แชร์

บทที่ 5

ผู้แต่ง: เซียงปู้อี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เวินหนี่หยุดฝีเท้า ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกันฉันคู่สามีภรรยา แต่คือความสัมพันธ์ที่ห่างเกินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า “ประธานเย่ มีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”

เย่หนานโจวหันหน้าไปจ้องใบหน้าที่ดูห่างเหินของเวินหนี่ และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “นั่งลง”

จู่ ๆ เวินหนี่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไร

เย่หนานโจวเดินเข้ามาหาเธอ

เวินหนี่เฝ้าดูเขาเดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ มีบางอย่างดูแตกต่างออกไป ทำให้เธอรู้สึกว่าอากาศเบาบางลง

ทั้งตื่นเต้นและรู้สึกแปลกเล็กน้อย

เธอยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่เย่หนานโจวเอื้อมมือมาจับมือของเธอเอง

เมื่อฝ่ามืออันอุ่นร้อนของเขาสัมผัสเธอ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งเผาไหม้และต้องการดึงมันออก แต่เย่หนานโจวกลับจับมันไว้แน่น และไม่เปิดโอกาสให้เธอดึงมันกลับเลย เขาดึงเธอไปด้านข้างพลางขมวดคิ้วถาม “มือของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”

ความเป็นห่วงของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกประหลาดใจ “ฉัน... ไม่เป็นไรค่ะ”

“มือเป็นแผลพุพองแบบนี้” เย่หนานโจวถามต่อ “ทำไมถึงไม่บอกฉัน”

เธอมองลงไปที่มือใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังตรวจสอบบาดแผลของเธอ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธออยากจะจับมือของเขาหลายครั้ง เธอต้องการความอบอุ่น และต้องการการนำทางไปในทิศทางหนึ่ง

แต่ก็ไม่มีโอกาสเลย

แต่พอเธอคิดอยากจะยอมแพ้ เขากลับมอบความอบอุ่นให้เธออีกครั้ง

“มันแค่เรื่องเล็ก ฉันคิดว่าอีกสองวันก็คงหาย” เวินหนี่ตอบ

“ฉันจะให้คนเอายาทาแผลมาให้”

เวินหนี่รู้สึกขอบตาร้อนผ่าว ในที่สุดความพยายามหลายปีก็ดูเหมือนจะได้รับผลตอบรับบ้างแล้ว

แต่เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้รักเธอ

เย่หนานโจวหยิบยามาทาที่บาดแผลให้เธอ เธอมองดูเขาที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าและทำแผลให้เธออย่างระมัดระวัง สิ่งนี้ทำให้เธอเผลอคิดไปว่า บางทีเธออาจสามารถกลายเป็นผู้หญิงคนที่เขารักได้

ดูเหมือนว่าบาดแผลเล็กน้อยจะทำให้เขามองมาที่เธอนานขึ้นบ้าง

และเธอก็มีความคิดไร้สาระผุดขึ้นมาว่า ที่เธออยู่กับเขามาเจ็ดปีและดูแลเขาอย่างขยันขันแข็งทุกวันยังสู้มีบาดแผลเล็กน้อยเรียกร้องความสนใจจากเขาไม่ได้เลย

แผลเล็กน้อยแค่นี้คุ้มค่าแล้ว

น้ำตาของเธอไหลลงมา และบังเอิญหยดลงไปบนหลังมือของเย่หนานโจว

เย่หนานโจวเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่รื้นชื้นของเวินหนี่ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอแสดงอารมณ์ต่อหน้าเขา

“ร้องไห้ทำไม ฉันทำเธอเจ็บเหรอ?”

เวินหนี่รู้สึกว่าอารมณ์ของตัวเองผันผวนเกินไป ไม่เหมือนตัวเธอเลย “ไม่เจ็บเลยสักนิด ฉันแค่รู้สึกไม่สบายตา คุณเย่ ครั้งต่อไปฉันจะไม่เป็นแบบนี้อีก”

เย่หนานโจวเบื่อหน่ายกับการฟังคำพูดที่สุภาพของเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขาขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “นี่คือที่บ้าน ไม่ใช่บริษัท เธอไม่จำเป็นต้องทำตัวทางการต่อหน้าฉันทุกวันก็ได้ ที่บ้านเธอเรียกชื่อฉันก็ได้”

แต่ในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา เวินหนี่ก็ปฏิบัติเช่นนี้มาโดยตลอด

