เธอไม่รู้ว่าเย่หนานโจวต้องการทำอะไรแต่เธอก็ไม่อยากรอคอยความตายอยู่ที่นี่เธอไม่เหมาะจะเป็นนกคีรีบูนหรือนกในกรงและเธอก็ไม่ต้องการเช่นกันเย่หนานโจวมองเธอ เธอมีอารมณ์อ่อนไหวและดูระมัดระวังเขามากเขาขมวดคิ้วและพูดว่า “เวินหนี่ เธอต้องเข้าใจว่าเธอเป็นภรรยาของฉัน ทำไมถึงได้เรียกตัวเองว่าสัตว์เลี้ยง มันเป็นเรื่องปกติที่จะอยู่กับฉันไม่ใช่หรือไง”เมื่อก่อนพวกเขาก็เคยอยู่ด้วยกันแบบนี้ ไม่เคยเห็นเธอตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อนเหตุผลที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปคืออะไร เขาไม่เข้าใจสักนิดเวินหนี่กำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วถามว่า “เราจะไปหย่ากันที่สำนักงานเขตเมื่อไหร่?”“เธอรีบมากหรือไง?”“ค่ะ” เวินหนี่ตอบ “ในเมื่อตกลงกันไว้แล้ว ก็ไม่ควรเลื่อนเวลาแล้วเลื่อนเวลาอีก คุณเข้าใจไหม?”เย่หนานโจวจ้องมองเธอด้วยดวงตาคมเข้ม เธอพูดออกมาราวกับไม่มีควมรู้สึก นี่ไม่ใช่เวินหนี่ในเมื่อก่อนอีกต่อไป ตอนนี้เธอเพียงแค่อยากจะหนีจากเขา ซึ่งทำให้เขาเดาว่า “เป็นเพราะผู้ชายที่ชื่ออาจ้านใช่ไหม?”เวินหนี่ชะงักไปครู่หนึ่ง ตอนนี้สถานการณ์นี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เธอจึงยอมรับไป “ใช่ คุณก็รู้ว่าฉันมีคนอยู่ในใจชื่ออาจ้าน”ใบหน้
ทันใดนั้นน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยน และพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “เธอจะไม่บอกก็ไม่เป็นไร งั้นก็อย่าคิดพูดถึงเรื่องหย่าอีก อยู่ที่นี่ไป!”เวินหนี่ในเย็นวาบ ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ เธอเริ่มมีอารมณ์พุ่งขึ้นอีกครั้ง “เย่หนานโจว คุณหมายความว่ายังไง!”“ทำตัวดี ๆ”เย่หนานโจวกระซิบพร้อมกับลูบผมของเธอ “เธอยังไม่ได้กินอะไร คงหิวแล้วใช่ไหม ฉันสั่งให้คนใช้ทำอาหารโปรดของเธอไว้ให้ ลงไปกินเถอะ”เวินหนี่ไม่คาดคิด เขาไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนเลยดูเหมือนว่าเธอจะไม่เข้าใจเย่หนานโจวดีนัก หรือเธอจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับสไตล์ของเขากันนะเธอคิดว่าเขาจะโกรธมาก และทนไม่ไหวที่ว่าเธอมีคนอื่นในใจจนจะหย่ากับเธอทันทีเสียอีกเพราะพวกเธอต่างก็มีคนรักในใจแต่เขายอมกักขังเธอไว้ดีกว่าที่จะหย่ากับเธอเวินหนี่กังวลมาก เธอต้องการหย่า ไม่ใช่อยู่ข้างกายเขาต่อไป “เย่หนานโจว ทำไมคุณไม่ยอมหย่า? บอกฉันทีต้องทำยังไงคุณถึงจะหย่า?”