ขมิ้นมารีบวิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัยเพราะแม็กนัสนั้นทิ้งเธอไว้และให้เดินเข้ามาเอง เมื่อคืนฝนตกหนักจึงทำให้ถนนมีน้ำขัง หญิงสาวรีบวิ่งเพราะใกล้ถึงเวลาเรียน ตอนที่เธอบอกว่ามีเรียนตอนเช้าเหมือนเขาจงใจแกล้งเธอ
ซ่า!
“ไอ้บ้า!” ขมิ้นก่นด่ารถที่ขับเหยียบน้ำมันกระเด็นใส่เธอจนตัวเรอะไปหมด ทำไมเธอจะจำรถของแม็กนัสไม่ได้
“ขมิ้นไปกัดกับหมาที่ไหนมา”
“วาโยเราสวยขนาดนี้จะเป็นหมาได้ไง” ขมิ้นมองไปที่รถเจ้าปัญหา เหมือนกำลังชะลอดูผลงานของตัวเอง คิดจะแกล้งเธอให้เธอไปฟ้องแม่เขาฝันไปเถอะ
“กลับไปเปลี่ยนชุดคงไม่ทันแล้วอ่ะ”
“เดี๋ยวพาไปซื้อชุดที่หน้ามหาลัย” วาโยถอดเสื้อแจ็กเกตและคลุมตัวให้ขมิ้น ทั้งสองเดินไปพร้อมกันหากมองไกลๆ ก็เหมือนคนรักทั่วไป
.
แม็กนัสฟาดมือลงกับพวงมาลัยรถกับภาพที่เขาเห็น มาเรียนไม่ทันไรก็หัดมีความรัก ไหนแม่เขาบอกว่าขมิ้นเป็นเด็กน่ารักเด็กแรดนะสิไม่ว่า เขาตั้งใจขับรถเหยียบน้ำเพื่อแกล้งขมิ้น แต่เขาน่าจะขับเร็วไปหญิงสาวจึงเปียกไปทั้งตัว
“แรด ร่าน หม่ามี้กำลังไว้ใจคนผิด” เขาต้องหาวิธีแกล้งขมิ้นต่อไปเอาให้ไม่กล้ามาเหยียบที่บ้านเขาอีก
เอี๊ยด
รถซูเปอร์คาร์คันหรูเข้ามาจอดหน้าตึกคณะวิศวกรรม เสียงเบรกดังลั่นทำให้คนที่นั่งอยู่บริเวณนั้นหันไปมอง รวมถึงเพื่อรักอย่างกองทัพและไต้ฝุ่น
“มึงเป็นอะไรวะ!”
“เปล่า” แม็กนัสนั่งเรียนด้วยหัวใจที่ว้าวุ่นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาต้องคิดถึงแต่ใบหน้าของขมิ้น คงเกลียดมากถึงได้คิดถึงแต่ใบหน้าของเธอ
“เที่ยงนี้เราไปกินข้าวที่ตึกบริหารดีป่ะ”
“มึงไปเฝ้าน้องเมษาอีกแล้วเหรอ”
“ก็เออนะสิ แถวนั้นมีแต่คนหล่อๆ” กองทัพนั้นหวงเดือนเมษามาก เรียกว่าต้องได้ไปนั่งเฝ้าเช้าเที่ยงเย็น พอไต้ฝุ่นไม่ยอมไปด้วยก็ไปนั่งเฝ้าคนเดียวเหมือนคนบ้า
“ไปดิ ไลลาไม่มีเรียนขอไปนั่งดูสาวหน่อย”
“เดี๋ยวหัวไม่ได้อยู่บนบ่า”
“ใครกลัววะ” ปากเก่งไปแบบนั้นความจริงเขากลัวเมียมาก เพราะไลลาริณง้อยากง้อเย็นใครจะกล้าทำให้หญิงสาวงอน
“มึงไปด้วยไหม?”
“ไม่ไป!” เขาตอบเสียงแข็งร้อยวันพันปีไม่ค่อยไปกินข้าวตกนั้น ตึกคณะวิศวะก็มีข้าวให้กินเหมือนกัน เพื่อนสองคนเดินมุ่งหน้าไปที่ตึกบริหาร ทำให้แม็กนัสต้องเดินตาม ‘ไม่มีเพื่อนกินข้าวต่างหากละ’
.
ขมิ้นหลังจากเรียนเสร็จจึงลงมาทานข้าวและได้รับข้อความจากแม็กนัสว่าให้หาทางกลับบ้านเองเพราะเขาไม่ว่าง ไม่ว่างก็ไม่เห็นต้องง้อเลยปกติก็กลับเองทุกครั้ง สายตาของเธอปะทะกับร่างใหญ่ที่เดินเข้ามาในโรงอาหาร ขนาดแม็กนัสเดินมาหลังสุดเธอยังเห็นเขา ทั้งสองสบตากันพอดีจนขมิ้นต้องรีบก้มหน้า
“เป็นไรขมิ้น”
“ไม่มีไรรีบกินดีกว่าอยากกลับแล้ว” ขมิ้นพูดคุยและยิ้มให้เพื่อน โดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครอีกคนกำลังจ้องหน้าเธอด้วยความโกรธแค้น
แม็กนัสทานข้าวไปไม่กี่คำเมื่อเห็นว่าขมิ้นลุกออกไปแล้ว เขาจึงรีบเดินตามไปเพื่อไม่ให้เพื่อนจับพิรุธได้เรื่องที่เขาต้องมาตามรับตามส่งขมิ้น เพื่อนของเขายังไม่มีใครรู้
“มาเรียนหรือมาจับผู้ชายวะ อีกคนจะสิงกันอยู่แล้ว”
“พี่พูดกับขมิ้นเหรอ”
“ยืนอยู่ด้วยกันเธอเห็นหมาตัวไหนป่ะ” แม็กนัสพูดยียวนกวนประสาท เมื่อเช้าแกล้งไปแล้วตอนเย็นจะทำอะไรกับขมิ้นต่อดี
