ในขณะนี้เซิ่งตงหยวนกล่าวว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้อู๋หลิงได้จัดการกับหมานอี๋แล้ว อาจไม่มีใครในเมืองจิงตูที่เป็นคู่ต่อสู้ของเรา ไม่เช่นนั้น หากเราไปบุกเมืองจิงเลยจะได้หรือไม่ขอรับ?”แม้ว่าแนวคิดนี้จะฟังดูเหิมเกริมมาก แต่ตอนนี้ก็ยังเป็นไปได้!แต่เมื่อเซิ่งฟางสี่ได้ยินดังนั้น เขาก็ส่ายหน้า“ลูกชาย เจ้ายังคิดว่าราชสำนักต้าเย่นั้นเรียบง่ายเกินไป!”หลังจากที่เซิ่งฟางสี่พูดจบ เซิ่งตงหยวนก็สับสน“เหตุใดล่ะขอรับ ท่านพ่อ หลังจากที่อู๋หลิงจากไป แม้ว่าจะมีทหารในเมืองหลวง พวกเขาก็ไม่อาจสู้กับท่านพ่อได้!”เซิ่งตงหยวนไม่เข้าใจว่าเหตุใดพ่อของเขาถึงระมัดระวังถึงเพียงนี้“เมืองจิง นั่นคือหนึ่งในดินแดนทั้งเก้า สถานที่ที่มีป้อมปราการมากที่สุด มีเมืองล้อมรอบมากกว่าสองดินแดนของเราเสียอีก!”“แต่ละเมืองมีผู้พิทักษ์อย่างน้อยห้าพันคน!”“ดังนั้น กองทหารรักษาการณ์ในเมืองจะต้องมีจำนวนอย่างน้อยสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคน!”“ทั้งยังมีกองทหารจักรวรรดิมากกว่าหนึ่งหมื่นนายในเมืองจิง และทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือ หากตระกูลเซิ่งของเราต้องการยึดเมืองจิง เราจะไม่สามารถทำได้ หากไม่มีคนถึงหนึ่งแสนคน!”เซิ่งฟางสี่รู้ดีว่าเมืองจิงเ
เซิ่งฟางสี่พูดด้วยสายตาเยาะเย้ย“ฮองเฮาเพิ่งจะครองแผ่นดิน ด้วยการบริหารของนาง ทำให้ต้าเย่เกิดความสับสนวุ่นวาย เจ้าคิดว่าผู้คนในแผ่นดินนี้จะคิดอย่างไรกัน?”“สำหรับตระกูลเซิ่งของเรายังมีองค์ชายใหญ่อยู่ จิตใจของทุกคนก็ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาใช่หรือไม่?”แผนการของเซิ่งฟางสี่นั้นดีจริง ๆ!หากยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ก็จะประสบความสำเร็จได้จริงๆ!“ใช่แล้ว! หากเราเผยแพร่ข่าวลือต่อไป เกรงว่าข้าราชบริพารและผู้คนในแผ่นดินจะเริ่มคิดอย่างรอบคอบจริง ๆ!”“ใช่แล้ว! เมื่อผู้คนในแผ่นดินผิดหวังในตัวฮองเฮา นางก็จะอยู่ไม่ไกลจากความล้มเหลว!”เซิ่งตงหยวนกับน้องชายยกยิ้ม พลางคิดว่าแผนการของพ่อพวกเขายอดเยี่ยมมาก!“เพราะอย่างไรเสีย ตระกูลเซิ่งของเราก็มีสถานะอันชอบธรรม เรื่องนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง!”เซิ่งฟางสี่ยกยิ้มอ่อน ดูเหมือนว่าเขามั่นใจในชัยชนะในขณะนี้ เกาเล่อกลับไปที่หมู่บ้านต้าหวังแล้ว สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึมมาก“คุณชาย พวกหมานอี๋ได้ดำเนินการแล้ว มีข่าวมาจากเมืองหวงว่ากองทัพชายแดนได้เคลื่อนไหวแล้ว...”เกาเล่อมาจากเมืองหวง เขาจึงคอยระวังเมืองหวงอยู่เสมอแต่เขาไม่คาดคิดว่าเมืองหวงและหมานอี๋จะตกลง
ไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้รับผลประโยชน์!ดินแดนทั้งเก้าของต้าเย่ไม่เพียงแต่สวยงามน่าหมายปองเท่านั้น!ต้องใช้เวลาและกองกำลังจำนวนมากในการโจมตี!ดินแดนทั้งเก้านั้นยากที่จะพิชิต ไม่เช่นนั้นคงไม่มีราชวงศ์มากมายในต้าเย่แต่ว่า...แม้ว่าจะยังไม่มีวิกฤติใหญ่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถละเลยการบุกรุกนี้ได้จิตใจของหวังหยวนฟุ้งซ่านในขณะนี้ พยายามคิดอย่างรอบคอบเพื่อหามาตรการรับมือหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเขาก็พูดออกมา“เกาเล่อ เราอย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ เกาเล่อก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง“อย่าเข้าไปยุ่งหรือ? เหตุใดกัน?”เกาเล่อไม่เข้าใจ หวังหยวนไม่อยากให้ต้นต้าเย่สั่นคลอน แต่เหตุใดเขาถึงไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้?หวังหยวนสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าเราเข้าไปแทรกแซง เราจะเปิดเผยความแข็งแกร่งของเรา และทำให้ทั้งราชวงศ์ ตระกูลเซิ่ง และตระกูลไป๋เกรงกลัวเราทุกฝ่าย”“เมื่อกลัวแล้ว สถานการณ์ของเราก็จะไม่ดี”“แม้ข้าจะไม่อยากเห็นต้าเย่วุ่นวาย แต่ถ้าเราตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นอันตราย ข้าไม่อาจล้อเล่นกับชีวิตของพวกเจ้าได้!”หลังจากที่หวังหยวนพูดจบ
อู๋หลิงรีบนำทหารทั้งหมดมุ่งหน้าไปที่เมืองสู่อย่างรวดเร็ว!หลังจากมาถึงเมืองสู่ เมื่อมองจากระยะไกลก็เห็นกองทัพหมานอี๋กำลังเข้าใกล้ชายแดนจำนวนห้าหมื่นคน เหตุการณ์นี้น่าตกใจและน่ากลัวมาก!เมื่อเห็นเช่นนี้ แม้ว่าอู๋หลิงจะตกใจจริง ๆ แต่เขาก็รู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!แต่เขาไม่ได้เครียดมากเกินไป เพราะเขามีความมั่นใจในความสามารถในการต่อสู้ของตนมาก!อู๋หลิงจึงนำกองทัพเตรียมประจำการที่นี่ทันที!ในไม่ช้ากองทัพก็ประจำการ จากนั้นอู๋หลิงก็เริ่มวางแผนการรบและเริ่มฝึกทหาร!แม้ว่าอู๋หลิงจะมีคนไม่มากนัก เมื่อรวมกับเชลยศึกและคนจากตระกูลไป๋ที่ช่วยเขา ก็มีทั้งหมดสี่หมื่นห้าพันคน ซึ่งเพียงพอที่จะจัดการกับคนเหล่านี้ยิ่งฝึกฝนมากเท่าใด อู๋หลิงก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเท่านั้น!เขายังคงสร้างขวัญกำลังใจอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ดีที่สุด จากนั้นจึงค่อยอธิบายให้ฮองเฮาและทั่วต้าเย่รับรู้!แต่ไม่กี่วันก็มีข่าวมาถึง!กองทหารฝ่ายศัตรูแอบเข้ามา และพยายามเผาเสบียงและหญ้า!สีหน้าของรองขุนพลจางผิงเคร่งขรึมมาก เขาโค้งคำนับ แล้วมองอู๋หลิงขณะกำมือแน่น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ขุนพลอู๋
“มันแปลกจริง ๆ” อู๋หลิงไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเหตุใดพวกเขาถึงใช้กลอุบายเช่นนี้“เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขารู้ว่าเอาชนะพวกเราไม่ได้ จึงยอมพ่ายแพ้ด้วยการถอยทัพกลับ ไม่ยอมต่อสู้?”“เพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียง จึงแสร้งทำเป็นอยากทำศึกกับพวกเรา ใช้กลอุบายเล็กน้อยแล้วก็จากไปงั้นหรือ?”