แชร์

บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน
บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน
ผู้แต่ง: เซียงปู้อี๋

บทที่ 1

ผู้แต่ง: เซียงปู้อี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
ภายในโรงแรม สิ่งของกระจัดกระจายเละเทะ

เวินหนี่ตื่นขึ้นมา รู้สึกปวดระบมไปหมดทั้งตัว

เธอขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะลุกขึ้นก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่นอนอยู่ข้าง ๆ

ใบหน้าหล่อเหลาจนเกินเหตุ หน้าตาที่คมคายและคิ้วเข้ม

ชายหนุ่มยังคงหลับอยู่และไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

เวินหนี่ลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มหลุดเผยให้เห็นผิวขาว และรอยเล็กน้อยบนไหล่สีขาวเซ็กซี่ของเธอ

ร่างเล็กเดินลงจากเตียง คราบเลือดปรากฏชัดบนผ้าปูที่นอน

เมื่อมองดูเวลา นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาทำงานแล้ว เธอหยิบชุดสูทที่ยับยู่ยี่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่

ถุงน่องถูกเขาฉีกขาดไปแล้ว

เธอหยิบมันขึ้นมาม้วนเป็นลูกบอลก่อนจะโยนลงถังขยะแล้วสวมรองเท้าส้นสูง

เป็นจังหวะเดียวกันกับที่มีคนมาเคาะประตู

เวินหนี่แต่งตัวเรียบร้อย และกลับมาสู่ตำแหน่งเลขาที่มากความสามารถ เธอถือกระเป๋าและเดินออกไป

คนที่เข้ามาคือสาวสวยคนหนึ่ง

ที่เธอเป็นคนเรียกมาเอง

เป็นแบบที่เย่หนานโจวชอบ

เวินหนี่พูดขึ้นว่า “เธอแค่นอนอยู่บนเตียงรอจนกว่าประธานเย่จะตื่น แล้วไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น”

เธอหันกลับไปมองชายที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอีกครั้งก็รู้สึกปวดใจขึ้นมา ก่อนจะเดินออกจากห้องนั้นไป

เวินหนี่ไม่ต้องการให้เย่หนานโจวรู้ว่าเมื่อคืนนี้ทั้งสองมีอะไรกัน

พวกเขามีข้อตกลงว่าจะหย่ากันหลังจากสามปี

ระหว่างนี้ห้ามมีอะไรเกิดขึ้น

เธอเป็นเลขาส่วนตัวของเย่หนานโจวมาเจ็ดปี และเป็นภรรยาของเขามาสามปี

หลังจากเรียนจบ เธอก็อยู่ข้างกายเขามาโดยตลอด

และวันนั้นเขาก็กำชับกับเธอว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองเป็นเพียงเจ้านายและลูกน้องเท่านั้น

ไม่สามารถข้ามชั้นของตัวตนนี้ไปได้

เวินหนี่ยืนอยู่หน้าหน้าต่างตรงทางเดิน เธอยังคงคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขากอดเธอบนเตียงพร้อมกับเรียกชื่อ “เซิงเซิง”

หัวใจของเธอกระตุกอย่างหนัก

เซิงเซิงคือรักแรกของเขา

เขาเห็นเธอเป็นตัวแทนของเซิงเซิง

เธอรู้จักเย่หนานโจวดี และเขาก็ไม่มีทางมีอะไรกับเธอ

การแต่งงานที่มีเพียงเธอจริงจังฝ่ายเดียวนี้ควรจบลงเสียที

เรื่องเมื่อคืนถือเสียว่าเป็นการปิดฉากสามปีระหว่างเธอและเขา

หญิงสาวหยิบโทรศัพท์ออกมาและเห็นพาดหัวว่านักร้องดาวรุ่งลู่ม่านเซิงกลับมาประเทศจีนพร้อมคู่หมั้นของเธอ!