เย่หนานโจวจับมือเธอ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาสงบนิ่ง และริมฝีปากบางของเขาขยับเล็กน้อย “บอกแล้วไงว่าช่วงนี้ฉันไม่มีเวลา”“งั้นคุณก็ต้องมีเวลาที่ว่างบ้างสิ” เวินหนี่เดินเคียงข้างเขาไปเย่หนานโจวตอบ “ตำแหน่งขอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ใครเป็นคนทำอาหารก็อร่อยเหมือน ๆ กัน เพียงแค่วันนี้ฉันหิวก็เลยกินเยอะเป็นพิเศษเท่านั้น” เวินหนี่ไม่อยากรบกวนเขามากเกินไปการที่เขาเอาใจใส่เธอมากเกินไปมันไม่ดีนักยิ่งเขาเอาใจใส่เธอมากเท่าไร เธออาจต้องจ่ายมากยิ่งขึ้นเท่านั้น“ฉันเหนื่อยแล้ว ขอไปพักผ่อนได้ไหม?” เวินหนี่ถาม“อืม” เย่หนานโจวตอบเบา ๆเวินหนี่โล่งอกและรีบขึ้นไปชั้นบนอีกครั้งพรุ่งนี้พอตื่นขึ้นมาเธอก็ต้องไปที่บริษัท บางทีเธออาจจะไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้วก็ได้หลังเลิกงานเธอก็จะได้กลับบ้านเมื่อกลับมาที่ห้อง เวินหนี่ก็ผ่อนคลายขึ้น แต่ใครจะคิดว่าเย่หนานโจวจะตามเข้ามาเมื่อเห็นประตูเปิดออก เวินหนี่ก็ก้าวถอยหลังและถามขึ้นว่า “ทำไมคุณถึงเข้ามาล่ะ?”“นี่คือห้องนอนใหญ่ ถ้าฉันไม่มาที่นี่ แล้วฉันจะไปที่ไหน?” เย่หนานโจวพูดราวกับมันเป็นเรื่องปกติเวินหนี่พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันจะไปนอนที่ห้องรับแขก”เธออยากจะออกไป แต่เย่หนานโจวก็คว้ามือเธอไว้ เขามองเธอก่อนจะพูดขึ้นว่า “จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงฉันแบบนี้เหรอ? เราอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เคยนอนแยกห้องกันเมื่อไหร่?”เขารู้สึกว่าเขาและเวินหนี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยตราบใดที่ไม่หย
เธอดูตื่นตระหนกมากจนเย่หนานโจวอดไม่ได้ที่จะสงสัย “เป็นอะไรไป?”เวินหนี่รู้สึกลนลานเล็กน้อย เธอลูบท้องตัวเอง นี่ท้องของเธอใหญ่ขึ้นจริง ๆ เหรอ? ตามหลักแล้วมันยังไม่ถึงเวลานี่นาเวินหนี่มองไปที่เย่หนานโจว เห็นเขามองเธออย่างสงสัย จึงรู้สึกกังวลมากยิ่งขึ้นและตอบไปว่า “ฉันคงจะกินอิ่มเกินไป ฉันง่วงแล้วนอนกันเถอะค่ะ”พูดจบเวินหนี่ก็เอนตัวลงนอนและหลับตาลง เธอไม่อยากเผชิญกับคำถามของเย่หนานโจวเย่หนานโจวมองดูรูปร่างที่อวบอิ่มของเธอ มันดูสวยกว่ารูปร่างผอมแห้งของเธอเมื่อก่อนมากจริง ๆแต่ปฏิกิริยาของเวินหนี่นั้นดูรุนแรงเกินไปจนทำให้เขารู้สึกสงสัยเวินหนี่แตกต่างไปจากเดิมก็จริงแต่ตอนนี้สิ่งที่เธอเปลี่ยนไปนั้นมีเยอะมาก อย่างเช่นเธอไม่ได้ทุ่มเทกับเขาอย่างสุดใจ แต่กลับต้องการหย่าและคิดที่จะลาออกจากงานดูเหมือนว่าจู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนไป มันทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินจริง ๆเย่หนานโจวเอนตัวลงนอนโดยกอดเวินหนี่ไว้ในอ้อมแขนเขาพบว่าการกอดเธอแบบนี้นั้นค่อนข้างสบาย แถมยังทำให้เขานอนหลับได้อย่างสบายใจมากขึ้นอีกด้วยบางทีชีวิตเขาคงจะขาดเธอไม่ได้จริง ๆ …เวินหนี่ตื่นเช้า เธออยากรีบไปบริษัทเธอคิดแ