หลังจากได้ฟังคำพูดของจางผิง สีหน้าของอู๋หลิงก็ดูจริงจังมากในขณะนี้สายตาเขาเคร่งขรึมและมืดมน ก่อนพูดด้วยเสียงเย็นชาคนกลุ่มนี้แสร้งทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?ขณะที่ทั้งสองคนยังคงงุนงงสับสน พวกเขาก็เห็นทหารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล ขณะยื่นจดหมายให้อู๋หลิงทันที“รายงานขุนพลอู๋ หมานอี๋ได้ส่งจดหมายมาแล้วขอรับ!”“จดหมายจากหมานอี๋หรือ?”อู๋หลิงรีบจดหมายมาเปิดอ่านด้วยความสับสน เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมายชัดเจน สีหน้าก็ยิ่งเคร่งเครียดกว่าเดิม ก่อนจะกล่าวว่า “พวกเขาจะสู้กับข้าหรือ?”“อะไรนะขอรับ?”รองขุนพลจางผิงเงยหน้าขึ้นถามด้วยความสับสน “ขุนพลอู๋ หมานอี๋มีไพร่พลมากมาย ถ้าต้องต่อสู้จริง ๆ ทั้งข้าศึกและเราจะประสบความสูญเสียอย่างหนักแน่นอนขอรับ!”“แต่เขาเพิ่งส่งจดหมายมาที่นี่ ตอนนี้เข
ทั้งสองต่างชมเชยกัน แต่แล้วจู่ ๆ อ๋องหมานอี๋ก็ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย ขณะจ้องมองอู๋หลิงด้วยดวงตาดั่งลุกเป็นไฟ แล้วพูดเสียงเบา “ขุนพลอู๋ โชคชะตานำพาให้พวกเรามาพบกันในวันนี้”“ข้าไม่ได้อยากต่อสู้กับเจ้า คนมากมายกำลังตกที่นั่งลำบาก เจ้าควรถอยทัพออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้”“เอ๊ะ?”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของอู๋หลิงก็กลายเป็นตกตะลึงทันทีเขามองอ๋องหมานอี๋ด้วยความสับสน ทันใดนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก แล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าอ๋องหมานอี๋หมายความว่าอย่างไร เจ้าคิดว่าข้า อู๋หลิงจะกลัวเจ้างั้นหรือ?”“ฮ่าฮ่าฮ่า”อ๋องหมานอี๋แสยะยิ้ม ความเย้ยหยันในสีหน้าของเขาปรากฏชัด“ขุนพลอู๋พูดผิดแล้ว ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะเอาชนะพวกข้าไม่ได้ เพราะเจ้าทำศึกแต่ละครั้งย่อมประสบความสำเร็จ เก่งกาจทรงพลังไปทั่วทุกสารทิศ ใครบ้างไม่ทราบเรื่องนี้?”“ต้าเย่มีขุนพลผู้แข็งแกร่งเช่นเจ้า ดั่งเสาค้ำทะเลบูรพาอย่างแท้จริง!”หลังจากถ้อยคำสรรเสริญนั้นออกมาจากปากอีกฝ่าย สีหน้าของอู๋หลิงก็จริงจังมากขึ้น เขาขมวดคิ้วถามอย่างเคร่งขรึม “เช่นนั้นเพราะเหตุใด?”“มันง่ายมาก”หมานต๋าถูยกยิ้มมุมปาก แล้วพูดด้วยสีหน้าผ่อนคลาย “ความจริงแล้ว พวกเราชาวหมา
ไม่ต้องพูดถึงว่าใบหน้าของเขาดูสงบเพียงใด เขาหัวเราะเบา ๆ ยกสุราขึ้นมาจิบ ก่อนโบกมือแล้วพูดด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ไม่ต้องกังวล พวกทหารจากเมืองหวงเหล่านั้นไม่มีทางบุกเข้ามาหรอก!”“ใช่แล้ว พวกเจ้ากังวลเรื่องเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้เป็นวันที่พวกเราจะดื่มกันให้สนุกสนาน มาเถอะ ทุกคนไม่เมาไม่กลับ!”ในขณะนี้ ความกังวลและความสับสนในใจของพวกทหารเหล่านั้นหายไปทันที!เพราะในเมื่อขุนพลพูดเช่นนั้นแล้ว แล้วเหตุใดทหารเหล่านี้ยังต้องกังวลอีก?