวังเมืองหวงอยู่เสมอแต่เขาไม่คาดคิดว่าเมืองหวงและหมานอี๋จะตกลง
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้รับผลประโยชน์!ดินแดนทั้งเก้าของต้าเย่ไม่เพียงแต่สวยงามน่าหมายปองเท่านั้น!ต้องใช้เวลาและกองกำลังจำนวนมากในการโจมตี!ดินแดนทั้งเก้านั้นยากที่จะพิชิต ไม่เช่นนั้นคงไม่มีราชวงศ์มากมายในต้าเย่แต่ว่า...แม้ว่าจะยังไม่มีวิกฤติใหญ่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถละเลยการบุกรุกนี้ได้จิตใจของหวังหยวนฟุ้งซ่านในขณะนี้ พยายามคิดอย่างรอบคอบเพื่อหามาตรการรับมือหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเขาก็พูดออกมา“เกาเล่อ เราอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“อย่าเข้าไปยุ่งหรือ? เหตุใดกัน?”เกาเล่อไม่เข้าใจ หวังหยวนไม่อยากให้ต้นต้าเย่สั่นคลอน แต่เหตุใดเขาถึงไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้?หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเราเข้าไปแทรกแซง เราจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของเรา และทำให้ทั้งราชวงศ์ ตระกูลเซิ่ง และตระกูลไป๋เกรงกลัวเราทุกฝ่าย”“เมื่อกลัวแล้ว สถานการณ์ของเราก็จะไม่ดี”“แม้ข้าจะไม่อยากเห็นต้าเย่วุ่นวาย แต่ถ้าเราตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นอันตราย ข้าไม่อาจล้อเล่นกับชีวิตของพวกเจ้าได้!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ
อู๋หลิงรีบนำทหารทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่เมืองสู่อย่างรวดเร็ว!หลังจากมาถึงเมืองสู่ เมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นกองทัพหมานอี๋กำลังเข้าใกล้ชายแดนจำนวนห้าหมื่นคน เหตุการณ์นี้น่าตกใจและน่ากลัวมาก!เมื่อเห็นเช่นนี้ แม้ว่าอู๋หลิงจะตกใจจริง ๆ แต่เขาก็รู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!แต่เขาไม่ได้เครียดมากเกินไป เพราะเขามีความมั่นใจในความสามารถในการต่อสู้ของตนมาก!อู๋หลิงจึงนำกองทัพเตรียมประจำการที่นี่ทันที!ในไม่ช้ากองทัพก็ประจำการ จากนั้นอู๋หลิงก็เริ่มวางแผนการรบและเริ่มฝึกทหาร!แม้ว่าอู๋หลิงจะมีคนไม่มากนัก เมื่อรวมกับเชลยศึกและคนจากตระกูลไป๋ที่ช่วยเขา ก็มีทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันคน ซึ่งเพียงพอที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ยิ่งฝึกฝนมากเท่าใด อู๋หลิงก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น!เขายังคงสร้างขวัญกำลังใจอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด จากนั้นจึงค่อยอธิบายให้ฮองเฮาและทั่วต้าเย่รับรู้!แต่ไม่กี่วันก็มีข่าวมาถึง!กองทหารฝ่ายศัตรูแอบเข้ามา และพยายามเผาเสบียงและหญ้า!สีหน้าของรองขุนพลจางผิงเคร่งขรึมมาก เขาโค้งคำนับ แล้วมองอู๋หลิงขณะกำมือแน่น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขุนพลอู๋
“มันแปลกจริง ๆ” อู๋หลิงไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเหตุใดพวกเขาถึงใช้กลอุบายเช่นนี้“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขารู้ว่าเอาชนะพวกเราไม่ได้ จึงยอมพ่ายแพ้ด้วยการถอยทัพกลับ ไม่ยอมต่อสู้?”“เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง จึงแสร้งทำเป็นอยากทำศึกกับพวกเรา ใช้กลอุบายเล็กน้อยแล้วก็จากไปงั้นหรือ?”หลังจากได้ฟังคำพูดของจางผิง สีหน้าของอู๋หลิงก็ดูจริงจังมากในขณะนี้สายตาเขาเคร่งขรึมและมืดมน ก่อนพูดด้วยเสียงเย็นชาคนกลุ่มนี้แสร้งทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?ขณะที่ทั้งสองคนยังคงงุนงงสับสน พวกเขาก็เห็นทหารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะยื่นจดหมายให้อู๋หลิงทันที“รายงานขุนพลอู๋ หมานอี๋ได้ส่งจดหมายมาแล้วขอรับ!”“จดหมายจากหมานอี๋หรือ?”อู๋หลิงรีบจดหมายมาเปิดอ่านด้วยความสับสน เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมายชัดเจน สีหน้าก็ยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเขาจะสู้กับข้าหรือ?”“อะไรนะขอรับ?”รองขุนพลจางผิงเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสับสน “ขุนพลอู๋ หมานอี๋มีไพร่พลมากมาย ถ้าต้องต่อสู้จริง ๆ ทั้งข้าศึกและเราจะประสบความสูญเสียอย่างหนักแน่นอนขอรับ!”“แต่เขาเพิ่งส่งจดหมายมาที่นี่ ตอนนี้เข