“ถ้าขมิ้นเป็นหมาพี่แม็กก็หมาเหมือนกันนั่นแหละ ถึงคุยกันรู้เรื่อง”
“กวนประสาทฉันเหรอ”
“แม็กนัส มาหาเชอรี่เหรอคะดีจัง” สาวที่ชื่อเชอรี่เดินเข้ามาหอมแก้มแม็กนัสแบบไม่สนสายตาของใคร และเหมือนจะไม่ได้มองว่าเขาไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว
“อืม” สายตาของเขาจับจ้องไปที่ขมิ้นจึงคิดหาวิธีที่จะแกล้งเธอได้
“ขึ้นรถสิเดี๋ยวผมพาไปชอปปิ้ง เธอด้วยขมิ้นไปช่วยฉันถือของ”
“ทำไมต้องไปด้วย” จะไปกับแฟนก็ไปกันสองคนก็ได้มั้ง ทำไมต้องลากเธอไปด้วยเธอไม่ใช่คนรับใช้เขาเสียหน่อย
“ใครคะ? เราไปกันสองคนก็ได้” เชอรี่ไม่ชอบคนตรงหน้าสัญชาติญาณของเธอบ่งบอกว่าแม็กนัสกำลังให้ความสนใจ
“ไปนั่งหลัง”
“ที่นั่งข้างคนขับเขาให้คนรู้ใจนั่งเท่านั้นนะ”
“พี่คะ? ใครเขาอยากนั่งข้างคนขับกันไม่เคยขึ้นแท็กซี่เหรอคะผู้โดยสารหรือลูกคุณหนูเขาต้องนั่งหลัง” เธอมีปากคิดเหรอว่าจะยอมให้ว่าอยู่ฝ่ายเดียว
“สภาพเธอเหรอเป็นลูกคุณหนูยาจกนะสิไม่ว่า”
“พี่แก่แล้วคงแยกไม่ออกมากกว่าค่ะ” ขมิ้นตอบกลับเชอรี่ไปและนั่งกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อรถแล่นออกไป
“แม็กนัสไปเก็บเด็กคนนี้มาจากไหนคะ ไม่มีมารยาทเลย”
“เด็กแม่ผมนะอย่าไปถือสาเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าเลย” แม็กนัสพูดไปและมองกระจกหลังเพื่อดูปฏิกิริยาของขมิ้น และเธอไม่สนใจใบหน้าเรียบเฉยมองออกไปนอกรถ ในใจคงจะด่าเขาไม่หยุด
เอี๊ยด!
ตุบ
“โทษทีไฟแดง”
ขมิ้นเงยหน้าขึ้นมาเอามือจับหน้าผากที่เริ่มบวมเพราะศีรษะไปกระแทกกับเบาะหน้าเพราะเธอนั่งหลังจึงไม่ได้คาดเข็มขัด
สายตาเอาเรื่องมองไปที่แม็กนัส ทำให้เขาหัวเราะออกมา อยากรู้ว่าจะทนได้สักแค่ไหน
“ฉันอยากได้ลองใส่รองเท้าเธอใส่ให้ฉันหน่อย”
“พี่มือตีนพี่ก็มีหรือพิการไปแล้วคะ” ขมิ้นถือของเต็มไม้เต็มมือไม่รู้จะซื้ออะไรนักหนา แถมแม็กนัสยังตามใจรุ่นพี่อีก คงจะรักกันมากไม่ลงไปรักกันในนรกเลย
“ฉันบอกให้ใส่รองเท้าให้ฉัน!”
“ถูกเลี้ยงมายังไงถึงมารยาทแย่ขนาดนี้” แค่ขอร้องดีๆ ก็ได้ไม่เห็นต้องสั่งกันถึงขนาดนี้จนคนในร้านเริ่มมองมาที่พวกเธอทั้งสอง
“อีเด็กนี่ฉันบอกให้ใส่รองเท้าให้ฉัน!”
“เสร็จกันหรือยัง” แม็กนัสเข้ามาในร้านของเท้าไม่รู้เชอรี่จะซื้ออะไรนักหนาเขาอยากออกไปจากตรงนี้ ผู้หญิงอะไรน่าเบื่อจัง
“แม็กนัสคะเชอรี่จะให้เด็กของคุณใส่รองเท้าให้แต่เธอไม่ยอม”
“ขมิ้นทำไมไม่ใส่ให้เชอรี่” แม็กนัสได้ทีแล้วเอาใหญ่อยากแกล้งขมิ้นจึงใช้เชอรี่เป็นเครื่องมือ
ตุบ
“ขมิ้นไม่ใช่ขี้ข้าค่ะไม่ได้เป็นง่อยก็ใส่เอง ที่บ้านไม่สอนเรื่องมนุษยธรรมเหรอคะ หรือไม่ตั้งใจเรียนนิสัยแบบนี้เก็บเอาไว้ใช้กับคนที่บ้านนะคะ จะได้ไม่เป็นภาระของสังคม” ขมิ้นโยนของทั้งหมดลงไปกองกันที่พื้นไม่กลัวว่ามันจะเสียหายหรือไม่ คิดว่าเธอหัวอ่อนจะเล่นตามน้ำของเขาคิดผิดเสียแล้ว
เพียะ!
“ไม่ต้องมาสอนฉัน!”
แม็กนัสต้องใจไม่น้อยที่เชอรี่ตบขมิ้นเพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าทำแบบนี้ในที่สาธารณะ เขาเห็นคนตัวเล็กกุมแก้มไว้ แต่สิ่งที่เขาไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ผัวะ
“กรี๊ดดดดด”
.
