“คุณชายลู่ นี่มันจะไม่..”
“นางพึ่งมีเรื่องที่จวนอ๋องมา ข้าพอเข้าใจนางได้ขอรับ ฮูหยินไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมารับนางเองขอรับ เพื่อป้องกันมิให้นางถูกรังแกอีก และป้องกันตัวนางมิให้ถูกลงโทษเรื่องขัดราชโองการด้วย หวังว่าฮูหยินคงเข้าใจ โปรดให้ความร่วมมือกับข้าด้วยขอรับ”
“คุณชายลู่มิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะให้นางไปงานนี้เอง ข้าจะอธิบายให้นางเข้าใจเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณฮูหยิน เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”
“ท่านแม่ ลูกได้ยาตัวใหม่มาเจ้าค่ะ เจ้าแก่เจียงบอกว่า…นี่ท่านมาทำอะไรที่นี่”
นางมองเขาอย่างตกใจ นางไม่ทันเจอพ่อบ้าน จึงไม่มีใครแจ้งนางว่าท่านแม่มีแขก
“เหยาเหยา อย่าเสียมารยาทกับคุณชายลู่”
“เหตุใดไปไหนก็เจอแต่เจ้าหน้าขาวนี่กันนะ”
“คุณหนูใหญ่ เจ้าว่าอย่างไรนะขอรับ”
“เปล่าเจ้าค่ะ เห็นว่าท่านจะกลับแล้วนี่เจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ”
“เหยาเหยา!!”
สายตานางหม่นลงเล็กน้อยเมื่อถูกมารดาดุ ลู่จื่อหยางที่พึ่งเห็นว่านางเจออะไรมาที่จวนอ๋อง และยังกลับบ้านมาเจอท่านแม่ดุอีก เขาจึงรีบบอก
“ฮูหยิน ถ้าอย่างไร ให้คุณหนูใหญ่เป็นผู้ไปส่งข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้าจะได้พูดกับนางเกี่ยวกับเรื่องวันพรุ่งนี้ด้วย”
“ขอบคุณคุณชายลู่ รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ เหยาเหยา ไปส่งคุณชายลู่ด้วย แล้วอย่าเสียมารยาทเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
แม้นางจะอยากขัดใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งมารดา ก่อนจะหันมามองหน้าผู้ที่ยืนยิ้มรอนางไปส่งอยู่
“คุณชายลู่ เชิญเจ้าค่ะ”
เขาเดินออกไป นางจึงเดินตามออกไป เขาโบกพัดเป็นสัญญาณให้ผู้ติดตามหลีกทางไป และหันมาบอกนาง
“แม่นางไป๋ ข้ามาถึงนี่หลายวันแล้ว ถ้าอย่างไร เจ้าพาข้าเดินชมเจียงหยางหน่อยได้หรือไม่”
“คุณชายลู่ ข้ารับปากท่านแม่เพียงแค่มาส่งท่านนะเจ้าคะ เรื่องอื่น มิได้บอกเอาไว้”
นางกำลังเดินหันหลังก่อนที่เขาจะบอกนางพร้อมกับโบกพัดในมือเบาๆ
“ถ้าหากว่าฮูหยินไป๋ทราบว่าเจ้าแอบลอบเข้าหอนางโลมและ...”
นางรีบหันมาเอามือบางปิดปากเขาไว้ เขานึกตกใจ หัวใจเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นกายนางที่ต้องจมูกเขาทำเอาเขาใจสั่นอย่างประหลาดใจ ก่อนที่นางจะปล่อยมือและจับแขนเขาลากออกไปจากจวน
“ท่านตามข้ามานี่ เร็วๆ เข้า”
เขามองตามมือที่นางจับอย่างรู้สึกอบอุ่นใจแปลกๆ เขาปล่อยให้นางจับมือเขาเดินออกจากจวนไป จนถึงหน้าจวนก่อนจะรีบสะบัดมือเขาออก และมองเข้าไปว่ามีผู้ใดตามมาหรือไม่
“ท่านห้ามบอกใครเรื่องที่เจอข้าที่หอนางโลมเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”
“แม่นางไป๋ ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ เจ้าคงต้องมีค่าปิดปากนะ”
“นี่ท่าน..!!…ฮึ่มมม….โอ๊ยย!!”
นางสะบัดหน้าด้วยความโมโห ก่อนที่เขาจะหลุดขำกับท่าทีที่น่ารักนั้นของคนตรงหน้า
“ท่านว่ามา อยากให้ข้าทำสิ่งใดให้”
“พาข้าเดินเที่ยวอย่างไรล่ะ แล้วก็งานในวันพรุ่งนี้...”
“ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าไม่ไป ท่านก็ได้ยินแล้ว ในห้องโถงนั่น”
“ข้าแจ้งเรื่องนี้ไปกับฮูหยินแล้ว สตรีทุกคนต้องเข้าร่วม เลี่ยงไม่ได้ เป็นราชโองการ ยิ่งเจ้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของหลิวอ๋อง เรื่องนี้ยิ่งต้องไป”
“ข้ามิได้เกี่ยวข้องอะไรกับจวนหลิวอ๋อง”
“ชื่อเจ้ามีอยู่ในเทียบเชิญ หากมิไปนั่นเท่ากับขัดราชโองการ เจ้าอยากให้ท่านแม่เจ้าเดือดร้อนเพราะเจ้างั้นหรือ”
“ท่านขู่ข้า”
“เปล่า ข้ามิได้ขู่เจ้า มิกล้าทำแบบนั้นด้วย เพียงแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้พวกเจ้าต้องโทษโดยไม่จำเป็น เชื่อข้าเถอะ ข้าบอกฮูหยินแล้วว่าจะส่งคนมารับเจ้า และอารักขาเจ้าตลอดงาน”
“ข้าไปเองได้ ท่านไม่ต้องส่งใครมาหรอก ข้าไม่สะดวก”
“เจ้าแน่ใจหรือ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่กล้าไปเสียมากกว่าน่ะสิ เจ้าอาจจะกลัวพบกับคุณหนูรอง หรือชายารอง…”
“ใครว่าข้ากลัวพวกนาง เชอะ อย่างข้า ไปที่ใดไม่เคยกลัวใคร พรุ่งนี้ข้าจะไปเอง ท่านไม่ต้องส่งคนมา เอาตามนี้”
“หากว่าเจ้าไม่ไป...”
“มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ไป เพ้อเจ้อ ข้าไปแน่ ท่านปู่บอกแล้วว่าถ้าเบื่อก็แค่ไปนั่งกับท่านปู่”
เขายิ้มออกมาได้ ทำเอานางที่ยืนท้าทายเขาอยู่ รู้สึกใจสั่นอย่างประหลาด ก่อนที่นางจะเบือนหน้าหนีเขา ไม่ให้เขาจับอาการนางได้
“เขาจะหน้าตาดีแค่ไหนก็อย่าได้หวั่นไหวสิ ใจเย็นๆ ซินเหยา”
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“เปล่าๆ เอาล่ะ คุณชายลู่ เอาเป็นว่า ข้าจะพาท่านเดินเที่ยวตลาด ที่นี่มีสินค้ามากมายทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องประทินโฉม นั่น ของโปรดข้า ถังหูลู่ เดี๋ยวข้ามา”
“เดี๋ยว รอข้าด้วยสิ”
“ท่านเดินช้า มาเร็วเดี๋ยวเขาจะเดินไปอีกตรอก เดี๋ยวไม่ทัน”
นางจับมือเขาก่อนจะพาเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่พ่อค้าขนมหวาน และก็ทันพอดีก่อนที่พ่อค้าจะเลี้ยวไป นางซื้อมาสองไม้ เขาเป็นผู้จ่ายเงินให้นาง
“ค่านำเที่ยว”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านลองชิมดูสิ”
“คือข้าไม่ค่อยชอบของหวาน เชิญเจ้าตามสบายเลย”
“งั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ไปกันเจ้าค่ะ ข้างหน้านั้น ร้านขายของเล่น”
นางพาเขาเดินจนทั่วตลาด จนตอนนี้เริ่มคอแห้งแล้ว ก่อนที่นางจะพาเขาแวะที่โรงน้ำชาเฟิงหยวน
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่ แม่นางไป๋ เอ่อ ข้าเรียกเจ้าว่าซินเหยาได้หรือไม่”
“ได้ทั้งนั้นแหละ เป็นสหายกันแล้วนี่เจ้าคะ ท่านชื่ออะไรนะคุณชายลู่”
“เรียกข้าว่า พี่จื่อหยางก็ได้”
“พี่จื่อหยาง ได้ พี่จื่อหยางท่านอยากไปที่ใดอีกหรือไม่”
“ข้าอยากนั่งพักก่อน เจ้าไม่ได้รีบไปไหนใช่หรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“ข้าอยากถามเจ้าหน่อย วันนั้น ที่ข้าเจอเจ้าที่หอ...”
นางรีบเอามือปิดปากเขาพร้อมกับยกมือให้สัญญาณบอกว่าหยุดพูด
“ท่านอย่าพูดไปสิ ท่านนี่อย่างไรกัน เอะอะก็พูดถึงแต่เรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่วันนั้นท่าน…”
นางพูด พร้อมกับมองหน้าเขา เหมือนเขาเองก็เริ่มนึกออก ทั้งคู่จึงเบือนหน้าไปคนละทางก่อนที่จื่อหยางจะยกชาขึ้นมาดื่มเพื่อเบี่ยงความสนใจ นางเริ่มขยับชุดพัดเพราะร้อน
“เจ้าร้อนหรือ ใช้พัดข้าดีหรือไม่”
“มะ ไม่เจ้าค่ะ ไม่รบกวน”
“ตกลงว่าเจ้า วันนั้น ไปที่นั่นทำไม”
“วันนั้นข้ารับงานมา ให้ไปขโมย..”
“หา นี่เจ้าเป็นขโมย”
“ชู่ววว ท่านนี่ยังไงกัน เงียบๆ สิ อยากให้ข้าถูกจับหรืออย่างไร”
“ก็เจ้าพึ่งจะบอกว่า...”
