“มันแปลกจริง ๆ” อู๋หลิงไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเหตุใดพวกเขาถึงใช้กลอุบายเช่นนี้“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขารู้ว่าเอาชนะพวกเราไม่ได้ จึงยอมพ่ายแพ้ด้วยการถอยทัพกลับ ไม่ยอมต่อสู้?”“เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง จึงแสร้งทำเป็นอยากทำศึกกับพวกเรา ใช้กลอุบายเล็กน้อยแล้วก็จากไปงั้นหรือ?”หลังจากได้ฟังคำพูดของจางผิง สีหน้าของอู๋หลิงก็ดูจริงจังมากในขณะนี้สายตาเขาเคร่งขรึมและมืดมน ก่อนพูดด้วยเสียงเย็นชาคนกลุ่มนี้แสร้งทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?ขณะที่ทั้งสองคนยังคงงุนงงสับสน พวกเขาก็เห็นทหารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะยื่นจดหมายให้อู๋หลิงทันที“รายงานขุนพลอู๋ หมานอี๋ได้ส่งจดหมายมาแล้วขอรับ!”“จดหมายจากหมานอี๋หรือ?”อู๋หลิงรีบจดหมายมาเปิดอ่านด้วยความสับสน เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมายชัดเจน สีหน้าก็ยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเขาจะสู้กับข้าหรือ?”“อะไรนะขอรับ?”รองขุนพลจางผิงเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสับสน “ขุนพลอู๋ หมานอี๋มีไพร่พลมากมาย ถ้าต้องต่อสู้จริง ๆ ทั้งข้าศึกและเราจะประสบความสูญเสียอย่างหนักแน่นอนขอรับ!”“แต่เขาเพิ่งส่งจดหมายมาที่นี่ ตอนนี้เข
ทั้งสองต่างชมเชยกัน แต่แล้วจู่ ๆ อ๋องหมานอี๋ก็ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะจ้องมองอู๋หลิงด้วยดวงตาดั่งลุกเป็นไฟ แล้วพูดเสียงเบา “ขุนพลอู๋ โชคชะตานำพาให้พวกเรามาพบกันในวันนี้”“ข้าไม่ได้อยากต่อสู้กับเจ้า คนมากมายกำลังตกที่นั่งลำบาก เจ้าควรถอยทัพออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของอู๋หลิงก็กลายเป็นตกตะลึงทันทีเขามองอ๋องหมานอี๋ด้วยความสับสน ทันใดนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าอ๋องหมานอี๋หมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าข้า อู๋หลิงจะกลัวเจ้างั้นหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า”อ๋องหมานอี๋แสยะยิ้ม ความเย้ยหยันในสีหน้าของเขาปรากฏชัด“ขุนพลอู๋พูดผิดแล้ว ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะเอาชนะพวกข้าไม่ได้ เพราะเจ้าทำศึกแต่ละครั้งย่อมประสบความสำเร็จ เก่งกาจทรงพลังไปทั่วทุกสารทิศ ใครบ้างไม่ทราบเรื่องนี้?”“ต้าเย่มีขุนพลผู้แข็งแกร่งเช่นเจ้า ดั่งเสาค้ำทะเลบูรพาอย่างแท้จริง!”หลังจากถ้อยคำสรรเสริญนั้นออกมาจากปากอีกฝ่าย สีหน้าของอู๋หลิงก็จริงจังมากขึ้น เขาขมวดคิ้วถามอย่างเคร่งขรึม “เช่นนั้นเพราะเหตุใด?”“มันง่ายมาก”หมานต๋าถูยกยิ้มมุมปาก แล้วพูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “ความจริงแล้ว พวกเราชาวหมา