ในบริษัทเธอเป็นเลขานุการที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

ที่บ้านถึงจะมีตำแหน่งเป็นคุณผู้หญิงของตระกูลเย่ แต่เธอก็ทำเฉพาะสิ่งที่เลขาควรทำเท่านั้น

เวินหนี่มองดูใบหน้าของเขาที่ตนหลงรักมาหลายปี ความรักที่ไม่ได้รับการตอบสนองในที่สุดก็จะรู้สึกเหนื่อย เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “เย่หนานโจว เมื่อไหร่เราจะหย่า…”

เย่หนานโจวกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

สิ่งนี้ทำให้ร่างกายของเวินหนี่แข็งทื่อ ศีรษะของเธอวางอยู่บนไหล่ของเขา และพูดอะไรไม่ออก

เย่หนานโจวขมวดคิ้วและพูดว่า “วันนี้ฉันเหนื่อยแล้ว มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้”

เวินหนี่ไม่มีทางเลือกนอกจากเลิกพูดถึงเรื่องนี้

เวินหนี่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกว่าเขาดูแตกต่างออกไป ร่างกายของเขาอยู่ใกล้เธอมากจนรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ร้อนของเขา

มือของร่างสูงโอบเอวเธอ ห่อหุ้มเธอไว้ด้วยกลิ่นหอมราวกับต้นสนไซเปรส ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

ฝ่ามือใหญ่ของเขากดลงบนท้องของเธอ ทำให้ร่างกายของเธอหดตัวเล็กน้อย และลมหายใจอันอบอุ่นของเขาก็รินรดอยู่ข้างหู “เธอบ้าจี้หรือเปล่า?”

เวินหนี่ลดสายตาลงแล้วตอบไปว่า “ฉันไม่ค่อยชิน”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เย่หนานโจวก็เริ่มกระตือรือร้นมากขึ้น เขาเอามือโอบเธอแล้วกอดเธอไว้แน่น “งั้นก็ค่อย ๆ ปรับตัวกับมัน สักวันหนึ่งเธอก็จะชินเอง”

เวินหนี่แนบตัวไปในอ้อมแขนของเขา และลมหายใจอันร้อนแรงก็ปะทะใบหน้าของเธอ ทำให้แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวเล็กน้อย

เธอเงยหน้าขึ้นและครุ่นคิดอีกครั้งว่า การแต่งงานของพวกเธอมีโอกาสที่จะพลิกผันหรือไม่?

เธอยังโหยหาตัวตนที่แตกต่างออกไป

เธอพูดขึ้นว่า “หนานโจว… ถ้าเป็นไปได้ พวกเรา…”

เสียงโทรศัพท์ของเย่หนานโจวดังขึ้นขัดจังหวะ

ความสนใจของเขาอยู่ที่โทรศัพท์

ประโยคสุดท้ายยังไม่ได้พูดออกไป

พวกเรามีตัวตนแบบสามีภรรยาได้ไหม…

เธอไม่อยากปรากฏตัวในสายตาของเขาในฐานะเลขานุการอีกแล้ว

แต่ความคิดที่ขาดสติแบบนี้ก็เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอก็เห็นชื่อ “ลู่ม่านเซิง” ปรากฏบนหน้าจอ

มันทำให้สติของเธอกลับมาอีกครั้ง

สีหน้าของเย่หนานโจวกลับมาสงบอีกครั้ง เขาปล่อยเธอและลุกขึ้นนั่งโดยไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเธอ

“ฮัลโหล”

เธอเฝ้าดูเย่หนานโจวลุกขึ้นจากเตียงด้วยสีหน้าเย็นชา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องนอนต่อหน้าเธอเพื่อไปรับสายของลู่ม่านเซิง

หัวใจของเวินหนี่จมดิ่ง มุมปากกระตุกยิ้มเยาะขึ้น

เวินหนี่หน๋อเวินหนี่ ทำไมเธอถึงได้มีจินตนาแบบนั้นกัน

หัวใจของเขาอยู่ที่ลู่ม่านเซิง ไม่มีทางมีความรู้สึกใด ๆ ต่อเธอ นี่คือสิ่งที่เขาพูดไว้ในงานแต่งสามปีก่อน

เวินหนี่เงยหน้าขึ้น รู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก และความร้อนรอบดวงตาของเธอก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