เวินหนี่กำโทรศัพท์แน่น รู้สึกเจ็บปวดใจมากขึ้นกว่าเดิมจนแสบจมูก

เธอรู้แล้วว่าทำไมเมื่อคืนนี้เขาถึงดื่มหนัก และทำไมถึงได้ร้องไห้ในอ้อมแขนของตน

ลมเย็นพัดมาบนร่างกายของเธอ เธอยิ้มออกมาอย่างขมขื่นก่อนจะเก็บโทรศัพท์ แล้วหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า

เธอจุดบุหรี่และถือมันไว้ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง ควันบุหรี่ลอยขึ้นไปในอากาศ ทำให้ใบหน้าที่สวยงามและโดดเดี่ยวของเธอพร่ามัว

ทันใดนั้น หลี่ถิงก็วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามา “พี่เวินหนี่ ชุดสูทของประธานเย่มาถึงแล้วค่ะ ฉันจะเอาเข้าไปเดี๋ยวนี้”

เวินหนี่สลัดความคิดทิ้งทันใดก่อนจะหันกลับไป

เธอกวาดตามอง “เดี๋ยวก่อน”

หลี่ถิงถิงหยุดฝีเท้า “มีอะไรอีกหรือเปล่าคะพี่เวินหนี่”

“เขาไม่ชอบสีฟ้า ไปเปลี่ยนเป็นสีดำ เนกไทเอาเป็นลายสก็อต อืม แล้วก็รีดอีกครั้ง อย่าให้มีรอยยับ แล้วก็อย่าใส่ในถุงใส เขาไม่ชอบเสียงพลาสติก แขวนบนไม้แขวนแล้วเอาเข้าไปก็พอ” เวินหนี่เป็นเหมือนแม่บ้านส่วนตัวของเย่หนานโจว เธอจำนิสัยเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาได้ และหลายปีมานี้ก็ไม่เคยทำผิดพลาดเลยสักครั้งเดียว

หลี่ถิงตกตะลึง ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา แค่การมองหน้าประธานเย่ที่เหมือนเจ้าแห่งนรกก็ทำให้เธอตกใจกลัวมากพออยู่แล้วและวันนี้ก็เกือบจะเกิดเรื่องขึ้นอีก

หลี่ถิงรีบนำชุดกลับไปเปลี่ยนทันที “ขอบคุณมากค่ะพี่เวินหนี่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังมาจากในห้อง “ไสหัวออกไป!”

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวของหญิงสาว

ไม่นานประตูก็เปิดออก

หลี่ถิงคอตก และดวงตาของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

เธอถูกดุอีกแล้ว

แถมครั้งนี้ ประธานเย่ก็ดูอารมณ์เสียมากด้วย

เธอส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางเวินหนี่ “พี่เวินหนี่ ประธานเย่บอกให้พี่เข้าไปค่ะ”

เวินหนี่มองดูประตูที่เปิดกว้างอยู่ และกลัวว่าเธอเองก็อาจจะรับมือไม่ไหว “เธอลงไปก่อนแล้วกัน”

เธอวางก้นบุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องสวีท

เธอมองเห็นความเละเทะภายในห้องตั้งแต่อยู่ที่หน้าประตู และของที่อยู่รอบตัวเย่หนานโจวก็กระจัดกระจาย

โคมไฟตั้งโต๊ะล้มลง และโทรศัพท์ที่หน้าจอแตกก็ยังคงสั่นอยู่

ผู้หญิงที่เธอหามาตกใจกลัวจนไม่กล้าขยับร่างกายเปลือยเปล่าที่ไม่รู้ว่าควรยืนอยู่ตรงไหน และมีร่องรอยของความหวาดกลัวในดวงตา

เย่หนานโจวนั่งขรึมบนเตียง เขามีรูปร่างสมส่วน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้เขามีกล้ามเนื้อที่ชัดเจน อกที่กว้างและกล้ามเนื้อหน้าท้องโดดเด่นที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่ม

เขาดูเย้ายวนมาก แต่ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากลับมืดมน และดวงตาของเขาก็ดูน่ากลัวมาก

เวินหนี่ก้าวไปข้างหน้า หยิบโคมไฟขึ้นมา ก่อนจะเทน้ำใส่แก้วแล้ววางลงบนโต๊ะข้างเตียง “ประธานเย่ คุณมีประชุมตอนเก้าโมงครึ่ง ตอนนี้ก็ลุกได้แล้วค่ะ”