ไม่ต้องพูดถึงว่าใบหน้าของเขาดูสงบเพียงใด เขาหัวเราะเบา ๆ ยกสุราขึ้นมาจิบ ก่อนโบกมือแล้วพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวล พวกทหารจากเมืองหวงเหล่านั้นไม่มีทางบุกเข้ามาหรอก!”“ใช่แล้ว พวกเจ้ากังวลเรื่องเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เป็นวันที่พวกเราจะดื่มกันให้สนุกสนาน มาเถอะ ทุกคนไม่เมาไม่กลับ!”ในขณะนี้ ความกังวลและความสับสนในใจของพวกทหารเหล่านั้นหายไปทันที!เพราะในเมื่อขุนพลพูดเช่นนั้นแล้ว แล้วเหตุใดทหารเหล่านี้ยังต้องกังวลอีก?ทุกคนจึงเริ่มร่ำสุรากันอย่างหนัก ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานทันที ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาดูมีความสุขเพียงใด!เสียงร้องเพลงดังลั่นเช่นนั้น ทำให้หลี่เฟิงเข้ามาดูสายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความกระตือรือร้น เขารีบเดินเข้ามามองหน้าขุนพลฮั่วไป่หมิง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ขุนพลฮั่ว นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของศึกระหว่างสองกองทัพ!”“พวกเราควรเฝ้าระวังกันให้ดี หากจู่ ๆ เมืองหวงบุกเข้ามาโจมตีพวกเรากะทันหัน แล้วพวกเราไม่ทันระวังตัวจะทำอย่างไร?”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วไป่หมิงและเหล่าทหารที่กำลังร่ำสุราก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะก
“เหลวไหล!”อู๋หลิงมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมน่ากลัว ขณะพูดเสียงเข้ม “หยุดความคิดเพ้อฝันของเจ้าเสีย ข้าไม่มีวันเข้าร่วมกับหมานอี๋เช่นพวกเจ้า!”คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของหมานต๋าถูบึ้งตึงหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยกยิ้มเย็นชาแล้วโต้กลับ “ฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าไม่ต้องการ แน่นอนข้าจะไม่บังคับเจ้า”ใบหน้าของอู๋หลิงปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน นัยน์ตาก็ฉายแววเหยียดหยามเมื่อพูดว่า “เกรงว่าตอนนี้ทหารเมืองหวง คงเริ่มทำศึกกับทหารรักษาการณ์ที่ชายแดนต้าเย่แล้วใช่หรือไม่?”หมานต๋าถูยกยิ้มเย็นชา ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาก็ฉายแววเยาะเย้ย“แม้ว่าเจ้าจะรีบยกทัพกลับไปตอนนี้ เจ้าคิดว่าจะช่วยอะไรพวกเขาได้?”คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของอู๋หลิงกลายเป็นโกรธแค้นยิ่งในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะเหล่าขุนพลที่ดูแลชายแดนเหล่านั้นล้วนไร้ประโยชน์!ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การกิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดเลย!มีเพียงหลี่เฟิงที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวของเขาเพียงคนเดียว ที่ไปคอยอยู่ที่นั่นล่วงหน้า แต่เขาไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต คนเหล่านั้นย่อมไม่มีวันฟังเขาตอนนี้มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน!สิ่งที่เราทำได้คือหวังว่าหลี่เฟิ