เธอหลับตาลง ไม่อยากร้องไห้ให้เขาอีกแล้ว

เขาไม่เคยรู้เลยว่า ตั้งแต่ที่เธอรู้ว่าเขามีคนอยู่ในใจ เธอก็ได้แต่แอบร้องไห้ให้เขามาโดยตลอด แต่ไม่เคยให้เขาได้เห็นเลย

เธอรู้จักตัวตนของตัวเธอเอง เธอเป็นเพียงเลขาที่อยู่ข้างกายเขาเท่านั้น

เย่หนานโจวเดินกลับหลังจากรับโทรศัพท์เสร็จ เมื่อเห็นว่าเวินหนี่ยังไม่ได้นอน เขาจึงเตือนขึ้นว่า “ที่บริษัทมีเรื่อง ฉันต้องออกไปจัดการ เธอรีบพักผ่อนเถอะ”

เวินหนี่ไม่ได้มองเขา และไม่อยากให้เขาเห็นด้านที่อ่อนแอของเธอ “เข้าใจแล้วค่ะ คุณรีบไปเถอะ พรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานให้ตรงเวลา”

“อืม”

เย่หนานโจวตอบก่อนจะหยิบเสื้อคลุมแล้วจากไป

เมื่อเธอได้ยินเสียงสตาร์ทรถและเสียงของรถที่ค่อย ๆ ไกลออกไป หัวใจของเธอก็รู้สึกเหมือนกำลังแตกสลาย

เวินหนี่แทบจะไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืน

วันรุ่งขึ้นยังต้องไปทำงาน

เวินหนี่ออกไปแต่เช้า ในบริษัทมีพนักงานเพียงไม่กี่คน เธอทำหน้าที่ของเธอตามปกติและจัดการงานของเย่หนานโจวอย่างเป็นระเบียบ

แต่วันนี้เย่หนานโจวไม่ได้มาที่บริษัท

เวินหนี่โทรหาเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ปิดเครื่อง

หลี่ถิงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย “พี่เหวิน วันนี้ประธานเย่ไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเขาไปไหน งานตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างคงต้องรบกวนพี่ด้วยนะคะ”

ในฐานะเลขาของเย่หนานโจว เวินหนี่มีส่วนร่วมในงานส่วนใหญ่ของบริษัท และเธอก็คุ้นเคยกับโครงการนี้เป็นอย่างดี

เวินหนี่โทรหาเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยอมแพ้

ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเขาได้รับโทรศัพท์จากลู่ม่านเซิง

เขาไม่ได้มาที่บริษัท และไม่ได้กลับบ้านตลอดทั้งคืน คงไปหาเธอสินะ

เวินหนี่พยายามระงับความขมขื่นในใจ “งั้นก็ไม่ต้องรอประธานเย่แล้ว พวกเราไปกันก่อนเถอะ”

ข้างนอกแดดแรงจัดและอุณหภูมิสูงมาก เธอมาถึงสถานที่ก่อสร้าง

อาคารที่กำลังก่อสร้างมีเพียงโครงเท่านั้น และสถานที่ก็ดูค่อนข้างรก

เมื่อเธอเข้าไปด้านใน พื้นก็เต็มไปด้วยฝุ่นและแท่งเหล็ก แถมเครื่องมือก็ส่งเสียงดัง

เวินหนี่เคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วและค่อนข้างคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเธอจึงดำเนินการอย่างรวดเร็ว

แต่จู่ ๆ ก็มีคนตะโกนขึ้นว่า “ระวัง!”

เวินหนี่เงยหน้าขึ้นก่อนจะเห็นกระจกชิ้นหนึ่งตกลงมาจากบนหัวของเธอ…

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 6

    เธอรู้สึกหัวหมุนและวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พวกนายทำงานกันแบบไหนถึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้! พี่เวิน พี่เวินคะ…”เสียงนั้นฟังดูค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนที่เวินหนี่จะหมดสติเมื่อตื่นขึ้นมาเวินหนี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองดูเพดานสีขาว ยังคงรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง“พี่เวิน พี่ฟื้นแล้ว!” หลี่ถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ให้ฉันเรียกหมอมาให้ไหม”เวินหนี่มองดูหลี่ถิง แม้ว่าตัวเองจะยังอ่อนแรง แต่เธอก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่เป็นไร ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นยังไงบ้าง? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า?”หลี่ถิงตอบ “พี่อย่าพึ่งกังวลเรื่องงานเลยค่ะ พี่ถูกกระจกหล่นกระแทกใส่ ฉันกลัวแทบตาย คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”เธอกล่าวพลางร้องไห้ หลี่ถิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเวินหนี่ และเวินหนี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีเธอยังเด็กและไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้รู้สึกหวาดกลัว“ฉันก็ฟื้นแล้วนี่ไง เลิกกังวลได้แล้ว” เวินหนี่ปลอบเธอเวินหนี่แตะหน้าผากที่พันด้วยผ้าก๊อซสีขาว