“ฟังให้จบสิเจ้าทึ่ม”
“เจ้าว่าใครทึ่ม...”
“ท่านจะฟังหรือไม่”
“ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษ คือว่า ข้ารับงานมา ให้ไปขโมยปิ่นทองกลับคืน เพราะสามีชั่วของนาง ขโมยเอาไปให้นางรำที่หอหงอี้เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปคนเดียวงั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าทำเรื่องแบบนี้บ่อย แต่ขโมยของให้เจ้าของนะ มิใช่ไปขโมยผิดกฎหมาย”
“แล้วไป แล้ววันนั้น เจ้าออกมาจากหอนั่นได้อย่างไร”
“ข้าสวมชุดท่านออกมาอย่างไรล่ะ พวกนางก็คงคิดว่าข้าพึ่งไปหานางโลมมา เลยไม่ได้สงสัย ข้าก็แค่เดินออกมาเฉยๆ”
“แล้วหากวันนั้นมิใช่ข้าที่อยู่ในห้องนั้น เจ้าจะ…”
“ศิษย์น้องซินเหยา”
เสียงเรียกของบุรุษ ทำให้นางหันไปมองทันที
“ศิษย์พี่จินเย่”
เว่ยจื่อหยางขมวดคิ้วทันทีเมื่อมีบุรุษมาทักทายนางต่อหน้าเขา ก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นมองผู้มาใหม่
“ดีใจจริง ๆ ที่เจอเจ้าที่นี่ พวกข้าพึ่งลงมาจากสำนักเพื่อร่วมงานที่จวนอ๋องในวันพรุ่งนี้น่ะ”
“โถ่ก็นึกว่าใคร ที่แท้ ศิษย์นอกคอกที่ถูกขับออกมาจากสำนักนี่เอง”
“ฟางหรู เจ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อ”
“ข้าพูดผิดหรือศิษย์พี่ ท่านเองก็รักษากิริยาหน่อย เจ้าด้วย อยู่ห่างๆ พวกเราไว้”
“พวกเจ้านี่อย่างไรกันนะ ทั้ง ๆ ที่ข้าอยู่ที่ร้านนี้ก่อนเจ้า เข้ามาก่อนพวกเจ้า และคนที่ทักข้าก็เป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้า มิใช่ข้า เจ้าเดือดร้อนอันใด ความอิจฉาน่ะ เก็บเอาไว้ในใจบ้าง มันเด่นหราบนใบหน้าเจ้าเลยฟางหรู นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลย อายพวกศิษย์น้องเจ้าบ้าง”
“นี่เจ้า หุบปากนะ นังคนทรยศ ลักลอบฝึกวิชานอกรีตแล้วยังมีหน้า…”
“ฟางหรู ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก”
ซินเหยากำหมัดแน่น มองไปที่ฟางหรูอย่างไม่พอใจและเดือดดาลเต็มที ก่อนที่ลู่จื่อหยางจะเป็นผู้ที่ออกมาช่วยนางไว้ และจับมือนางในใจเย็นๆ ซินเหยามองเขาแวบหนึ่ง จึงยอมคลายมือ เขาจับมือนางที่ชุ่มเหงื่อเอาไว้
“ขออภัยทุกท่าน พวกท่านคือ…”
“คุณชายท่านนี้คือ...”
“ข้าลู่จื่อหยาง ตัวแทนองค์ไท่จื่อจากราชสำนัก รับคำสั่งมาจัดการเรื่องงานเลี้ยงพรุ่งนี้ พวกท่านคือ...”
เจินฟางหรูมองเว่ยจื่อหยางอย่างที่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่รูปงามเช่นนี้มาก่อน ก่อนที่ซ่งจินเย่จะเป็นผู้แนะนำตัวเอง
“ข้าน้อยซ่งจินเย่ และศิษย์ในสำนักเพ่ยเฉิง รับคำสั่งอาจารย์มาร่วมในงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ขอรับ”
“อ้อ เช่นนั้นก็เชิญพวกท่านตามสบาย ข้ากับซินเหยาหมดธุระที่นี่แล้ว ขอตัวก่อน”
“ขอบคุณคุณชายลู่”
เขาจับมือนางเดินออกจากร้านไป โดยไม่ได้หันมามองพวกเขาอีก ฟางหรูซึ่งแต่เดิมเกลียดซินหยางอยู่แล้ว ยิ่งนึกเกลียดเพิ่มมากขึ้นไปอีกที่เห็นว่าชายที่นางต้องตาถึงกับจับมือนางออกจากร้านไป……
เมื่อเดินออกมาจนพ้นโรงน้ำชาแล้ว ซินเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือกลับ ทำเอาลู่จื่อหยางมองกลับไปหานาง ก่อนที่เขาจะถามอย่างใคร่รู้ว่านางไปมีเรื่องอะไรกับคนกลุ่มนั้น“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกเขางั้นหรือ”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกชอบหาเรื่อง”“ข้ามีเวลาพร้อมจะฟัง แล้วอีกอย่าง งานพรุ่งนี้ หากพวกเขาเข้าร่วมจริง ๆ ข้าก็ต้องหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะฉะนั้น ซินเหยา เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเสียดีๆ”นางมองหน้าเขาที่ใช้เหตุผลที่สวยหรูมาบังคับให้นางเล่า ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่อยากจำ และลืมไปนานแล้วตั้งแต่ลงจากเขาเซียนซี“ข้าเคยเรียนที่สำนักเพ่ยเฉิง ที่เขาเซียนซีมา แต่ด้วยวิชาบางอย่างที่ข้าฝึกมันไม่เหมือนวิชาที่พวกเขาเรียนรู้ ฟางหรูนางจึงหาเรื่องข้า ให้ข้าแสดงวิชาที่เรียนจากที่อื่นออกมาและใส่ร้ายหาว่าข้าฝึกวิชานอกรีต และฟ้องอาจารย์ให้ขับไล่ข้าออกจากสำนัก”“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้า แล้ววิชาที่เจ้าฝึก คือวิชาใดกันล่ะ”“สุดท้ายอาจารย์ก็มิได้ไล่ข้าเจ้าค่ะ แต่นางอาศัยความเป็นศิษย์พี่เหมือนกับศิษย์พี่จินเย่ นางเลยยุให้ศิษย์ร่วมสำนักมารังแกข้าหลายครั้ง อาจารย์จึงเรียกข้าไปสอนด้วยตัวเอง เมื่อข้าเรียนจ
“แต่ในเมื่อนางมิได้บอกว่านางกับบุรุษผู้นั้นเป็นอะไรกัน เหตุใดต้องลือกันไปเองว่านาง…”“ข่าวลือมักมีที่มา หากไม่มีเค้าโครง มีหรือจะมีคนพูดถึง”“หากนางถูกขับไล่ออกจากสำนัก เหตุใดเจ้าสำนักจึงมิได้มีการประกาศออกมาแจ้ง มีแค่เพียงข่าวเล่าลือออกมา”“เรื่องนี้ข้าก็มิทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คงกลัวว่าสำนักจะเสียชื่อเสียงกระมังเจ้าคะ ถึงได้ปิดข่าว”เขาคิดดูแล้วสิ่งที่นางพูดมิใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้ เพียงแค่เหมือนนางเลือกที่จะเล่าเพียงข้อเสียของซินเหยาให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ วิชาที่นางฝึกมิใช่วิชานอกรีดแต่อย่างใด เป็นเพียงวิชาการเรียกและควบคุมสัตว์เท่านั้น เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหาได้ยาก และนางก็เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ทำได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้สตรีตรงหน้าเขาไม่พอใจไป๋ซินเหยา“แม่นางเจิน พรุ่งนี้ข้ายังมีธุระต่อ คืนนี้คงต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณที่ร่วมทานอาหารกับข้า”“ขอบคุณคุณชายลู่มากกว่าเจ้าค่ะ ที่อุตส่าห์เลี้ยงอาหารค่ำข้า”“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เขาเดินไปถึงห้องก่อนที่จะพบว่าเสี่ยวหลุนมารอเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว“เจ้าไปสืบมาได้ไวปานนั้นเชียว”“ขอรับ”“ว่ามาสิ”น่าแป
นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”“หลีกไป”ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”“อาเหยา หยุดนะ!!”“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหั
“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”“ข้าบอกให้เอาคืนมา”“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”“ปล่อยข้านะ”นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก“ปล่อยข้านะ”เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"“ข้า
ห้องพักของเขาที่เงียบสงบ ซิินเหยาค่อยๆ เดินเข้าไป นางเริ่มค้นหาขลุ่ยของนาง ก่อนที่คนที่กำลังอาบน้ำด้านในจะออกมาพบ นางค่อยๆ เปิดดูแต่ละที่ ก่อนจะหันมาพบกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองนางอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาของด้วยวิธีแบบนี้”นางมองเขาที่สวมแค่ชุดนอน เสื้อที่แหวกกว้างเกือบจะเห็นแผงอกกว้างของเขาทำเอานางลอบกลืนน้ำลาย นางเลือกมาเวลานี้เพราะคิดว่าเขาจะต้องหลับแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาแค่ยังอาบน้ำอยู่เท่านั้น“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ”เขาแกว่งขลุ่ยสีเขียวอ่อนของนางไปมา“เอาคืนมา”“หากข้าไม่ให้ล่ะ”นางเริ่มใช้วิชาวิหคภูษาอีกครั้ง แต่เขาไม่หลงกล เขาหลบหลีกนางได้อย่างง่ายดาย วิชาตัวเบาของเขาแกร่งกว่า เร็วกว่านางมากนัก ก่อนที่เขาจะมาจับที่เอวคอดนางไว้ได้อย่างง่ายดาย“ซินเหยา เรามาต่อรองกันหน่อยดีไหมหากเจ้าแย่งขลุ่ยไปจากข้าได้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”“ได้อยู่แล้ว ท่านทำตามคำพูดด้วยก็แล้วกัน”“แต่หากเจ้าแย่งไปไม่ได้...”“ไม่มีทาง…ข้าไม่มีทางแพ้ท่าน”“แล้วหากเจ้าแย่งไม่ได้เล่า”“เจ้าต้องยอมเป็นของข้า”“คนชั่ว หน้าไม่อาย ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน”“แสดงว่าเจ้ารับคำท้าแล้วนะ
