แชร์

บทที่ 4

ผู้แต่ง: เซียงปู้อี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
“วันนี้พี่เวินหนี่ดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดี เธอไม่อยากเอาเอกสารมาส่ง ฉันเลยต้องเอามาส่งน่ะค่ะ” ลู่ม่านเซิงวางมือที่โดนลวกตรงหน้าเขา “พี่หนานโจว อย่าโทษพี่เวินหนี่เลยนะคะ ฉันว่าเธอคงไม่ได้ตั้งใจ หวังว่าคงจะไม่ได้ทำให้งานของพี่ล่าช้าหรอกใช่ไหมคะ”

เอกสารของบริษัทไปอยู่ในมือของคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เวินหนี่ทำอะไรแบบนี้

สีหน้าของเย่หนานโจวมืดมน แต่เขาก็ยังคงอดทนเมื่ออยู่ต่อหน้าลู่ม่านเซิง เขาเพียงแค่ดึงเนกไทแล้วพูดอย่างเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไร”

เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วพูดขึ้นว่า “ไหน ๆ ก็มาแล้ว นั่งพักก่อนสิ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่ม่านเซิงก็รู้สึกมีความสุขในใจ อย่างน้อยเขาก็ยอมรับเธอ และไม่ได้เกลียดเธอ

“พี่มีประชุมไม่ใช่เหรอคะ ฉันรบกวนพี่หรือเปล่า”

เย่หนานโจวโทรออกหาใครบางคน “เลื่อนการประชุมออกไปครึ่งชั่วโมง”

มุมปากของลู่ม่านเซิงโค้งงอขึ้น ก่อนจะมาที่นี่เธอกำลังคิดว่า การที่เธอจากไปโดยไม่บอกลาจะทำให้เขารู้สึกโกรธหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้แย่เหมือนที่คิดเอาไว้

เวลาที่เสียไปยังชดเชยกลับคืนมาได้

ลู่ม่านเซิงนั่งลงบนโซฟาอย่างคาดหวัง และอยากจะอธิบาย “พี่หนานโจว ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ตั้งหลายเรื่อง ตอนนั้นเป็นความผิดของฉันเองที่จากไปโดยไม่ได้บอกลา แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว…”

“ฉันขอจัดการงานก่อน” เย่หนานโจวขัดจังหวะเธอ

ลู่ม่านเซิงกลืนคำพูดกลับลงไปอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเขาดูยุ่งมากจึงได้แต่พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันรอจนกว่าพี่จะทำงานเสร็จก็ได้ค่ะ”

ลู่ม่านเซิงไม่กล้ารบกวนเขา และก็ไม่รู้ว่าภายในครึ่งชั่วโมงนี้เธอต้องนั่งรออีกนานแค่ไหนกว่าที่จะได้คุยกับเขา

เธอเดาอารมณ์ของเขาไม่ออกเลย

จนกระทั่งเผยชิงเดินเข้ามา เย่หนานโจวถึงได้หยุดงานในมือ

เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ลู่ม่านเซิงจึงตะโกนขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่หนานโจว ฉัน…”

“มือยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?”

นี่เขาสังเกตเห็นอาการบาดเจ็บที่มือของเธอและเป็นห่วงเธอใช่ไหม?

ลู่ม่านเซิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เจ็บแล้วค่ะ”

“อืม” เย่หนานโจวตอบเบา ๆ และหยิบชามยามาจากมือผู้ช่วยเผยชิง “ได้ยินมาว่าเธอยังไม่ชินกับสภาพอากาศและรู้สึกเจ็บคอ กินยานี่สิ มันจะดีต่อลำคอของเธอนะ”

ลู่ม่านเซิงมองไปที่ชามยาร้อน ๆ และรู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง

เขาแอบติดตามสถานการณ์ของเธอและรู้แม้กระทั่งว่าเธอเจ็บคอ แสดงให้เห็นว่าเขายังคงห่วงใยเธออยู่

เธอรีบรับชามยามา พร้อมกับเผยรอยยิ้มที่สดใสดุจดอกไม้ “พี่หนานโจว พี่ยังใส่ใจฉันเหมือนเคยเลยนะคะ แค่นี้ฉันก็พอใจมากแล้ว ฉันจะกินยาให้หมดเลยค่ะ”

ก่อนที่เธอจะนำชามยาเข้ามาใกล้ ก็ได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เป็นอย่างมาก

เธอไม่ชอบรสชาติของยาจีน แต่ถ้ายานี้มาจากเย่หนานโจวเธอก็จะกิน

เธอขมวดคิ้วด้วยความขมขื่นและพยายามกลืนยานั้นลงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ

เมื่อเห็นเธอกินยาหมดในอึกเดียวจนไม่เหลือสักหยด เย่หนานโจวก็เบนสายตาไปทางอื่น

“ประธานเย่ การประชุมกำลังจะเริ่มแล้วครับ” ผู้ช่วยเผยชิงเตือนขึ้น

เย่หนานโจวมองไปที่ลู่ม่านเซิงแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันยังต้องทำงาน เธอกลับไปก่อนเถอะ”

ลู่ม่านเซิงเช็ดปาก เธอพูดอะไรมากไม่ได้ จึงได้แต่ตอบกลับไปอย่างเข้าใจว่า “ก็ได้ค่ะ ไว้ฉันจะมาเยี่ยมพี่ใหม่วันหลังนะคะ”

แล้วเย่หนานโจวก็เดินออกไป

ลู่ม่านเซิงมองตามแผ่นหลังของเขาอย่างอ้อยอิ่งจนกระทั่งร่างสูงลับสายตาไป

เธอมีความสุขมากและส่งข้อความถึงผู้จัดการว่า ‘กลับมาครั้งนี้ฉันพนันถูก เขายังคงรักฉันอยู่’

ข้างนอก เมื่อเดินไปถึงห้องประชุม เผยชิงก็ถามขึ้นข้างหลังเย่หนานโจว “ประธานเย่ ทำไมเราถึงต้องใส่ยาคุมกำเนิดลงในยาด้วยล่ะครับ?”