สถานีตำรวจ ขมิ้นนั่งกอดอกมองคนที่กำลังแสดงละครอยู่ เชอรี่ร้องไห้ฟูมฟายเพราะจมูกนั้นเบี้ยวจนอาจต้องทำใหม่ และขอความเห็นใจที่เธอโดนต่อยหน้าร้องไห้เล่าความเท็จต่อหน้าตำรวจ
“ถ้าพี่ยังเป็นคนอยู่ก็เล่าสิ่งที่เห็นไปสิ อย่าลืมว่าร้านเขามีกล้องวงจรปิด”
“นั่นเธอจะไปไหนขมิ้น”
“คุณป้าประกันตัวขมิ้นแล้ว โชคดีนะคะ” ขมิ้นโบกมือลาแม็กนัสวันนี้เธอเหนื่อยจนตัวแทบขาด ก่อนจะมาถึงโรงพักเธอโทรไปร้องห่มร้องไห้เล่าให้แม่ของแม็กนัสฟังว่าคนรักของเขามารังแกเธอก่อน เธอเลยต่อยหน้าจนจมูกที่ยัดซิลิโคนนั้นหัก
“แม็กนัสค่ะเชอรี่เจ็บ”
“คุณไม่ควรไปตบใครก่อนนะ โดนแค่นี้ยังน้อยไป” เขาจะเดินไปตามขมิ้นแต่ถูกเชอรี่คว้าแขนไว้ ทีแรกเขาเสนอเงินให้เชอรี่เพื่อไปทำจมูกใหม่ แต่หญิงสาวไม่ยอมจะเอาเรื่องขมิ้นให้ได้จนมาถึงที่โรงพัก
“มันไม่มีสิทธิ์มาต่อยหน้าเชอรี่”
“แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรไปตบหน้าเขาก่อน!”
“แม็กนัสเป็นห่วงมันเหรอคะมันก็แค่ขี้ข้า!” เชอรี่เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวไม่อยู่เพราะมีคนขัดใจ หญิงสาวกัดปากตัวเองจนช้ำไปหมด
“ผมว่าคุณใจเย็นๆ และตั้งสตินะถ้าจะเอาเรื่องคุณก็ต้องกล้าเผชิญกับพ่อแม่ผม”
เขาจ่ายค่าปรับให้ตำรวจและออกมาทันที เชอรี่ตะโกนเรียกเขาไม่หยุด เขาไม่น่าใช้เชอรี่เป็นเครื่องมือให้การเอาคืนขมิ้นเลย เขารีบกลับบ้านเพื่ออยากขอโทษขมิ้นครั้งนี้เหตุการณ์มันรุนแรงเกินไป
สามวันมาแล้วที่ขมิ้นไม่ได้เจอหน้าแม็กนัสเลย เธอได้ข่าวว่าเขาใช้ชีวิตอยู่สนามแข่งรถ ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอจึงโล่งใจที่เขาไม่หาเรื่องแกล้งกันอีก “ไม่ต้องห่วงนะขวัญฉันสัญญาจะดูแลหนูขมิ้นให้ดี อีกหน่อยเราก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” “เด็กทั้งสองจะรักกันจริงเหรอเห็นทะเลาะกันจะเป็นจะตาย” “ไม่ต้องห่วงยังไงแม็กนัสต้องรักหนูขมิ้น แค่นี้ก่อนนะ” เอเลนอเห็นขมิ้นเดินมาทางนี้จึงรีบวางสาย ส่งยิ้มให้เด็กสาวตรงหน้า “หน้าหายบวมแล้วยังเจ็บอยู่ไหมจ๊ะ” “หายดีแล้วค่ะ” “ตาแม็กนี่ไม่ได้เรื่องปล่อยให้พวกแร้งพวกกามันมาโดนตัวหนูจนได้” เอเลนอรู้ว่าลูกชายเป็นคนยังไงช่วงวัยรุ่นจึงไม่ค่อยบังคับขู่เข็ญ แต่ยื่นคำขาดว่าห้ามให้ผู้หญิงของลูกชายมาก่อกวนคนในครอบครัวเด็ดขาด “คุณป้าคะ? หนูอยากจะถามอะไรหน่อยค่ะ” “ว่ามาสิจ๊ะลูก” “พี่เรียวตะเขาเป็นลูกชายจริงๆ ของพี่แม็กนัสเหรอคะ” ไม่เห็นว่าเขาจะมีเค้าโครงของชาวยุโรปแม้แต่น้อย หน้าตาไม่ค่อยคล้ายแม็กนัสเท่าไร “เรียงตะเป็นลูกชายของป้าจ๊ะ” เอเลนอยังยืนยัน
“พี่แม็กนัสค่ะลิลลี่ง่วงแล้วนะคะ” ลิลลี่สาวรุ่นน้องเอาตัวพิงกับหัวเตียงและตึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างกายไว้ หลังจากที่เสร็จศึกรักอันแสนทรหดมา แม็กนัสก็ไปนั่งเหม่อลอยตรงนั้น “ถ้าง่วงก็นอนไปฉันจะกลับห้อง” “เราไม่นอนด้วยกันเหรอคะ” “...”ลิลลี่มานั่งตักของแม็กนัสทั้งตัวของเธอเปลือยเปล่า หน้าอกที่ยัดซิลิโคนขนาด 450 CC เข้าไปแทบจะหนีบใบหน้าของแม็กนัส เขาใช้ปากกัดที่หัวนมเบาๆ มือหนาเริ่มบีบเคล้นเต้าอวบลิลลี่ครางออกมาอย่างถูกใจเมื่อพายุสวาทกำลังจะเริ่มขึ้นอีกรอบ แต่ต้องผิดหวังเมื่อแม็กนัสหยุดการกระทำทุกอย่างและผลักให้เธอลุกออกไปจากตัวเขา“อะไรคะ”“ถุงหมด” เขาพกถุงยางมาแค่หนึ่งกล่องซึ่งเขาใช้หมดแล้ว และไม่อยากเสี่ยงเพราะป้องกันตัวเองเสมอเพราะไม่ไว้ใจผู้หญิงคนไหน“เอาสดแตกนอกก็ได้นี่คะ? พี่แม็กนัสก็รู้ว่าลิลลี่นั้นสะอาดแค่ไหน” เพราะเขาคือผู้ชายคนแรกของเธอ แต่ระหว่างนั้นก็แอบไปเอากับคนอื่นเสมอ แม็กนัสเล่นหายไปเป็นเดือนใครบ้างที่ไม่เหงา“ไม่อยากเสี่ยง”“นะคะพี่แม็กนัสลิลลี่อยากแล้ว”“ปล่อยพูดให้รู้เรื่อง” เขาจับต้นแขนของลิลลี่ออกจากเอวและเดินออกไปจากห้อง โดยไม