“ลู่จื่อหยาง เจ้าคนสารเลว ปล่อยนะ”“อย่าดิ้น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะซินเหยา”“ท่านก็เอามันออกสิ”“ซินเหยา เราข้ามขั้นตอนนั้นมาไกลแล้วล่ะ ตอนนี้ อื้ออ เหลือแค่…”ซินเหยาเองก็รู้ตัวว่ามันสายไปแล้วเพราะเจ้าแท่งแกร่งนั้นเข้าไปในร่างนางจนมิดทำเอานางรู้สึกจุก และนอกจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนสงวนนั้นจะฉีกขาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกความรู้สึกที่ปนเข้ามาไม่รู้ว่าแบบไหนที่มากกว่ากัน“ซินเหยา พร้อมนะ ข้าจะเริ่มขยับแล้ว อาาา แน่นมาก ซินเหยา อาาา”หญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกไป นางไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ของนางก็เตลิดไปพร้อม ๆกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบางทีอาจจะทนไม่ไหว เมื่อแรงปรารถนาของชายหนุ่ม กับคำพูดหวานหูนั้นลอยเข้าหูนางมาเรื่อย ๆ“อาาา เหยาเหยา ช่างน่ารักนัก เจ้า อื้มมม อาาา อย่าเกร็ง เจ้าลองสัมผัสกับมัน ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ”“คนบ้า อ๊ะ อย่าจับนะ”เขาจับมือนางที่เอาขึ้นมาบังหน้าอกอิ่มของตัวเอง ก่อนจะกางแขนนางออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเพื่อจัดการยอดถันสีชมพูนั้นอีกครั้งพร้อมกับขยี้ตรงยอดนั้นด้วยความเร็ว ซินเหยาซึ่งอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางทนไม่ไหว
ช่องเขาเซียนซี “แย่แล้วโจรภูเขา มันหลอกให้เรามาติดกับ คุ้มครองคุณชายเร็วเข้า”เสียงทหารม้าที่อยู่หน้าขบวนรถม้าตะโกนมาเพื่อให้ทุกคนคุ้มกัน“ฆ่ามัน”…. บนเนินเขาใกล้ๆ กัน ….“เสียเวลาที่สุด นี่มันแค่กำไลหยกขาวธรรมดา ด้านล่างนั่นเสียงอะไรกัน”ไป๋ซินเหยามองลงไปเบื้องล่าง ตรงที่นางยืนอยู่ สามารถเห็นเหตุการณ์ด้านล่างได้ชัดเจน“โจรงั้นหรือ เฮ้อ เอาสิ ช่วยเสียหน่อย ไหน ๆ ก็เซ็งมาทั้งวันแล้ว เผื่อได้ของดีรถม้านั่น ดูไม่ธรรมดาเลย”“ถอยก่อน พวกมันมาช้าเกินไป”“เสี่ยวหลุน ถอยไป ข้าเอง”“แต่ว่า..”“ถอย…”มีดบินเล็กๆ กระจายออกไป ก่อนที่จะทยอยปักไปที่คอของโจรป่าชุดดำที่เข้าโจมตี ความว่องไวของมีดบินนั้นทำให้ไป๋ซินเหยามองดูอย่างตื่นเต้น“โอ้ เก่งนี่นา งั้นขอเป็นผู้ชมอย่างเดียวก็พอ”บุรุษชุดสีเงินมัดรัดเกล้าสีเงินที่เข้ากับชุดที่ดูสง่างามท่านกลางโจรป่าที่เริ่มถอยกรูดเขาร่องเขา ก่อนที่เขาจะใช้วิชาดาบเข้าต่อสู้ กระบวนท่าที่แสดงออกมาทำเอาซินเหยานึกเลื่อมใส ทั้งเร็ว และแม่นยำ ผิดกับเพลงดาบสำนักเพ่ยเฉิงที่นางฝึกมา สุดท้ายพวกโจรป่าส่งสัญญาณเรียกพวกมันมาเพิ่ม ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มสู้ไม่ไหว“แย่แล้ว”ไป๋ซินเหย
“เถ้าแก่ กำไลนี่ ได้สักเท่าไหร่ อย่าโก่งราคานะ ไม่งั้นข้าจะตัดนิ้วเจ้า”“ขอรับๆ แหม คุณหนูอย่าใจร้อน ขอข้าดูหน่อยสิ”เถ้าแก่รับกำไลหยกขาวเนื้อดีนั้นไปดูก่อนจะตีราคามาให้“ห้าร้อยตำลึง”“อะไรกัน นี่มันหยกขาว หายากราคาแพงเถ้าแก่ อย่างน้อยๆ หากข้าเอาไปให้เถ้าแก่เถาที่ร้านตรอกข้าหน้า อย่างน้อยๆ เขาน่าจะให้ข้าสัก สองพันตำลึง เอาแบบนี้ หากท่านไม่เอา ข้าไปขายให้เขาสักพันห้าก็แล้วกัน”“แม่นางๆๆ เดี่ยวๆ แหะๆๆ อย่าพึ่งใจร้อนซี่ นะๆ ใจเย็นๆ ใจร่มๆ เมื่อครู่ข้าอาจจะตรวจดูไม่ถี่ถ้วน เอาแบบนี้ ในฐานะที่เราค้าขายกันมานาน