ใบหน้าของเย่หนานโจวไร้อารมณ์ และเย็นชา “ลู่ม่านเซิงไปที่โรงแรมแล้ว”

เผยชิงเข้าใจทันที เขากลัวว่าผู้หญิงคนเมื่อคืนจะเป็นลู่ม่านเซิง และกลัวว่าเธอจะท้อง

การทานยาคุมกำเนิดถึงจะรับประกันได้

หนึ่งวันเต็มที่เวินหนี่ไม่มาบริษัท แถมยังไม่โทรมาลาอีกด้วย

เดิมที เธอจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ และไม่เคยทำผิดพลาดเลยสักครั้ง

เดี๋ยวนี้เธอเริ่มเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มาทำงานแถมยังไม่บอกกล่าวสักคำ

เย่หนานโจวโกรธมาก เขามีสีหน้าเคร่งขรึมตลอดทั้งวัน และไม่ยิ้มเลย สิ่งนี้ทำให้พนักงานบริษัทต่างก็กลัวว่าตัวเองจะทำอะไรผิด

หลังจากเลิกงาน เย่หนานโจวกลับมาถึงคฤหาสน์ต้นตระกูล

เวลานี้เวินหนี่ได้ถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว

ในห้องนอน เวินหนี่นอนอยู่บนเตียง มือของเธอยังคงสั่น ดวงตาของเธอแดงก่ำ และยังอยู่ในภาวะช็อก

แผลบนมือยังไม่ทันได้รับการรักษา จึงเกิดการพุพองขึ้น

เมื่อเทียบกับบาดแผลในหัวใจ บาดแผลนอกร่างกายนั้นแทบจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย

เมื่อเย่หนานโจวมาถึงประตูบ้าน คนรับใช้ก็เดินเข้าไปพร้อมกับเปลี่ยนรองเท้าให้เขา

สีหน้าของเขาเคร่งขรึมและถามขึ้นว่า “คุณผู้หญิงอยู่ไหน?”

“อยู่ชั้นบนค่ะ” คนรับใช้พูด “ตั้งแต่คุณผู้หญิงกลับมาจากข้างนอก เธอก็ไม่ได้ออกมาอีกเลยค่ะ”

หลังจากได้รับคำตอบแล้ว เย่หนานโจวก็ขึ้นไปชั้นบน

เมื่อเปิดประตูห้องนอนก็เห็นผ้าห่มที่นูนขึ้นจนมองไม่เห็นหัวคนเลยด้วยซ้ำ

ความผิดปกติของเธอทำให้เย่หนานโจวสับสน เขาเดินไปข้างเตียง ก้มลงและแตะผ้าห่ม

“อย่าแตะต้องฉัน!”

เวินหนี่สะบัดมือออก

เธอได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ประตูเมื่อนานแล้ว และคิดว่าพวกเขากำลังจะจับเธอขังในห้องมืดอีกครั้ง ทุกย่างก้าวก็เหมือนกับการเหยียบย่ำหัวใจของเธอ

เธอคลุมผ้าห่มอย่างแน่นหนา และตกอยู่ในความตื่นตระหนก

จนกระทั่งมีคนเปิดผ้าห่มของเธอ เธอจึงลุกขึ้นนั่งและดันมือของเขาออก

เย่หนานโจวรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นเธอตอบโต้อย่างรุนแรงเช่นนี้ สีหน้าของเขามืดมนลง และเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เวินหนี่ ถ้าเธอไม่แกล้งทำเป็นมีลับลมคมในแบบนี้ คิดว่าฉันอยากจะสัมผัสเธอหรือไง”

เมื่อเวินหนี่พบว่าคือเย่หนานโจว จิตใจของเธอก็สงบขึ้น

แต่พอได้ยินคำพูดของเขา หัวใจที่พรุนเป็นรูก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่นิดหน่อย เธอสงบสติอารมณ์และพูดขึ้นว่า “ประธานเย่ ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณ”

“ในบ้านนี้ ถ้าไม่ใช่ฉัน แล้วจะเป็นใคร?” เย่หนานโจวเยาะเย้ย “ใจของเธอมันลอยออกไปข้างนอกแล้วหรือไง”

เวินหนี่เม้มริมฝีปาก ในใจของเธอมีเพียงคำพูดหยาบคายของเย่ซูเฟินเท่านั้น

ลู่ม่านเซิงเหมาะสมกับเย่หนานโจวมากกว่าเธอ

ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว และพวกเขาสามารถสานต่อความสัมพันธ์กันต่อได้ ธุระของเธอก็หมดลงแล้ว

“วันนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบาย”

เวินหนี่รู้ว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน “ลู่ม่านเซิงเอาเอกสารไปส่งให้แล้วใช่ไหมคะ หวังว่ามันจะไม่ทำให้งานของคุณต้องล่าช้า”

การทำตามใจตัวเองของเธอในวันนี้ทำให้เย่หนานโจวรู้สึกไม่พอใจ “เลขาเวิน ในเมื่อเธอก็มีไหวพริบดี แล้วทำไมถึงได้สร้างปัญหามากมายแบบนี้”

เวินหนี่ครุ่นคิด เธอสร้างปัญหาอะไรบ้าง

หรือว่าจะเป็นที่ทำให้แม่ของเขาโกรธ

ทำให้มือของผู้หญิงที่เขารักได้รับบาดเจ็บ

เธอซ่อนมือไว้ใต้ผ้าห่ม หัวใจของเธอเริ่มชา “มันจะไม่เกิดขึ้นอีกค่ะ”

หลังจากหย่าแล้วก็จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก

เธอจะไม่ยืนขวางทางพวกเขาอีกไม่ว่าใครก็ตาม

“ตรวจสอบผู้หญิงคนเมื่อคืนได้หรือยัง?”

