Share

นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้
นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้
Author: สินปา

อารัมภบท

last update Last Updated: 2025-02-07 16:51:53

ขึ้นชื่อว่า ‘ป่า’ ล้วนมีอันตรายซุกซ่อนอยู่โดยเฉพาะเรื่องความอาถรรพ์และสิ่งลี้ลับที่น่าขนลุกเกินกว่าจะจิตนาการได้ ยิ่งสมบูรณ์มากเท่าไหร่เชื่อกันว่าผู้ปกปักษ์ผืนป่าแห่งนั้นยิ่งน่ากลัว จึงเป็นสาเหตุให้บางที่พื้นยากเกินความสามารถมนุษย์จะเข้าไปสำรวจเฉกเช่นพนาทั้งสี่ทิศที่โอบล้อมอยู่ภายนอกเขตอุทยานแห่งชาติพนาดร

หากใครเคยลองไปเยี่ยมชมครบทั้งสี่ทิศต้องห้ามพิศเพียงแค่ภายนอกจะพบว่าพืชพันธุ์ของผืนป่าทั้งสี่ไม่มีความคล้ายคลึงกันแม้เพียงนิดรวมไปถึงลักษณะทางภูมิศาสตร์ จึงเป็นเหตุให้ทางหน่วยงานของรัฐภายใต้สังกัดของกรมป่าไม้เกิดความสนใจอยากทำการศึกษาวิจัยเผื่อค้นพบพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ของโลกก่อนจะรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเรื่องอัตราการเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมนั้นๆต่อไป

ไม่ใช่ว่าไม่เคยส่งทีมนักสำรวจเข้าไปแต่ทุกครั้งช่วงทำพิธีเซ่นไหว้ด้วยของสดเพื่อเปิดป่ากลับพบว่า ‘ป่าปิด’ ไม่ยินยอมให้ผู้ใดย่างกรายเข้าไปหรือเป็นเพราะว่าจริงๆแล้วของไหว้ทำพิธีนั้นยังไม่ตรงตามความต้องการก็ไม่อาจทราบได้ ในคราแรกเมื่อประมาณสักห้าสิบปีที่แล้วเหล่าคนเมืองผู้ไม่มีความเชื่อเรื่องพิธีกรรมเติบโตมากับวิทยาศาสตร์พวกหลักการและเหตุผลมาทั้งชีวิตมองว่าเป็นเรื่องที่งมงายไร้สาระ

“ความเชื่ออะไรไร้สาระฉิบหายกูบอกแล้ว”

“เออแม่งกูไม่เห็นประตูสักบานเอาอะไรมาปิดวะ”

“งมงายว่ะก็แค่เดินเข้าไป”

เมื่อมีคนเปิดก็ย่อมมีคนตามในหัวข้อการสนทนานี้พอพูดจบบ้างก็พากันหัวเราะลั่นบางคนพอมีมารยาทหน่อยก็กลั้นไว้จนไหล่สั่นเบาๆ

“หากพวกคุณไม่เชื่อก็แล้วกันไปแต่อย่านำมาพูดล้อเล่นสนุกปากเช่นนี้เลยครับ”

พรานจักรถูกว่าจ้างให้นำทีมนักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการเพื่อนำทางเข้าไปด้วยค่าจ้างที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากไม่มีใครกล้ารับแม้กระทั่งผู้มีวิชาอาคมแก่กล้าหรือว่าเป็นพรานป่ามากประสบการณ์เพราะก่อนหน้านั้นมีเรื่องเล่าขานตั้งแต่รุ่นปู่ย่า เคยมีพรานหนุ่มฝ่าฝืนเข้าไปล่าสัตว์ในป่านิลคีรีโดยที่ผู้ปกปักษ์ไม่ยินยอมให้ก้าวล้ำและหายตัวไปถึงเจ็ดวันหลังจากนั้นผู้เป็นแม่ได้ฝันเห็นลูกชายมายืนร้องไห้ในความมืดบอกว่าปวดท้องอยู่หน้าบ้านเสียงสะอื้นสั่นหวาดกลัวทั้งลุกลี้ลุกลนพร้อมกับการคำรามของสัตว์ใหญ่ที่น่าเกรงขามดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“แม่จ๋าพาฉันไปหาหมอหน่อยทรมานเหลือเกินปวดไปหมด”

“ขึ้นบ้านมาก่อนสิลูกแม่จะได้ให้พ่อดู”

“ฉันมาได้แป๊บเดียวเขาไม่ยอม ฮึก อยู่นิลคีรีแม่จ๋าพาฉันกลับบ้านนะ อ๊าก ผิดไปแล้ว ฉันขอโทษ ไม่หนีแล้ว ยะ อย่า”

เสียงครวญโหยหวนเจ็บปวดสะท้อนความสิ้นหวังของลูกชายตรึงลึกในความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่วิ่งลงบันไดบ้านไปช่วยลูกที่กำลังถูกตัวอะไรบางอย่างกัดฝังคมเขี้ยวเข้าที่เอวแล้วกระชากร่างหายไปท่ามกลางความมืดมิด เสียงกรีดร้องของผู้เป็นภรรยาปลุกให้สามีตื่นขึ้นมาพบว่าเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกว่ายี่สิบปีที่นอนข้างกันกำลังละเมอไขว่ขว้าอากาศร่ำไห้ปานจะขาดใจปากพร่ำเรียกแต่ชื่อของลูกชาย จึงเขย่าปลุกให้รู้สึกตัวสะดุ้งเฮือกพร้อมคราบน้ำตาที่เปียกปอนทั้งดวงหน้าที่มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาไปตามวัย

ม่านน้ำตาทำให้ภาพพร่าเบลอแต่ก็รีบผุดลุกทันทีทำให้หน้ามืดสามีค่อยๆช่วยประคองคนที่ยังสะอื้นไห้ขึ้นมาถามไถ่จึงเล่าให้ฟังเมื่อประคองสติได้ ลางสังหรณ์ที่เกิดจากความฝันกำลังบอกพวกเขาว่าลูกชายเพียงคนเดียวกำลังพบเจอกับอันตรายถึงชีวิตจึงตกลงกันว่าย่ำรุ่งจะพากันไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านแม้ร้อนใจมากเพียงใดแต่ยังไปกันไม่ได้อยู่ดีเพราะตอนนี้เป็นเวลาตีสองถึงจะข่มตาหลับไม่ได้แล้วก็ตาม

ยามเส้นขอบฟ้าเริ่มทอแสงเลือนลางก็รีบเดินทางไปหาผู้ใหญ่บ้านที่ห่างกันไม่มากนักราวหนึ่งกิโลเมตรได้หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวก็เกณฑ์พวกชาวบ้านมุ่งหน้าไปตามหายังผืนพนาต้องห้ามทางทิศใต้ไกลจากหมู่บ้านสิบกิโลเมตร พร้อมทั้งคิดว่าจะเข้าไปตามหาด้านในได้อย่างไรกลุ่มคนทั้งหมดจึงปรึกษากันตลอดทางเหมือนกับการโต้วาทีที่มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ความกังวลยิ่งฉายชัด