ทันใดนั้น ทหารหลายคนใช้ร่างของตนเป็นกำแพงขวางกั้นให้ แล้วตะโกนบอกหลี่เฟิง “ขุนพลหลี่ หนีไป!”หลี่เฟิงกัดฟันหันหลังกลับ เตรียมจะออกไปจากที่นี่!คาดไม่ถึงว่าก่อนที่เขาจะก้าวไปข้างหน้า เขาก็ถูกชายฉกรรจ์ถือดาบหลายคนล้อมไว้แล้ว ทุกคนรวดเร็วมาก แต่ละคนมีสีหน้าเหี้ยมเกรียม ดูเหมือนว่าต้องการจะฆ่าเพื่อไม่ให้ทิ้งร่องรอย!หลี่เฟิงกัดฟันต่อสู้สุดชีวิต แต่ทันใดนั้นเขาก็ถูกแทงจากข้างหลัง!เขาได้แต่คร่ำครวญ ไม่มีทางหลบอีกต่อไป จากนั้นแขนของเขาก็ถูกตัดออกทันที!เลือดพุ่งกระฉูดออกมา หลี่เฟิงเจ็บปวดสุดขีดจนหายใจไม่ออก ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง!แต่เขายังคงกัดฟันยืนกรานว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองล้ม!ทหารที่อยู่ข้างหลังเขาถูกฆ่าตายทีละคน เลือดสาดกระจาย เศษซากศพกระจัดกระจายไปทั่ว!หลี่เฟิงบาดเจ็บสาหัส ในที่สุดเขาก็กระอักเลือดออกมา สิ้นชีพอย่างอนาถด้วยคมดาบของคนเหล่านี้!ในเวลาเดียวกัน อ๋องถูหนานอากู่ต๋าได้นำกองทัพจำนวนแปดหมื่นคน รีบรุดผ่านสถานที่แห่งนี้ มุ่งหน้าตรงไปยังค่ายชายแดน!ขณะนี้ฮั่วไป่หมิงกำลังดื่มกินกับเหล่าทหารอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน!ทันใดนั้นเอง ทหารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่
เมื่อเห็นว่าประตูเมืองกำลังจะพังทลาย ฮั่วไป่หมิงก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว มีสีหน้าหวาดกลัวชัดเจน!รองขุนพลจางผิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็มีสีหน้าตื่นตระหนก หายใจถี่ อดไม่ได้ที่จะรีบถามฮั่วไป่หมิง “ขุนพลฮั่ว เราควรจะ... ทำอย่างไรต่อไป!”ข้าศึกยกทัพมาบุก ทำได้เพียงหวาดกลัว พวกเขาไม่มีทางต่อสู้ได้เลย!จู่ ๆ ฮั่วไป่หมิงก็กัดฟัน ก่อนโบกมือพูดด้วยความโกรธ “ประตูเมืองแตกไปแล้ว ถ้าเรายังอยู่ต่อไป เราจะต้องตายกันอยู่ที่นี่!”“ท่านขุนพลหมายความว่า...”ความไม่สบายใจฉายแววในดวงตาของขุนพล เขาระงับความตื่นตระหนกในใจ แล้วรีบสั่งว่า “ถอย ถอยทัพเดี๋ยวนี้!”จางผิงที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงถอยทัพหรือ?ขุนพลกำลังจะละทิ้งเมือง และเพิกเฉยต่อชาวเมืองเหลียง!ขณะนี้สายตาของรองขุนพลจางผิงเต็มไปด้วยความกลัว เขากลืนน้ำลายอย่างไม่สบายใจ และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พบว่าฮั่วไป่หมิงวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่งแล้ว!จางผิงมองผู้คนในเมืองเหลียงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกัดฟันแล้วรีบหันหลังวิ่งหนีไป!หลังจากที่เขาจากไปแล้ว อากู่ต๋าใช้เวลาไม่นานในการยกทัพตรงมาที่ประตูเมือง!ก่อนที่ทหารใต้บัญชาของอากู่ต๋าจะตะโกนเสียงดังให้ยอมแพ้ ประ