ข้าให้เจ้า พันสามร้อยตำลึง เต็มที่แล้ว ห้ามต่อรอง”“เฮ้อ เถ้าแก่ เห็นว่าเป็นท่านหรอกนะ ข้าก็ไม่อยากไปผูกมิตรกับร้านอื่น ของดีๆ ข้าก็เอามาให้ท่านก่อน ก็ได้ๆ พันสามร้อย จ่ายสดเท่านั้นนะ”“รู้แล้วๆ เอานี่เงินของแม่นาง แล้ววันหลังอย่าลืมนะ มีของดีมาแวะหาข้าก่อน”“ได้ๆ ข้าไปล่ะ”“หยกขาว หึหึ อย่างน้อยต้องขายต่อได้สักสองหรือสามพันล่ะ เนื้องามจริงๆ”ไป๋ซินเหยาเดินออกมาจากร้านรับซื้อและจำนำสินค้า ก่อนจะหอบเงินเดินไปตามทาง นางมิได้ต้องการเงินมากมายขนาดนั้น และนางก็รู้ว่าสินค้าแต่ละอย่างมีค่า
“ลู่จื่อหยาง เจ้าคนสารเลว ปล่อยนะ”“อย่าดิ้น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะซินเหยา”“ท่านก็เอามันออกสิ”“ซินเหยา เราข้ามขั้นตอนนั้นมาไกลแล้วล่ะ ตอนนี้ อื้ออ เหลือแค่…”ซินเหยาเองก็รู้ตัวว่ามันสายไปแล้วเพราะเจ้าแท่งแกร่งนั้นเข้าไปในร่างนางจนมิดทำเอานางรู้สึกจุก และนอกจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนสงวนนั้นจะฉีกขาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกความรู้สึกที่ปนเข้ามาไม่รู้ว่าแบบไหนที่มากกว่ากัน“ซินเหยา พร้อมนะ ข้าจะเริ่มขยับแล้ว อาาา แน่นมาก ซินเหยา อาาา”หญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกไป นางไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ของนางก็เตลิดไปพร้อม ๆกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบางทีอาจจะทนไม่ไหว เมื่อแรงปรารถนาของชายหนุ่ม กับคำพูดหวานหูนั้นลอยเข้าหูนางมาเรื่อย ๆ“อาาา เหยาเหยา ช่างน่ารักนัก เจ้า อื้มมม อาาา อย่าเกร็ง เจ้าลองสัมผัสกับมัน ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ”“คนบ้า อ๊ะ อย่าจับนะ”เขาจับมือนางที่เอาขึ้นมาบังหน้าอกอิ่มของตัวเอง ก่อนจะกางแขนนางออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเพื่อจัดการยอดถันสีชมพูนั้นอีกครั้งพร้อมกับขยี้ตรงยอดนั้นด้วยความเร็ว ซินเหยาซึ่งอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางทนไม่ไหว
ห้องพักของเขาที่เงียบสงบ ซิินเหยาค่อยๆ เดินเข้าไป นางเริ่มค้นหาขลุ่ยของนาง ก่อนที่คนที่กำลังอาบน้ำด้านในจะออกมาพบ นางค่อยๆ เปิดดูแต่ละที่ ก่อนจะหันมาพบกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองนางอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาของด้วยวิธีแบบนี้”นางมองเขาที่สวมแค่ชุดนอน เสื้อที่แหวกกว้างเกือบจะเห็นแผงอกกว้างของเขาทำเอานางลอบกลืนน้ำลาย นางเลือกมาเวลานี้เพราะคิดว่าเขาจะต้องหลับแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาแค่ยังอาบน้ำอยู่เท่านั้น“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ”เขาแกว่งขลุ่ยสีเขียวอ่อนของนางไปมา“เอาคืนมา”“หากข้าไม่ให้ล่ะ”นางเริ่มใช้วิชาวิหคภูษาอีกครั้ง แต่เขาไม่หลงกล เขาหลบหลีกนางได้อย่างง่ายดาย วิชาตัวเบาของเขาแกร่งกว่า เร็วกว่านางมากนัก ก่อนที่เขาจะมาจับที่เอวคอดนางไว้ได้อย่างง่ายดาย“ซินเหยา เรามาต่อรองกันหน่อยดีไหมหากเจ้าแย่งขลุ่ยไปจากข้าได้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”“ได้อยู่แล้ว ท่านทำตามคำพูดด้วยก็แล้วกัน”“แต่หากเจ้าแย่งไปไม่ได้...”“ไม่มีทาง…ข้าไม่มีทางแพ้ท่าน”“แล้วหากเจ้าแย่งไม่ได้เล่า”“เจ้าต้องยอมเป็นของข้า”“คนชั่ว หน้าไม่อาย ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน”“แสดงว่าเจ้ารับคำท้าแล้วนะ
“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”“ข้าบอกให้เอาคืนมา”“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”“ปล่อยข้านะ”นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก“ปล่อยข้านะ”เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"“ข้า
นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”“หลีกไป”ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”“อาเหยา หยุดนะ!!”“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหั
“แต่ในเมื่อนางมิได้บอกว่านางกับบุรุษผู้นั้นเป็นอะไรกัน เหตุใดต้องลือกันไปเองว่านาง…”“ข่าวลือมักมีที่มา หากไม่มีเค้าโครง มีหรือจะมีคนพูดถึง”“หากนางถูกขับไล่ออกจากสำนัก เหตุใดเจ้าสำนักจึงมิได้มีการประกาศออกมาแจ้ง มีแค่เพียงข่าวเล่าลือออกมา”“เรื่องนี้ข้าก็มิทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คงกลัวว่าสำนักจะเสียชื่อเสียงกระมังเจ้าคะ ถึงได้ปิดข่าว”เขาคิดดูแล้วสิ่งที่นางพูดมิใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้ เพียงแค่เหมือนนางเลือกที่จะเล่าเพียงข้อเสียของซินเหยาให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ วิชาที่นางฝึกมิใช่วิชานอกรีดแต่อย่างใด เป็นเพียงวิชาการเรียกและควบคุมสัตว์เท่านั้น เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหาได้ยาก และนางก็เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ทำได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้สตรีตรงหน้าเขาไม่พอใจไป๋ซินเหยา“แม่นางเจิน พรุ่งนี้ข้ายังมีธุระต่อ คืนนี้คงต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณที่ร่วมทานอาหารกับข้า”“ขอบคุณคุณชายลู่มากกว่าเจ้าค่ะ ที่อุตส่าห์เลี้ยงอาหารค่ำข้า”“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เขาเดินไปถึงห้องก่อนที่จะพบว่าเสี่ยวหลุนมารอเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว“เจ้าไปสืบมาได้ไวปานนั้นเชียว”“ขอรับ”“ว่ามาสิ”น่าแป
เมื่อเดินออกมาจนพ้นโรงน้ำชาแล้ว ซินเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือกลับ ทำเอาลู่จื่อหยางมองกลับไปหานาง ก่อนที่เขาจะถามอย่างใคร่รู้ว่านางไปมีเรื่องอะไรกับคนกลุ่มนั้น“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกเขางั้นหรือ”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกชอบหาเรื่อง”“ข้ามีเวลาพร้อมจะฟัง แล้วอีกอย่าง งานพรุ่งนี้ หากพวกเขาเข้าร่วมจริง ๆ ข้าก็ต้องหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะฉะนั้น ซินเหยา เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเสียดีๆ”นางมองหน้าเขาที่ใช้เหตุผลที่สวยหรูมาบังคับให้นางเล่า ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่อยากจำ และลืมไปนานแล้วตั้งแต่ลงจากเขาเซียนซี“ข้าเคยเรียนที่สำนักเพ่ยเฉิง ที่เขาเซียนซีมา แต่ด้วยวิชาบางอย่างที่ข้าฝึกมันไม่เหมือนวิชาที่พวกเขาเรียนรู้ ฟางหรูนางจึงหาเรื่องข้า ให้ข้าแสดงวิชาที่เรียนจากที่อื่นออกมาและใส่ร้ายหาว่าข้าฝึกวิชานอกรีต และฟ้องอาจารย์ให้ขับไล่ข้าออกจากสำนัก”“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้า แล้ววิชาที่เจ้าฝึก คือวิชาใดกันล่ะ”“สุดท้ายอาจารย์ก็มิได้ไล่ข้าเจ้าค่ะ แต่นางอาศัยความเป็นศิษย์พี่เหมือนกับศิษย์พี่จินเย่ นางเลยยุให้ศิษย์ร่วมสำนักมารังแกข้าหลายครั้ง อาจารย์จึงเรียกข้าไปสอนด้วยตัวเอง เมื่อข้าเรียนจ