จนเมื่อเลี้ยวเข้าแค่ปากทางกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงจนคลื่นเหียนต้องดึงคอเสื้อขึ้นปิดทั้งจมูกปากราวกับมีสัตว์ใหญ่ตายอยู่บริเวณนั้นมาหลายวันแล้วก็พากันใจคอไม่ดี ยังไม่ทันลงจากรถกระบะสายตาคนทั้งหมดก็ปะทะต้นตอของกลิ่นทันทีที่เขตแนวกั้นของป่าจากฝูงแมลงวันหัวเขียวจำนวนมหาศาลบินตอมจนเกิดเสียงหึ่งชัด

แม้ด้านนอกแสงจากดวงอาทิตย์เริ่มสว่างมองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวได้รำไรแล้วแต่ไม่ใช่กับที่นี่เงาต้นไม้ใหญ่จากป่าฝั่งนิลคีรียังทาบทับทะมึนมืดดั่งภูตผีกำลังกวักเพรียก รวมกับหมอกที่ยังปกคลุมดูน่ากลัวราวกับคนละโลกแต่ใจคนเป็นแม่หาได้กลัวสิ่งอื่นใดอีกรีบวิ่งลงจากรถทันที เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับร่างหญิงวัยกลางคนทรุดตัวลงร่ำให้ราวกับคนเสียสติ

ตรงหน้าเพียงไม่กี่ก้าวพบศพผู้ชายบวมอืดสภาพปริแตกน่าสะอิดสะเอียนจดจำไม่ได้ว่าเป็นใครถูกกัดทึ้งด้วยคมเขี้ยวขนาดใหญ่เข้าที่กลางลำตัวจนขาดออกสองท่อน ดวงตาทั้งสองกระเด็นหลุดออกจากเบ้าปากอ้ากว้างมีเลือดที่กระจุกแห้งเป็นก้อนอยู่ภายใน

ทั้งร่องรอยสะบัดขย้ำซ้ำจนเครื่องในไหลกองทะลักรวมถึงเศษเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ เลือดที่แห้งกรังจนดำเป็นทางยาวมีรอยลากออกมาจากด้านในตลอดทางมีเศษซากติดไปตามต้นไม้ใบหญ้าราวอนุสรณ์ย้ำเตือนส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ แม้ศพจะไม่เหลือสภาพเดิมแต่ทั้งพ่อและแม่ก็จำชุดที่ลูกชายสวมใส่ตอนออกจากบ้านว่าจะมาล่าสัตว์ในป่านี้ได้แม้จะขาดวิ่นก็ตาม

ซึ่งนี่ไม่ใช่ศพสุดท้ายเพราะหลังจากนั้นก่อนประกาศเป็นเขตหวงห้ามเล่าขานจากรุ่นสู่รุ่นก็ยังมีพรานป่าอีกหลายคนที่อยากอวดอุตริคิดว่าตนเก่งมีวิชาแก่กล้ามากพอจึงเข้าไปล่ากลายเป็นผู้ถูกล่าจนกลายเศษเนื้อไร้ลมหายใจเสียเอง

ในฐานะพรานป่ารุ่นหลังล้วนเคร่งครัดจำเป็นต้องตักเตือนแต่ครั้งนี้คงทำได้เพียงส่ายหน้าอย่างเคร่งเครียดไปมาทั้งกำลังถูกความหวาดกลัวบีบรัดจิตใจจนแทบหายใจไม่ออก เรื่องอาถรรพ์ผืนป่าต้องห้ามไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาล้อเล่นกันได้หากไม่ใช่เพราะว่าต้องใช้เงินรักษาลูกสาวที่ป่วยโรคลิ้นหัวใจรั่วคงไม่รับงานนี้แน่นอน หรือควรปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตากันนะเขากลัวเหลือเกินว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่มีลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้

กลุ่มนักสำรวจสิบคนกับพรานจักรพากันเดินเข้าไปข้างในและขาดการติดต่อนานถึงครึ่งเดือนจนวันหนึ่งอยู่ๆพรานผู้นำทางวิ่งล้มลุกคลุกคลานออกมาพูดจาไม่รู้ความ ผมเผ้ายุ่งเหยิงรุงรังตามเนื้อตามตัวไม่เว้นกระทั่งใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบาดขีดข่วนเป็นแผลลึกทั้งเศษจากพวกกิ่งไม้ยังปักคา เลือดที่เคยไหลอาบเหลือเพียงร่องรอยแห้งกรังเกาะผิวหลังจากพาตัวไปรักษาทางการแพทย์เรื่องขาดสารอาหารอย่างรุนแรงระหว่างนั้นมีอาการเพ้อเผลอทำร้ายตัวเองจนต้องมัดติดกับที่กั้นเตียง พอออกจากโรงพยาบาลก็กลับมาทำพิธีเรียกขวัญตามความเชื่อโบราณจึงฟื้นคืนสติได้แม้ไม่เต็มร้อยก็ตาม

เมื่อเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตฝืนสำรวจพงไพรต้องห้ามกลับกลายเป็นว่าทีมกู้ภัยต้องเดินทางเข้ามาทำพิธีขอขมาผู้ปกปักษ์นิลคีรีโดยแลกกับสัตย์สาบานและเลือดจากกาย ปริมาณเท่ากับแก้วเป๊กเป็นเครื่องเซ่นบูชาเพื่อเข้าไปค้นหาผู้สูญหายเท่านั้นไม่ได้มาล่วงเกินใดๆ หากถามว่ารู้ได้อย่างไรว่าต้องใช้อะไรคงตอบไม่ได้เพียงแค่อยู่ๆก็เกิดนิมิตรเป็นมโนภาพขึ้นในหัวของทุกคนในทีมค้นหาเมื่อถึงปากทางทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัตตัง

เพียง 3 ชั่วโมงก็พบแล้วถึง 4 ศพ ในสภาพโดนพวกสัตว์ป่ากัดทึ้งเละเทะกระจัดกระจายเลือดสีแดงฉานที่เปลี่ยนเป็นสีดำแห้งติดไปตามต้นไม้ใบหญ้าส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง จดจำไม่ได้ว่าใครเป็นใครมีเพียงเสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้นเป็นเครื่องยืนยันอัตลักษณ์เบื้องต้นก่อนส่งไปแผนกนิติเวชเพื่อใช้ผลยืนยันทางนิติวิทยาศาสตร์คอนเฟิร์มอีกครั้งและอีก 6 ศพ ในสองชั่วโมงต่อมาสภาพที่ไม่ต่างกันจากอีกสองทีมที่แยกกันค้นหา