ตุบ! เคล้ง!“เลือด! กรี๊ดดดด” ขมิ้นกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเห็นโลหิตสีแดงไหลออกมาจากศีรษะของรุ่นพี่ คนที่เป็นต้นเหตุกำขวดแก้วไว้แน่น“พี่แม็กนัสเป็นอะไร!”“แรด ร่าน ฉันให้มาทำงานมายื่นอ่อยผู้ชายทำไม ห๊ะ!”แม็กนัสโกรธเขาไม่รู้ว่าโกรธอะไร แต่ไม่ชอบที่คนตัวเล็กมานั่งอ่อยผู้ชาย แถมยังคลุมเสื้อให้กันหวานฉ่ำไม่อายคนอื่น“แล้วมันหนักหัวพี่หรือไง!” ตะคอกมาตะคอกกลับไม่โกง เธอไม่ใช่คนที่จะยอมเขาง่ายๆ“มานี่แม่ตัวดี”“ขมิ้น” สิงห์คว้าข้อมือของรุ่นน้องไว้ กลัวว่าขมิ้นจะได้รับอันตราย เขาไม่รู้มาก่อนว่าทั้งสองคนรู้จักกันทำไมแม็กนัสต้องทำเหมือนว่าหึงหวงขมิ้น“มึงอยากตายเหรอปล่อยมือคนของกู!” แม็กนัสกระชากตัวของขมิ้นอย่างแรงจนสิงห์กลัวว่าเธอจะได้รับบาดเจ็บจึงยอมปล่อยขมิ้นไปหญิงสาวเดินตามแรงฉุดกระชากของแม็กนัสจนมาถึงทางแคบๆ ขากระชากแจ็กเกตออกจากไหล่ของเธอแล้วโยนทิ้งก่อนจะเหยียบเสื้อของรุ่นพี่“พี่แม็กนัสทำอะไรเสื้อของพี่สิงห์ อ๊ะ” ขมิ้นกำลังจะก้มลงเก็บเสื้อแต่ถูกเขากระชากตัวให้ลุกขึ้น แม็กนัสถอดเสื้อคลุมของเขาออกแล้วคลุมไหล่ให้ขมิ้น“ชอบมันมากหรือไงถึงไปนั่งให้ท่าพวกมัน”“แล้วพี่เป็นอะไรไม่ทราบคะ? ขมิ้นก
วันนี้พ่อแม่ของเขาเดินทางไปต่างจังหวัด ก่อนจะไปต้องมีปากเสียงกับลูกชายคนโตก่อน ก่อนไปแม่กำชับว่าเขาต้องกลับมานอนบ้าน ห้ามเถลไถลไปนอนที่อื่นเป็นอันขาด โดยอ้างว่าขมิ้นนอนที่บ้านคนเดียว “นอนคนเดียวที่ไหนครับคนในบ้านออกจะเยอะแยะ” หงุดหงิดทำไมถึงหนีชื่อขมิ้นไม่พ้น ไปไหนก็ได้ยินแต่ชื่อนี้ “คนใช้เขาก็นอนที่ห้องพัก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับบ้านหลังใหญ่สักหน่อย ฉะนั้นลูกต้องกลับมานอนเป็นเพื่อนน้องห้ามเถียง รับทราบอย่างเดียว” แม็กนัสจะหันไปขอความช่วยเหลือจากพ่อ แต่พ่อของเขานั้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แถมคำสั่งของแม่เขาไม่สามารถขัดได้ด้วยสิ “หม่ามี้” “ห้ามแกล้งน้องเด็ดขาด” “ลูกสาวหม่ามี้โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว” แล้วที่ผ่านนอนยังไงถึงโตมาได้ขนาดนี้ ย้ายมาอยู่ที่บ้านก็เป็นภาระพอแล้ว ยังจะมานอนคนเดียวไม่ได้อีก ไม่รู้ไปเป่าหูอะไรแม่เขาถึงได้ชอบขมิ้นขนาดนั้น “แม็กนัส” “ผมถามจริงเถอะลูกสาวหม่ามี้ทำของใส่หรือไง ถึงได้รักกันขนาดนั้นระวังจะโดนหลอกเอา” คนสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ มาอยู่ไม่ถึงเดือนสร้างความร้าวฉานให้เขาแล้ว
แม็กนัสนั่งดื่มเหล้าจนรู้สึกว่าตัวเองเริ่มเมา ทำไมเขาต้องมานั่งดื่มเหมือนคนอกหัก ไม่รู้ว่าตัวเองโกรธขมิ้นอยู่แล้วหรือโกรธเรื่องที่หญิงสาวออกไปเที่ยวกับผู้ชาย เขาเป็นนึกบ้าอะไรขึ้นมาต้องไปตามแอบดูขมิ้นด้วย“กูถามมึงหน่อย ไม่ชอบหน้าน้องเขาเพราะอะไรวะ”กองทัพมองไม่เห็นถึงความเป็นไปได้เลย ขมิ้นจะเข้าไปหลอกครอบครัวมันได้อย่างไร ก็ทั้งสองครอบครัวรู้จักกันมาก่อน“หน้าไหว้หลังหลอกต้องการอะไรจากครอบครัวกู”“ไม่ๆ เขาไม่ได้หลอกครอบครัวมึงแต่เหมือนจะหลอกมึงมากกว่า หลอกให้รัก” ต้องใช่แน่ๆ ไต้ฝุ่นมองคนไม่เคยพลาด“ไอ้ไต้ฝุ่นมึงหุบปาก”เพื่อนรักทั้งสองได้แต่นั่งมองแม็กนัสเหมือนคนอกหักไม่มีผิด มันสอนพวกเขาให้มีเหตุผลแต่เรื่องของตัวเองมันกลับไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ทั้งสามนั่งดื่มไปด้วยกันจนแม็กนัสขอตัวกลับแต่ระหว่างที่เขากำลังเตรียมตัวกลับก็มีสาวๆ หลายคนที่เข้าหากลุ่มของแม็กนัส แน่นอนว่าไต้ฝุ่นปฏิเสธเป็นคนแรก และแม็กก็ปฏิเสธเช่นกันทำให้เพื่อนทั้งสองคนแปลกใจ“กูต้องกลับบ้าน ไปอยู่เป็นเพื่อนตัวปัญหา” คนเมาตอบเพื่อนด้วยเสียงอ้อแอ้ แม็กนัสประคองสติขับรถจนไปถึงบ้านหากพ่อแม่เขารู้ถูกตำหนิบ่นไปสามวันแน่ๆ.ขม
