“คุณชายลู่ นี่มันจะไม่..”
“นางพึ่งมีเรื่องที่จวนอ๋องมา ข้าพอเข้าใจนางได้ขอรับ ฮูหยินไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมารับนางเองขอรับ เพื่อป้องกันมิให้นางถูกรังแกอีก และป้องกันตัวนางมิให้ถูกลงโทษเรื่องขัดราชโองการด้วย หวังว่าฮูหยินคงเข้าใจ โปรดให้ความร่วมมือกับข้าด้วยขอรับ”
“คุณชายลู่มิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะให้นางไปงานนี้เอง ข้าจะอธิบายให้นางเข้าใจเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณฮูหยิน เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”
“ท่านแม่ ลูกได้ยาตัวใหม่มาเจ้าค่ะ เจ้าแก่เจียงบอกว่า…นี่ท่านมาทำอะไรที่นี่”
นางมองเขาอย่างตกใจ นางไม่ทันเจอพ่อบ้าน จึงไม่มีใครแจ้งนางว่าท่านแม่มีแขก
“เหยาเหยา อย่าเสียมารยาทกับคุณชายลู่”
“เหตุใดไปไหนก็เจอแต่เจ้าหน้าขาวนี่กันนะ”
“คุณหนูใหญ่ เจ้าว่าอย่างไรนะขอรับ”
“เปล่าเจ้าค่ะ เห็นว่าท่านจะกลับแล้วนี่เจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ”
“เหยาเหยา!!”
สายตานางหม่นลงเล็กน้อยเมื่อถูกมารดาดุ ลู่จื่อหยางที่พึ่งเห็นว่านางเจออะไรมาที่จวนอ๋อง และยังกลับบ้านมาเจอท่านแม่ดุอีก เขาจึงรีบบอก
“ฮูหยิน ถ้าอย่างไร ให้คุณหนูใหญ่เป็นผู้ไปส่งข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้าจะได้พูดกับนางเกี่ยวกับเรื่องวันพรุ่งนี้ด้วย”
“ขอบคุณคุณชายลู่ รบกวนท่านแล้วเจ้าค่ะ เหยาเหยา ไปส่งคุณชายลู่ด้วย แล้วอย่าเสียมารยาทเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
แม้นางจะอยากขัดใจ แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งมารดา ก่อนจะหันมามองหน้าผู้ที่ยืนยิ้มรอนางไปส่งอยู่
“คุณชายลู่ เชิญเจ้าค่ะ”
เขาเดินออกไป นางจึงเดินตามออกไป เขาโบกพัดเป็นสัญญาณให้ผู้ติดตามหลีกทางไป และหันมาบอกนาง
“แม่นางไป๋ ข้ามาถึงนี่หลายวันแล้ว ถ้าอย่างไร เจ้าพาข้าเดินชมเจียงหยางหน่อยได้หรือไม่”
“คุณชายลู่ ข้ารับปากท่านแม่เพียงแค่มาส่งท่านนะเจ้าคะ เรื่องอื่น มิได้บอกเอาไว้”
นางกำลังเดินหันหลังก่อนที่เขาจะบอกนางพร้อมกับโบกพัดในมือเบาๆ
“ถ้าหากว่าฮูหยินไป๋ทราบว่าเจ้าแอบลอบเข้าหอนางโลมและ...”
นางรีบหันมาเอามือบางปิดปากเขาไว้ เขานึกตกใจ หัวใจเขาเริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นกายนางที่ต้องจมูกเขาทำเอาเขาใจสั่นอย่างประหลาดใจ ก่อนที่นางจะปล่อยมือและจับแขนเขาลากออกไปจากจวน
“ท่านตามข้ามานี่ เร็วๆ เข้า”
เขามองตามมือที่นางจับอย่างรู้สึกอบอุ่นใจแปลกๆ เขาปล่อยให้นางจับมือเขาเดินออกจากจวนไป จนถึงหน้าจวนก่อนจะรีบสะบัดมือเขาออก และมองเข้าไปว่ามีผู้ใดตามมาหรือไม่
“ท่านห้ามบอกใครเรื่องที่เจอข้าที่หอนางโลมเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่”
“แม่นางไป๋ ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ เจ้าคงต้องมีค่าปิดปากนะ”
“นี่ท่าน..!!…ฮึ่มมม….โอ๊ยย!!”