หมานอี๋จะบุกเมืองสู่ และอากู่ต๋าก็ถ่วงเวลาเอาไว้!กล่าวคือตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป พวกเขาตกเป็นฝ่ายถูกกระทำเต็มรูปแบบแล้ว!ซ้ำยัง...ไม่มีโอกาสต่อต้านได้เลย!“ฮ่าฮ่า ระยะทางจากที่นี่ไกลเกินไป เสียงดังแค่ไหนก็ไปไม่ถึง…”“เฮ้อ... น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้เห็นกองทัพอันเกรียงไกรที่มีกว่าห้าหมื่นนายของเจ้า ถูกตีจนแตกพ่ายดั่งกองทรายที่แตกกระเจิง”หมานต๋าถูยกยิ้ม หลังจากได้ฟังเช่นนี้ ใบหน้าของอู๋หลิงก็โกรธเกรี้ยว!“อู๋หลิง ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร เจ้ากังวลว่าเมืองหวงจะยกทัพเต็มรูปแบบ เพื่อบุกโจมตีจนถึงใจกลางต้าเย่ ไม่ต้องกังวล ไม่ทำเช่นนั้นหรอก”เมื่อหมานต๋าถูพูดเช่นนี้ อู๋หลิงก็หรี่ตาครุ่นคิดอย่างระมัดระวัง แล้วเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายสื่อ“พวกเจ้า... อยากได้ดินแดน!”“แล้วก็... จะครอบครองถาวรใช่หรือไม่!”ใบหน้าของอู๋หลิงบึ้งตึง ขณะพูดอย่างเย็นชาหมานต๋าถูหัวเราะแล้วตอบว่า “ใช่ ในเมื่อเจ้าคิดเรื่องนี้ได้ เช่นนั้นก็มาเริ่มคุยกันเถอะ ข้าคิดว่าเจ้าก็สามารถเป็นตัวแทนของต้าเย่ได้ แน่นอน แม้ว่าเจ้าจะไม่ยอมเป็น ข้าก็เชื่อว่าต้าเย่ของเจ้าไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!”นี่เป็นเรื่องจริง ตอนนี
เมื่ออู๋หลิงได้ฟังคำพูดของหมานต๋าถู สีหน้าเขาก็ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ทันใดนั้นหมานต๋าถูก็พูดอีก“อู๋หลิง ข้าแค่บอกว่าพวกข้าจะไม่พิชิตต้าเย่ แต่ส่วนที่พวกข้าพิชิตได้จะต้องตกอยู่ในมือของพวกข้า นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่พวกข้าทำเช่นนี้!”“ความจริงตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้ว อากู่ต๋าเป็นผู้นำทัพเมืองหวงแปดหมื่นนาย ย่อมสามารถพิชิตได้อย่างน้อยสามเมือง!”“เขาเดินทัพเร็วมาก เกรงว่าใช้เวลาเพียงแค่สิบวันก็พอแล้ว!”“แต่... ถ้ายึดสามเมืองได้จะเกิดอะไรขึ้น? พวกข้าคงทนไม่ไหว จนต้องยึดสักหนึ่งเมืองเช่นกัน!”“และหนึ่งเมืองนี้ ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าเต็มใจจะยกให้หรือไม่ เพราะพวกเจ้าไม่อาจครอบครองได้ พวกข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าเอาไป!”“ดังนั้น... สิ่งที่พวกข้าต้องทำคือยึดดินแดนแห่งนี้ แล้วเข้าครอบครอง!”หมานต๋าถูพูดด้วยรอยยิ้ม มีความมั่นใจว่าจะชนะ!เมื่ออู๋หลิงได้ยินดังนั้น เขาก็รู้เช่นกันว่าสถานการณ์นี้อาจเป็นเช่นนั้นจริง!ต้าเย่กำลังวุ่นวายมาก พูดตามตรง แม้แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร!อู๋หลิงไม่สามารถเอ่ยคำใดได้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความหดหู่ สิ้นหวัง และเจ็บปวดหมานต๋าถูหัวเราะ จากนั้นมองอู๋หลิงแล้วพูด