หลังจากนั้นก็มีเหตุการณ์ประมาณนี้เกิดขึ้นอีกสามครั้งแต่คนละพื้นที่ทางหน่วยงานจึงยกเลิกภารกิจสำรวจไม่ส่งทีมไหนเข้ามาอีกเลยรับรู้แค่เพียงว่ารุธิระสิงขร นิลคีรี อารัญไศล และภูศิขรินทร์ เป็นเพียงผืนป่าต้องห้ามสี่ทิศที่อุดมสมบูรณ์ล้อมอุทยานแห่งชาติพนาดรที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเดินป่าชมธรรมชาติอย่างใกล้ชิดพร้อมลานกางเต้นท์ปีละหนึ่งครั้ง โดยมีกฎเหล็กที่ต้องรู้คือห้ามเดินฝ่าแนวกั้นที่ทำไว้เด็ดขาดหากอยากมีชีวิตรอดกลับออกไปแบบมีลมหายใจ

ทั้งที่มีข้อห้ามชัดเจนแบบนั้นแต่ความอยากรู้อยากลองของมนุษย์ย่อมมีคนฝ่าฝืนเพียงคิดว่าแค่ลอดแนวกั้นยืนตรงนี้ไปไม่ไหนหรอกหรือแค่อยากถ่ายรูปโพสต์อวดในโซเชียลว่าครั้งหนึ่งก็เคยข้ามมาแล้วนะไม่เห็นจะตายอย่างเรื่องเล่าเลย

เสียงกรีดร้องท่ามกลางผืนป่าอันเงียบสงบกลับน่าแปลกที่ไม่มีใครนั้นได้ยินไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือเจ้าหน้าที่อุทยานซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักราวกับว่าไม่ต้องการให้ผู้ใดเข้ามาก้าวก่าย

พบอีกครั้งกลับกลายเป็นศพโดยที่ลำตัวส่วนบนอยู่ฝั่งอุทยานและลำตัวส่วนล่างพาดอยู่กับแนวกั้นฝั่งผืนป่าต้องห้ามในสภาพไร้ซึ่งการถูกทำร้ายทรัพย์สินทุกอย่างอยู่ครบแต่ดวงตากลับเบิกโพรง เลือดออกจากทวารทั้งเจ็ดจนเป็นที่โจษจันกันไปทั่วทำให้หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวที่มาทุกคนต่างรู้ดีว่าอย่าแม้แต่จะคิดเพียงนิดที่อยากละเมิด

หากมีใครสักคนได้รับการยอมรับจากฝืนป่าก็จะรู้ว่าด้านในกลับปรากฏหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่ซุกซ่อนตัวอยู่ที่นั่นมาช้านานเป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์ ครั้งหนึ่งเคยตกเป็นจำเลยสังคมว่าเป็นต้นเหตุของการเผาป่าทั้งที่จริงแล้วรอยไฟที่จุดเป็นเพียงแสงเล็กๆเพื่อกำจัดใบไม้ที่เริ่มทับถมกระตุ้นผิวหน้าดินเท่านั้น

ผู้ที่กระทำจริงๆคือกลุ่มผู้มีอิทธิพลสั่งการให้มือปืนไล่ฆ่าไม่สนแม้กระทั่งผู้หญิง คนแก่ หรือเด็กเล็กเพราะอยากกวาดล้างออกจากเส้นทางลำเลียงไม้เถื่อนและขนส่งยาเสพติดซึ่งใช้พรมแดนธรรมชาติตรงนี้เลี่ยงสายตาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพร้อมกับเผาทำลายหลักฐานเกิดเป็นกลุ่มไฟป่าลามลุกไหม้

จนมาเจอป่าใหญ่แห่งนี้ซึ่งผู้นำหมู่บ้านรุ่นแรกได้ทำข้อสัญญากับเจ้าอุรคแห่งผืนป่าแต่ละทิศที่ตนอยู่ว่าต้องจัดเครื่องเซ่นสังเวยให้ปีละหนึ่งครั้งเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมและสิ่งที่เอามาสังเวยต้องเป็นมนุษย์ตัวเป็นๆเท่านั้นเพียงหนึ่งคน

โดยเกณฑ์การเลือกในแต่ละปีจะให้แม่เฒ่าหรือพ่อเฒ่าผู้มีวิชาประจำหมู่บ้านประกอบพิธีกรรม ทำนายเลือกเหยื่อบูชายัญแน่นอนว่าทุกคนต่างภาวนาว่าในทุกๆปีนี้อย่าต้องเป็นตัวเอง

นิลคีรีพญางูใหญ่เจ้าแห่งป่าประจำทิศใต้ว่ากันว่าตัวสูงใหญ่กว่าต้นตาลมีเกล็ดสีดำมะเมื่อมดวงตาสีแดงเพลิงราวกับสีของทับทิมสยาม มีนิสัยเย่อหยิ่งเย็นชา และดุร้ายที่สุดในบรรดาผู้ปกปักษ์ทั้งสี่ทิศ ปรากฏตัวแค่ปีละหนึ่งครั้งที่ปากถ้ำในตอนมารับเครื่องเซ่นเท่านั้น

ชื่นชอบเสียงกรีดร้องที่น่าเวทนาจึงชอบเล่นสนุกกับความหวาดกลัวในใจมนุษย์แล้วค่อยจัดการเหยื่อตัวจ้อยทีหลัง แต่ไม่เคยมีใครเคยล่วงรู้ว่าเล่นแบบไหนหรือค่อยๆทรมานอย่างไร เพราะหลังจากที่มัดติดเสาด้านในปากถ้ำต่างก็รีบถอยออกมาก่อนที่เสียงทุกอย่างจะดังขึ้นอย่างน่าขนลุก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   เผ่าชะนอ

    ‘ชะนอ’ เป็นกลุ่มชนเผ่าชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ภายในผืนพนาต้องห้ามนิลคีรีแนวเขตติดกับอุทยานแห่งชาติพนาดรฝั่งทิศใต้ ในอดีตเคยหลบลี้เหล่าพวกเดนมนุษย์ที่รุกไล่ฆ่ากวาดล้างเพราะต้องการตัดไม้พะยูงกับไม้ชิงชันในพื้นที่หมู่บ้าน ผู้นำเผ่า ณ ขณะนั้นจึงรีบพาลูกบ้านที่เหลือรอดกลุ่มใหญ่เร่งเดินเท้าหนีออกมาโดยอาศัยความชำนาญในพื้นที่เพื่อหลบเลี่ยงการปะทะซึ่งๆหน้าเพราะมีแต่เสียเปรียบโดยมีเหล่าบรรดาชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อถ่วงเวลายื้อไว้ให้นานที่สุดแม้อาวุธมีเพียงแค่อุปกรณ์หาของป่าและทำเกษตรกรรมก็ตามซึ่งมันไม่ได้สูญเปล่าเพราะได้มาเจอกับป่านิลคีรีในอีกสามวันถัดมายามอาทิตย์อัสดงเมื่อเหยียบย่างข้ามเขตลักษณะเป็นป่าดงดิบผสมป่าเบญจพรรณทุกคนล้วนมองหน้ากันเพราะต่างก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่คนละมิติกับผืนป่าที่เคยอาศัย อีกหนึ่งความโชคดีคือคืนนี้ขึ้นสิบห้าค่ำทำให้แสงจันทร์เพ็ญกระจ่างส่องนำทางแทนการจุดคบไฟที่ทำให้ตกเป็นเป้าหมายของฝ่ายที่ตามล่าได้อยู่ๆสายลมรอบตัวที่เคยพัดอ่อนล้วนหยุดนิ่งทั่วทั้งพนาไร้เสียงเหล่าสรรพชีวิตน้อยใหญ่ เล่าขานต่อมาว่าพญางูยักษ์เกล็ดสีนิลสูงใหญ่กว่าต้นตาลชูคอปรากฏตัวขึ้นดักทา