นางสะบัดหน้าด้วยความโมโห ก่อนที่เขาจะหลุดขำกับท่าทีที่น่ารักนั้นของคนตรงหน้า
“ท่านว่ามา อยากให้ข้าทำสิ่งใดให้”
“พาข้าเดินเที่ยวอย่างไรล่ะ แล้วก็งานในวันพรุ่งนี้...”
“ข้าก็บอกไปแล้วว่าข้าไม่ไป ท่านก็ได้ยินแล้ว ในห้องโถงนั่น”
“ข้าแจ้งเรื่องนี้ไปกับฮูหยินแล้ว สตรีทุกคนต้องเข้าร่วม เลี่ยงไม่ได้ เป็นราชโองการ ยิ่งเจ้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของหลิวอ๋อง เรื่องนี้ยิ่งต้องไป”
“ข้ามิได้เกี่ยวข้องอะไรกับจวนหลิวอ๋อง”
“ชื่อเจ้ามีอยู่ในเทียบเชิญ หากมิไปนั่นเท่ากับขัดราชโองการ เจ้าอยากให้ท่านแม่เจ้าเดือดร้อนเพราะเจ้างั้นหรือ”
“ท่านขู่ข้า”
“เปล่า ข้ามิได้ขู่เจ้า มิกล้าทำแบบนั้นด้วย เพียงแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้พวกเจ้าต้องโทษโดยไม่จำเป็น เชื่อข้าเถอะ ข้าบอกฮูหยินแล้วว่าจะส่งคนมารับเจ้า และอารักขาเจ้าตลอดงาน”
“ข้าไปเองได้ ท่านไม่ต้องส่งใครมาหรอก ข้าไม่สะดวก”
“เจ้าแน่ใจหรือ แต่ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่กล้าไปเสียมากกว่าน่ะสิ เจ้าอาจจะกลัวพบกับคุณหนูรอง หรือชายารอง…”
“ใครว่าข้ากลัวพวกนาง เชอะ อย่างข้า ไปที่ใดไม่เคยกลัวใคร พรุ่งนี้ข้าจะไปเอง ท่านไม่ต้องส่งคนมา เอาตามนี้”
“หากว่าเจ้าไม่ไป...”
“มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะไม่ไป เพ้อเจ้อ ข้าไปแน่ ท่านปู่บอกแล้วว่าถ้าเบื่อก็แค่ไปนั่งกับท่านปู่”
เขายิ้มออกมาได้ ทำเอานางที่ยืนท้าทายเขาอยู่ รู้สึกใจสั่นอย่างประหลาด ก่อนที่นางจะเบือนหน้าหนีเขา ไม่ให้เขาจับอาการนางได้
“เขาจะหน้าตาดีแค่ไหนก็อย่าได้หวั่นไหวสิ ใจเย็นๆ ซินเหยา”
“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“เปล่าๆ เอาล่ะ คุณชายลู่ เอาเป็นว่า ข้าจะพาท่านเดินเที่ยวตลาด ที่นี่มีสินค้ามากมายทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ และเครื่องประทินโฉม นั่น ของโปรดข้า ถังหูลู่ เดี๋ยวข้ามา”
“เดี๋ยว รอข้าด้วยสิ”
“ท่านเดินช้า มาเร็วเดี๋ยวเขาจะเดินไปอีกตรอก เดี๋ยวไม่ทัน”
นางจับมือเขาก่อนจะพาเขากึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่พ่อค้าขนมหวาน และก็ทันพอดีก่อนที่พ่อค้าจะเลี้ยวไป นางซื้อมาสองไม้ เขาเป็นผู้จ่ายเงินให้นาง
“ค่านำเที่ยว”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านลองชิมดูสิ”
“คือข้าไม่ค่อยชอบของหวาน เชิญเจ้าตามสบายเลย”
“งั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว ไปกันเจ้าค่ะ ข้างหน้านั้น ร้านขายของเล่น”
นางพาเขาเดินจนทั่วตลาด จนตอนนี้เริ่มคอแห้งแล้ว ก่อนที่นางจะพาเขาแวะที่โรงน้ำชาเฟิงหยวน
“เจ้าเหนื่อยหรือไม่ แม่นางไป๋ เอ่อ ข้าเรียกเจ้าว่าซินเหยาได้หรือไม่”
“ได้ทั้งนั้นแหละ เป็นสหายกันแล้วนี่เจ้าคะ ท่านชื่ออะไรนะคุณชายลู่”
“เรียกข้าว่า พี่จื่อหยางก็ได้”
“พี่จื่อหยาง ได้ พี่จื่อหยางท่านอยากไปที่ใดอีกหรือไม่”
“ข้าอยากนั่งพักก่อน เจ้าไม่ได้รีบไปไหนใช่หรือไม่”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“ข้าอยากถามเจ้าหน่อย วันนั้น ที่ข้าเจอเจ้าที่หอ...”