แต่ศัตรูมีจำนวนมากเกินไป แม้หวังหยวนและพรรคพวกทั้งสี่จะมีฝีมือ แต่ไม่นานก็เริ่มอ่อนล้า!ด้วยกลยุทธ์การรุมกินโต๊ะ คนสี่คนจะสู้กับคนร้อยกว่าคนได้อย่างไร?ยิ่งไปกว่านั้น คนพวกนี้ไม่ใช่ธรรมดา ล้วนเป็นยอดฝีมือที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี!เพียงแค่คนเดียวก็สามารถจัดการคนธรรมดาได้หลายคนแล้ว!ครั้งนี้ซือฟางลงทุนมากทีเดียว!“หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าคงไม่พาพวกเจ้าสามคนมาด้วย...”หวังหยวนและพรรคพวกรวมตัวกัน ยืนหันหลังชนกัน คอยสังเกตสถานการณ์จากทุกทิศทุกทางในเวลาเดียวกัน!ศัตรูล้อมพวกเขาไว้หลายชั้น พร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ!พวกหวังหยวนใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว หากถูกโจมตีอีกครั้งคงจะต้านทานไม่ไหวอย่างแน่นอน...สุดท้ายคงมีแต่ทางตัน!“พวกมันใกล้จะหมดแรงแล้ว!”“ทุกคนร่วมกันออกแรงอีกครั้ง! ฆ่าคนสี่คนนี้ให้ได้ แล้วพวกเราจะได้กลับไปรับรางวัล!”หัวหน้ามือสังหารกล่าวอย่างตื่นเต้น!นี่ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์!ในดินแดนทั้งเก้า หวังหยวนมีชื่อเสียงโด่งดัง ผู้คนต่างยกย่องชื่นชมและนับถือราวกับเทพเจ้า!แต่ตอนนี้หวังหยวนกำลังจะตายด้วยน้ำมือของเขา!แล้วเขาจะไม่ดีใจได้อย่างไร?เมื่อกลับไปยังต้า
ในคืนนั้น พวกหวังหยวนออกจากป่ามุ่งหน้าไปยังชนเผ่าทางเหนือ!ชนเผ่าทางเหนือตั้งอยู่ในดินแดนอันห่างไกลที่ทุรกันดาร!หวังหยวนหยิบแผนที่ที่ไท่สื่อลี่มอบให้มาดูทิศทางคร่าวๆ แล้วชี้ไปทางทิศเหนือ ก่อนจะกล่าวว่า “ตามแผนที่ ชนเผ่าของไท่สื่อลี่น่าจะอยู่ข้างหน้า!”“ห่างจากพวกเราเพียงร้อยกว่าลี้! หากพวกเราเร่งฝีเท้า อีกไม่นานก็ถึงแล้ว!”“เมื่อเข้าไปในเผ่าได้ก็จะปลอดภัย!”ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแม้ร้อยกว่าลี้จะไม่ใกล้ แต่เพื่อเอาชีวิตรอด ต่อให้เหนื่อยล้าก็ต้องอดทน!เพียงแค่เข้าไปในชนเผ่าได้จึงจะปลอดภัยไร้กังวล!ขณะที่พวกหวังหยวนกำลังจะเดินทางต่อ พลันมีเสียงหัวเราะเยาะดังมาจากด้านหลัง ทำให้ทุกคนขนลุก!ไม่นึกเลยว่า...คนพวกนั้นจะตามมาทันแล้ว!ช่างดื้อด้านยิ่งนัก!“หวังหยวน!”“น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่มีโอกาสไปถึงชนเผ่าแล้ว”หัวหน้ามือสังหารยืนอยู่บนต้นไม้ มองลงมาที่หวังหยวนและพรรคพวก เขาถอดหน้ากากออกชักดาบยาวออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร!“ลูกน้องของเจ้าตายหมดแล้ว!”“การอยู่กับเจ้าช่างน่าเวทนา ต้องมาตายอนาถเช่นนี้!”“เมื่อลงไปยมโลก เจ้าก็ไปปลอบใจพวกมันเสีย แล้วบอกพวกมันด้วยว่าต่อไปอย่าไ
ไฉจวิ้นรีบหลบหลังต้นไม้ จึงรอดพ้นจากอันตรายไปได้อย่างฉิวเฉียด!แม้เขาจะไม่กลัวความเจ็บปวด แต่หากโดนธนูมากมายเช่นนี้ เลือดคงไหลหมดตัวตายในที่สุด!“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!”ขณะที่หวังหยวนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู พลันมีเสียงแหวกอากาศดังขึ้นอีกครั้ง!ยอดฝีมือยี่สิบคนที่ซ่อนตัวอยู่ปรากฏตัวขึ้น ไม่ช้าก็เข้าโรมรันกันอย่างดุเดือด!“ท่านผู้นำรีบไปก่อนขอรับ! ที่นี่พวกข้าจัดการเอง!”