    Last Updated : 2025-02-07
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   ชลทิตย์แปลว่าทะเล

    แสงแดดอ่อนส่องลอดผ่านใบไม้ที่กำลังขยับไหวเบาๆสร้างลวดลายสวยงามตกกระทบผ่านกระจกใสบานใหญ่บนชั้นสองของคาเฟ่ลงบนใบหน้ารูปไข่ คิ้วเข้มที่พาดเฉียงกำลังขมวดมุ่นแล้วคลายออกเป็นจังหวะเดียวกันกับแพขนตายาวขยับขึ้นลงเมื่อมองหน้าจอแท็บเล็ตสลับกับสมุดโน๊ตในมือเผยดวงตาหางหงส์สีน้ำตาลอ่อนชวนมองกำลังครุ่นคิดกับผมทูบล็อกสีเดียวกันฟูยุ่งเล็กน้อยเพราะตบตีกับตัวเองเนื่องจากกำลังคิดงานโลโก้ให้ลูกค้า เชิ๊ตสีดำที่สวมใส่อย่างสบายแม้จะมีรอยยับอันเกิดจากการขยับพิงพนักเก้าอี้กลับดูเข้ากันขับเน้นผิวขาวเนียนตามฉบับเชื้อสายจีนให้สว่างขึ้นไปอีกชลทิตย์หรือทะเล ขาดอีกหนึ่งวันก็จะครบ 25 ปีบริบูรณ์หรือที่คนไทยเรียกกันว่าวัยเบญจเพส นักออกแบบโลโก้บริษัทฟรีแลนซ์ผู้ชื่นชอบการเดินป่าตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยจุดเริ่มต้นเลยก็คือตอนเข้าค่ายอาสาบนดอยหลังจากนั้นเป็นต้นมาจึงเริ่มตามเก็บตราประทับอุทยานแห่งชาติแต่ละที่หลังเคลียร์งานเสร็จหากเพื่อนสนิทไม่ว่างไปด้วยเขาก็ไปกางเต้นท์เองคนเดียว ชายหนุ่มชื่นชอบการเดินป่าแม้ไม่ได้สะดวกสบายทั้งความลาดชันและความรกของพื้นที่ ไหนจะมีพวกยุงพวกทากแมลงต่างๆบางครั้งอุปกรณ์ป้องกันยังเอาไม่อยู่มีเล็

    Last Updated : 2025-02-07
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   อุทยานแห่งชาติพนาดรสู่ผืนป่าต้องห้ามนิลคีรี

    “ผ่านแล้ว เย้”อีกไม่กี่วันต่อมาชลทิตย์ส่งงานให้ลูกค้าเสร็จเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวันเพราะเจ้านี้ไม่ได้ปรับแก้ดีเทลอะไรเพิ่มเติมคอนเฟิร์มแบบทันทีที่ส่งภาพโลโก้ตามบรีฟกลับไปให้เมื่อวานเลยได้ออกไปซื้อของใช้บางอย่างที่ยังขาดเหลืออยู่สำหรับจัดลงกระเป๋าสัมภาระที่จะเเบกมาอุทยานตอนบ่ายในห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านปกติชายหนุ่มจะเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวหากว่าไปคนเดียวและถ้ามีไอ้พวกเพื่อนๆด้วยจะใช้รถบ้านของกันตพลหรือกรขับรับลมชมวิวสองข้างทางไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อนเจอจุดไหนน่าสนใจก็แวะ ส่วนตอนนี้อีกไม่ไกลเขาก็จะถึงอุทยานแห่งชาติพนาดรแล้วซึ่งชลทิตย์เดินทางออกมาจากบ้านตั้งแต่ตีห้าขับมาเรื่อยๆตามจีพีเอสที่ตั้งไว้ก็“อีก 200 เมตร เลี้ยวขวา”เมื่อเลี้ยวตามที่จีพีเอสบอกจากถนนสายหลักเปลี่ยนเป็นคอนกรีตที่แคบลงพอให้รถสองคันสวนทางกันได้สองข้างทางเป็นป่ายางสูงจากนั้นก็ต้องระมัดระวังมากขึ้นเพราะทางเริ่มเป็นถนนดิน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงปลายฝนเลยมีการทิ้งรอยเละของล้อรถยนต์บางคันก็น่าจะเคยติดหล่มความจริงแล้วอุทยานนั้นเข้าได้ทั้งหมดสี่ช่องทางส่วนที่ใก

    Last Updated : 2025-02-08
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   สับเปลี่ยนเครื่องเซ่น

    “กำลังจะมีงานเลี้ยงกันเหรอครับ”ชายหนุ่มถามขึ้นอย่างสงสัยมาหลังจากเข้ามาด้านในก็เห็นว่ามีการรวมตัวของชาวบ้านมากมายตรงลานกว้างซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดศูนย์กลางประกอบพิธีกรรมของหมู่บ้านมีการแบ่งหน้าที่ของใครของมัน อย่างพวกชายฉกรรจ์ที่แข็งแรงหน่อยก็ช่วยกันแบกแท่นขนาดใหญ่มาตั้งไว้ตรงกลางลานที่ตอนนี้ถูกประดับตกแต่งรอบๆอย่างสวยงามตามความเชื่อ บ้างก็ช่วยกันหุงหาอาหารส่วนทางนั้นก็มีกลุ่มหญิงสาวที่กำลังพับบายศรีการที่ทุกคนเห็นคนต่างถิ่นแปลกหน้าเข้ามาถึงด้านในนิลคีรีได้ย่อมสร้างความประหลาดใจเหมือนกับตอนที่กอหลิ่งเจอชลทิตย์ครั้งแรกและตกใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเสียงกระซิบกระซาบเป็นภาษาเผ่าจึงดังขึ้นแผ่วตลอดทางที่ผ่าน“ใช่ เป็นพิธีบูชาประจำเผ่าจัดขึ้นตอนเย็นเดี๋ยวคืนนี้เอ็งไปพักที่เรือนข้าแล้วกันเพราะอย่างไรข้าก็อยู่คนเดียวอยู่แล้วไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลยใช่หรือไม่”หนุ่มชาติพันธุ์พาร่างสันทัดเดินเลี่ยงเส้นทางตรงมายังบ้านของตนที่อยู่เกือบท้ายหมู่บ้านเพราะไม่อยากให้คนนอกรู้เห็นอะไรในเผ่ามากนัก ที่พามากลับมาก็เพราะคิดว่าอีกฝ่า

    Last Updated : 2025-02-08
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   หอมกลิ่นดอกราชาวดี [1]