เวินหนี่หันไปมองที่สมุดบันทึก ในนั้นเขียนไว้ว่า “เสื้อยืดสีขาว” เธอจำได้ว่านี่ไม่ได้ผิดเมื่อก่อนเขาเคยเป็นแบบนี้ เขาชอบชุดที่เรียบง่ายที่สุด และเป็นชายหนุ่มที่มีชีวิตชีวาทำไมเธอถึงจดมันลงในสมุดบันทึกกันนะ?เธอมีสมุดบันทึกเล่มนี้มานานสักพักแล้ว บางทีเธอคงจะลืมขีดออกไป“พี่เวินคะ?”ฉู่ซวงสังเกตเห็นท่าทางเหม่อลอยของเวินหนี่ จึงเรียกเธออีกครั้งเวินหนี่ดึงสติกลับมาแล้วยกยิ้มเบา ๆ “ขีดออกเลยไปเลยค่ะ ฉันน่าจะจดผิด”“ค่ะ”ฉู่ซวงตอบเธอก็ว่าทำไมผู้บริหารใหญ่อย่างประธานเย่จะมีนิสัยขอบสวมเสื้อยืดสีขาวได้อย่างไรฉู่ซวงเป็นเด็กจบใหม่ แต่เธอมีความสามารถในการเรียนรู้ที่น่าประทับใจเวินหนี่คิดว่าผู้ช่วยคนนี้เหมาะกับเย่หนานโจวมากหากเธอพบคนที่เหมาะที่จะทำงานกับเย่หนานโจว เขาก็คงปล่อยเธอไปได้แล้วขณะที่เวินหนี่นั่งเหม่ออยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองฉู่ซวงก็สังเกตเห็นว่าเวินหนี่กำลังมองมาที่ตนจึงถามขึ้นว่า “พี่เวิน พี่ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?”เวินหนี่ยิ้มให้เธออย่างใจดี “เปล่าค่ะ คุณทำงานไปเถอะ”ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากไกล ๆ“เลขาเวิน เตรียมพร้อมด้วยครับ อีกเดี๋ยวจะจัดการประชุ
เย่หนานโจวส่งสัญญานให้กับกลุ่มคน “ตามความเห็นของพวกคุณ แสดงว่าการที่ผมรับสมัครพนักงานใหม่เข้ามา ก็ต้องได้รับความยินยอมจากผู้บริหารระดับสูงอย่างพวกคุณก่อนใช่ไหม?”“พวกเราไม่ได้พูดแบบนั้นนะครับ”ฉู่ซวงที่ยืนอยู่ข้างหลัง เมื่อเธอได้ยินเย่หนานโจวเอ่ยถึงตัวเองจึงพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบ “สวัสดีทุกคนค่ะ ฉันเป็นพนักงานใหม่ชื่อฉู่ซวงค่ะ ยินดีที่ได้พบกับผู้บริหารระดับสูงทุกท่านค่ะ”พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองฉู่ซวงด้วยความสงสัยและคิดในใจว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มาจากไหน เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดที่นี่?เมื่อเห็นพวกเขามองมาที่ตัวเอง ฉู่ซวงก็ยิ่งใจกล้ามากขึ้นและพูดต่อ “ประธานเย่คือผู้นำ ที่ประธานเย่จัดการประชุมครั้งนี้ก็เพราะเคารพต่อทุกท่าน แต่สุดท้ายแล้วอำนาจในการตัดสินใจยังคงอยู่ที่ประธานเย่ จุดประสงค์โดยรวมของประธานเย่ก็เพื่อประโยชน์ของบริษัท และที่พวกคุณติดตามประธานเย่ก็คงเพราะมองเห็นความสามารถของเขา แล้วทำไมถึงยังสงสัยเกี่ยวกับการกระทำของเขาล่ะคะ คงไม่ใช่ว่าพวกคุณคิดไม่ซื่อหรอกใช่ไหมคะ?”เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็หรี่ตาลงคำพูดของฉู่ซวงทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนถูกกดดันเวินหนี่รู้สึกว่าฉู่ซวงคนนี้ม