เวินหนี่ตัวแข็งทื่อ “กล้องวงจรปิดพังทำให้ตรวจสอบไม่พบค่ะ”

เย่หนานโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกับจ้องไปที่เธอ “แล้วเธอทำอะไรอยู่ที่บ้านทั้งวัน?”

เวินหนี่มองดูท้องฟ้าข้างนอก มันมืดแล้ว

เธอไม่ได้ไปบริษัทหนึ่งวัน เขาคงคิดว่าเธอกำลังทำตัวขี้เกียจและอู้งานสินะ

“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ” เวินหนี่ไม่อยากพูดอะไรมาก หลังจากชำระหนี้ให้กับตระกูลเย่หมดแล้ว เธอและเขาก็จะไม่มีอะไรต้องติดค้างกัน

ความสัมพันธ์แบบรักข้างเดียวตลอดเจ็ดปีก็ควรจะสิ้นสุดลงได้แล้ว

เธอลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วเดินอ้อมตัวเขาเพื่อที่จะออกไป

ในบ้านนี้ หากไม่มีเขา เธอก็คงไม่มีอะไรให้ต้องคำนึงถึง

ตอนนี้เธอเหนื่อยแล้ว และไม่อยากทนกับการถูกปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรมเหล่านี้อีกต่อไป

เย่หนานโจวมองดูเธอและพบว่ามือของเธอก็ถูกลวกเช่นกัน

บาดแผลนั้นรุนแรงกว่าของลู่ม่านเซิง

ในขณะที่เวินหนี่กำลังจะเดินออกจากห้อง เขาก็พูดขึ้นว่า “เดี๋ยว!”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 5

    เวินหนี่หยุดฝีเท้า ความสัมพันธ์ของพวกเธอไม่ได้รักใคร่กลมเกลียวกันฉันคู่สามีภรรยา แต่คือความสัมพันธ์ที่ห่างเกินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า “ประธานเย่ มีอะไรจะสั่งอีกหรือเปล่าคะ?”เย่หนานโจวหันหน้าไปจ้องใบหน้าที่ดูห่างเหินของเวินหนี่ และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง “นั่งลง”จู่ ๆ เวินหนี่ก็ไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะทำอะไรเย่หนานโจวเดินเข้ามาหาเธอเวินหนี่เฝ้าดูเขาเดินใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้ มีบางอย่างดูแตกต่างออกไป ทำให้เธอรู้สึกว่าอากาศเบาบางลงทั้งตื่นเต้นและรู้สึกแปลกเล็กน้อยเธอยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่เย่หนานโจวเอื้อมมือมาจับมือของเธอเองเมื่อฝ่ามืออันอุ่นร้อนของเขาสัมผัสเธอ เธอก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งเผาไหม้และต้องการดึงมันออก แต่เย่หนานโจวกลับจับมันไว้แน่น และไม่เปิดโอกาสให้เธอดึงมันกลับเลย เขาดึงเธอไปด้านข้างพลางขมวดคิ้วถาม “มือของเธอได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ตัวเลยหรือไง?”ความเป็นห่วงของเขาทำให้เวินหนี่รู้สึกประหลาดใจ “ฉัน... ไม่เป็นไรค่ะ”“มือเป็นแผลพุพองแบบนี้” เย่หนานโจวถามต่อ “ทำไมถึงไม่บอกฉัน”เธอมองลงไปที่มือใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังตรวจสอบบาดแผลของเธอตลอดหล

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 6

    เธอรู้สึกหัวหมุนและวิงเวียนศีรษะ ก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พวกนายทำงานกันแบบไหนถึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้! พี่เวิน พี่เวินคะ…”เสียงนั้นฟังดูค่อย ๆ ไกลออกไป ก่อนที่เวินหนี่จะหมดสติเมื่อตื่นขึ้นมาเวินหนี่ก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอมองดูเพดานสีขาว ยังคงรู้สึกวิงเวียนและปวดศีรษะอย่างรุนแรง“พี่เวิน พี่ฟื้นแล้ว!” หลี่ถิงลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยดวงตาสีแดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นอย่างเป็นกังวล “พี่รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ? ให้ฉันเรียกหมอมาให้ไหม”เวินหนี่มองดูหลี่ถิง แม้ว่าตัวเองจะยังอ่อนแรง แต่เธอก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ฉันไม่เป็นไร ที่ไซต์ก่อสร้างเป็นยังไงบ้าง? มีใครได้รับบาดเจ็บอีกหรือเปล่า?”หลี่ถิงตอบ “พี่อย่าพึ่งกังวลเรื่องงานเลยค่ะ พี่ถูกกระจกหล่นกระแทกใส่ ฉันกลัวแทบตาย คิดว่าพี่จะไม่ฟื้นขึ้นมาซะแล้ว”เธอกล่าวพลางร้องไห้ หลี่ถิงเป็นผู้ช่วยที่ติดตามเวินหนี่ และเวินหนี่ก็ดูแลเธอเป็นอย่างดีเธอยังเด็กและไม่เคยพบกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงได้รู้สึกหวาดกลัว“ฉันก็ฟื้นแล้วนี่ไง เลิกกังวลได้แล้ว” เวินหนี่ปลอบเธอเวินหนี่แตะหน้าผากที่พันด้วยผ้าก๊อซสีขาว