แสดงแดดรอดผ่านผนังกระจกเข้ามาในห้อง แม็กนัสเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้า พยายามปรับโฟกัสสายตาเขามีอาการปวดศีรษะ เมื่อคืนดื่มหนักไปหน่อยเขาขยับตัวเล็กน้อยเมื่อรู้สึกชาที่แขนฝั่งซ้าย “ขมิ้น” เขาเห็นหญิงสาวนอนหลับอยู่ข้างกายเขารู้สึกตกใจไม่น้อยเมื่อย้อนกลับไปคิดเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่ได้ห่มเหงอะไรเพราะหญิงสาวเองก็ยินยอมพร้อมใจไปกับเขา “ตื่นได้แล้วยัยเด็กขี้เซา เช้าแล้วกลับห้องไปได้แล้ว” เขาเขย่าตัวขมิ้นแต่หญิงสาวทำเสียงเหมือนรำคาญและพลิกตัวนอนหันหลังให้เขา นอนสบายใจโดยไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่บนเตียงของเขา “นี่ตื่นได้แล้ว” หรืออยากจะให้เขาทำแบบเมื่อคืนอีก เช้านี้ต่ออีกสักรอบสองรอบเขาก็ไม่ติดแค่คิดจูเนียร์น้อยคึกขึ้นมา “อื้อ” “ตื่นไม่งั้นฉันโยนลงไปจากเตียงนะ” แม็กนัสส่งเสียงปลุกพร้อมกับเขย่าแขนของขมิ้นอีกรอบ และเขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนในตัวของหญิงสาว เมื่อคืนเขารุนแรงขนาดนั้นเลยเหรอก็อย่างว่าเพราะขมิ้นยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง “ฉิบหาย เป็นไข้เลยเหรอวะ” เขาถึงกับกุมขมับ ไม่คิดว่าเขาจะทำรุนแรงจนทำให้อีกฝ่ายไม่สบายขน
“ครับหม่ามี้” แม็กนัสยอมรับสายผู้เป็นแม่ที่โทรหาเขาเกือบสิบสายได้ แต่เขามัวแต่นั่งทำธีสิสเลยไม่รับสายเพราะรบกวนสมาธิของเขา “มัวทำอะไรทำไม่ยอมรับสาย หม่ามี้โทรหาหลายสายแล้วนะ” “ผมทำธีสิสอยู่ครับ” เขาไม่ได้หาข้ออ้างเขานั่งทำจริงๆ พอบอกความจริงไปแม่มักไม่ค่อยเชื่อ “แน่ใจไม่ใช่ว่าอยู่ในสนามแข่งหรือไม่ก็นั่งกินเหล้าอยู่ หม่ามี้ผิดหวังในตัวลูกมากเลยนะ” “หม่ามี้พูดเรื่องอะไรครับ” โทรมาต่อว่าเขาไม่พอยังมาผิดหวังกับเขาอีก ตั้งแต่เช้าจนถึงเย็นเขายังไม่ได้ออกไปไหนเลย “น้องอยู่โรงพยาบาลไหนว่าจะดูแลน้องให้ดี ไปแกล้งอะไรน้องแม็กนัส” แม็กนัสรีบเอาโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหูเมื่อถูกแม่ตะคอกใส่ แต่ต้องนั่งฟังคำบ่นจนเขาวางโทรศัพท์ทิ้งไว้แล้วแต่งตัวเพื่อจะรีบออกไปหาขมิ้น แม็กนัสเดินหน้าตึงเข้ามาในโรงพยาบาลเขาเดินมาหยุดหน้าห้องคนป่วยที่เขียนชื่อติดไว้หน้าประตูห้อง เขมญาดา สุริยะภาคิน เขาจึงเปิดประตูโดยไม่ได้เคาะประตูก่อน “เหี้* ทำอะไรกันวะ!” แม็กนัสเดินไปกระชากชายหนุ่มออกมา เพราะเห็นว่ากำลังจูบกันอยู่เขาตาไม่ได้ฝาด
ขมิ้นกลับมาเรียนตามปกติเธอลาไปสองวันทำให้ต้องมานั่งทำงานส่งอาจารย์ทีหลังเพื่อน แต่ยังมีวาโยคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด และเขาไม่ทำให้เธอลำบากใจทำเหมือนเรื่องที่เธอป่วยไม่เคยเกิดขึ้น “ไปกินข้าวเที่ยงกัน” “อืม” ขมิ้นกำลังเก็บของลงกระเป๋าก็มีเสียงนักศึกษาดังขึ้นและพูดคุยกันเสียงดัง เหมือนว่ามีดาราเดินผ่านห้องแต่เธอมองไม่เห็นเพราะต่างพากันไปมุงดู “ใครมาเหรอ” “ไม่รู้ดิทำเหมือนดารามา” “คณะเราก็มีดาราเยอะนะ” เรื่องปกติที่จะเจอดาราหรือเน็ตไอดอลเพราะมหาลัยเอกชนชื่อดังอันดับต้นๆ ของเมืองไทยเลยทำให้คนมีชื่อเสียงเข้ามาเรียนเยอะ “เขามานั่งเฝ้าใครอ่ะ” “นั่นดิหรือมาจีบสาวตึกเรา” “วาสนาใครอีกอ่ะคราวนี้” ขมิ้นไม่ได้สนใจเมื่อเก็บของเสร็จจึงจะออกไปจากห้อง สายตาของเธอมองไปปะทะกับคนผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งขาไขว่ห้างอยู่เขาใส่เสื้อช็อปสีแดงและใส่สร้อยที่ห้อยเกียร์บ่งบอกว่าเขาเรียนวิศวะ แม็กนัสมาทำอะไรที่ตึกบริหาร “ฉันหิวแล้วไปกินข้าวกัน” “ฉันพูดกับเธอนั่นแหละ” ขมิ้นมองซ้ายมองขวาเมื่อเขาลุ