หนึ่งในนั้นตะโกนบอกหวังหยวนหวังหยวนรู้สึกซาบซึ้งใจ กัดฟันแน่น ไม่เอ่ยคำใดและไม่ยอมจากไปด้วยหากทิ้งคนยี่สิบคนนี้ไว้ พวกเขาคงไม่รอด!ถึงแม้เขาจะต้องเอาชีวิตรอด แต่ก็ไม่ใช่การเสียสละชีวิตพี่น้อง!“พวกเจ้าไปก่อน! ข้าจะอยู่ช่วยพวกเขา!”หวังหยวนรีบบอกหลิ่วหรูเยียนและคนอื่น ๆ“พี่ใหญ่! ท่านพูดอะไรเช่นนั้น?”“บัดนี้พวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว! ก่อนท่านปู่ของข้าตายยังกำชับให้ข้าดูแลท่านเสมือนพี่ชายแท้ ๆ อยู่เลย! ยามคับขันเช่นนี้ หากต้องมีคนอยู่ที่นี่ คนผู้นั้นก็ต้องเป็นข้า!”“พี่ใหญ่! รีบพาพี่สะใภ้ออกไป! ข้าจะช่วยพี่น้องยี่สิบคนนี้จัดการกับพวกสารเลวเหล่านี้เองขอรับ!”“นั่นสินะ! ข้าล่าสัตว์ในป่ามาตลอด เคยสู้กับแต่สัตว์ร้าย
“ฟึ่บ!”ทันใดนั้นหวังหยวนรู้สึกเสียวสันหลัง สัมผัสได้ถึงอันตรายจนขนทั่วร่างลุกชัน!หวังหยวนรีบโอบคอไป๋ลั่วหลีและหลิ่วหรูเยียนพุ่งตัวล้มลงกับพื้น!ลูกธนูมากมายพุ่งผ่านศีรษะพวกเขาไปอย่างรวดเร็ว!หากหวังหยวนไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ตอนนี้พวกเขาคงกลายเป็นเม่นไปแล้ว!ส่วนไฉจวิ้นดูเหมือนจะไม่โชคดีนัก ตอนนี้ไม่เพียงแต่ถูกธนูยิงเข้าที่หน้าอกเท่านั้น แขนก็ยังโดนอีกดอก!ดูท่าทางน่าเวทนายิ่งนัก!“ไฉจวิ้น! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนรีบตะโกนถามไฉจวิ้นยกยิ้ม แล้วส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เป็นอะไรขอรับ! แค่บาดเจ็บนิดหน่อย! เทียบกับสัตว์ร้ายที่ข้าเคยเจอ นี่ยังแค่คัน ๆ ขอรับ!”ว่าแล้วไฉจวิ้นก็ดึงลูกธนูทั้งสองดอกที่ปักอยู่บนตัวออก!ครั้งหนึ่งตอนที่เขาติดตามปู่ไป สองปู่หลานมักจะเข้าไปในป่าและพบเจอสัตว์ร้ายมากมาย!แม้แต่หมีสีน้ำตาลก็เคยสู้ด้วยมา!ไฉจวิ้นมีความดุร้ายอยู่ในตัว!“พวกเจ้าสองคนเป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนมองไป๋ลั่วหลีและหลิ่วหรูเยียนที่อยู่ในอ้อมกอด แล้วถามด้วยความเป็นห่วง“พวกข้าไม่เป็นอะไร!”ทั้งสองตอบพร้อมกัน“หวังหยวน!”ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงคุ้นเคยดังมาจากด้านหลังหวังหยวน
“ไล่ตามไป!”“ห้ามปล่อยให้พวกมันหนีไปได้!”“หากฆ่าพวกหวังหยวนไม่ได้ กลับไปพวกเราคงหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่!”หัวหน้าคนนั้นตะโกนลั่น ลูกน้องรีบวิ่งตามไปติด ๆ!เดิมทีคิดว่าหวังหยวนหยุดอยู่ที่นี่คงจะสู้ตาย แต่ไม่คาดคิดว่าหวังหยวนกลับพาลูกน้องวิ่งหนีอย่างกับหมาตกน้ำงั้นหรือ?หากเรื่องนี้แพร่ออกไปคงจะอับอายขายหน้า!“หากท่านไม่ได้เตรียมการไว้ เหตุใดจึงบอกให้พวกเราหยุด?”“ยิ่งกว่านั้น! ท่านยังไปยั่วโมโหพวกมันอีก! นี่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนบ่นอุบอิบส่วนไป๋ลั่วหลีเพียงแค่ติดตามหวังหยวน ไม่ได้เอ่ยคำใด“หากรวมพวกเราด้วยมีทั้งหมดยี่สิบสี่คน! ในจำนวนนี้มีคนซ่อนตัวอยู่ยี่สิบคน ข้าคิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงส่งคนมาเท่า ๆ กับพวกเรา!”