“ฝ่าบาท ท่านคิดว่าท่านหวังจะไม่สงสัยพวกเราใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”เมื่อเห็นขบวนรถม้าของหวังหยวนและคนอื่น ๆ ออกเดินทางไปแล้ว เฉินซานเตาพลันกอดอกเอ่ยถาม ใบหน้าซีดเผือดเล็กน้อยแม้ว่าเฉินซานเตาจะเป็นเพียงขุนศึกผู้หนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นในอดีตคงไม่เลือกที่จะยืนอยู่ข้างกายไป๋อวิ๋นเฟย!ไป๋อวิ๋นเฟยเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าพี่หวังคงไม่คิดเช่นนั้น อย่างไรเสีย ยามนี้ราชวงศ์ต้าเย่กำลังเผชิญกับปัญหามากมาย ผู้ที่ข้าต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือพี่หวัง แต่ผู้ที่ลงมือในครั้งนี้เป็นใครกันแน่ ช่างยากที่จะคาดเดา...”“คนของซือฟางในอดีตล้วนถูกพวกเราจับกุมตัวไปหมดแล้ว ส่วนคนที่เหลือที่เคยมีความสัมพันธ์กับเขาก็หายสาบสูญไปนานแล้ว ไม่กล้าปรากฏตัวต่อหน้าพวกเรา ไม่กล้าปรากฏตัวในเมืองหลวง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะกล้าลงมือสังหาร”“อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการมาอย่างดี หากพวกเขาต้องการจะล้างแค้น เช่นนั้นเป้าหมายก็ไม่น่าจะพุ่งตรงมาที่หวังหยวน...”ไป๋อวิ๋นเฟยก็ตกอยู่ในห้วงแห่งความสับสนยามนี้หลิ่วหรูเยียนบาดเจ็บสาหัส จิตใจของหวังหยวนต้องจดจ่ออยู่กับอาการของหลิ่วหรูเยียน แต่ความเคียดแค้นในครั้งนี้ย่อ
“ได้ขอรับ! เช่นนั้นข้าจะรีบไปเตรียมการ พวกเราจะได้รีบออกเดินทางกันเลย!”เพียงชั่วครู่ หวังหยวนและคนอื่น ๆ ก็จัดเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น มุ่งหน้าไปยังทิศทางของเผ่าทางเหนืออย่างเอิกเกริกหน้าประตูวังหลวงในเมืองไป๋อวิ๋นเฟยและเหล่าทหารองครักษ์กำลังยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่นี่ สองคนที่ยืนอยู่ข้างกายเขาคนหนึ่งคือเฉินซานเตา ส่วนอีกคนเป็นชายแปลกหน้าชายคนนี้สวมชุดเกราะ ในมือถือดาบใหญ่ แม้จะผ่านวัยกลางคนมาแล้ว แต่ก็ยังคงองอาจผ่าเผย เห็นได้ชัดว่ามีที่มาไม่ธรรมดาสายตาของหวังหยวนจับจ้องไปที่ชายคนนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันไปมองไป๋อวิ๋นเฟย “ข้าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นกังวล บ้านเมืองเพิ่งจะสงบสุข ท่านยังมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ ข้าขอตัวไปก่อน”“เมื่อทางข้ามีข่าวคราว ข้าจะส่งจดหมายผ่านนกพิราบสื่อสารมาบอกท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องเป็นกังวล”ไป๋อวิ๋นเฟยรีบจับมือหวังหยวน แล้วชี้ไปยังบุรุษข้างกายก่อนเอ่ยว่า “พี่หวัง นี่คือขุนพลเซียวเหรินอู่ ตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์ในเผ่าทางเหนือ อีกทั้งเส้นทางยังยากลำบาก ข้าให้ขุนพลเซียวเหรินอู่ติดตามท่านไปด้วย ระหว่างทางหากต้องการสิ่งใด ขุนพลเซีย