    "อย่า!!!ไม่!!!!ไอ้งูสารเลว!!!!"อุรคหนุ่มได้แปลงกายจากงูยักษ์ตัวเขื่องเป็นมนุษย์สอดใส่แก่นกายผงาดตื่นตัวเต็มที่ปูดโปนไปด้วยเส้นเลือดน้อยใหญ่เข้ามาพร้อมกัน“เดี๋ยวเจ้าก็จะชอบมันเอง”“ใครมันจะไปชอบวะ เจ็บจะตายแล้วเนี่ยไอ้บ้าเอ้ย ฮึก”นัยน์ตาสีทับทิมวาววับมองมนุษย์ที่ใจกล้าก่นด่าผ่านม่านน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเพราะความเจ็บปวดจากการถูกชำแรกเข้าไปทีเดียวสองแท่งใหญ่แม้จะยังคงกดแช่ไว้ไม่ได้ขยับร่างสูงใหญ่กำยำผิวกายขาวผ่องไร้อาภรณ์เปียผมสีดำขลับยาวเลยบั้นท้ายแน่นหนั่นปลายผมประดับด้วยห่วงทองคำลายโบราณขยับแนบทั้งจมูกปากไล่สูดดมความหอมจากซอกคอไล้ไปมาขบเม้มตีตราอย่างถูกใจยิ่งร่างเนียนที่กำลังสั่นน้อยพยายามสะบัดหนียิ่งรุกไล่หนักขึ้นมือใหญ่ยกลูบไล้แก้มแผ่วเบาเช็ดคราบน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาคู่สวยกราดเกรี้ยวรอยยิ้มถูกจุดขึ้นที่มุมปากสายตาจับจ้องกลีบปากอิ่มที่เม้มเเน่นก่อนจับสันกรามของคนตรงหน้าบีบบังคับให้อ้าเผยอยิ่งต่อต้านแรงบีบยิ่งหนักขึ้นอย่างไม่คิดออมแรง“อื้อ!”เดิมทีชลทิตย์เป็นคน

    Last Updated : 2025-02-09
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   หอมกลิ่นดอกราชาวดี [2]

    ชลทิตย์รู้สึกตัวพร้อมกับความเมื่อยขบทั่วร่างช่องทางกลางกายไม่เจ็บแสบเพียงเคล็ดขัดเล็กน้อยและสัมผัสถึงแขนหนักที่พาดเอวแผ่นหลังชิดกับอกกว้าง พอลืมตาตื่นพบร่างสูงใหญ่ที่กำลังกอดเขาแน่นจมอกภาพการร่วมรักไหลย้อนกลับจำได้ทุกฉากรวมไปถึงความซาบซ่านยามถูกสัมผัสตีตราจนพาลหงุดหงิดทั้งด่างูบ้ากามในใจที่ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าให้ทั้งเขาและตัวเองจึงค่อยๆยกท่อนแขนหนักขึ้นเพื่อขยับออกแต่กลับไม่ได้ผลแม้สักนิดนี่แขนหรือท่อนซุงวะแถมกลับถูกกอดกระชับขึ้นอีกจากที่แน่นอยู่แล้วจนตอนนี้ขยับตัวไม่ได้หากชลทิตย์หันกลับมามองด้านหลังได้คงเห็นมุมปากที่กำลังยกรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สุดท้ายดิ้นขลุกขลักโวยวายเพราะบั้นท้ายกำลังเสียดสีส่วนแข็งขืนจนขนลุกเกลียว“ปล่อย! จะไปใส่เสื้อผ้า”เมื่อแขนหนักคลายแล้วขยับออกได้ดั่งใจจึงรีบลุกขึ้นมาถอยห่างทันทีเพราะกำลังรู้สึกว่าไม่ปลอดภัยอีกครั้งแต่ไม่พ้นเงื้อมมืออยู่ดี ต้นแขนถูกดึงจนตัวปลิวลอยหวือลงบนตักแกร่งหันมาเผชิญหน้ากับเจ้าของดวงตาสีแดงเพลิงทันที“ทำไมเล่าข้าชอบยามที่เจ้าไม่สวมใส่สิ่งใดเลยมา

    Last Updated : 2025-02-10
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   จงเลือกเอา

    สามชั่วโมงหลังจากที่ชลทิตย์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยที่อุทยานแห่งชาติพนาดรหลังวันเกิดลูกชายเพียงสองวันทั้งชรัสและกิรณาก็เดินทางกลับมาที่จังหวัดนครพนมอีกครั้งเพราะต้องมาต่องานพุทธศิลป์ที่ค้างไว้ให้วัดแห่งหนึ่งในอำเภอท่าอุเทน ในขณะที่กำลังวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังกันอยู่นั้นเสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนซึ่งวางไว้บนเก้าอี้ก็ดังขึ้น“ใครเหรอครับ”ชรัสเอ่ยถามภรรยาที่อยู่ตรงนั้นพอดี“เบอร์แปลกไม่ขึ้นชื่อนะคะ”“งั้นหนูรับให้พี่เลยครับอาจจะเป็นลูกค้าโทรมา”“ได้ค่ะ”โดยปกติแล้วทั้งสองคนไม่เคยมีลับลมคมในต่อกันแต่ก็ไม่เคยก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวของกันและกันหากอีกฝ่ายไม่อนุญาต“สวัสดีค่ะ อ๋อ ใช่ค่ะ”จากน้ำเสียงสุภาพเนิบนาบเปลี่ยนเป็นตระหนกขึ้นเล็กน้อยจนผู้เป็นสามีชะงักแปลกใจละมือจากงานที่กำลังทำอยู่หันไปมอง“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”สุดท้ายวิ่งมาประคองกิรณาที่ทรุดลงเพราะทรงตัวไม่อยู่สมาร์ทโฟนหลุดออกจากมือบางที่กำลังสั่นเทาชรัสจึงหยิบขึ้

    Last Updated : 2025-02-10
  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   เหลี่ยมมาเหลี่ยมกลับ

    หลังจากที่นิลคีรียอมหยุดทั้งมือที่ลูบคลำจมูกปากที่ซุกไซร้แต่โดยดีตามคำห้ามปรามกึ่งขอร้องของชลทิตย์เพราะชายหนุ่มไม่ไหวแล้วความเหนื่อยล้าเข้าถาโถมจนเปลือกตาหนักอึ้งและผลอยหลับไปอีกครั้งในที่สุด“อื้อ”รู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งกำลังจะบิดขี้เกียจยังไม่ทันได้ลืมตากลับรู้สึกว่าร่างกายถูกห่อหุ้มอบอุ่นด้วยอะไรสักอย่างทั้งหนักและขยับไม่ได้จึงพยายามพลิกตัวสุดท้ายแพขาตาหนาขยับเปิดออกเผยดวงตาสีน้ำตาลอ่อนง่วงงุนหงุดหงิดสิ่งแรกที่เห็นเลยก็คือหัวของสิ่งมีชีวิตสีนิลขนาดใหญ่ที่รูม่านตาหดตัวบ่งบอกพฤติกรรมว่ากำลังหลับพริ้มเกยชิดแนบไหล่ฝั่งซ้าย ม้วนขดลำตัวโดยให้คนตัวเล็กนอนอยู่ข้างบนและพาดส่วนที่เหลือบนเรือนกายมนุษย์ตัวหอมแทนผ้าห่มที่กองอยู่บนพื้นจนมิด ดวงตาคู่สวยหันมองพิจารณาตั้งแต่ส่วนหัวไล่ลงไปข้างล่างเกล็ดสวยจังถ้าตัวเล็กก็คงจะน่ารักดีอยู่หรอก ส่วนตอนนี้มันขยับไม่ได้เลยไงร่างกายตอนนี้เหมือนมัมมี่ขยับได้แค่ส่วนหัวหากเป็นคนอื่นก็คงหัวใจวายไปแล้วที่เจองูยักษ์เกล็ดสีดำมะเมื่อมน่าเกรงขามระยะประชิดแบบนี้ ทางด้านชลทิตย์ก็มีหวั่นใจบ้างกับขนาดตั