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 7

    หลังจากพักรักษาตัวในโรงพยาบาลได้สักพัก เธอก็จากไปพร้อมกับบาดแผลของเธอ“เวินหนี่!”เมื่อถังเยามารับเวินหนี่ก็พบว่าใบหน้าของเธอซีดเผือด แถมยังบาดเจ็บที่ศีรษะ จึงรีบเข้ามาจับตัวเธอเอาไว้ “พระเจ้า เธอบาดเจ็บที่ตรงไหนกันเนี่ย?”เวินหนี่ไม่ได้พูดอะไร“นี่มันเวลาทำงานหนิ แผลนี่เธอได้มาจากการทำงานใช่ไหม?” ถังเยาถามต่อ “แล้วเย่หนานโจวล่ะ?”“ไม่รู้สิ”ถังเยาสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเวินหนี่ไม่ดีนัก นี่ไม่ใช่แค่อาการบาดเจ็บเท่านั้นแน่ ๆ เธอจึงหัวเราะขึ้นเสียงเย็น “เธอทำงานหนักเพื่อเขาแถมยังได้รับบาดเจ็บที่หัวแบบนี้ ในฐานะสามีกลับหาตัวไม่เจอ สามีคนนี้ ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้วเลยด้วยซ้ำ”“อีกไม่นานก็ไม่ใช่แล้วล่ะ”“อะไรนะ? นี่เขาจะหย่ากับเธองั้นเหรอ?” ถังเยาหน้าเปลี่ยนสีทันที“ฉันอยากหย่ากับเขาเอง”ถังเยาเปลี่ยนท่าทีอีกครั้ง “หย่าก็หย่า หย่ามันตอนนี้เลย!!” และเตือนขึ้นอีกว่า “อย่าลืมแบ่งทรัพย์สินครึ่ง ๆ ด้วยล่ะ ก้าวแรกสำหรับผู้หญิงที่ฉลาดคือการหาเงิน ถึงไม่ได้ตัวแต่ก็ต้องได้เงิน ถ้าเธอมีเงินแล้วทำไมจะหาผู้ชายดี ๆ ไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นจะหาสักกี่คนก็ได้ หาคนที่เชื่อฟัง และคอยดูแลเธอทุกวันไปเลย

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 8

    เวินหนี่รู้ดีว่าเขาจริงจังกับงานแค่ไหน เขาจะไม่ยอมให้เกิดข้อผิดพลาดแม้แต่นิดเดียวแต่เรื่องนี้จะโทษเธอไม่ได้ เมื่อวานนี้เขาอยู่กับลู่ม่านเซิงในโรงพยาบาลเอง“เพราะคุณบอกว่ากำลังยุ่ง และกดวางสายไปเอง”เย่หนานโจวชะงักไปครู่หนึ่ง และเม้มริมฝีปาก “แล้วจัดการยังไง?”เวลานั้นเวินหนี่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว เธอจึงพูดขึ้นว่า “ตอนนั้นไม่มีเวลาจัดการค่ะ ฉัน…”“เลขาเวิน” น้ำเสียงเย่หนานโจวเย็นชา “ฉันจำได้ว่าเธอไม่เคยทำงานผิดพลาด”เขาจงใจเรียกเธอว่า “เลขาเวิน” เพื่อเตือนว่าเธอเป็นเลขา ไม่ใช่ภรรยาของเขาเวินหนี่กัดริมฝีปาก และพูดไม่ออก “ไซต์ก่อสร้างยังคงดำเนินการต่อไปได้ ปัญหาไม่ได้ใหญ่มาก ฉันคิดว่ามันไม่ได้ร้ายแรงอะไรค่ะ”“ถ้าเกิดปัญหา อย่ารีบร้อนหาข้อแก้ตัว นี่คือสิ่งที่ฉันเคยสอนเธอ” เย่หนานโจวพูดอย่างห่างเหิน “รีบมาที่บริษัทเดี๋ยวนี้!”พูดจบเขาก็กดวางสายไปทันทีเวินหนี่รู้สึกแย่ในใจ แต่เธอก็ไม่มีเวลามาคิดถึงปัญหา เมื่อวานนี้เธออยู่ที่โรงพยาบาลและไม่ได้ติดตามสถานการณ์ของไซต์ก่อสร้างอีกเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้สถานการณ์จะแย่ลงหรือเปล่าเธอเก็บข้าวของและเตรียมตัวไปที่บริษัททันทีถังเยาเพิ่งตื่น เ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 9

    ขณะนั้นเอง เวินหนี่ก็มาถึงบริษัท บรรยากาศในห้องทำงานของประธานดูเคร่งเครียดมาก“พี่เวิน”เมื่อเธอมาถึงทุกคนต่างก็ทักทายเธออย่างสุภาพ “พี่เวิน อาการบาดเจ็บที่หัวเป็นยังไงบ้างคะ?”เวินหนี่ไม่อยากให้พวกเขากังวลมากเกินไป “ไม่ได้ร้ายแรงอะไร เมื่อวานฉันได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้ว อาการก็ดีขึ้นมากแล้วล่ะ”“แต่พี่ควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะคะ ทำไมถึงไม่ขอลาจากประธานเย่ล่ะ ยังต้องมาทำงานด้วยอาการบาดเจ็บแบบนี้อีก พี่เวิน พี่จริงจังกับงานมากเกินไปแล้ว” พวกเขาต่างก็ชื่นชมเวินหนี่ เธอทำงานมากกว่าใช้ชีวิตเสียอีก เกรงว่าคงหาคนแบบเลขาเวินไม่ได้อีกแล้วเวินหนี่และเย่หนานโจวแต่งงานกันอย่างลับ ๆ จึงไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าเปิดเผยอะไรมากนัก “ฉันขอตัวไปหาประธานเย่ก่อน พวกเธอทำงานต่อเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน”เมื่อเธอมาถึงประตู ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของเย่หนานโจว “บอกให้ทุกคนที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในไซต์ก่อสร้างไสหัวออกไปให้หมด!”เวินหนี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอคิดว่าเขาจะตำหนิเธอเสียอีกจากนั้นก็มีกลุ่มคนออกมาจากห้องทำงานคนที่ออกมามีสีหน้าหดหู่ใจ ใบหน้าของเวินหนี่ไม่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 10