เมื่อเห็นว่าพวกหมอตรวจอาการของหลิ่วหรูเยียนเสร็จแล้ว หวังหยวนจึงเอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าพวกท่านมีวิธีใดที่จะทำให้อาการของภรรยาข้าดีขึ้นได้บ้าง?”พวกหมอสบตากัน ต่างพูดไม่ออก“หรือว่าเรื่องนี้ยากเย็นถึงเพียงนั้นเลย?”“พวกท่านก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งหมอหลวงได้ นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าวิชาแพทย์ของพวกท่านล้วนยอดเยี่ยม แต่พวกท่านทั้งหมดอยู่ที่นี่ หมอมากมายเพียงนี้รวมกัน กลับคิดหาวิธีรักษาภรรยาข้าไม่ได้เลยหรือ?”หวังหยวนแทบจะตวาดลั่นหากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่ควรให้หลิ่วหรูเยียนติดตามมาด้วยตั้งแต่แรกครั้งนี้ราชวงศ์ต้าเย่เกิดเรื่องราวมากมาย หลายครั้งที่หลิ่วหรูเยียนตกอยู่ในอันตราย หวังหยวนรู้สึกผิดในใจยิ่งนักหากหลิ่วหรูเยียนไม่อาจหายดีได้ เช่นนี้เขาคงต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต“ไสหัวออกไปให้หมด!”หวังหยวนตวาดสั่งให้ทุกคนออกไปเสียงดัง ทุกคนรีบออกไปทันใดนี่ไม่ใช่ข้ออ้างของพวกเขา แต่เพราะพิษในร่างของหลิ่วหรูเยียนนั้นแปลกประหลาดยิ่งนัก แม้แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยพบเห็นมาก่อน แล้วจะคิดหาวิธีถอนพิษได้อย่างไร?ยามนี้ทำได้เพียงเย็บปิดปากแผลและห้ามเลือดให้หลิ่วหรูเยียนเพื่อยื้อชีว
เมื่อห้องกลับคืนสู่ความเงียบสงบ หมอก็กลับไปนั่งที่ข้างเตียง ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของหลิ่วหรูเยียนออกดังเช่นที่หมอได้กล่าวไว้ บริเวณหน้าท้องส่วนล่างของหลิ่วหรูเยียนมีบาดแผลจากคมดาบ บาดแผลดูน่าสยดสยองยิ่งนัก โลหิตยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง“ภรรยาของข้าบาดเจ็บสาหัสหรือไม่?”ยามนี้ เนื่องจากความเจ็บปวดแสนสาหัสหรือเพราะเสียเลือดมากเกินไป หลิ่วหรูเยียนจึงสลบไป ไม่รับรู้เรื่องราวใด ๆไม่เพียงใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากก็ไร้สีเลือดฝาดหมอปาดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วพูดตะกุกตะกักว่า “ท่านหวัง วิชาแพทย์ของข้ายังตื้นเขิน อีกทั้งไม่เคยรักษาบาดแผลเช่นนี้มาก่อน เกรงว่าข้าคงไม่อาจรักษาภรรยาของท่านได้!”“นี่เป็นเพียงบาดแผลจากคมดาบทั่วไป เจ้าจัดการเรื่องเพียงเท่านี้ไม่ได้หรือ?”หวังหยวนขมวดคิ้วถามหมอรีบกล่าวต่อว่า “บาดแผลนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่เย็บปิดแผลและทำความสะอาดก็เรียบร้อย แต่ที่ยุ่งยากที่สุดในตอนนี้ก็คือบนคมดาบนั้นมียาพิษ ตอนนี้ฮูหยินจึงถูกพิษร้าย!”“แต่ข้าไม่รู้ว่าฮูหยินถูกพิษชนิดใด ทำให้ไม่รู้วิธีถอนพิษให้นางขอรับ...”หมอไม่กล้าล่วงเกินหวังหยวนแม้เขาจะไม่รู้ฐานะของหวังหยวน แต่ก็รู้ว่าซ่
นางไม่อยากประสบชะตากรรมที่ต้องถูกจองจำ!“หนีหรือ? เจ้าคิดว่าจะหนีไปไหนพ้น?”“แผ่นดินของดินแดนทั้งเก้า ส่วนหนึ่งเป็นของฝ่าบาท อีกส่วนเป็นของหวังหยวน ส่วนที่เหลืออีกสองส่วน หวังหยวนยังคงมีความสัมพันธ์อันดีกับหนึ่งในนั้น แต่หากพวกเราต้องการไปราชวงศ์ต้าเป่ย ก็ยังต้องผ่านดินแดนที่หวังหยวนปกครองอยู่ดี!”“เจ้าคิดว่าพวกเราจะหนีไปที่ไหนได้?”ยามนี้ซ่างกวนอวี้ก็ร้อนรน กระวนกระวายใจดั่งมดบนกระทะร้อนฮูหยินใหญ่ไม่เอ่ยคำใดอีกเช่นนี้จะทำอย่างไรดี!“ถ้าเป็นพรอันประเสริฐก็ย่อมไม่เกิดภัยพิบัติ ถ้าเป็นภัยพิบัติก็ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!”“ในเมื่อหวังหยวนมาถึงที่แล้ว ไม่ว่าเขาจะมาด้วยจุดประสงค์ใด พวกเราก็ไม่อาจหลบซ่อนเช่นนี้ต่อไปได้!”ซ่างกวนอวี้กัดฟัน เอ่ยขึ้นว่า “ข้าจะออกไปพบหวังหยวน ดูว่าเขาต้องการสิ่งใด บางทีเรื่องราวอาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ทั้งหมดอาจเป็นเพียงความคิดมากเกินไปของพวกเราเองก็ได้ไม่ใช่หรือ?”ยามนี้คงต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน เผื่อว่าสถานการณ์จะพลิกผันไปในทางที่ดีขึ้น!หากดื้อรั้น เกรงว่าเรื่องราวจะยิ่งเลวร้ายลงเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมาย่อมดีกว่า!“เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย!
เพล้ง!ในเสี้ยววินาทีวิกฤตพลันมีเสียงดังสนั่น หน้าต่างของโรงเตี๊ยมแตกกระจายเป็นเสี่ยง!ร่างหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า นั่นก็คือไฉจวิ้น!หลายวันนี้ เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมมาโดยตลอดซึ่งเพราะว่าหวังหยวนกับภรรยาต้องการใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง แล้วเขาจะไปติดตามอยู่ข้างกายเป็นก้างขวางคอผู้อื่นได้อย่างไร?“ไฉจวิ้น!”“เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดี!”หวังหยวนราวกับได้เห็นผู้มาโปรด รีบเอ่ยกับเขายามนี้เขาต้องดูแลหลิ่วหรูเยียน อีกทั้งยังต้องรับมือกับคนเหล่านี้ เขาไม่ได้มีสามเศียรหกกร จะจัดการเรื่องราวทั้งหมดนี้คนเดียวได้อย่างไร?“พี่ใหญ่ไปก่อน! เรื่องทางนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเอง!”“ก็แค่กุ๊ยข้างถนนไม่กี่คน”ไฉจวิ้นเอ่ยจบ ก็เข้าปะทะกับคนเหล่านั้นอีกครั้ง“ข้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ถูกฟันทีเดียว ไม่ได้ร้ายแรงอะไร...”“ข้ายังทนไหว!”“รีบไปช่วยไฉจวิ้นเถิด!”หลิ่วหรูเยียนรีบเอ่ยขึ้น“วางใจเถิด เขารับมือคนเดียวได้แน่นอน อีกไม่นานเกาเล่อก็จะกลับมา ข้าจะพาเจ้าไปทำแผลก่อน”หวังหยวนอุ้มหลิ่วหรูเยียนขึ้นมาโดยไม่รอช้า มุ่งหน้าไปยังโรงหมอที่อยู่ไม่ไกล“มีใครอยู่หรือไม่?”“รีบเปิดประตูเร็วเข้า!”หวังหย
แต่ท่าทีเช่นนี้ของเขา กลับทำให้หวังหยวนและภรรยารู้สึกเหนื่อยล้าหวังหยวนนวดขมับตนเอง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ออกเดินทางกันเลยหรือไม่?”“ประเดี๋ยวข้าจะไปบอกเกาเล่อให้เขาเตรียมการล่วงหน้า อีกอย่าง เมืองอู่เจียงตอนนี้จะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้ ข้าต้องกลับไปดูสักหน่อย”เส้นทางน้ำทั่วหล้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง แม้ว่าเมืองอู่เจียงจะสร้างเสร็จแล้ว แต่ในเมืองหลิงยังมีเส้นทางน้ำอีกมากมายที่ต้องพัฒนาแม้ว่าจะมีถงจื่อเจี้ยนและคนอื่น ๆ คอยดูแล แต่เขาก็ไม่อาจเป็นนายที่เอาแต่โยนงานทิ้งให้คนอื่นทำได้เพราะว่าการกระทำเช่นนี้ผิดต่อหลักการหลิ่วหรูเยียนพยักหน้า “ดี! เช่นนั้นกลับไปแล้วก็พักผ่อนแต่หัววัน พรุ่งนี้เช้าพวกเราจะได้ออกเดินทางเลย!”เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงเตี๊ยม หวังหยวนกลับหยุดฝีเท้าลง“เป็นอะไรไป?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามโดยสัญชาตญาณหวังหยวนเหลือบมองไปด้านหลัง เห็นเงาคนหลายคนค่อย ๆ เดินออกมาจากความมืดเนื่องจากเป็นยามพลบค่ำ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังสวมชุดสีดำ ใบหน้าก็ถูกปกปิดด้วยผ้าสีดำ จึงมองไม่เห็นใบหน้าของพวกเขาและไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด“พวกเจ้าเป็นใคร?”หวังหยวนเอ่ยถามเสียงเย็