    Last Updated : 2025-02-11

Latest chapter

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   รอยยิ้มบนคราบน้ำตา (End)

    โลหิตฉานไหลหลั่งชโลมพื้นคำรามครืนคลื่นสายประกายไหววชิระทัณฑ์พาดฟาดก้องไกลสองสายใยโยงเพริศกำเนิดพรายกุดั่นแก้วแวววับระยับแสงทิวาแรงแซงแทรกแหวกธารสายหมอกสีชาดร้อยรัดกระหวัดกลายโอบกำจายเวียนวนล้นคณาราตรีอันมืดมิดและหม่นหมองค่อยๆถูกแทนที่ด้วยแสงแห่งอรุณรุ่งเสียงแว่วหวานขับขานของสกุณาดังขึ้น ความเงียบเดิมถูกเหล่าสรรพชีวิตในผืนป่าเริ่มออกมาใช้ชีวิตกันเป็นเรื่องปกติ บ้างออกล่าหาอาหาร บ้างลงเล่นน้ำในลำธารใส บ้างหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานแต่ไม่ใช่ที่ผืนพนาต้องห้ามทิศใต้อย่างนิลคีรีผลของทัณฑ์อสนีบาตจากฝีมืออรุคผู้ปกปักษ์นั้นทำให้เกือบทั้งป่าราบเป็นหน้ากลองสนั่นฟ้าสะเทือนดินลามไปจนสร้างความประหลาดใจไปถึงป่าต้องห้ามอีกสามทิศที่เหลือเกิดอะไรขึ้นที่นิลคีรี?สร้างความโกลาหลอย่างถ้วนทั่วทิ้งไว้เพียงเศษซากของต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่าจนหักโค่นลงจนล้มระเนระนาดบ้างก็ดำเป็นตอตะโกตายคาต้น รวมไปถึงสัตว์ป่าน้อยใหญ่ที่เคยหนีตายกันจ้าละหวั่นมีส่วนน้อยไม่อาจรอดจากสายฟ้าได้กลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้งไปทั่วบริเวณเพราะเพชรถวนาเคนทร์เปล่งประกายแสงคุ้มภัยทันเวลาไม่อย่างนั้นคงไม่เหลืออะไรให้ดูต่างหน้ากลายเป็นป่าที่ดับสูญก

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   ฤทัยร้อยชลาสินธุ์

    โครมอุกร่างสูงใหญ่ที่คล่อมทับร่างบางที่เหลือแค่โจงนุ่งเป็นปราการสุดท้ายที่กำลังจะถูกถอดก็มีเสียงดังขึ้นจากทางหน้าต่างพร้อมพรรวินท์ลอยหวือไปกระแทกพื้นปรากฏเชือกพันธนาการรอบตัวหมัดหนักถูกกระแทกเข้าที่ใบหน้าพร้อมกลางอกถูกถีบจนล้มกลิ้งไปกับพื้นอีกครั้ง “พี่อยู่นี่”ร่างสูงของอุรคหนุ่มตรงเข้าไปหยิบแพรผืนใหญ่คลุมกายโอบกอดชายคนรักที่กำลังร้องไห้เนื้อตัวสั่นเทาแน่น“ทะ..ท่านจะรังเกียจข้าหรือไม่ ฮึก”มือหนาเช็ดน้ำตาบนแก้มนวลกุมใบหน้าหวานให้เงยขึ้นมอง“ฟังพี่หนาคนที่น่ารังเกียจคือไอ้ยูงทองชั่วนั่นต่างหาก น้ำตาของเจ้านั้นกำลังทำให้พี่นั้นเจ็บปวดใจยิ่ง”พูดจบปากหยักสีอ่อนจรดทาบทับกลีบปากอิ่มนุ่มนวลก่อนผละออกไปกระทืบตัวต้นเรื่องด้วยสถานะของอีกฝ่ายจึงได้เพียงแค่สั่งสอน ทั้งที่ฆ่ามันได้เพียงแค่พลิกฝ่ามือแต่นิลคีรีเลือกที่จะสะกดกลั้นความเดือดดาลของตน เพราะมันจะกลายเป็นชนวนสงครามระหว่างฝั่งเหนือกับฝั่งใต้ทันทีนำพาความเดือดร้อนมาสู่ผู้บริสุทธิ์จึงทำได้แค่สั่งสอนให้หนักและเนรมิตให้รอยช้ำหายไปหลังจากเสร็จสิ้นก็ถีบส่งพรรวินท์เข้าห้องตัวเองไปเดินทางออกนอกนครฝั่งเหนือเมื่อใดวันนั้นคือวันตายของพวกเจ้าทั้

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   ยูงทองน้อยผู้งดงาม

    เมื่ออุรคหนุ่มก้าวเท้าออกมาจากภายในถ้ำอสนีสีหนาทก็พบว่าด้านนอกนั้นเปลี่ยนแปลงไปมากโข ในความทรงจำเมื่อหนึ่งพันสองร้อยปีก่อนไม่รกครึ้มและเต็มไปด้วยเถาวัลย์น้อยใหญ่ถึงเพียงนี้ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้ไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาช้านานแล้วนิลคีรีหลับตาเพ่งสมาธิดูก็พบอีกอย่างว่าอุรคที่เคยอาศัยยังป่าหิมพานต์ได้ย้ายออกไปด้านนอกจนหมดไม่หลงเหลือผู้ใดแล้วก็คงมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่เป็นงูเพียงหนึ่งเดียวอีกทั้งด้านนอกดูแปลกตาไปหมดหอมนักเป็นกลิ่นของดอกไม้ชนิดใดกันทันทีที่หายตัวออกมาถึงด้านหน้าพ้นป่าที่รกชัฏกลับได้กลิ่นหอมของดอกไม้ลอยลมมา“สมน้ำหน้า เจ้าพวกกินนรนิสัยไม่ดีชอบรังแกผู้อื่นดีนัก”ปึก “อ๊ะ”ในขณะที่นิลคีรีกำลังหาต้นตอของกลิ่นอยู่นั้นก็ถูกร่างอรชรของยูงทองหนุ่มที่วิ่งหนีพวกกินนรเกเรสามตน หลังจากไปแอบขว้างก้อนหินใส่ตอนที่กำลังรุมแกล้งกินนรผู้หนึ่งอยู่จนพวกมันหัวแตกเลือดอาบแต่ไม่ได้มองทางข้างหน้าเลยชนเข้าเต็มอกของอุรคหนุ่ม วงแขนแกร่งคว้าเอวบางทันท่วงทีก่อนจะร่วงลงไปกองกับพื้น“เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่”คนที่รู้สึกราวกับว่าชนกำแพงเหล็กเงยหน้าขึ้นถามคนตัวโตเพราะเขาเป็นคนผิดที่ไม่มองทางเองตึกหั