ดวงตาของเย่หนานโจวจ้องไปที่ผู้หญิงคนนั้นอย่างเย็นชา

ดูเหมือนเหลือเชื่อ

เวินหนี่สังเกตเห็นสิ่งนี้จึงพูดกับเธอว่า “เธอออกไปก่อน”

ผู้หญิงคนนั้นโล่งใจ รีบหยิบเสื้อผ้าแล้วออกไปทันที ไม่กล้าแม้แต่จะหยุดเดินเพียงก้าวเดียว

ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง

เย่หนานโจวเบี่ยงสายตากลับมาที่ใบหน้าของเวินหนี่

เวินหนี่ยื่นน้ำใส่มือให้เขาด้วยความเคยชิน ก่อนจะวางเสื้อไว้ข้างเตียง “ประธานเย่ เปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้วนะคะ”

ใบหน้าของเย่หนานโจวเคร่งขรึม นัยน์ตาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เมื่อคืนเธอไปไหน?”

เวินหนี่ตกใจเล็กน้อย นี่เขากำลังโทษเธอว่าไม่ดูแลเขาให้ดีแล้วปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นใช้ประโยชน์จากเขา จนทำให้เขาทำผิดต่อเซิงเซิงอย่างนั้นเหรอ?

ดวงตาของเธอหรี่ลงเล็กน้อย “ประธานเย่ คุณนอนกับผู้หญิงเพราะความเมา ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าใส่ใจมากเกินไปเลยนะคะ”

อารมณ์ของเธอดูไม่แยแสราวกับจะบอกว่าเธอจะจัดการเรื่องนี้ให้เขา และจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงมาสร้างความวุ่นวายให้กับเขา

เขาจ้องมองเธอ ก่อนที่เส้นเลือดบนหน้าผากจะปูดขึ้น “ฉันจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อคืนเธอไปไหน?”

เวินหนี่รู้สึกประหม่าเล็กน้อย “ช่วงนี้ฉันเหนื่อยกับการจัดการโปรเจ็กต์ ก็เลยเผลอหลับไปที่ออฟฟิศค่ะ”

เมื่อพูดจบก็ได้เสียงสบถของเย่หนานโจว

สีหน้าของเขาเคร่งขรึม เม้มริมฝีปากบางแน่น ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วพันตัวด้วยผ้าเช็ดตัว

เวินหนี่มองแผ่นหลังของเขาด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาจากทางหางตา

เขามักจะปกปิดร่างกายตัวเองต่อหน้าเธอเสมอ ราวกับว่ามันน่าขยะแขยงหากจะให้เธอได้เห็นแม้แต่เพียงครั้งเดียว

เมื่อคืนตอนที่เขาคิดว่าเธอคือเซิงเซิง เขาไม่มีท่าทางแบบนี้เลยด้วยซ้ำ

พอได้สติกลับมา เย่หนานโจวก็อาบน้ำเสร็จและเดินออกมายืนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่แล้ว

เวินหนี่เดินเข้าไปติดกระดุมเสื้อให้เขาตามปกติ

เขาสูงมาก ประมาณ 188 ซม. แม้ว่าเธอจะสูงถึง 168 ซม. ก็ตาม แต่ร่างเล็กก็ยังมีความสูงไม่มากพอที่จะผูกเนกไทให้เขา

ดูเหมือนเขาจะยังโกรธกับความสกปรกที่ตัวเองทำลงไปและที่ทำผิดต่อเซิงเซิง ทำให้เขาเย็นชาและหยิ่งเกินกว่าจะก้มลงมา

เธอทำได้เพียงยืนเขย่งเท้าและผูกเนกไทที่คอของเขา

ขณะที่เธอกำลังมุ่งความสนใจไปที่การผูกเนกไท ลมหายใจร้อนของเย่หนานโจวก็รินรดลงมาบนใบหูของเธอ และเสียงที่แหบห้าวของเขาก็ดังขึ้น “เวินหนี่ ผู้หญิงคนเมื่อคืนคือเธอใช่ไหม”