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 7

    หลังจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สักพัก เธอก็จากไปพร้อมกับบาดแผลของเธอ“เวินหนี่!”เมื่อถังเยามารับเวินหนี่ก็พบว่าใบหน้าของเธอซีดเผือด แถมยังบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงรีบเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ “พระเจ้า เธอบาดเจ็บที่ตรงไหนกันเนี่ย?”เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไร“นี่มันเวลาทำงานหนิ แผลนี่เธอได้มาจากการทำงานใช่ไหม?” ถังเยาถามต่อ “แล้วเย่หนานโจวล่ะ?”“ไม่รู้สิ”ถังเยาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเวินหนี่ไม่ดีนัก นี่ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บเท่านั้นแน่ ๆ เธอจึงหัวเราะขึ้นเสียงเย็น “เธอทำงานหนักเพื่อเขาแถมยังได้รับบาดเจ็บที่หัวแบบนี้ ในฐานะสามีกลับหาตัวไม่เจอ สามีคนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วเลยด้วยซ้ำ”“อีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้วล่ะ”“อะไรนะ? นี่เขาจะหย่ากับเธองั้นเหรอ?” ถังเยาหน้าเปลี่ยนสีทันที“ฉันอยากหย่ากับเขาเอง”ถังเยาเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง “หย่าก็หย่า หย่ามันตอนนี้เลย!!” และเตือนขึ้นอีกว่า “อย่าลืมแบ่งทรัพย์สินครึ่ง ๆ ด้วยล่ะ ก้าวแรกสำหรับผู้หญิงที่ฉลาดคือการหาเงิน ถึงไม่ได้ตัวแต่ก็ต้องได้เงิน ถ้าเธอมีเงินแล้วทำไมจะหาผู้ชายดี ๆ ไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะหาสักกี่คนก็ได้ หาคนที่เชื่อฟัง และคอยดูแลเธอทุกวันไปเลย

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 8

    เวินหนี่รู้ดีว่าเขาจริงจังกับงานแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวแต่เรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้ เมื่อวานนี้เขาอยู่กับลู่ม่านเซิงในโรงพยาบาลเอง“เพราะคุณบอกว่ากำลังยุ่ง และกดวางสายไปเอง”เย่หนานโจวชะงักไปครู่หนึ่ง และเม้มริมฝีปาก “แล้วจัดการยังไง?”เวลานั้นเวินหนี่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นไม่มีเวลาจัดการค่ะ ฉัน…”“เลขาเวิน” น้ำเสียงเย่หนานโจวเย็นชา “ฉันจำได้ว่าเธอไม่เคยทำงานผิดพลาด”เขาจงใจเรียกเธอว่า “เลขาเวิน” เพื่อเตือนว่าเธอเป็นเลขา ไม่ใช่ภรรยาของเขาเวินหนี่กัดริมฝีปาก และพูดไม่ออก “ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไปได้ ปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก ฉันคิดว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรค่ะ”“ถ้าเกิดปัญหา อย่ารีบร้อนหาข้อแก้ตัว นี่คือสิ่งที่ฉันเคยสอนเธอ” เย่หนานโจวพูดอย่างห่างเหิน “รีบมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้!”พูดจบเขาก็กดวางสายไปทันทีเวินหนี่รู้สึกแย่ในใจ แต่เธอก็ไม่มีเวลามาคิดถึงปัญหา เมื่อวานนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลและไม่ได้ติดตามสถานการณ์ของไซต์ก่อสร้างอีกเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะแย่ลงหรือเปล่าเธอเก็บข้าวของและเตรียมตัวไปที่บริษัททันทีถังเยาเพิ่งตื่น เ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 9