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   อุรคน้อยผู้ต่ำต้อย

    บ่ายวันหนึ่งในแดนหิมพานต์ฝั่งทิศตะวันออกเปลือกไข่สีครีมใบสุดท้ายถูกกระเทาะออกจนเกิดเป็นรอยร้าวและแตกในที่สุด สิ่งมีชีวิตตัวเล็กจิ๋วค่อยๆเผยดวงตาสีแดงใสแจ๋วโผล่พ้นออกมางูน้อยตัวสีดำสนิทได้ลืมตาขึ้นเป็นวันแรกในป่าหิมพานต์ แต่สีกลับผิดแผกจากบรรดาพี่น้องตนอื่นที่มีดวงตาสีมรกตรับกับสีเกล็ดที่ขาวสว่างนวล จากวันแรกเด็กน้อยแสนสดใสเพราะได้เห็นโลกกว้างมองดูสิ่งมีชีวิตอื่นในป่าหิมพานต์ต่างพากันเล่นสนุกสนานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ผิดจากเขาที่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีผู้ใดอยากเล่นด้วยเพียงเพราะว่ามีเกล็ดสีดำจึงถูกมองว่าตัวกาลกิณีนำพาความโชคร้ายมาสู่ตน ไม่เว้นแม้กระทั่งในครอบครัวที่ถูกเลือกปฏิบัติราวกับคนแปลกหน้า บรรดาพี่น้องทั้งห้าตนที่สีเดียวกันต่างเลือกเล่นกันเองโดยไม่สนใจและกีดกันงูน้อยตัวจิ๋วสีดำที่มองด้วยสายตาเศร้าสร้อยออกจากวงโคจร“ท่านแม่กลับมาแล้ว” “ต่อไปห้ามเรียกข้าว่าแม่ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหรือลับหลังผู้อื่น” แม้กระทั่งที่ไม่มีสิทธิ์เรียกผู้ให้กำเนิดว่าแม่เลยด้วยซ้ำเพราะในใจอุรคสูงใหญ่ตรงหน้าคิดว่าคงมีงูตนใดแอบเอามาใส่ไว้เป็นแน่เขาผิดหรือที่กำเนิดมาไม่เหมือนใคร ฮึก เหตุใดพวกท่านจึงไม่รักข้าบ้

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   ดวงใจองค์นาเคนทราช

    มหาสมุทรฝั่งตะวันออกอยู่ในการปกครองขององค์จักเรศวรนาคราชกษัตริย์นักรบตระกูลกัณหาโคตมะผู้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความปรีชาและเก่งกาจชำนาญการรบมามากมาย มเหสีคู่พระทัยเพียงหนึ่งเดียวก็คือพระนางจันทราภาวดีนาคราชสีทองตระกูลวิรูปักษ์ ทั้งสองมีพระโอรสหนึ่งพระองค์ที่เกิดแบบโอปปาติกะที่เปรียบดั่งลูกไม้ใต้ต้นถอดแบบผู้เป็นบิดามาแทบทั้งหมดทั้งความปรีชาและยึดมั่นในรักเดียว“เจ้าพี่ท่านทำสิ่งใดอยู่หรือ”“คันศรอันใหม่จากหินศิลากาฬที่เจ้าอยากได้อย่างไรเล่า”“ทำไมถึงตามใจข้าอยู่เรื่อยเลยจนข้าเสียนิสัยแล้วรู้หรือไม่”หนึ่งใบหน้าคมคายสันกรามชัดคิ้วเข้มพาดเฉียงรับกับตาคมดุจเหยี่ยวสีรัตติกาลที่กำลังมองคนตรงหน้าด้วยความเอื้อเอ็นดูปากหยักยกยิ้มยามเห็นอีกฝ่ายบ่นว่าเขาตามใจจนเสียนิสัยแต่กลับตาเป็นประกายทุกครั้งที่ได้ของถูกใจ “งั้นคราวนี้เจ้าต้องให้รางวัลพี่แทนแล้วหนา”“ท่านประสงค์สิ่งใดหากข้าหาได้ย่อมไม่อิดออดเป็นแน่ สัญญา”หนึ่งใบหน้ารูปไข่ทั้งงดงามและสลักเสลาในคนๆเดียวคิ้วเข้มรับกับแพขนตาหนาดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนจมูกโด่งรั้นปากอิ่มสีชมพูอ่อนเอื้อนเอ่ยรับปากคนพี่“เป็นสิ่งที่เจ้านั้นหาได้ง่ายมาก” “จริงหรือ งั้นเจ

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   หวนคืนสู่ทิวากาล

    หลังจากอสูรกายปีซอดับสูญบุคคลที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคงหนีไม่พ้นเจ้าของตำหนักราพณาลัยจากตอนแรกที่มองดูผลงานหลังจากฟาดแส้ใส่นิลคีรีด้วยความสะใจ ในระหว่างที่รออสูรกายใต้อาณัติไปพาตัวชายหนุ่มเจ้าของดวงตาคู่สวยสีน้ำตาลอ่อนมาเล่นสนุกแต่แล้วอยู่ๆก็รู้สึกปวดร้าวขึ้นที่เบ้าตาขวาอย่างรุนแรง “อึก ไอ้งูเวรมึงทำอะไรกู อ๊าก”ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีควันบุหรี่ที่ถือแส้อาลัมพายน์ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นหน้าตาบิดเบี้ยวเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนเด่นชัด เสียง‘โพล๊ะ’ดังขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ยกกุมที่ตาข้างขวาเลือดสีแดงฉานทะลักอาบย้อมเปรอะเปื้อนเล็ดลอดออกมาตามง่ามนิ้วไหลยาวลงไปตามหลังมือไม่มีทีน่าว่าจะหยุดง่ายๆ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นยิ่งเมื่ออยู่ภายในถ้ำปิดไร้ช่องลมด้วยแล้วกลับยิ่งสะท้อนหนักดังก้องกว่าปกติ สายใยที่ถูกสะบั้นจึงรับทันทีรู้ว่าอสูรกายที่ตนส่งไปยังเป้าหมายถูกทำลายแล้วสิ้นจนเป็นฝุ่นผงไม่เหลือเศษเสี้ยววิญญาณแม้แต่น้อย หากเป็นในยามปกติแล้วนั้นเมื่อใดที่กายสามานย์ถูกทำลายจนดับสูญจิตวิญญาณย่อมแตกสลายแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงถูกชำระจนสะอาดใสได้เช่นนี้ส่วนกระแสจิตที่เชื่อมใส่เมื่อใดที่ตัดสะบ