“เช่นนั้นพวกเราก็จะจัดการพวกมันได้ง่ายดาย!”“แต่ข้าไม่คาดคิดว่าซือฟางจะลงทุนส่งคนมาลอบสังหารพวกเรามากมายถึงเพียงนี้!”“หากพวกเราสู้กับพวกมันตรงนี้ คนที่รอดออกจากป่าคงมีไม่ถึงสิบคน!”หวังหยวนกล่าวถึงความกังวลในใจหลิ่วหรูเยียนขมวดคิ้ว ช่างน่าเจ็บใจนัก!ซือฟางช่างหน้าไหว้หลังหลอก เมื่ออยู่ในเมืองหลวงทำเป็นปล่อยพวกเขาไป แต่กลับส่งคนมาดักฆ่าในตอนนี
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเรากำลังเดินวนอยู่”“แต่หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้คนพวกนั้นสับสนได้อย่างไร?”จู่ ๆ หวังหยวนก็มองไปทางด้านหลังราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่างทุกคนต่างมองตาม ซือฟางก็เช่นกัน เขารีบลุกขึ้นยืนมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวังหวังหยวนผ่านสมรภูมิมามากมาย ย่อมมีความเฉียบคมเหนือคนทั่วไป!“พี่ใหญ่!”“ในป่ามืดเช่นนี้ ต่อให้มีคนซ่อนอยู่ พวกเราก็คงหาตัวเจอได้ยากไม่ใช่หรือขอรับ?”“ท่านแน่ใจหรือขอรับว่ามีคนตามมา?”ซือฟางถามด้วยความสงสัยหวังหยวนไม่ได้ตอบ แต่กล่าวว่า “พวกมันตามเรามานานแล้ว ที่นี่น่าจะลึกเข้ามาในป่าแล้วกระมัง?”“ข้าว่าพวกเจ้าลงมือตรงนี้เลยก็ได้!”“หากไปต่อ เมื่อพวกเราออกจากป่า พวกเจ้าก็จะหมดโอกาสสังหารพวกเรา!”หวังหยวนยืนกอดอกด้วยท่าทางองอาจสิ้นคำของเขา พลันมีเสียงดังมาจากในป่า ตามมาด้วยเสียงฝีเท้า เงาร่างมากมายปรากฏตัวขึ้นล้อมพวกหวังหยวนไว้!มองดูแล้วมีมากกว่าร้อยคน!ทุกคนสวมหน้ากากใส่ชุดดำ ถือดาบยาวสีเงินวาววับอยู่ในมือ!เห็นได้ชัดว่าเป็นยอดฝีมือที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดี!“ยอดเยี่ยม!”ในกลุ่มคน มีบุรุษคนหนึ่งเดินออกมามองไปที่หวังหยวน เขากอดดาบไว้พลางกล่าวว
“ท่านคิดจะจับหวังหยวนไว้ที่นี่จริงหรือ?”“หากฆ่ามัน คนของมันจะยอมไว้ชีวิตพวกเราหรือ?”“ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเป็นที่รักของประชาชน หากเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ แล้วข่าวแพร่ออกไป พวกเราก็คงไม่รอด...”ได้ใจประชาชนย่อมได้ครองแผ่นดินเจี๋ยงโฉ่วอีเข้าใจเรื่องนี้ดี น้ำสามารถพยุงเรือก็สามารถคว่ำเรือได้ หากทำให้ประชาชนลุกฮือย่อมจะสายเกินแก้!“แต่หวังหยวนพาไป๋ลั่วหลีไปด้วย นางเป็นตัวแปรสำคัญ!”ซือฟางถอนหายใจยาวเจี๋ยงโฉ่วอีหรี่ตากล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า “แล้วจะทำเช่นไร? ในเมืองหลวง พวกเราทำอะไรหวังหยวนไม่ได้ เพราะต้องหยุดทุกคนไม่ให้พูดถึงเรื่องนี้ในภายหลัง!”“แต่หวังหยวนออกจากเมืองหลวงไปแล้ว กำลังเดินทางไปชนเผ่าทางเหนือ คนแถวนั้นล้วนเป็นคนป่าเถื่อน! หากหวังหยวนตายระหว่างทางคงไม่แปลกใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น ซือฟางก็เข้าใจความหมายของเจี๋ยงโฉ่วอีเขายกนิ้วให้เจี๋ยงโฉ่วอี แล้วกล่าวว่า “ว่ากันว่าคนโหดเหี้ยมจึงจะได้เป็นใหญ่ ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นจริง! โดยเฉพาะพวกบัณฑิตอย่างท่าน ช่างมีเล่ห์เหลี่ยมมากมายเหลือเกิน”“การมีท่านเป็นสหาย ข้ารู้สึกยินดีนัก!”“ข้าจะไปจัดการ ครั้งนี้ข้าจะให้หวังหยวนและพรรค