ดวงตาสีดำของเย่หนานโจวมีความหนาวเย็น “ไปหาคนมาจากไหน?”เธอหาพนักงานใหม่ได้อย่างรวดเร็วและขั้นตอนต่อไปคือการไปจากเขาเขายังไม่อนุญาตด้วยซ้ำ แต่เธอก็จัดการทุกอย่างอย่างสมบูรณ์แบบ!เวินหนี่คิดว่าเธอทำอะไรให้เขาขุ่นเคืองกัน ไม่คิดเลยว่าเป็นเรื่องนี้เวินหนี่ผลักเขาออก “ด้วยการคัดเลือกและคัดกรองตามปกติค่ะ ประธานเย่คุณเองชื่นชมเธอมากไม่ใช่เหรอคะ?”“ถ้าเธอไม่อยากทำงานฉันจะอนุญาตให้เธอลาออก ทำหน้าที่เป็นแค่คุณหญิงเย่อยู่ที่บ้านก็พอ” เย่หนานโจวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเขาออกแรงแค่นิดหน่อย เวินหนี่ก็ถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น ในขณะนี้ดวงตาของทั้งสองต่างสบกันเวินหนี่พูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมคะ? คุณคิดว่าฉันไม่อยากทำงานและอยากเป็นคุณหญิงเย่อยู่ที่บ้านอย่างนั้นเหรอ? คุณลืมไปแล้วเหรอว่าคุณพูดอะไรกับฉันตอนแต่งงานกัน คุณบอกให้ฉันเจียมตัวและอย่าข้ามเส้น เมื่อครบสามปีเราก็จะหย่ากัน!”“หุบปาก!”เย่หนานโจวกัดฟันกรามกรอดและระงับความอดทนอันน้อยนิดของเขาเอาไว้เขาไม่อยากได้ยินคำว่าหย่าอีกเวินหนี่ขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงกับเขา เธอแค่ทำหน้าที่ของตัวเอง “เอาล่ะค่ะ ประธานเย่ ตอนนี้เป็นเวลาทำงาน ถ้าไม่มีอะ
"ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผลเลย แต่ต้องบอกว่าเลขาเวินเนี่ยหน้าตากับหุ่นช่างงามหยาดเยิ้มจริง ๆ!"…เวินหนี่ยังไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนจับตามองอยู่ เธอกำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการดูแลฉู่ซวงผู้เป็นพนักงานใหม่ฉู่ซวงที่ตามเวินหนี่ไปด้วย รู้ว่าวันนี้เวินหนี่ไม่ค่อยสบายจึงเสนอตัวช่วยรับหน้าที่ดื่มแทน นั่นก็เพราะฉู่ซวงเองเป็นคนที่ดื่มเก่งมาก อีกทั้งยังมีความสุภาพและสง่างามอีกด้วยเวินหนี่นั้นไม่ดื่มและการที่ฉู่ซวงเข้ามารับหน้าที่แทนก็ช่วยแบ่งเบาภาระของเย่หนานโจวได้มากทีเดียว ฉู่ซวงยังสามารถตอบคำถามจากฝ่ายคู่ค้าได้อย่างคล่องแคล่ว จนทำให้คู่ค้าหลายคนหันมาให้ความชื่นชมและยกย่องเธอ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นผลดีกับเย่หนานโจว"ประธานเย่ คุณไปเจอของดีแบบนี้จากที่ไหนอีกแล้ว?”"ประธานหลิน คุณพูดแบบนี้ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินคำพูดนี้ไหม 'หินของภูเขาลูกอื่นนำมาขัดเกลาหยกได้' หรือเปล่าล่ะคะ?" ฉู่ซวงตอบเลี่ยงคำชมไปอย่างมีมารยาทคำพูดนี้เป็นการเปรียบเทียบตัวเองเป็นเพียงหินก้อนหนึ่ง ที่ถูกเวินหนี่และเย่หนานโจวเจียระไน และยังเป็นการยกย่องประธานหลินด้วย ว่าหากเขาต้องการ เขาก็สามารถฝึกฝนและพัฒนาคนมีความสามารถได้เช่นกันคำพ