“คุณชายลู่ นี่มันจะไม่..”“นางพึ่งมีเรื่องที่จวนอ๋องมา ข้าพอเข้าใจนางได้ขอรับ ฮูหยินไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมารับนางเองขอรับ เพื่อป้องกันมิให้นางถูกรังแกอีก และป้องกันตัวนางมิให้ถูกลงโทษเรื่องขัดราชโองการด้วย หวังว่าฮูหยินคงเข้าใจ โปรดให้ความร่วมมือกับข้าด้วยขอรับ”“คุณชายลู่มิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะให้นางไปงานนี้เอง ข้าจะอธิบายให้นางเข้าใจเจ้าค่ะ”“ขอบคุณฮูหยิน เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”“ท่านแม่ ลูกได้ยาตัวใหม่มาเจ้าค่ะ เจ้าแก่เจียงบอกว่า…นี่ท่านมาทำอะไรที่นี่”นางมองเขาอย่างตกใจ นางไม่ทันเจอพ่อบ้าน จึงไม่มีใครแจ้งนางว่าท่านแม่มีแขก“เหยาเหยา อย่าเสียมารยาทกับคุณชายลู่”“เหตุใดไปไหนก็เจอแต่เจ้าหน้าขาวนี่กันนะ”“คุณหนูใหญ่ เจ้าว่าอย่างไรนะขอรับ”“เปล่าเจ้าค่ะ เห็นว่าท่านจะกลับแล้วนี่เจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ”“เหยาเหยา!!”สายตานางหม่นลงเล็กน้อยเมื่อถูกมารดาดุ ลู่จื่อหยางที่พึ่งเห็นว่านางเจออะไรมาที่จวนอ๋อง และยังกลับบ้านมาเจอท่านแม่ดุอีก เขาจึงรีบบอก“ฮูหยิน ถ้าอย่างไร ให้คุณหนูใหญ่เป็นผู้ไปส่งข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้าจะได้พูดกับนางเกี่ยวกับเรื่องวันพรุ่งนี้ด้วย”“ขอบคุณคุณชายลู่ รบกวนท่า
“ข้าแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ชายาเอก ลูกสะใภ้ที่ท่านภูมิใจหนักหนากลับเล่นชู้จนต้องระเห็จออกจวนอ๋องไปมิใช่หรือเจ้าคะ”"ฟิ้วว เพี๊ยะ เพี๊ยะ"“อาเหยา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”นางหันไปมองหน้าหลิวอ๋อง ก่อนที่ลู่จื่อหยางจะมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนึกสนใจแต่เขาไม่พูดอะไร เขาหันไปมองหน้าซินเหยา ที่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะโกรธมากจนถึงมากที่สุด สายตาที่มองไปที่ชายาหลิวอ๋องที่ล้มอยู่ที่พื้นนั้นยากจะคาดเดาความรู้สึกได้“หากเจ้ากล้าว่าท่านแม่ข้าอีกแม้คำเดียว เจ้าก็เตรียมตัวจัดงานศพได้เลย”“เพี๊ยะ”“เป่าเฉิง!!” “ท่านอ๋อง โปรดยั้งมือด้วย นางเป็นสตรี”ลู่จื่อหยางมองกลับมาที่ซินเหยา สายตานางที่ว่าน่ากลัวแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะบรรยายไม่ออกเลยว่านางรู้สึกเช่นไร ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหานางอย่างลืมตัว“คุณหนูใหญ่ เจ้า..”“ข้าชื่อไป๋ซินเหยา ข้ากับจวนสกุลหลิวมิได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ท่านปู่ ขออภัยที่หลานคงมิได้มาร่วมงานด้วยในครั้งนี้ และคงไม่มาเหยียบที่นี่อีก ท่านปู่ รักษาตัวด้วยเจ้าค่ะ”“อาเหยา เดี๋ยว อาเหยา”ซินเหยาเดินออกมาจากจวนโดยมิได้หันกลับไปมองอีก“หึ ในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะให้เกียรตินาง ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติข้า
“หึ น่าสนใจ”“คุณชายขอรับ”“เสี่ยวหลุน เจ้าหาชุดใหม่ให้ข้าทีข้าจะกลับแล้ว”“เอ่อ แต่ว่า...”“เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ...”“ขอรับ”เขาจัดหาชุดใหม่มาให้เว่ยจื่อหยางก่อนที่เขาจะสวมชุดให้คุณชายเรียบร้อยและออกจากหอนางโลม เสี่ยวหลุนอดที่จะถามไม่ได้“คุณชาย ชุดของท่านเล่าขอรับ”“โดนเอาไปน่ะ”“เป็นไปได้อย่างไรกัน ชุดนั่นอยู่ในห้องอาบน้ำนะขอรับ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”“แต่ว่าคุณชาย แล้วตอนนี้ร่างกายของท่าน…”“ข้าสบายดี สบายมาก ๆเลยล่ะ ไม่เคยรู้สึกตัวเบาแบบนี้มาก่อนเลย”“นี่มันแปลกเกินไปนะขอรับ หรือว่าสระน้ำเย็นที่หอหงอี้นั่น จะสามารถช่วยท่านจากโรคนี้ได้”“หึ ไม่ใช่สระนั่นหรอกแต่เป็นอย่างอื่น ไปกันเถิด”“อย่างอื่น ….”“บ้าจริง เสียรู้จนได้”ไป๋ซินเหยาเดินไปตามทางที่นัดหมายเอาไว้ ก่อนที่จะไปเคาะรถม้า“นี่ของของท่าน”นางรับเข้าไปในรถม้า และยื่นตั๋วเงินห้าพันตำลึงที่ตกลงเอาไว้ให้ออกมาให้ไป๋ซินเหยา“นี่เงินของเจ้า ขอบใจเจ้ามาก”“ไม่เป็นไร ข้าขอตัวก่อน”“ออกรถ”สตรีในรถม้าสั่งให้รถม้าวิ่งออกจากที่นั่นทันที ก่อนที่ซินเหยาจะเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับถอดชุดบุรุษที่ตัวหลวมมากสำหรับนางทิ้งในถัง ก่อนจะดึงขึ้นม