    ขณะนั้นเอง เวินหนี่ก็มาถึงบริษัท บรรยากาศในห้องทำงานของประธานดูเคร่งเครียดมาก“พี่เวิน”เมื่อเธอมาถึงทุกคนต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ “พี่เวิน อาการบาดเจ็บที่หัวเป็นยังไงบ้างคะ?”เวินหนี่ไม่อยากให้พวกเขากังวลมากเกินไป “ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เมื่อวานฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”“แต่พี่ควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะคะ ทำไมถึงไม่ขอลาจากประธานเย่ล่ะ ยังต้องมาทำงานด้วยอาการบาดเจ็บแบบนี้อีก พี่เวิน พี่จริงจังกับงานมากเกินไปแล้ว” พวกเขาต่างก็ชื่นชมเวินหนี่ เธอทำงานมากกว่าใช้ชีวิตเสียอีก เกรงว่าคงหาคนแบบเลขาเวินไม่ได้อีกแล้วเวินหนี่และเย่หนานโจวแต่งงานกันอย่างลับ ๆ จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเปิดเผยอะไรมากนัก “ฉันขอตัวไปหาประธานเย่ก่อน พวกเธอทำงานต่อเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”เมื่อเธอมาถึงประตู ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเย่หนานโจว “บอกให้ทุกคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในไซต์ก่อสร้างไสหัวออกไปให้หมด!”เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะตำหนิเธอเสียอีกจากนั้นก็มีกลุ่มคนออกมาจากห้องทำงานคนที่ออกมามีสีหน้าหดหู่ใจ ใบหน้าของเวินหนี่ไม่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 10

    นี่เธอกำลังสนองความปรารถนาของเขาอยู่นะ เขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอหรือว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่เธอเป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเองเลยทำให้เขาอับอาย เย่หนานโจวเบือนสายตาไปจากเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ถึงเวลาแล้ว ไปทำงานซะ”เวินหนี่มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงและถึงเวลาเข้างานพอดี เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนตรงเวลามากจริง ๆ ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวเธอมองเย่หนานโจวที่ถอนตัวกลับไป มีกลิ่นอายเย็นชาทั่วร่างกายของเขา และมีเพียงความห่างเหินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น เธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาอีก และเดินออกมาเผยชิงกำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู “เลขาเวิน นี่คือเอกสารที่คุณเย่ขอให้คุณช่วยจัดการครับ”เอกสารจำนวนมหาศาลกดลงบนมือของเธอฝุ่นกระทบเข้ากับหน้าของเธอจนสำลัก เวินหนี่ถามขึ้นว่า “ฝุ่นเกาะเยอะขนาดนี้ เอกสารตั้งแต่ปีไหนกัน?”เผยชิงไม่กล้าพูดอะไร “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ประธานเย่เป็นคนจัดการครับ”คนในบริษัทมองเวินหนี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจคิดว่าเธอทำให้ประธานเย่ขุ่นเคือง เขาถึงได้สั่งให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญแบบนี้และทุกคนต่างก็คิดว่าเธอได้สูญเสีย

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 11

    เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดีเวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 12

    เวินหนี่มองย้อนกลับไปแล้วพูดว่า “เก็บกระเป๋า”“จะไปไหน?”เวินหนี่ตอบ “กลับบ้านค่ะ”“บ้านของเธอก็คือที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของเย่หนานโจวเย็นขึ้นมากหัวใจของเวินหนี่ยังคงปวดอยู่เล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณเคยคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ของฉันด้วยเหรอ? ฉันกำลังจะคืนพื้นที่นี้ให้พวกคุณ”เย่หนานโจวก็จับแขนของเธอทันที เพื่อหยุดการเก็บสัมภาระของเธอ น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เธอจะสร้างปัญหาอีกนานแค่ไหน?”เวินหนี่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นเขา และน้ำตาจะไหลออกจากดวงตา เธอหันหน้าและสะบัดเขาออกอย่างแรง “ฉันไม่ได้สร้างปัญหาค่ะ แต่ฉันเอาจริง คุณเย่ ขอทางด้วยค่ะ ฉันจะเก็บของ”การที่เธอดื้อรั้นและต้องการหย่ากับเขาเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมน “ปัง” เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว เวินหนี่ก็เงยหน้าขึ้นมาและได้ยินเสียงต่ำของเย่หนานโจว “อะไรทำให้เธออยากจะไปมากขนาดนี้”เวินหนี่ไม่ตอบเย่หนานโจวเข้าใกล้เธอมากขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงตั้งคำถามว่า “เธอคิดว่าฉันไม่มีความสามารถงั้นเหรอ? อยากให้ฉันทดสอบให้ดูไหมว่า แท้จริงแล้วฉ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 13