“ไม่ใช่ค่ะ” เวินหนี่ตอบสีหน้าของเย่หนานโจวเปลี่ยนไปและเขาก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “ใกล้จะเป็นอดีตภรรยาแล้วครับ!”คุณหมอถึงกับตกตะลึงเมื่อได้ยินคำตอบ เขาจึงรีบตอบไปว่า “ผู้ป่วยมีอาการกระทบกระเทือนเล็กน้อยและกระดูกมือร้าว เธอจะหายดีหลังจากพักผ่อนสักระยะหนึ่ง พวกคุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป”นี่เป็นเรื่องที่ดี เวินหนี่ตอบไปทันที “ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”“ด้วยความยินดีครับ”ทั้งสองตามเย่จื่อเข้าไปในวอร์ดเวินหนี่เห็นว่าริมฝีปากของเย่จื่อดูแห้งผาก ดังนั้นจึงรีบหาน้ำอุ่นมา และชุบด้วยสำลีก่อนจะเช็ดให้ชุ่มชื้นเย่หนานโจวเฝ้าดูจากด้านข้างในวอร์ดมีคนไม่มากนัก เพื่อป้องกันไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วยเวินหนี่ไม่วางใจ ดังนั้นเธอจึงนั่งลงตรงข้ามเขาอีกครั้ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเฝ้าเย่จื่อหลังจากที่เฝ้าได้สักพัก เธอก็รู้สึกง่วงจนเปลือกตาสั่น จากนั้นเธอก็เผลอฟุบหลับไปเมื่อเวินหนี่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะความตกใจ เธอฝันว่ามันมืดสนิทและอยู่ในพื้นที่แคบ ๆกลัวอะไรก็ได้อย่างนั้น แม้แต่ในความฝันก็ยังไม่ปล่อยเธอไป เธอมักจะฝันแบบนี้ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่ามีเสื้อคลุม
หรือว่าเขาจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว?เธอเคยได้ยินเย่จื่อพูดอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่ได้คิดถึงเหตุผลบางทีเย่หนานโจวอาจรู้มานานแล้ว จึงเข้าใจโดยปริยาย“เวินหนี่”ลู่เซินเข้ามาหาเธอแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “พักสักหน่อยไหม เดี๋ยวร่างกายจะทนไม่ไหวเอานะ”เวินหนี่ยืนนานแล้วและรู้สึกปวดหลัง แต่เธออยากรอให้เย่จื่อออกมา จึงนั่งลงข้าง ๆ “ฉันอยากรอจนกว่าคุณอาจะฟื้น”“ผมจะรอเป็นเพื่อนคุณเอง” ลู่เซินพูดขึ้นอีกครั้งเวินหนี่พยักหน้าไปทางเขาร่างสูงของเย่หนานโจวเอนตัวไปที่กรอบประตูและเหลือบมองความกังวลของลู่เซินที่มีต่อเวินหนี่ ดวงตานั้นแทบจะมีน้ำล้นออกมาได้ และเวินหนี่ก็ดูเหมือนพร้อมยอมรับน้ำใจของเขาคลื่นแห่งความกระสับกระส่ายโจมตีร่างกายของเย่หนานโจวอีกครั้งดวงตาของเขาเย็นขึ้นและจงใจเตะเก้าอี้ข้าง ๆ ให้มีเสียงนั่นคือเก้าอี้ที่ลู่เซินนั่งอยู่ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง เย่หนานโจวก็พูดขึ้นอย่างเย็นชา “โทษที บังเอิญเตะโดนเข้าน่ะ!”“ไม่เป็นไร” ลู่เซินไม่ได้ติดใจอะไรเย่หนานโจวกลับพูดขึ้นอีกว่า “ตรงนี้คือพื้นที่รอสำหรับญาติ ไม่ทราบว่าคุณลู่มาที่นี่ทำไมกัน ที่บริษัทของคุณไม่ยุ่งเหรอครับ?”