แสงแดดอ่อนๆ ของยามเช้าสาดส่องกระทบกับกระจกหน้าต่างเซฟเฮาส์สุดหรูใจกลางกรุงปารีส เมืองแห่งความโรแมนติก ขมิ้นยืนอยู่ที่ระเบียงห้องชื่นชมทิวทัศน์ของหอไอเฟลที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ลมเย็นพัดผ่านผิวกายของเธอเบาๆ ทำให้เธอหลับตาลงและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ"ตกหลุมรักที่นี่เลยใช่ไหม?"เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง ก่อนที่อ้อมแขนอบอุ่นจะโอบรัดเอวของเธอจากด้านหลัง แม็กนัสโน้มศีรษะลงมาแนบชิดกับไหล่ของเธอ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเรือนผมของหญิงสาวขมิ้นหัวเราะเบาๆ "ขมิ้นตกหลุมรักทุกอย่างที่นี่เลย ไม่ใช่แค่เมืองนี้นะ..."เธอเว้นจังหวะ ก่อนจะหันไปสบตากับเขา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอทอประกายอบอุ่นเมื่อพูดต่อ"แต่รวมถึงพี่แม็กด้วย" “ปากหวานคงต้องจัดอีกรอบ”แม็กนัสยิ้มออกมา ดวงตาสีน้ำตาลลึกซึ้งของเขาฉายแววแห่งความรัก ขมิ้นรู้ว่าเธอไม่ได้แค่พูดเล่น ทุกวินาทีที่ได้อยู่กับเขา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก “อย่ามาหื่นขมิ้นขาสั่นไปหมดแล้ว” “พี่คิดถึงเมียหนิ ใครกันมาให้พี่เย็.-ด ถึงที่” “ดูพูดเข้า” “เราแต่งงานกันนะค่อยกลับไปจัดที่เมื
ขมิ้นนั่งจ้องมองเด็กทารกตัวเล็กที่นอนหลับอยู่ในเปลตัวจ้ำหม่ำนอนหลับปุ๋ย ในปากยังมีขวดนมอยู่ขมิ้นเขี่ยแก้มเบาๆ ทำให้เด็กน้อยทำตัวยุกยิกไปมา “ชอบเด็กไหมขมิ้น” “น้องน่ารักมากเลยนะคะ” “ตอนนอนน่ารักพอตื่นบ้านแทบแตก” เดือนเมษาเพิ่งคลอดลูกสาวได้ไม่นาน กองทัพจะมาขอลูกที่คนสองเธอจึงบอกให้เขาพักก่อน “ขมิ้นยังไม่อยากมี” “เรียนจบแต่งงานไปแล้วก็อยากมีเอง” ดูอย่างไต้ฝุ่นสิคนเจ้าชู้แบบนั้นพอมีความรักก็อยากมีลูกขึ้นมาทันที เวลาเปลี่ยนคนเราก็เปลี่ยน “ขนมจ้ะสาวๆ” ไลลาริณถือขนมมาวางพร้อมกับนั่งลงที่พื้น เห็นลูกสาวของกองทัพแล้วทำให้อยากมีบ้าง “ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าคนอย่างพี่ไต้ฝุ่นจะยอมหยุดที่พี่ไลลา” ในแก๊งนี้บอกเลยว่าไต้ฝุ่นคือคนที่ใช่ชีวิตคุ้มค่าที่สุดฟาดเรียบไม่เหลือ “คนเจ้าชู้ถ้าเขาอยากหยุดจะหยุดเองเราไม่ต้องพยายาม” กว่าจะหยุดเสียน้ำตาไปเยอะเหมือนกัน เขาทำให้ไลลาริณมั่นใจว่าเขานั้นหยุดอยู่ที่เธอคนเดียว “พี่แม็กนัสธรรมดาเสียที่ไหน” “เสือสุ่ม” “ห่างกันตั้ง 1 ปีคิดถึงเขาไหม”
เอเลนอยิ้มหน้าบ้านที่ลูกชายตามง้อขมิ้นสำเร็จคิดว่างานนี้จะได้ออกโรงเอง ความหวังที่อยากได้ขมิ้นมาเป็นลูกสะใภ้นั้นวันนี้สำเร็จลุล่วง ต้องรีบหาฤกษ์หมั้นหมายให้เร็วที่สุด “ถ้าลูกชายหม่ามี้แกล้งอะไรบอกแม่ได้เลยนะลูกหม่ามี้จะจัดการมันเอง” “หม่ามี้ผมลูกหม่ามี้นะ” รักลูกสะใภ้มากกว่ารักลูกตัวเองไม่ได้ “คงไม่กล้าทำอะไรขมิ้นแล้วค่ะ” แม็กนัสน่าจะกลัวเข็ดยาดไปอีกนาน กว่าจะผ่านด่านพ่อตาไม่ง่ายเรียกว่าแทบจะเอาชีวิตไปทิ้งหลายครั้ง “อย่าทำแบบนั้นอีกนะแม็กนัส” “ผมไม่กล้าแล้วครับ” ต่อจากนี้จะเชื่อหัวใจตัวเองไม่กล้าปากเก่งทำสิ่งตรงข้ามกับหัวใจอีกแล้ว แม็กนัสพาขมิ้นมาที่ผับของไต้ฝุ่นอีกไม่กี่วันเขาจะต้องไปฝึกงานที่บริษัทของพ่อ จึงพาหญิงสาวมาทำความรู้จักแบบเป็นทางการ วันนี้กองทัพและไต้ฝุ่นพาคนรักมาด้วยสาวๆ จะได้มีเพื่อนคุย ขมิ้นกับเดือนเมษารู้จักกันแล้วส่วนไลลาริณนั้นอยู่คนละคณะจึงไม่ค่อยเจอหน้ากัน “พี่เมษาท้องได้กี่เดือนแล้วคะ” “จะเข้าสามเดือนแล้วจ้ะ” กองทัพไม่พูดพร่ำทําเพลงเสกเด็กน้อยเข้าท้องเรียบร้อย