    ร่างกายของเขาอบอุ่น มีกลิ่นแอลกอฮอล์รุนแรง และลมหายใจร้อน ๆ ของเขาก็รินรดอยู่ข้างหูของหญิงสาวเขาไปดื่มมางั้นเหรอ?เวินหนี่เรียกเขา “เย่หนานโจว”แต่เย่หนานโจวกอดเอวของเธอไว้และฝังหน้าไว้บนผมของเธอ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงต่ำ “อย่าขยับ ฉันขอกอดเธออีกหน่อย”คราวนี้เวินหนี่หยุดเคลื่อนไหวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดื่มเยอะขนาดนี้เวินหนี่นอนอยู่บนผ้าห่มเป็นเวลานาน ร่างกายของเธอแทบจะแข็งทื่อ ได้แต่สงสัยว่าเมื่อไหร่เขาจะลุก แต่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกเลย เอาแต่สูดดมเธออย่างตะกละตะกลามนี่เขาคงจะไม่คิดว่าเธอคือลู่ม่านเซิงอีกแล้วหรอกใช่ไหม เวินหนี่เรียกเขาอีกครั้ง “เย่หนานโจว…”“เวินหนี่ ฉันอยากจะนอนแบบนี้อีกสักพัก”เมื่อได้ยินแบบนั้น เวินหนี่ก็เงียบลงอีกครั้งการที่เขาเรียกชื่อเธอแสดงให้เห็นว่าเขาไม่คิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนอื่นเธอไม่ค่อยได้เห็นเขาในสภาพนี้ และมันก็ทำให้เธอค่อนข้างทำตัวไม่ถูกแต่เธอก็ยังใจอ่อนกลัวว่าเขาจะหลับไปทั้งแบบนี้ และกลัวว่าเขาจะเป็นหวัดเธอผลักเขาเบา ๆ “อย่านอนแบบนี้เลยค่ะ ไปอาบน้ำ ไม่ก็ห่มผ้าห่ม…”เย่หนานโจวพลิกตัว ยกมือขึ้นก่อนจะรวบตัวเวินหนี่เข้ามาในอ้อมแขน เขาก

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 464

    ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 463

    “ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 462

    “หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 461

    “ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 460

    เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 459

    [ตอนนี้เลย! ตอนนี้ได้เลยจ้ะ!]ลู่ม่านเซิงยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าเย่ซูเฟินต้องอยากมาเจอเธอแน่นอน เธอแค่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอเธอเดินวนไปรอบ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกสนใจห้องนอนใหญ่ จึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีใครพักอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วเธอเปิดตู้เสื้อผ้าทันที ข้างในมีชุดนอนของผู้หญิงอยู่หลายชุดมีบางตัวที่เอาป้ายออกแล้ว บางตัวก็ยังไม่ได้เอาป้ายออกยังมีชุดนอนแบบสายเดี่ยวเซ็กซี่อยู่หลายชุดด้วยเธอหยิบมันออกมาลองทาบบนตัวเอง แล้วหมุนตัวไปมาหน้ากระจกถ้าเธอสวมมันแล้วหมุนตัวต่อหน้าเย่หนานโจว เขาต้องคิดว่าเธอดูดีแน่ ๆเธอไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก เพราะโอกาสบางอย่างรอได้เธอมองไปที่เตียงใหญ่ คิดภาพตัวเองกับเย่หนานโจวอยู่บนเตียงนั้น ในฉากอันเร่าร้อนยี่สิบนาทีผ่านไปเย่ซูเฟินก็มาถึงว่างเจียงหยวนเธอส่งเสียงเรียกมาตั้งแต่หน้าประตู “เซิงเซิง! เซิงเซิง!”แต่ลู่ม่านเซิงไม่ได้ออกมาเมื่อเย่ซูเฟินไม่เห็นลู่ม่านเซิงในห้องนั่งเล่น เธอจึงถามว่า “เซิงเซิงอยู่ไหน? ไม่ใช่ว่าเธออยู่ที่ว่างเจียงหยวนหรือไง?”“คุณลู่อยู่ข้างบนค่ะ” คนรับใช้ตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วบอกว่า “คุณลู่หูหนวกอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 458