เขาไม่ได้โต้เถียงกับเธอ และเพิกเฉยต่อเสียงร้องไห้ของเธอสำหรับเขา น้ำตาของเย่ซูเฟินนั้นไร้ค่าเย่ซูเฟินในฐานะผู้หญิง เมื่อเห็นความเฉยชาของสามี มันก็ค่อย ๆ ทำลายแนวป้องกันในใจของเธอทีละน้อยและโวยวายขึ้นอย่างอารมณ์ร้อน “พูดมาสิ ทำไมถึงไม่พูดล่ะ ในสายตาของคุณ เย่จื่อสำคัญกว่าฉันใช่ไหม ฉันเป็นภรรยาของคุณนะ เย่เหว่ยถิง คุณจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”เธอร้องไห้จนตาแดง อยากให้สามีเอาใจใส่เธอบ้างแค่หันมามองเธอสักครั้งก็สามารถสงบความโกรธและความกังวลของเธอได้เย่เหว่ยถิงเงียบและทำเหมือนเย่ซูเฟินคือคนแปลกหน้าอย่างเย็นชาเย่หนานโจวมองการอยู่ร่วมกันของพวกเขา เขาเห็นสิ่งนี้จนชินจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆสำหรับเขา พวกเขาคือพ่อแม่ของตนเพียงในนามเท่านั้นการเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำให้เขาชินมานานแล้วถึงขั้นทำให้เขารู้สึกไม่แยแสเย่เหว่ยถิงทนเย่ซูเฟินไม่ไหวแล้ว ดังนั้นจึงลุกขึ้นและพูดกับเย่หนานโจวว่า “ฉันจะลงไปแล้ว ถ้าเย่จื่อฟื้นค่อยบอกฉัน!”เย่หนานโจวลดสายตาลงด้วยสายตาเย็นชาและไม่ตอบอะไรเย่เหว่ยถิงเองก็ไม่ได้รอคำตอบจากเขา เขาไม่ได้คาดหวังอะไรกับเย่หนานโจว เขารู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง
เมื่อเห็นความเฉยเมยของเขา เย่ซูเฟินจึงพูดขึ้นว่า “หนานโจว!”เย่หนานโจวไม่ต้องการฟังเธออีกและเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เย็นชาเย่ซูเฟินต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเย่หนานโจว แต่ลู่ม่านเซิงร้องไห้และถูกรังแก เธอจึงไปไหนไม่ได้ และทำได้เพียงเดินไปพยุงลู่ม่านเซิง “เซิงเซิงลุกขึ้นเถอะ หยุดร้องไห้ได้แล้ว”ลู่ม่านเซิงถูกพยุงขึ้น เธอซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟิน “คุณป้า หนูมันน่ารำคาญมากจนทุกคนไม่ชอบใช่ไหมคะ!”“ไม่ใช่นะ ไม่ใช่ ฉันชอบเธอ ทุกคนต่างก็ชอบเธอ”เย่ซูเฟินตบหลังลู่ม่านเซิงเพื่อปลอบเธอลู่ม่านเซิงยังคงร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่ซูเฟินเห็นแบบนี้ แม้ว่าเธอจะเป็นฝ่ายผิด แต่ก็ดูเหมือนเป็นผู้ถูกกระทำ ใครจะกล้าไปว่าอะไรเธอได้ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลและมีคนอยู่มากมาย เวินหนี่คงอยากจะฉีกหน้ากากของลู่ม่านเซิงออกเพื่อดูว่าเธอจะเสแสร้งได้สักแค่ไหน แน่นอน เธอรู้ดีว่าไม่ว่าลู่ม่านเซิงจะจริงหรือเท็จแค่ไหน เย่ซูเฟินก็จะยังคงปกป้องเธอความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอดูเหมือนไม่ชัดเจนเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้น “เย่จื่อเป็นยังไงบ้าง?”เวินหนี่เงยหน้าขึ้นมองและเห็นเย่เหว่ยถิงเดินเข้ามาเขาสวมชุดสูทแ
ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ
“ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง
“หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้
“ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต
เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