ความคิดเห็น (7)
goodnovel comment avatar
Chalinee
เยี่ยมเยี่ยม
goodnovel comment avatar
วิไลพร พรมตะโก
เขียนได้ดีมากๆค่ะ
goodnovel comment avatar
แม่จ๋า ๓ แมว
เขียนได้สนุกมากค่า ขอบคุณมากๆนะคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 2

    เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็ตกใจจนเท้าแทบแพลงร่างกายของเธอเสียสมดุลและถลาไปบนตัวของเขา เย่หนานโจวสัมผัสได้ว่าร่างกายของเธอสั่นเทา จึงจับเอวของเธอเอาไว้ อุณหภูมิที่แผดเผาทำให้เธอนึกถึงฉากที่ร้อนแรงและป่าเถื่อนของเขาเมื่อคืนนี้ทันทีเวินหนี่สงบสติอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเข้าไปในดวงตาลึกล้ำของเขาดวงตาของเขาจริงจังมาก ทั้งตั้งคำถาม และสงสัย ราวกับว่าเขากำลังจะมองให้ทะลุเธอหัวใจของเวินหนี่เต้นรัวเร็วเธอไม่กล้าสบตาเขาแม้แต่วินาทีเดียว จึงก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัวขนาดเขาคิดว่าเป็นผู้หญิงคนเมื่อกี้ก็ยังโกรธมากขนาดนี้ หากเขารู้ว่าเป็นเธอล่ะก็ จุดจบของเธอก็คงไม่ต่างกันแต่เธอไม่เต็มใจให้มันเป็นแบบนั้นหากเย่หนานโจวรู้ว่าเป็นเธอ ชีวิตแต่งงานของเธอกับเขาจะอยู่ได้นานกว่านี้อย่างนั้นเหรอ?เธอไม่กล้าสบตาเขา “ทำไมคุณถึงถามแบบนั้น?”มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอคาดหวังให้เป็นเช่นนั้นอย่างไรก็ตาม เย่หนานโจวหัวเราะเบา ๆ “เธอไม่กล้าหรอก” มือของเวินหนี่แข็งทื่อพลันหลับตาลงเย่หนานโจวหวังว่าจะไม่ใช่เธอ เพราะท้ายที่สุด เขาและเธอตกลงแต่งงานกันตามสัญญาเท่านั้นและอีกไม่กี่วันสัญญานี้ก

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 3

    เธอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นลู่ม่านเซิงสวมผ้ากันเปื้อนพร้อมถือช้อนอยู่ในมือเมื่อเธอเห็นเวินหนี่ รอยยิ้มของเธอก็ชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวทักทายอย่างอ่อนโยน “คุณเป็นแขกของคุณป้าเหรอคะ? ฉันทำซุปไว้เยอะพอดี รีบเข้ามานั่งก่อนสิคะ”อิริยาบถของเธอสง่างามดูเหมือนนายหญิงแต่เวินหนี่กลับดูเหมือนแขกที่มาจากแดนไกลเสียเองก็ถูกแล้วแหละ อีกไม่นานเธอก็จะเป็นคนนอกแล้วเวินหนี่ขมวดคิ้ว รู้สึกไม่สบายใจอย่างมากตอนที่เธอแต่งงานกับเย่หนานโจว ทั้งเมืองต่างก็ได้รับแจ้งข่าว และลู่ม่านเซิงก็ยังส่งจดหมายอวยพรมาให้ด้วย เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ว่าเธอคือภรรยาของเย่หนานโจวเมื่อเห็นลู่ม่านเซิงเห็นว่าเธอยืนนิ่งอยู่ที่ประตู จึงรีบเข้าไปจับมือของเธอ “คุณเป็นแขก ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ รีบเข้ามาดีกว่าค่ะ”เมื่อลู่ม่านเซิงเข้ามาใกล้ เธอก็ได้กลิ่นหอมมะลิบางเบาลอยอยู่ในอากาศ มันเป็นน้ำหอมแบบเดียวกันกับที่เย่หนานโจวมอบให้เธอในวันเกิดเมื่อปีที่แล้วเธอรู้สึกเจ็บคอและหายใจลำบาก ราวกับว่าเท้าของเธอหนักนับพันปอนด์จนไม่สามารถก้าวเดินได้เมื่อเย่ซูเฟินเห็นว่าเวินหนี่ยังยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เธอจึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “เวินหน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 4