หลังจากหวังหยวนสั่งการ คนของเขาต่างแยกย้ายกันไป กลุ่มหนึ่งติดตามหวังหยวนไปยังชนเผ่าทางเหนือ ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าเข้าไปยังจุดต่าง ๆ ในเมืองหลวงไป๋หมิงเพิ่งขึ้นครองราชย์ ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีก็คอยช่วยเหลือย่อมต้องเข้าควบคุมราชการแผ่นดิน เมืองหลวงจึงถูกควบคุมอย่างเข้มงวดหากเป็นคนอื่น หวังหยวนคงจะกังวลใจ แต่คนที่อยู่ที่นี่คือเกาเล่อ หวังหยวนจึงวางใจได้ด้วยนิสัยและความสามารถของเกาเล่อย่อมไม่ทำให้เขาผิดหวังและจะไม่เกิดปัญหาขึ้น!“เจ้าจะไปชนเผ่ากับพวกข้าหรือจะอยู่ในเมืองเพื่อดูแลเกาเล่อ?”“ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า” หวังหยวนมองไปที่ไป๋ลั่วหลีไป๋ลั่วหลีเป็นคนสนิทของไป๋อวิ๋นเฟย นับตั้งแต่ไป๋เหยียนเฟยป่วย นางก็คอยดูแลไป๋อวิ๋นเฟยมาตลอด บัดนี้ถึงคราวคับขัน ไป๋อวิ๋นเฟยก็ถูกกักบริเวณ หวังหยวนไม่อยากบังคับไป๋ลั่วหลี จึงให้นางตัดสินใจเอง“ข้าอยู่ในเมืองก็คงช่วยอะไรไม่ได้...”ไป๋ลั่วหลีถอนหายใจ มองไปทางที่เกาเล่อจากไปก่อนกล่าวว่า “แม้ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีจะรู้ว่าท่านหวังมีองค์กรเครือข่ายผีเสื้อคอยทำงานลับให้ และท่านเกาคือหัวหน้า แต่พวกมันไม่เคยเห็นหน้าท่านเกา”“หากข้าอยู่ที่นี่ เก
ทุกคนมองหน้ากัน แล้วต่างพากันยกนิ้วให้หวังหยวนในตอนนี้หลิ่วหรูเยียนเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วว่าเหตุใดหวังหยวนจึงมีสตรีมากมายอยู่เคียงข้าง เพราะเขามีเสน่ห์ที่ทำให้คนอยู่ด้วยรู้สึกปลอดภัยอย่างแท้จริง!ความรู้สึกนี้ช่างดีเหลือเกิน!“เหตุใดท่านไม่พาองค์ชายมาด้วยเล่าเจ้าคะ?” ไป๋ลั่วหลีถามหวังหยวนโบกมือ กล่าวว่า “ข้าก็อยากพาองค์ชายมาด้วย แต่เจ้าก็เห็นแล้วว่าซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีคิดการใหญ่”“การโจมตีค่ายเสบียงอาจทำให้พวกเขาหวั่นเกรงได้ แต่เมื่อเทียบกับไป๋อวิ๋นเฟยแล้ว แน่นอนว่าไป๋อวิ๋นเฟยสำคัญกว่า!”“หากพวกเขาควบคุมตัวไป๋อวิ๋นเฟยไว้ได้ ก็จะกำจัดปัญหาทั้งหมด! สามารถใช้พระนามขององค์ชายควบคุมขุนนางและกองทัพได้!”“แต่หากปล่อยไป๋อวิ๋นเฟยไป ต่อให้พวกเขาแย่งชิงราชบัลลังก์จากไป๋หมิงได้หรือทำให้ไป๋หมิงเป็นหุ่นเชิด ผลลัพธ์ก็เดาได้ไม่ยาก ไป๋อวิ๋นเฟยจะรวบรวมกำลังต่อสู้กับพวกเขา!”“พวกเขาเป็นคนฉลาด จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ดีได้อย่างไร?”“ก่อนที่อำนาจของพวกเขาจะมั่นคง พวกเขาจะไม่ทำร้ายไป๋อวิ๋นเฟย เจ้าสบายใจได้!”“แต่หากพวกเราดึงดันพาไป๋อวิ๋นเฟยไป นั่นแหละจะเป็นการทำร้ายเขา!”ไป๋ลั่วหลีเข้าใจแล้ว ทั้งห