    ไม่เป็นไรวันเวลายังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่นอนลู่ม่านเซิงรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงมองไปที่เผยชิง ซึ่งมากับเธอในวันนี้เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดของเย่หนานโจว และเพราะเธอรู้ว่า ‘ต้องเกรงใจคนที่ให้ความช่วยเหลือ’ ลู่ม่านเซิงจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เธอถามอย่างเป็นมิตรว่า “คุณเผย ช่วงนี้พี่หนานโจวมาอยู่ที่นี่บ่อยไหม?”เผยชิงตอบเธอโดยใช้โทรศัพท์พิมพ์ว่า “ช่วงนี้เขาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น แต่หลายวันแล้วที่ประธานเย่ไม่ได้มาที่นี่ครับ”“เขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเหรอ?” ลู่ม่านเซิงไม่ได้ติดต่อกับเย่ซูเฟินมานานแล้ว ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเลยมีหลายครั้งที่เย่ซูเฟินส่งข้อความมาหา แต่เธอยุ่งจนลืมตอบไป“ประธานเย่จะกลับไปเป็นบางครั้งครับ” เผยชิงตอบอย่างจงใจ “แต่คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบกลับไปที่นั่น ประธานเย่ก็เลยไม่ชอบกลับไปมากนัก”ลู่ม่านเซิงเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วถามต่อว่า “แล้วช่วงนี้เขาจะมาที่นี่ไหม?”“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ” เผยชิงตอบ “ช่วงนี้ประธานเย่ยุ่งกับงานม

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 457

    ลู่เซินยังไม่เข้าใจทั้งหมดเมื่อก่อนเขาสนใจเวินหนี่มากจนละเลยข้อมูลสำคัญ เป็นไปได้ว่าเขาอาจมองผิดไป แล้วเวินหนี่ที่ผ่านเรื่องราวนั้นมาล่ะ? หรือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เขียนผิด?เวินหนี่เห็นลู่เซินคิดหนักตั้งแต่เมื่อครู่จึงถามว่า “ลู่เซิน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”ลู่เซินดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไร สั่งอาหารเถอะ”“ฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” เวินหนี่บอก “คุณอาจะดื่มเบียร์หน่อย นายก็ดื่มด้วยนะ”“โอเค”ทั้งสองออกจากห้องทำงานเย่จื่อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสงบ สำหรับเธอ ตอนนี้การดูทีวีก็เป็นการฆ่าเวลาในทีวีกำลังออกข่าวฉาวของเธอเวินหนี่เดินเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย เธอเห็นว่าในจอมีภาพเจียงเมิ่งเหยาในห้องพักฟื้น “ดูตามกล้องมานะคะ นี่คือเหยื่อของเรา ลู่ม่านเซิง คุณลู่คะ คุณยังได้ยินอยู่ไหมคะ?”ลู่ม่านเซิงดูไม่ค่อยพอใจกับกล้อง “ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่ให้สัมภาษณ์”“คุณลู่คะ” เจียงเมิ่งเหยาเรียกอีกครั้ง“ฉันไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้!” ลู่ม่านเซิงดูซีดเซียว อ่อนแอมาก เหมือนนางเอกในเรื่องเศร้าเจียงเมิ่งเหยาฉวยโอกาสนี้ ชี้ไปที่กล้องแล้วพูดว่า “คุณลู่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 456

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็แสดงความตกใจออกมา "เป็นไปได้ยังไง ต้องเป็นเวินหนี่สิ"ตอนนั้น เขาชอบเวินหนี่มาก เขาห่วงใยเธอจนต้องรีบกลับประเทศในคืนนั้นผู้ช่วยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด "ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่า คุณกับเวินหนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนนี้อายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็ยิ่งตกใจ เขารีบเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ไปพิจารณาอย่างละเอียดแม้ว่าหนังสือพิมพ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี หัวข้อข่าวยังคงชัดเจน ข่าวระบุว่าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรม มีคนตายจำนวนมาก และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ…สายตาของลู่เซินนิ่งงัน เขาตกใจจนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนผู้รอดชีวิตในหนังสือพิมพ์ก็ชื่อเวินหนี่เหมือนกัน แต่เป็นนักเรียนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี นั่นหมายความว่าไม่ใช่เวินหนี่ที่เขารู้จักมันเกิดอะไรขึ้น?สีหน้าของลู่เซินเริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผิดคือหนังสือพิมพ์หรืออะไรบางอย่างในกระบวนการนี้เวินหนี่เค

DMCA.com Protection Status