    นี่เธอกำลังสนองความปรารถนาของเขาอยู่นะ เขาควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอหรือว่าเขารู้สึกเสียศักดิ์ศรี ที่เธอเป็นคนหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเองเลยทำให้เขาอับอาย เย่หนานโจวเบือนสายตาไปจากเธอ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างเย็นชา “ถึงเวลาแล้ว ไปทำงานซะ”เวินหนี่มองดูเวลา ตอนนี้เป็นเวลาเก้าโมงและถึงเวลาเข้างานพอดี เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ เขาเป็นคนตรงเวลามากจริง ๆ ไม่ยอมให้เธอได้หยุดพักแม้แต่วินาทีเดียวเธอมองเย่หนานโจวที่ถอนตัวกลับไป มีกลิ่นอายเย็นชาทั่วร่างกายของเขา และมีเพียงความห่างเหินระหว่างเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น เธอไม่ได้รบกวนอะไรเขาอีก และเดินออกมาเผยชิงกำลังรอเธออยู่ที่ด้านนอกประตู “เลขาเวิน นี่คือเอกสารที่คุณเย่ขอให้คุณช่วยจัดการครับ”เอกสารจำนวนมหาศาลกดลงบนมือของเธอฝุ่นกระทบเข้ากับหน้าของเธอจนสำลัก เวินหนี่ถามขึ้นว่า “ฝุ่นเกาะเยอะขนาดนี้ เอกสารตั้งแต่ปีไหนกัน?”เผยชิงไม่กล้าพูดอะไร “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ประธานเย่เป็นคนจัดการครับ”คนในบริษัทมองเวินหนี่ด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจคิดว่าเธอทำให้ประธานเย่ขุ่นเคือง เขาถึงได้สั่งให้เธอทำงานที่ไม่สำคัญแบบนี้และทุกคนต่างก็คิดว่าเธอได้สูญเสีย

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 11

    เสิ่นฉือไม่ค่อยเข้าใจ พี่หนานป่วยอย่างนั้นเหรอ?ช่วงก่อนหน้านี้เขาพึ่งจะตรวจร่างกายไป และร่างกายของเขาก็แข็งแรงดีเวินหนี่เป็นภรรยาของเขาดังนั้นหากจะมีปัญหาก็คงจะเป็น…ขณะที่เสิ่นฉือเดินเข้าไปในห้องทำงานเขาก็ถอนหายใจ และจ้องมองไปที่กางเกงของเย่หนานโจว เมื่อเย่หนานโจวเห็นสายตาแปลก ๆ ของเขา ก็ขมวดคิ้วขึ้น “ฉันบอกให้นายไปตรวจร่างกายของเวินหนี่ นายมามองฉันทำไม?”เสิ่นฉือถอนสายตา และยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่มีอะไรครับ เมื่อกี้ผมเจอพี่สะใภ้ที่ทางเข้าลิฟต์ เธอออกไปข้างนอกแล้ว แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีด้วย”เย่หนานโจวพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวก็ต้องกลับมา”“พี่ทะเลาะกับพี่สะใภ้เหรอ?”“เป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงจะงี่เง่านี่”เสิ่นฉือลำบากใจที่จะพูดอะไรออกไป เขาจึงเลือกที่จะนั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าเขายังไม่กลับ เย่หนานโจวจึงพูดขึ้นว่า “เธอออกไปแล้ว นายเองก็กลับไปได้แล้ว ฉันไม่ต้องการนาย”“ผมเพิ่งมาถึงพี่ก็จะไล่ผมกลับแล้วงั้นเหรอ มาคุยกันเรื่องพี่น้องของเราก็ได้”เสิ่นฉือลูบจมูกด้วยท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้มีเหตุผลที่โกรธ เป็นเรื่องปกติที่สามีภรรยาจะมีปัญหากัน

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 12

    เวินหนี่มองย้อนกลับไปแล้วพูดว่า “เก็บกระเป๋า”“จะไปไหน?”เวินหนี่ตอบ “กลับบ้านค่ะ”“บ้านของเธอก็คือที่นี่ไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของเย่หนานโจวเย็นขึ้นมากหัวใจของเวินหนี่ยังคงปวดอยู่เล็กน้อย เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณเคยคิดว่าบ้านหลังนี้เป็นที่ของฉันด้วยเหรอ? ฉันกำลังจะคืนพื้นที่นี้ให้พวกคุณ”เย่หนานโจวก็จับแขนของเธอทันที เพื่อหยุดการเก็บสัมภาระของเธอ น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาดังขึ้นมาจากด้านหลัง “เธอจะสร้างปัญหาอีกนานแค่ไหน?”เวินหนี่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น เพราะกลัวว่าเธอจะรู้สึกเสียใจเมื่อเห็นเขา และน้ำตาจะไหลออกจากดวงตา เธอหันหน้าและสะบัดเขาออกอย่างแรง “ฉันไม่ได้สร้างปัญหาค่ะ แต่ฉันเอาจริง คุณเย่ ขอทางด้วยค่ะ ฉันจะเก็บของ”การที่เธอดื้อรั้นและต้องการหย่ากับเขาเช่นนี้ทำให้ใบหน้าของเย่หนานโจวมืดมน “ปัง” เสียงปิดประตูก็ดังขึ้นเมื่อได้ยินการเคลื่อนไหว เวินหนี่ก็เงยหน้าขึ้นมาและได้ยินเสียงต่ำของเย่หนานโจว “อะไรทำให้เธออยากจะไปมากขนาดนี้”เวินหนี่ไม่ตอบเย่หนานโจวเข้าใกล้เธอมากขึ้นและถามด้วยน้ำเสียงตั้งคำถามว่า “เธอคิดว่าฉันไม่มีความสามารถงั้นเหรอ? อยากให้ฉันทดสอบให้ดูไหมว่า แท้จริงแล้วฉ