    “วันนี้พี่เวินหนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เธอไม่อยากเอาเอกสารมาส่ง ฉันเลยต้องเอามาส่งน่ะค่ะ” ลู่ม่านเซิงวางมือที่โดนลวกตรงหน้าเขา “พี่หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยนะคะ ฉันว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคงจะไม่ได้ทำให้งานของพี่ล่าช้าหรอกใช่ไหมคะ” เอกสารของบริษัทไปอยู่ในมือของคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหนี่ทำอะไรแบบนี้สีหน้าของเย่หนานโจวมืดมน แต่เขาก็ยังคงอดทนเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่ม่านเซิง เขาเพียงแค่ดึงเนกไทแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไร”เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดขึ้นว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว นั่งพักก่อนสิ” เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่ม่านเซิงก็รู้สึกมีความสุขในใจ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับเธอ และไม่ได้เกลียดเธอ“พี่มีประชุมไม่ใช่เหรอคะ ฉันรบกวนพี่หรือเปล่า”เย่หนานโจวโทรออกหาใครบางคน “เลื่อนการประชุมออกไปครึ่งชั่วโมง”มุมปากของลู่ม่านเซิงโค้งงอขึ้น ก่อนจะมาที่นี่เธอกำลังคิดว่า การที่เธอจากไปโดยไม่บอกลาจะทำให้เขารู้สึกโกรธหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้แย่เหมือนที่คิดเอาไว้เวลาที่เสียไปยังชดเชยกลับคืนมาได้ลู่ม่านเซิงนั่งลงบนโซฟาอย่างคาดหวัง และอยากจะอธิบาย “พี่หนานโจว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ต

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 5

    เวินหนี่หยุดฝีเท้า ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกันฉันคู่สามีภรรยา แต่คือความสัมพันธ์ที่ห่างเกินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า “ประธานเย่ มีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”เย่หนานโจวหันหน้าไปจ้องใบหน้าที่ดูห่างเหินของเวินหนี่ และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “นั่งลง”จู่ ๆ เวินหนี่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไรเย่หนานโจวเดินเข้ามาหาเธอเวินหนี่เฝ้าดูเขาเดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ มีบางอย่างดูแตกต่างออกไป ทำให้เธอรู้สึกว่าอากาศเบาบางลงทั้งตื่นเต้นและรู้สึกแปลกเล็กน้อยเธอยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่เย่หนานโจวเอื้อมมือมาจับมือของเธอเองเมื่อฝ่ามืออันอุ่นร้อนของเขาสัมผัสเธอ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งเผาไหม้และต้องการดึงมันออก แต่เย่หนานโจวกลับจับมันไว้แน่น และไม่เปิดโอกาสให้เธอดึงมันกลับเลย เขาดึงเธอไปด้านข้างพลางขมวดคิ้วถาม “มือของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”ความเป็นห่วงของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกประหลาดใจ “ฉัน... ไม่เป็นไรค่ะ”“มือเป็นแผลพุพองแบบนี้” เย่หนานโจวถามต่อ “ทำไมถึงไม่บอกฉัน”เธอมองลงไปที่มือใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังตรวจสอบบาดแผลของเธอตลอดหล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 6

    เธอรู้สึกหัวหมุนและวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พวกนายทำงานกันแบบไหนถึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้! พี่เวิน พี่เวินคะ…”เสียงนั้นฟังดูค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนที่เวินหนี่จะหมดสติเมื่อตื่นขึ้นมาเวินหนี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองดูเพดานสีขาว ยังคงรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง“พี่เวิน พี่ฟื้นแล้ว!” หลี่ถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ให้ฉันเรียกหมอมาให้ไหม”เวินหนี่มองดูหลี่ถิง แม้ว่าตัวเองจะยังอ่อนแรง แต่เธอก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่เป็นไร ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นยังไงบ้าง? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า?”หลี่ถิงตอบ “พี่อย่าพึ่งกังวลเรื่องงานเลยค่ะ พี่ถูกกระจกหล่นกระแทกใส่ ฉันกลัวแทบตาย คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”เธอกล่าวพลางร้องไห้ หลี่ถิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเวินหนี่ และเวินหนี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีเธอยังเด็กและไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้รู้สึกหวาดกลัว“ฉันก็ฟื้นแล้วนี่ไง เลิกกังวลได้แล้ว” เวินหนี่ปลอบเธอเวินหนี่แตะหน้าผากที่พันด้วยผ้าก๊อซสีขาว