“เช่นนั้นภายภาคหน้าท่านต้องหาโอกาสไปทำความรู้จักกับท่านหวังให้บ่อย!”“การได้รู้จักคนเช่นนี้ ย่อมเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางขุนนางของท่านอย่างยิ่งนะเจ้าคะ!”ฮูหยินใหญ่รีบเอ่ยเสริม พยายามพูดเอาอกเอาใจซ่างกวนอวี้ทว่าซ่างกวนอวี้กลับแค่นเสียงเย็นชา “ด้วยฐานะเช่นข้า เจ้าคิดว่าข้าจะมีโอกาสได้รู้จักกับท่านหวังหรือ?”“ครานี้ต้องขอบคุณบุตรชายคนดีของเจ้า!”“แต่เกือบทำให้พวกเราต้องหัวหลุดจากบ่า!”“โชคดีที่ท่านหวังเป็นคนใจกว้าง จึงไม่ถือสาเอาความกับพวกเรา!”“ภายภาคหน้าหากพบเจอท่านหวัง พวกเราควรรีบหลีกหนีให้ห่าง หากไปล่วงเกินคนเช่นนี้เข้า เกรงว่าภัยพิบัติจะมาเยือนตระกูลเรา!”ครั้งนี้แม้ว่าหวังหยวนจะละเว้นโทษให้แก่ตระกูลซ่างกวน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวจะจบลงเพียงเท่านี้หากวันใดหวังหยวนอารมณ์ไม่ดี แล้วตนบังเอิญไปขวางหูขวางตาเข้าก็อาจจะเป็นโทษซ้ำรอยเดิมก็เป็นได้!ซ่างกวนอวี้ไม่กล้าที่จะเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้อีกเป็นครั้งที่สอง!เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องโถง เขาก็แทบจะเป็นลมล้มพับไปแล้วความรู้สึกเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวยิ่งนัก!“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ!”ฮูหยินใหญ่พยักหน้ารับอย่างต่อเนื่อง “ประเดี
เขาถูกขับไล่ ต้องถูกกักบริเวณอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ซ้ำร้ายเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากเป็นผู้อื่น มีใครบ้างที่จะทนรับเรื่องราวมากมายเช่นนี้ได้?“ข้ากลับไม่คิดเช่นนั้น”หวังหยวนส่ายหน้า เมื่อเห็นไป๋อวิ๋นเฟยชะงักงันไปชั่วครู่ จึงเอ่ยต่อว่า “เจี๋ยงโฉ่วอีเป็นผู้มีความสามารถแท้จริง เขาแตกต่างจากซือฟาง คนผู้นี้ไม่มีอำนาจทางการทหารอยู่ในมือ แต่กลับมีความสามารถในการบริหารบ้านเมืองให้สงบสุขได้”“ยามนี้ท่านเพิ่งขึ้นครองราชย์ แน่นอนว่าย่อมต้องการคนมาช่วยสนับสนุน ข้ากลับมองว่าเขาเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยม หากได้รับความช่วยเหลือจากเขาย่อมเป็นประโยชน์ต่อท่านอย่างยิ่ง”“อีกทั้งข้าได้เกลี้ยกล่อมเขาแล้ว หากท่านยินยอม เขาจะกลับมาอยู่เคียงข้างท่านโดยปราศจากเงื่อนไขใด ภายภาคหน้าย่อมไม่บังเกิดความคิดคดทรยศอีก”หวังหยวนเอ่ยความคิดในใจออกมาตามตรงเขาคิดเพื่อประโยชน์ของไป๋อวิ๋นเฟยด้วยหวังหยวนและคนของราชวงศ์ต้าเป่ยนั้นมีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนัก ก่อนหน้านี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทำศึกสงครามกันอย่างไม่หยุดหย่อนแม้ว่าหวังหยวนจะไม่ได้เกรงกลัวราชวงศ์ต้าเป่ย แต่เขาก็ไม่อยากให้ปวงประชาต้องทนทุกข์ทรมาน จึงจำต้องนั่งลงเ