บทล่าสุด

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 464

    ขณะที่เย่ซูเฟินกำลังปกป้องลู่ม่านเซิง เวินหนี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เย็นชาเมื่อเย่ซูเฟินเห็นเวินหนี่พูดแบบนั้น เธอจึงพูดขึ้นว่า “เวินหนี่ เซิงเซิงเป็นถึงขนาดนี้แล้ว อย่าอาศัยโอกาสนี้ซ้ำเติมเธออีก!”ปฏิกิริยาแรกของเธอคือปกป้องคนที่อ่อนแอไว้เวินหนี่เดินเข้าไป เห็นลู่ม่านเซิงร้องไห้หนักและดูอ่อนแอจนเกินบรรยาย “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ พวกคุณมีใครกังวลเกี่ยวกับคุณอาบ้าง สิ่งที่คุณกังวลคือกลัวว่าลูกชายจะไม่เอา ส่วนลู่ม่านเซิงเธอกล้วว่าถูกกล่าวโทษเลยมาเสแสร้งทำเป็นน่าสงสารที่นี่ ฉันเห็นกับตาตัวเองว่าคุณผลักคุณอาลงมา และลู่ม่านเซิงก็น่าจะเป็นผู้ที่ยุยง!”คุณอาถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งทำให้เวินหนี่ไม่ต้องการไว้หน้าพวกเธอ “อย่ามาพูดจาไร้สาระ!” เย่ซูเฟินตวาด “ฉันผลักเย่จื่อก็จริง แต่ฉันแค่ผลักเบา ๆ ทำไมเธอถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเย่จื่อจงใจล้มลงไปเอง”เวินหนี่มองไปที่เย่ซูเฟิน “แรงผลักของคุณมันไม่ได้เบา เราทุกคนต่างก็เห็น”เมื่อเย่ซูเฟินเห็นท่าทีของเวินหนี่ น้ำเสียงของเธอก็ดังมากยิ่งขึ้น “เวินหนี่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้ ยังไงฉันก็ถือว่าเป็นผู้อาวุโส เป็นแม่สามีขอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 463

    “ไม่ใช่นะ…” เย่ซูเฟินกล่าว “ลูกยังเป็นลูกชายของแม่ แม่เสียใจมากและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดใช้ให้ลูก…”“ผมไม่ต้องการมันแล้ว” ดวงตาของเย่หนานโจวเย็นชา “การเรียกคุณว่าแม่มันคือความอดทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม และคุณก็ควรจะพอใจได้แล้ว!”เย่ซูเฟินอดไม่ได้ที่จะถอยกลับไปสองสามก้าวและพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ลูกจะทำกับแม่แบบนี้ไม่ได้นะ อย่าเป็นเหมือนพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นแม่พาลูกกลับมามันจะมีความหมายอะไร!”เย่หนานโจวพูดอย่างเย็นชา “หากมีผม การเอาชนะใจสามีของคุณมันถึงจะมีความหมาย แต่น่าเสียดายที่ความพยายามทั้งหมดของคุณมันไร้ประโยชน์!”ทุกคำพูดเหมือนมีดที่ทิ่มแทงใจของเย่ซูเฟินในตอนนั้นการแต่งงานของเธอกับเย่เหว่ยถิงนั้นค่อนข้างน่าขัน เป็นเพียงเพราะเธอดื้อดึงที่จะแต่งงานกับเขาเย่เหว่ยถิงไม่ได้รักเธอเลย ตรงกันข้ามเขาเกลียดเธอเธอคิดว่าตราบใดที่เธอแต่งงานกับเขา เย่เหว่ยถิงก็จะเป็นของเธอเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขได้ มีอะไรที่จะผ่านไปไม่ได้อีก?แต่เธอคิดง่ายเกินไป เย่เหว่ยถิงไม่กลับบ้านและปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องที่อ้างว่างเธอใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อเอาชนะใจสามีแม้กระทั่ง

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 462

    “หนานโจว”ในระหว่างที่โต้เถียงกับเย่จื่ออยู่นั้นเย่ซูเฟินก็สังเกตเห็นเขา และเธอก็ตกใจเล็กน้อยเวินหนี่เองก็มองไปและเห็นเย่หนานโจวยืนอยู่ข้างหลัง ดวงตาของเขาเย็นชาและดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับสิ่งที่พวกเธอพูดกลับกัน เขากลับยอมรับความจริงนี้อย่างสงบนิ่งเย่จื่อตกใจเมื่อเห็นดวงตาของเย่หนานโจวในขณะนี้ สิ่งที่เธอเสียใจคือการที่เธอหุนหันพลันแล่นพูดออกไปว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของเย่ซูเฟิน เพราะมันถือเป็นการโจมตีเขาเธอมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอมองเพียงเย่หนานโจว “หนานโจว…”เย่หนานโจวไม่ได้พูดอะไรมากเขาเพียงแค่รู้ว่าพวกเธอมาที่สุสานและอาจจะเกิดเรื่องขึ้น เขาจึงเป็นกังวลและแวะเข้ามาดูหน่อยเท่านั้น เย่ซูเฟินโกรธมากขึ้น “เย่จื่อ เธอกำลังพูดอะไร เธอจะให้ฉันมีความสุขไม่ได้เลยใช่ไหม เธอมันสมควรตายจริง ๆ!”เธอผลักเย่จื่ออย่างแรงความสนใจของเย่จื่อมุ่งไปที่เย่หนานโจว ความโกรธของเธอลดลงมากและลดความเกรี้ยวกราดลง ในใจคิดแต่ว่ามันจะสร้างบาดแผลให้เขาหรือไม่เธอไม่ทันได้สังเกตเห็นการกระทำของเย่ซูเฟินและเธอก็ถูกผลักลงบันไดไปทันทีสติของเวินหนี่ยังไม่ทันกลับมาจากการที่เย่หนานโจวไม่ใช่ลูกแท้