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 7

    หลังจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สักพัก เธอก็จากไปพร้อมกับบาดแผลของเธอ“เวินหนี่!”เมื่อถังเยามารับเวินหนี่ก็พบว่าใบหน้าของเธอซีดเผือด แถมยังบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงรีบเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ “พระเจ้า เธอบาดเจ็บที่ตรงไหนกันเนี่ย?”เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไร“นี่มันเวลาทำงานหนิ แผลนี่เธอได้มาจากการทำงานใช่ไหม?” ถังเยาถามต่อ “แล้วเย่หนานโจวล่ะ?”“ไม่รู้สิ”ถังเยาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเวินหนี่ไม่ดีนัก นี่ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บเท่านั้นแน่ ๆ เธอจึงหัวเราะขึ้นเสียงเย็น “เธอทำงานหนักเพื่อเขาแถมยังได้รับบาดเจ็บที่หัวแบบนี้ ในฐานะสามีกลับหาตัวไม่เจอ สามีคนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วเลยด้วยซ้ำ”“อีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้วล่ะ”“อะไรนะ? นี่เขาจะหย่ากับเธองั้นเหรอ?” ถังเยาหน้าเปลี่ยนสีทันที“ฉันอยากหย่ากับเขาเอง”ถังเยาเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง “หย่าก็หย่า หย่ามันตอนนี้เลย!!” และเตือนขึ้นอีกว่า “อย่าลืมแบ่งทรัพย์สินครึ่ง ๆ ด้วยล่ะ ก้าวแรกสำหรับผู้หญิงที่ฉลาดคือการหาเงิน ถึงไม่ได้ตัวแต่ก็ต้องได้เงิน ถ้าเธอมีเงินแล้วทำไมจะหาผู้ชายดี ๆ ไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะหาสักกี่คนก็ได้ หาคนที่เชื่อฟัง และคอยดูแลเธอทุกวันไปเลย

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 8

    เวินหนี่รู้ดีว่าเขาจริงจังกับงานแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวแต่เรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้ เมื่อวานนี้เขาอยู่กับลู่ม่านเซิงในโรงพยาบาลเอง“เพราะคุณบอกว่ากำลังยุ่ง และกดวางสายไปเอง”เย่หนานโจวชะงักไปครู่หนึ่ง และเม้มริมฝีปาก “แล้วจัดการยังไง?”เวลานั้นเวินหนี่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นไม่มีเวลาจัดการค่ะ ฉัน…”“เลขาเวิน” น้ำเสียงเย่หนานโจวเย็นชา “ฉันจำได้ว่าเธอไม่เคยทำงานผิดพลาด”เขาจงใจเรียกเธอว่า “เลขาเวิน” เพื่อเตือนว่าเธอเป็นเลขา ไม่ใช่ภรรยาของเขาเวินหนี่กัดริมฝีปาก และพูดไม่ออก “ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไปได้ ปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก ฉันคิดว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรค่ะ”“ถ้าเกิดปัญหา อย่ารีบร้อนหาข้อแก้ตัว นี่คือสิ่งที่ฉันเคยสอนเธอ” เย่หนานโจวพูดอย่างห่างเหิน “รีบมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้!”พูดจบเขาก็กดวางสายไปทันทีเวินหนี่รู้สึกแย่ในใจ แต่เธอก็ไม่มีเวลามาคิดถึงปัญหา เมื่อวานนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลและไม่ได้ติดตามสถานการณ์ของไซต์ก่อสร้างอีกเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะแย่ลงหรือเปล่าเธอเก็บข้าวของและเตรียมตัวไปที่บริษัททันทีถังเยาเพิ่งตื่น เ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 9