ส่วนพ่อขมิ้นซึ่งตอนนี้ถูกภรรยาเรียกกล่อมจนอารมณ์เย็นลงมาบ้างแล้ว เขาแก่จนอายุปูนนี้เห็นแก่ความสุขของลูกเขาจึงยอมให้โอกาสแม็กนัสอีกครั้ง “เมื่อตัดสินใจแล้วก็รับผิดชอบด้วยตัวเอง” “ขอบคุณคุณพ่อครับที่เข้าใจ” “ได้คืบจะเอาศอกใครให้เรียกพ่อ” ปทุมทำเป็นเคร่งขรึมวันก่อนยังเรียกเขาลุงอยู่เลย แต่ไม่เป็นไรเขาอารมณ์ดีเพราะขมิ้นจะอยู่ที่บ้านสวนกับเขาอีกสี่ปี ก่อนจะไปอยู่กับแม็กนัสสมน้ำหน้าให้อยู่ห่างกันแบบนั้นแหละถึงจะถูก ตกดึกแม็กนัสหมุดออกจากมุ้งตัวเองคิดถึงขมิ้นอยากกอดอยากหอมแต่เกรงใจพ่อกับแม่ คืนนี้จะไปฟัดให้หายคิดถึง “จะไปไหนครับพี่ชาย” “เบาๆ ดิวะกูจะไปนอนกับขมิ้น” “กินลูกตะกั่วตัวใครตัวมันนะ” เรียวตะหันหลังนอนเล่นโทรศัพท์ต่อ เขามาอยู่ที่บ้านสวนเกือบสองสัปดาห์ แทนที่เขาจะได้ใช่ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ปิดเทอมนี้จึงไม่ได้ไปเที่ยวไหน แกร็ก “พี่มาแล้วจ้ะ ขมิ้นของพี่” ตอนเย็นเขาบอกขมิ้นว่าห้ามล้อกประตูจะแอบเข้ามานอนด้วย เขาย่องขึ้นเตียงขมิ้นเหมือนฟ้าฝนจะเป็นใจเพราะฝนตกลงมากลบเสียงจนม
ตอนบ่ายอาการป่วยของเขาดีขึ้นมากวันนี้จึงสั่งให้เรียวตะไปหาซื้อพวงมาลัยที่ตลาด ที่แรกน้องชายบอกให้เขาร้อยเองในสวนมีดอกไม้หลายพันธุ์ อย่าหวังว่าคนแบบเขาจะยอมทำ แม็กนัสเดินขึ้นเรือนพร้อมกับพวงมาลัยสองพวงพ่อกับแม่ของขมิ้นมองแม็กด้วยความสงสัยว่าแม็กนัสเป็นอะไรหรือจะกินยาไม่ได้เขย่าขวด “แม็กนัสมีอะไรเปล่าลูก” แม่ของขมิ้นเอ่ยถามเมื่อเห็นเขานั่งลงที่พื้นพร้อมกับพวงมาลัยสองพวง “ผมจะมาขอขมาคุณน้าทั้งสองครับ” พ่อกับแม่ของขมิ้นยิ่งงงไปกันใหญ่ แม็กนัสก้มลงกราบเท้าพ่อกับแม่ของขมิ้น แล้วสารภาพความจริงทุกอย่างเป็นเพราะเขาขมิ้นถึงหนีกลับมาที่เขามาตามเพราะรักขมิ้นจึงมาขอโทษ ขมิ้นเดินมาได้ยินเธอก็ตกใจเพราะไม่คาดคิดว่าแม็กนัสจะกล้าสารภาพกับพ่อแม่ หญิงสาวยืนหลบมุมเพื่อรอดูสถานการณ์ “มึงออกจากบ้านกูไปเลย!” “พี่ทุมใจเย็นก่อนสิ” “เราจะฝากลูกสาวไว้กับมันได้ยังไงดีนะที่วันนั้นยังไม่รับหมั้น ออกไปจากบ้านกู!” ปทุมโกรธจนโยนพวงมาลัยทิ้ง ทำลูกเขาเจ็บคนเป็นพ่อแม่นั้นเจ็บยิ่งกว่า “ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น” “มึงอยาก
ขมิ้นพาแม็กนัสเข้าสวนทุกวัน ดายหญ้า รดน้ำ พรวนดิน เก็บผลผลิตแม็กนัสต้องทำทุกอย่าง โดยมีเรียวตะเป็นผู้ช่วยงานมันหนักเสียจนเรียวตะอยากกลับกรุงเทพ“กูไม่น่ามากับพี่เลยไอ้ห่าแม็ก” จากที่คิดว่าแม็กนัสอาจจะทนได้ไม่นานแต่มันไม่ใช่ตอนนี้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว คนที่จะตายคือเขาเอง“มึงจะเรียกกูว่าพี่ทำไมถ้าจะด่าขนาดนั้น”“พี่ทำคนเดียวเลย”แม็กนัสมองมังคุดที่กองอยู่ตรงหน้าวันนี้ขมิ้นให้เขาแยกผลไม้ใส่ลังเพื่อจะนำไปส่งให้พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาด หลายวันก่อนต้องไปเก็บทุเรียนจนใบหน้าได้แผลมาหนึ่ง“หน้ายังไม่หายดีเลยแผลมาอีกละกว่าจะได้กลับกรุงเทพผมเตรียมโลงไว้ให้พี่ดีกว่า”“เงียบเลยนะมึงไม่ช่วยยังปากดีอีก” เขาบอกขมิ้นไว้แล้วว่ายังไงเขาจะไม่ยอมแพ้คนอื่นเขาทำงานหนักได้ เขาก็ต้องทำได้เหมือนกัน.“ลูกคุณหนูสำอางมากคิดว่าจะหนีกลับกรุงเทพตั้งแต่วันแรกแล้ว” ปทุมยอมในความอดทนของแม็กนัสขนาดถูกเขาแกล้งให้ทำงานหนักก็ไม่หวั่นไม่บ่น แต่ชอบมาแตะตัวลูกสาวเขาตลอด“จะไปไหนขมิ้นแดดร้อนอยู่”“ไปเอาน้ำจ๊ะพ่อ”เห็นเขาทำงานหนักจึงสงสารตอนนี้บ่ายโมงแดดแรงมาก ขมิ้นถือน้ำและผลไม้แช่แข็งไปให้เขาเธออยากพูดกับเขาตรงๆ“น้ำกับผลไม้”“