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 461

    “ดังนั้นเธอจึงทำทุกอย่างเพื่อทำลายครอบครัวทีละครอบครัว! เธอไม่เคยคิดถึงความผิดของตัวเองเลย!”“ฉันไม่ผิด!” เย่ซูเฟินพูดอย่างเดือดดาล “ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอบีบบังคับฉันเอง!”เมื่อเห็นว่าทุกคนอารมณ์ร้อน ลู่ม่านเซิงจึงเกลี้ยกล่อมจากด้านข้าง “คุณอา อย่าเถียงกับคุณป้าเลยค่ะ เธอแค่หุนหันพลันแล่นไปเท่านั้น ฉันไม่เป็นไรค่ะ และฉันก็ไม่ได้โทษคุณอาเลย คุณป้าพวกคุณต่างก็ถอยคนละก้าวเถอะนะคะ”“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” เย่จื่อมองไปที่ลู่ม่านเซิง และพูดขึ้นอย่างดุเดือด “ถ้าเธอไม่ได้โทษฉัน แล้วจะเล่าให้เย่ซูเฟินฟังทำไม เธออยากให้เย่ซูเฟินออกหน้าให้ไม่ใช่เหรอ? เสแสร้งแกล้งทำ ภายนอกดูใสซื่อ แต่ภายในคิดไม่ซื่อ ฉันล่ะเกลียดคนแบบเธอที่สุด!”เมื่อเห็นแบบนั้นเย่ซูเฟินก็ผลักเธอทันที “เธอกำลังดุใคร รู้ว่าเซิงเซิงสูญเสียการได้ยิน แต่ยังแอบพูดไม่ดีลับหลังเธอ เธอมันชั่วร้ายแค่ไหนกัน?!”“ถึงฉันจะชั่วร้ายแต่ก็ไม่ได้ขาดคุณธรรมเหมือนเธอ!” เย่จื่อก็ผลักกลับคืนไปเช่นกัน“เธอลงมือกับฉันงั้นเหรอ?”เย่ซูเฟินจ้องเธอด้วยความโกรธ “วันนี้มีเธอก็ไม่มีฉัน!”“ลองดูสิว่าฉันจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม!”เย่จื่อไม่พูดพล่ำทำเพลงเข้าไปต

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 460

    เย่จื่อไม่คาดคิดว่าเย่ซูเฟินจะโทรมาหาเธอ ซึ่งทำให้เธออารมณ์เดือดขึ้นทันที "ทำไม? หรือว่าเป็นลู่ม่านเซิงที่บอกอะไรกับเธอ ฉันจัดการเธอแล้วยังไงล่ะ!""ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?" เย่ซูเฟินพูดด้วยความโกรธ เพราะอยากจะจัดการกับเย่จื่อให้ได้"ฉันต้องบอกด้วยเหรอ? คิดว่าเธอเป็นใคร!" เย่จื่อไม่สนใจที่จะเคี้ยวเมล็ดแตงโมแล้ว ปัดมันออกไปพร้อมกับกำลังมองหาที่ระบายความโกรธเย่ซูเฟินหัวเราะเยาะ "กลัวสินะ กลัวฉันจะหาตัวเจอ ฉันรู้แล้วว่าโรงงานเสริมความงามของเธอโดนพังเสียหายหมด ตอนนี้ถึงกับต้องหลบซ่อนตัวเหมือนเต่าหดหัวแล้ว!""ฉันเนี่ยนะกลัว? ฉันเคยกลัวเธอสักครั้งไหม! ถ้าไม่ใช่เพราะเธอแต่งงานกับเย่เว่ยถิง ฉันไม่เคยนับเธอเป็นคนของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ!" เย่จื่อตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น"งั้นก็ออกมาสิ มาสู้กันต่อหน้า!" เย่ซูเฟินท้าทาย"ก็ได้ ออกมาก็ออกมา เย่ซูเฟิน ถ้าเธออยากจะตัดขาดกับฉันจริง ๆ ฉันก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแล้ว!" พูดจบ เย่จื่อก็ตัดสายทิ้งและหยิบกระเป๋าขึ้น เตรียมออกไปข้างนอกทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น เวินหนี่รีบพูดขึ้น "คุณอาคะ คุณอาจะไปไหนคะ หนูจะไปด้วย"เย่จื่อหันมามองเวินหนี่ "เธอไม่ต้องไป เย่ซูเฟิ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 459

    [ตอนนี้เลย! ตอนนี้ได้เลยจ้ะ!]ลู่ม่านเซิงยิ้มมุมปาก เธอรู้ว่าเย่ซูเฟินต้องอยากมาเจอเธอแน่นอน เธอแค่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอเธอเดินวนไปรอบ ๆ แต่ก็ยังรู้สึกสนใจห้องนอนใหญ่ จึงเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีใครพักอยู่ที่นี่มาสักระยะหนึ่งแล้วเธอเปิดตู้เสื้อผ้าทันที ข้างในมีชุดนอนของผู้หญิงอยู่หลายชุดมีบางตัวที่เอาป้ายออกแล้ว บางตัวก็ยังไม่ได้เอาป้ายออกยังมีชุดนอนแบบสายเดี่ยวเซ็กซี่อยู่หลายชุดด้วยเธอหยิบมันออกมาลองทาบบนตัวเอง แล้วหมุนตัวไปมาหน้ากระจกถ้าเธอสวมมันแล้วหมุนตัวต่อหน้าเย่หนานโจว เขาต้องคิดว่าเธอดูดีแน่ ๆเธอไม่ได้อยู่ในห้องนานนัก เพราะโอกาสบางอย่างรอได้เธอมองไปที่เตียงใหญ่ คิดภาพตัวเองกับเย่หนานโจวอยู่บนเตียงนั้น ในฉากอันเร่าร้อนยี่สิบนาทีผ่านไปเย่ซูเฟินก็มาถึงว่างเจียงหยวนเธอส่งเสียงเรียกมาตั้งแต่หน้าประตู “เซิงเซิง! เซิงเซิง!”แต่ลู่ม่านเซิงไม่ได้ออกมาเมื่อเย่ซูเฟินไม่เห็นลู่ม่านเซิงในห้องนั่งเล่น เธอจึงถามว่า “เซิงเซิงอยู่ไหน? ไม่ใช่ว่าเธออยู่ที่ว่างเจียงหยวนหรือไง?”“คุณลู่อยู่ข้างบนค่ะ” คนรับใช้ตอบ ก่อนจะนึกขึ้นได้แล้วบอกว่า “คุณลู่หูหนวกอ