    ขณะนั้นเอง เวินหนี่ก็มาถึงบริษัท บรรยากาศในห้องทำงานของประธานดูเคร่งเครียดมาก“พี่เวิน”เมื่อเธอมาถึงทุกคนต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ “พี่เวิน อาการบาดเจ็บที่หัวเป็นยังไงบ้างคะ?”เวินหนี่ไม่อยากให้พวกเขากังวลมากเกินไป “ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เมื่อวานฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”“แต่พี่ควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะคะ ทำไมถึงไม่ขอลาจากประธานเย่ล่ะ ยังต้องมาทำงานด้วยอาการบาดเจ็บแบบนี้อีก พี่เวิน พี่จริงจังกับงานมากเกินไปแล้ว” พวกเขาต่างก็ชื่นชมเวินหนี่ เธอทำงานมากกว่าใช้ชีวิตเสียอีก เกรงว่าคงหาคนแบบเลขาเวินไม่ได้อีกแล้วเวินหนี่และเย่หนานโจวแต่งงานกันอย่างลับ ๆ จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเปิดเผยอะไรมากนัก “ฉันขอตัวไปหาประธานเย่ก่อน พวกเธอทำงานต่อเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”เมื่อเธอมาถึงประตู ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเย่หนานโจว “บอกให้ทุกคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในไซต์ก่อสร้างไสหัวออกไปให้หมด!”เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะตำหนิเธอเสียอีกจากนั้นก็มีกลุ่มคนออกมาจากห้องทำงานคนที่ออกมามีสีหน้าหดหู่ใจ ใบหน้าของเวินหนี่ไม่

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 464

    ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 463

    “ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 462

    “หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 461

    “ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 460

    เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 459

    [ตอนนี้เลย! ตอนนี้ได้เลยจ้ะ!]ลู่ม่านเซิงยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าเย่ซูเฟินต้องอยากมาเจอเธอแน่นอน เธอแค่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอเธอเดินวนไปรอบ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกสนใจห้องนอนใหญ่ จึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีใครพักอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วเธอเปิดตู้เสื้อผ้าทันที ข้างในมีชุดนอนของผู้หญิงอยู่หลายชุดมีบางตัวที่เอาป้ายออกแล้ว บางตัวก็ยังไม่ได้เอาป้ายออกยังมีชุดนอนแบบสายเดี่ยวเซ็กซี่อยู่หลายชุดด้วยเธอหยิบมันออกมาลองทาบบนตัวเอง แล้วหมุนตัวไปมาหน้ากระจกถ้าเธอสวมมันแล้วหมุนตัวต่อหน้าเย่หนานโจว เขาต้องคิดว่าเธอดูดีแน่ ๆเธอไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก เพราะโอกาสบางอย่างรอได้เธอมองไปที่เตียงใหญ่ คิดภาพตัวเองกับเย่หนานโจวอยู่บนเตียงนั้น ในฉากอันเร่าร้อนยี่สิบนาทีผ่านไปเย่ซูเฟินก็มาถึงว่างเจียงหยวนเธอส่งเสียงเรียกมาตั้งแต่หน้าประตู “เซิงเซิง! เซิงเซิง!”แต่ลู่ม่านเซิงไม่ได้ออกมาเมื่อเย่ซูเฟินไม่เห็นลู่ม่านเซิงในห้องนั่งเล่น เธอจึงถามว่า “เซิงเซิงอยู่ไหน? ไม่ใช่ว่าเธออยู่ที่ว่างเจียงหยวนหรือไง?”“คุณลู่อยู่ข้างบนค่ะ” คนรับใช้ตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วบอกว่า “คุณลู่หูหนวกอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 458