ทุกคนจึงเริ่มร่ำสุรากันอย่างหนัก ร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานทันที ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาดูมีความสุขเพียงใด!เสียงร้องเพลงดังลั่นเช่นนั้น ทำให้หลี่เฟิงเข้ามาดูสายตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและความกระตือรือร้น เขารีบเดินเข้ามามองหน้าขุนพลฮั่วไป่หมิง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม “ขุนพลฮั่ว นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของศึกระหว่างสองกองทัพ!”“พวกเราควรเฝ้าระวังกันให้ดี หากจู่ ๆ เมืองหวงบุกเข้ามาโจมตีพวกเรากะทันหัน แล้วพวกเราไม่ทันระวังตัวจะทำอย่างไร?”เมื่อได้ยินดังนั้น ฮั่วไป่หมิงและเหล่าทหารที่กำลังร่ำสุราก็มองหน้ากันครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะก
“เหลวไหล!”อู๋หลิงมีสีหน้าเหี้ยมเกรียมน่ากลัว ขณะพูดเสียงเข้ม “หยุดความคิดเพ้อฝันของเจ้าเสีย ข้าไม่มีวันเข้าร่วมกับหมานอี๋เช่นพวกเจ้า!”คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของหมานต๋าถูบึ้งตึงหลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็ยกยิ้มเย็นชาแล้วโต้กลับ “ฮ่าฮ่า ถ้าเจ้าไม่ต้องการ แน่นอนข้าจะไม่บังคับเจ้า”ใบหน้าของอู๋หลิงปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยัน นัยน์ตาก็ฉายแววเหยียดหยามเมื่อพูดว่า “เกรงว่าตอนนี้ทหารเมืองหวง คงเริ่มทำศึกกับทหารรักษาการณ์ที่ชายแดนต้าเย่แล้วใช่หรือไม่?”หมานต๋าถูยกยิ้มเย็นชา ทันใดนั้นนัยน์ตาเขาก็ฉายแววเยาะเย้ย“แม้ว่าเจ้าจะรีบยกทัพกลับไปตอนนี้ เจ้าคิดว่าจะช่วยอะไรพวกเขาได้?”คำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของอู๋หลิงกลายเป็นโกรธแค้นยิ่งในใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะเหล่าขุนพลที่ดูแลชายแดนเหล่านั้นล้วนไร้ประโยชน์!ส่วนใหญ่แล้วพวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การกิน ดื่ม และสนุกสนาน ไม่ได้คิดถึงสิ่งอื่นใดเลย!มีเพียงหลี่เฟิงที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวของเขาเพียงคนเดียว ที่ไปคอยอยู่ที่นั่นล่วงหน้า แต่เขาไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โต คนเหล่านั้นย่อมไม่มีวันฟังเขาตอนนี้มีความเป็นความตายเป็นเดิมพัน!สิ่งที่เราทำได้คือหวังว่าหลี่เฟิ
เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น
หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง
แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้
ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม
ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย
“มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม
“ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ
“หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ
“การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า