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 458

    ไม่เป็นไรวันเวลายังอีกยาวไกล สักวันหนึ่งเธอจะได้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้แน่นอนลู่ม่านเซิงรู้สึกว่าเธอได้ก้าวเข้าใกล้เป้าหมายนั้นไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เธอจึงมองไปที่เผยชิง ซึ่งมากับเธอในวันนี้เพราะเขาเป็นคนใกล้ชิดของเย่หนานโจว และเพราะเธอรู้ว่า ‘ต้องเกรงใจคนที่ให้ความช่วยเหลือ’ ลู่ม่านเซิงจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เธอถามอย่างเป็นมิตรว่า “คุณเผย ช่วงนี้พี่หนานโจวมาอยู่ที่นี่บ่อยไหม?”เผยชิงตอบเธอโดยใช้โทรศัพท์พิมพ์ว่า “ช่วงนี้เขาอยู่ที่นี่บ่อยขึ้น แต่หลายวันแล้วที่ประธานเย่ไม่ได้มาที่นี่ครับ”“เขาไม่ได้กลับไปที่คฤหาสน์ของตระกูลเหรอ?” ลู่ม่านเซิงไม่ได้ติดต่อกับเย่ซูเฟินมานานแล้ว ช่วงนี้เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเลยมีหลายครั้งที่เย่ซูเฟินส่งข้อความมาหา แต่เธอยุ่งจนลืมตอบไป“ประธานเย่จะกลับไปเป็นบางครั้งครับ” เผยชิงตอบอย่างจงใจ “แต่คุณผู้หญิงไม่ค่อยชอบกลับไปที่นั่น ประธานเย่ก็เลยไม่ชอบกลับไปมากนัก”ลู่ม่านเซิงเผลอกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว แต่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่สนใจแล้วถามต่อว่า “แล้วช่วงนี้เขาจะมาที่นี่ไหม?”“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ” เผยชิงตอบ “ช่วงนี้ประธานเย่ยุ่งกับงานม

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 457

    ลู่เซินยังไม่เข้าใจทั้งหมดเมื่อก่อนเขาสนใจเวินหนี่มากจนละเลยข้อมูลสำคัญ เป็นไปได้ว่าเขาอาจมองผิดไป แล้วเวินหนี่ที่ผ่านเรื่องราวนั้นมาล่ะ? หรือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่เขียนผิด?เวินหนี่เห็นลู่เซินคิดหนักตั้งแต่เมื่อครู่จึงถามว่า “ลู่เซิน กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?”ลู่เซินดึงสติกลับมา “ไม่มีอะไร สั่งอาหารเถอะ”“ฉันสั่งเรียบร้อยแล้ว” เวินหนี่บอก “คุณอาจะดื่มเบียร์หน่อย นายก็ดื่มด้วยนะ”“โอเค”ทั้งสองออกจากห้องทำงานเย่จื่อนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอย่างสงบ สำหรับเธอ ตอนนี้การดูทีวีก็เป็นการฆ่าเวลาในทีวีกำลังออกข่าวฉาวของเธอเวินหนี่เดินเข้าไปนั่งดูทีวีด้วย เธอเห็นว่าในจอมีภาพเจียงเมิ่งเหยาในห้องพักฟื้น “ดูตามกล้องมานะคะ นี่คือเหยื่อของเรา ลู่ม่านเซิง คุณลู่คะ คุณยังได้ยินอยู่ไหมคะ?”ลู่ม่านเซิงดูไม่ค่อยพอใจกับกล้อง “ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่ให้สัมภาษณ์”“คุณลู่คะ” เจียงเมิ่งเหยาเรียกอีกครั้ง“ฉันไม่ได้ยิน ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไร ไม่ต้องถ่ายแล้ว ฉันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นตอนนี้!” ลู่ม่านเซิงดูซีดเซียว อ่อนแอมาก เหมือนนางเอกในเรื่องเศร้าเจียงเมิ่งเหยาฉวยโอกาสนี้ ชี้ไปที่กล้องแล้วพูดว่า “คุณลู่

  • บทพิสูจน์รักฉบับท่านประธาน   บทที่ 456

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็แสดงความตกใจออกมา "เป็นไปได้ยังไง ต้องเป็นเวินหนี่สิ"ตอนนั้น เขาชอบเวินหนี่มาก เขาห่วงใยเธอจนต้องรีบกลับประเทศในคืนนั้นผู้ช่วยที่ถือหนังสือพิมพ์อยู่ก็ยังคิดว่ามันไม่น่าเป็นไปได้ และคิดว่าตัวเองอาจเข้าใจผิด "ผมจำได้ว่าคุณเคยบอกว่า คุณกับเวินหนี่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน แต่คนนี้อายุน้อยกว่าคุณหนึ่งปี"เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของลู่เซินก็ยิ่งตกใจ เขารีบเดินเข้ามาหยิบหนังสือพิมพ์ไปพิจารณาอย่างละเอียดแม้ว่าหนังสือพิมพ์จะเก่าแล้ว แต่ก็ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี หัวข้อข่าวยังคงชัดเจน ข่าวระบุว่าโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเกิดคดีฆาตกรรม มีคนตายจำนวนมาก และผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวคือ…สายตาของลู่เซินนิ่งงัน เขาตกใจจนต้องกะพริบตาสองสามครั้ง ราวกับว่าเขากำลังอ่านหนังสือพิมพ์ที่ต่างจากที่เคยเห็นมาก่อนผู้รอดชีวิตในหนังสือพิมพ์ก็ชื่อเวินหนี่เหมือนกัน แต่เป็นนักเรียนที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี นั่นหมายความว่าไม่ใช่เวินหนี่ที่เขารู้จักมันเกิดอะไรขึ้น?สีหน้าของลู่เซินเริ่มเปลี่ยนไป เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ผิดคือหนังสือพิมพ์หรืออะไรบางอย่างในกระบวนการนี้เวินหนี่เค

DMCA.com Protection Status