    ไม่เป็นไรวันเวลายังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่นอนลู่ม่านเซิงรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงมองไปที่เผยชิง ซึ่งมากับเธอในวันนี้เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดของเย่หนานโจว และเพราะเธอรู้ว่า ‘ต้องเกรงใจคนที่ให้ความช่วยเหลือ’ ลู่ม่านเซิงจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เธอถามอย่างเป็นมิตรว่า “คุณเผย ช่วงนี้พี่หนานโจวมาอยู่ที่นี่บ่อยไหม?”เผยชิงตอบเธอโดยใช้โทรศัพท์พิมพ์ว่า “ช่วงนี้เขาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น แต่หลายวันแล้วที่ประธานเย่ไม่ได้มาที่นี่ครับ”“เขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเหรอ?” ลู่ม่านเซิงไม่ได้ติดต่อกับเย่ซูเฟินมานานแล้ว ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเลยมีหลายครั้งที่เย่ซูเฟินส่งข้อความมาหา แต่เธอยุ่งจนลืมตอบไป“ประธานเย่จะกลับไปเป็นบางครั้งครับ” เผยชิงตอบอย่างจงใจ “แต่คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบกลับไปที่นั่น ประธานเย่ก็เลยไม่ชอบกลับไปมากนัก”ลู่ม่านเซิงเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วถามต่อว่า “แล้วช่วงนี้เขาจะมาที่นี่ไหม?”“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ” เผยชิงตอบ “ช่วงนี้ประธานเย่ยุ่งกับงานม

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 457

    ลู่เซินยังไม่เข้าใจทั้งหมดเมื่อก่อนเขาสนใจเวินหนี่มากจนละเลยข้อมูลสำคัญ เป็นไปได้ว่าเขาอาจมองผิดไป แล้วเวินหนี่ที่ผ่านเรื่องราวนั้นมาล่ะ? หรือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เขียนผิด?เวินหนี่เห็นลู่เซินคิดหนักตั้งแต่เมื่อครู่จึงถามว่า “ลู่เซิน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”ลู่เซินดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไร สั่งอาหารเถอะ”“ฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” เวินหนี่บอก “คุณอาจะดื่มเบียร์หน่อย นายก็ดื่มด้วยนะ”“โอเค”ทั้งสองออกจากห้องทำงานเย่จื่อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสงบ สำหรับเธอ ตอนนี้การดูทีวีก็เป็นการฆ่าเวลาในทีวีกำลังออกข่าวฉาวของเธอเวินหนี่เดินเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย เธอเห็นว่าในจอมีภาพเจียงเมิ่งเหยาในห้องพักฟื้น “ดูตามกล้องมานะคะ นี่คือเหยื่อของเรา ลู่ม่านเซิง คุณลู่คะ คุณยังได้ยินอยู่ไหมคะ?”ลู่ม่านเซิงดูไม่ค่อยพอใจกับกล้อง “ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่ให้สัมภาษณ์”“คุณลู่คะ” เจียงเมิ่งเหยาเรียกอีกครั้ง“ฉันไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้!” ลู่ม่านเซิงดูซีดเซียว อ่อนแอมาก เหมือนนางเอกในเรื่องเศร้าเจียงเมิ่งเหยาฉวยโอกาสนี้ ชี้ไปที่กล้องแล้วพูดว่า “คุณลู่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 456

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็แสดงความตกใจออกมา "เป็นไปได้ยังไง ต้องเป็นเวินหนี่สิ"ตอนนั้น เขาชอบเวินหนี่มาก เขาห่วงใยเธอจนต้องรีบกลับประเทศในคืนนั้นผู้ช่วยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด "ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่า คุณกับเวินหนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนนี้อายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็ยิ่งตกใจ เขารีบเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ไปพิจารณาอย่างละเอียดแม้ว่าหนังสือพิมพ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี หัวข้อข่าวยังคงชัดเจน ข่าวระบุว่าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรม มีคนตายจำนวนมาก และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ…สายตาของลู่เซินนิ่งงัน เขาตกใจจนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนผู้รอดชีวิตในหนังสือพิมพ์ก็ชื่อเวินหนี่เหมือนกัน แต่เป็นนักเรียนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี นั่นหมายความว่าไม่ใช่เวินหนี่ที่เขารู้จักมันเกิดอะไรขึ้น?สีหน้าของลู่เซินเริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผิดคือหนังสือพิมพ์หรืออะไรบางอย่างในกระบวนการนี้เวินหนี่เค

DMCA.com Protection Status