เรียวตะมองทางตลอดเขาไม่แน่ใจว่าแม็กนัสพามาถูกหรือไม่มองไปไหนก็มีแต่ภูเขาและสวนยางไม่ก็สวนผลไม้ หากรถเสียตายอย่างเดียวคงไม่มีใครหาพวกเขาเจอ “พี่แม็กแน่ใจนะว่ามาถูก” “จีพีเอสมาพามา” “รู้งี้นั่งกินเหล้าอยู่กรุงเทพก็ดีแล้วตอนทำ ทำกันอยู่สองคนพอเลิกตามพอทำไมต้องพาผมมาลำบากด้วย” เรียวตะบ่นมาตลอดทางเขาจะหาทางปฏิเสธไม่ได้เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอม กองทัพไต้ฝุ่นต่างพากันกลับบ้านแฟนจึงไม่มีใครมาด้วย เวรกรรมจึงมาตกที่เรียวตะต้องพาพี่ชายมาตามง้อคนรัก “มึงอย่าบานมากรถไม่ได้ขับหลับมาตลอดทาง” คนที่นี่เขาใช้ชีวิตอยู่กันยังไง มองไปทางไหนก็มีแต่ป่ากับป่าบ้านเรือนอยู่ไกลกันมาก “เหอะตอนทำไม่คิด” “จบงานนี้กูให้รถมึงคันหนึ่งเลย” “ไม่เอาจักรยานแบบพี่กองทัพนะ” ไม่เข้าใจว่าจะโกรธจะทะเลาะกันทุกเหตุการณ์ต้องมีเรียวตะอยู่ด้วยทุกครั้ง รู้สึกกลายเป็นสำคัญขึ้นมาทันที เอี๊ยด “เบรกไหมอ่ะ” “น่าจะถึงแล้ว” เขามองสวนผลไม้ขนาดใหญ่ป้ายเขียนไว้ว่าสวนตาทุมน่าจะใช้ที่นี่ แม็กนัสเดินลงจากรถเขาเห็น
เขาตื่นแต่เช้าเพราะอยากคุยกับแม่แต่เหมือนท่านก็อยากคุยกับเขาเหมือนกัน สภาพแม็กนัสตอนนี้ดูไม่ได้ใบหน้ามีแต่แผลเต็มไปหมด “หม่ามี้ไม่ถามหรอกนะว่าไปถามอะไรมา” “ขมิ้นติดต่อมาไหมครับ” เขาไม่กล้าไปเจอหน้าขมิ้นที่ดอนโด ภาพที่หญิงสาวร้องไห้แล้วไหว้เขายังตามหลอกหลอน “น้องไม่มาให้ลูกให้เจอหน้าอีกแล้ว” เอเลนอเสียใจที่แม็กนัสทำให้ขมิ้นเสียใจจนผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ยกเลิกการจับคู่ของทั้งสองคนเอเลนอไปส่งขมิ้นกลับบ้านด้วยตัวเอง “ทำไมครับขมิ้นไปไหน!” เขาไม่รู้เรื่องขมิ้นและไม่ได้ข่าวขมิ้นอีกเลยไปดักรอก็ไม่เคยเจอหน้า หญิงสาวหนีเขาไปไหน ใบหน้าของเขาฉายชัดถึงความกังวลไม่น้อย “หนูขมิ้นเขากลับบ้านแล้วไม่กลับมาอีกแล้ว เราไปทำอะไรน้องหรือเปล่าทำไมน้องถึงหนีไปแบบนั้น” เอเลนอไม่ทราบเหมือนกันเห็นขมิ้นร้องไห้เสีย จึงไม่ถามและไปขมิ้นให้พ่อแม่เขา แม็กนัสตัวชาไปหมดขมิ้นเพิ่งเข้ามาเรียกได้เทอมเดียว จึงง่ายต่อการตัดสินใจย้ายกลับไปเรียนที่บ้านเกิดขมิ้นไม่ยอมไปสอบแต่หนีกลับบ้านไปดื้อๆ “ผมมขอโทษครับหม่ามี้ผมผิดไปแล้ว ผมมันเ
สองสัปดาห์แล้วที่เขาไม่ได้ติดต่อขมิ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานักศึกษามีสอบปลายภาค เขาจึงไม่อยากไปกวนใจขมิ้นและเขาเองก็พรีเซ็นต์โปรเจคจบทำให้ไม่มีเวลาตามไปขอโทษหญิงสาวแต่เขาเหมือนมีความรู้สึกแปลกๆ เพราะไม่เคยเห็นหน้าขมิ้นเลยในมหาลัย ทั้งๆ ที่เขาจะแอบไปเฝ้ามองเห็นแต่เพื่อนชายของขมิ้นเท่านั้น“แม็กนัสไปทานข้าวกัน”“อืม” เขากลับมาคบกับอันดาแบบเปิดเผยอยากรู้ความรู้สึกตัวเอง ว่าสรุปเขาลืมอันดาได้หรือยังตลอดหลายวันที่ออกเดตกับอันดา เขากลับคิดถึงใบหน้าของขมิ้นเขาไม่มีความสุขเพราะอันดาคอยเจ้ากี้เจ้าการบังคับเขาทุกอย่างจนเขาไม่มีความสุข และพยายามหลบหน้าหญิงสาวเสมอ“คืนนี้อันดาขอไปนอนด้วยได้ไหม”“ฉันติดงาน”“เรากลับมาคบกันแล้วก็ต้องมีเรื่องอย่างว่า” เขาไม่ยอมแตะต้องตัวเธอเลยสักครั้ง ขนาดเธอจะจูบเขาแม็กนัสยังไม่ยอมทำได้แต่จับมือ ทำให้คนที่มีความต้องการสูงแบบอันดาไม่พอใจ“ฉันไม่มีอารมณ์”“รอเป็นอีขมิ้นหรือไงถึงจะมีอารมณ์ แม็กนัสอย่าลืมนะว่าเลิกกับมันและแม็กนัสก็เลือกกลับมาคบกับอันดาเอง”“ฉันติดงานเธอไม่เห็นเหรอว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน” เขาไม่อยากพูดถึงขมิ้น มันทำให้เขาคิดถึงขมิ้นและไม่อยากให้ใครเรียกขมิ้