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   แผนการถูกทำลาย

    เพลินพาเจ้าพาทะเลหนีไปซ่อนตัวที่บึงสัตตบงกชเดี๋ยวนี้!บึงสัตตบงกชที่นิลคีรีเอ่ยถึงเป็นบึงบัวขนาดใหญ่แนวเขตติดต่อกับผืนป่าต้องห้ามรุธิระสิงขรในบึงจะมีบัวที่สามารถบรรจุห่อหุ้มคนได้สองถึงสี่คนกระจายคละไซซ์ออกดอกอย่างสวยงามเพื่อหลบซ่อน ทั้งยังมีสายพลังงานบริสุทธิ์คอยปกป้องไหลเวียนเพียงแค่ตรงจุดนั้นมีพวกสัตว์มีพิษเยอะมากไม่เหมาะสมต่อสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นให้อาศัย จึงเป็นสาเหตุที่ไม่ได้พาคนเด็กกว่าไปตั้งแต่แรกอีกอย่างก็ไม่คาดคิดว่าไอ้พวกเดนมนุษย์มันจะเหลือรอดจากน้ำมือและเขาไม่ได้สาหัสแบบนี้ ข้าห้ามท่านทะเลไม่ได้ขอรับเกิดอะไรขึ้นอสูรกายกลายเป็นฝุ่นผงเพียงแค่มองสบตาข้าถามว่าทะเลอยู่ที่ใดเพลินพา ข้าถาม ท่านนิลคีรีข้าห้ามไม่ได้…จากตอนแรกที่สื่อสารทางจิตด้วยโทนเสียงเรียบขรึมสะกดข่มความเจ็บปวดทั้งจากแส้อาลัมพายน์และอาการทรมานจากคำสาปที่ส่งผลหนักในวันนี้มากที่สุดเพื่อให้ผู้ที่อยู่ใต้อาณัติพาชลทิตย์ไปหลบยังสถานที่ที่ปลอดภัย หลังเพลินพาบอกเล่าเหตุการณ์นิลคีรีรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไรชอบกลยิ่งนาคราชหนุ่มอ้ำอึ้งด้วยแล้วนั้นความร้อนรนในจิตใจยิ่งนัก หากถามว่าพวกเดรัจฉานวิชาที่เจ้าของตำหนักราพณาลัยส่งผล

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   พลาดท่า

    “ไอ้หมอผีอัปรีย์มึงอย่าคิดหวังว่าจะเข้ามาได้”ทันทีที่สิ้นสุดน้ำเสียงทรงอำนาจที่สะท้อนดังไปทั่วทั้งผืนป่าก็ปรากฏเงาร่างอุรคสีนิลตัวใหญ่ยักษ์ดวงตาสีแดงเพลิงราวกับสีของทับทิมสยามวาววับ นิลคีรีผู้ปกปักษ์ผืนป่าต้องห้ามทิศใต้เอาลำตัวยาวเข้ามาขวางข้างหน้าภูสิงห์และเพลินพาเอาไว้คลายบ่วงบาศที่พันธนาการทั้งสองออกพร้อมทำลายจนสิ้น“เพลินพาเจ้าจงไปปกป้องทะเลส่วนภูสิงห์เจ้าไปดูแลเพชรถวนาเคนทร์ห้ามให้ผู้ใดมาฉกฉวยได้หากย้อนกลับมาข้าจะลงโทษพวกเจ้าให้จงหนัก”ไม่รอฟังคำตอบจากผู้อยู่ใต้อาณัติแต่ส่งไปยังปลายทางทันทีเพราะรู้ดีว่าทั้งสองอยากจะช่วยนายเหนือหัวและต้องการปฏิเสธแต่ตอนนี้หัวใจหลักของผืนป่ากับหัวใจของอุรคหนุ่มกำลังตกอยู่ในอันตรายอีกไม่นานจะถูกค้นพบ “ยอมออกมาแล้วเหรอไอ้งูผี กล้ามากนะที่กันพวกมันออกไปแต่ไม่เป็นไรอีกไม่นานก็ต้องตกตายไปพร้อมมึงอยู่แล้ว ไม่สิกูต้องให้มึงตายเป็นคนสุดท้ายมองดูหายนะที่เกิดขึ้นในป่าแห่งนี้ทั้งหมดด้วยตาตัวเอง”จิณณ์เงยหน้ามองกายสูงใหญ่ด้วยท่าทีไม่เกรงกลัวทั้งยังเหยียดหัวเราะอย่างถือดีก่อนจะกลิ้งหลบสายอัสนีบาตที่ส่งมาจากฝีมือของนิลคีรีอีกหลายๆครั้งก็กัดฟันกรอดบริภาษอีกฝ่าย

  • นิลคีรี อุรคแห่งผืนป่าต้องห้ามทิศใต้   บุกนิลคีรี

    ภายใต้ม่านน้ำตกขนาดใหญ่เป็นโถงกว้างเดิมเป็นเพียงถ้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติแต่ทว่ากลับสวยงามราวกับประติมากรรมภาพวาดด้วยริ้วเส้นสีแดงสลับทองทอลวดลายแปลกประหลาดอยู่ตรงผนังถ้ำทั้งความอบอุ่นยังแผ่ซ่านในอกตั้งแต่ยังไม่ก้าวเข้ามาด้านใน ตอนนี้นิลคีรีได้เนรมิตจากถ้ำเปล่าเปลี่ยนเป็นที่พักผ่อนใหม่ให้กับเจ้าของกลิ่นกายหอมที่กำลังหลับพริ้มในอ้อมกอดเขา อุรคหนุ่มจรดปากหยักลงบนหน้าผากมนพร้อมกระชับวงแขนแม้ยามนี้ความเจ็บปวดทางกายกำลังเข้าจู่โจมอย่างหนักแต่บรรเทาแทบหมดสิ้นเมื่ออยู่ใกล้ดอกราชาวดีแสนเย้ายวนตรงหน้า“...คิดถึง”“ทะเล ทะเล”แต่แล้วคนตัวเล็กที่ปกตินอนหลับสนิทถึงเช้านอกเหนือจากวันนั้นที่ร้องไห้โดยไม่ทราบสาเหตุอยู่ๆก็กระสับกระส่ายไปมากลางดึกพร้อมกับละเมอออกมา วันนี้เป็นคืนแรกที่ย้ายมานอนก่อนคืนเดือนดับแค่เพียงพ้นเที่ยงคืนไปเท่านั้นไม่ว่าปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่นจึงคิดเข้าไปยังห้วงจิตเพื่อดึงชลทิตย์ออกจากความฝัน“ทำไม…ฮึก”อึกนอกจากพลังของอุรคผู้ปกปักษ์มีไม่มากพออีกทั้งยังถูกสายพลังสีทองที่โอบล้อมคนในอ้อมกอดนั้นต่อต้านจับตรึงทั้งตัวจนเขาขยับไม่ได้“ปล่อย!”ในขณะที่ร่างแกร่งกำลังฟาดฟันด้วยความเดื

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status