นางรีบเอามือปิดปากเขาพร้อมกับยกมือให้สัญญาณบอกว่าหยุดพูด
“ท่านอย่าพูดไปสิ ท่านนี่อย่างไรกัน เอะอะก็พูดถึงแต่เรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่วันนั้นท่าน…”
นางพูด พร้อมกับมองหน้าเขา เหมือนเขาเองก็เริ่มนึกออก ทั้งคู่จึงเบือนหน้าไปคนละทางก่อนที่จื่อหยางจะยกชาขึ้นมาดื่มเพื่อเบี่ยงความสนใจ นางเริ่มขยับชุดพัดเพราะร้อน
“เจ้าร้อนหรือ ใช้พัดข้าดีหรือไม่”
“มะ ไม่เจ้าค่ะ ไม่รบกวน”
“ตกลงว่าเจ้า วันนั้น ไปที่นั่นทำไม”
“วันนั้นข้ารับงานมา ให้ไปขโมย..”
“หา นี่เจ้าเป็นขโมย”
“ชู่ววว ท่านนี่ยังไงกัน เงียบๆ สิ อยากให้ข้าถูกจับหรืออย่างไร”
“ก็เจ้าพึ่งจะบอกว่า...”
“ฟังให้จบสิเจ้าทึ่ม”
“เจ้าว่าใครทึ่ม...”
“ท่านจะฟังหรือไม่”
“ขอโทษข้าเดี๋ยวนี้”
“ขอโทษ คือว่า ข้ารับงานมา ให้ไปขโมยปิ่นทองกลับคืน เพราะสามีชั่วของนาง ขโมยเอาไปให้นางรำที่หอหงอี้เจ้าค่ะ”
“เจ้าไปคนเดียวงั้นหรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ ข้าทำเรื่องแบบนี้บ่อย แต่ขโมยของให้เจ้าของนะ มิใช่ไปขโมยผิดกฎหมาย”
“แล้วไป แล้ววันนั้น เจ้าออกมาจากหอนั่นได้อย่างไร”
“ข้าสวมชุดท่านออกมาอย่างไรล่ะ พวกนางก็คงคิดว่าข้าพึ่งไปหานางโลมมา เลยไม่ได้สงสัย ข้าก็แค่เดินออกมาเฉยๆ”
“แล้วหากวันนั้นมิใช่ข้าที่อยู่ในห้องนั้น เจ้าจะ…”
“ศิษย์น้องซินเหยา”
เสียงเรียกของบุรุษ ทำให้นางหันไปมองทันที
“ศิษย์พี่จินเย่”
เว่ยจื่อหยางขมวดคิ้วทันทีเมื่อมีบุรุษมาทักทายนางต่อหน้าเขา ก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นมองผู้มาใหม่
“ดีใจจริง ๆ ที่เจอเจ้าที่นี่ พวกข้าพึ่งลงมาจากสำนักเพื่อร่วมงานที่จวนอ๋องในวันพรุ่งนี้น่ะ”
“โถ่ก็นึกว่าใคร ที่แท้ ศิษย์นอกคอกที่ถูกขับออกมาจากสำนักนี่เอง”
“ฟางหรู เจ้าอย่าพูดเพ้อเจ้อ”
“ข้าพูดผิดหรือศิษย์พี่ ท่านเองก็รักษากิริยาหน่อย เจ้าด้วย อยู่ห่างๆ พวกเราไว้”
“พวกเจ้านี่อย่างไรกันนะ ทั้ง ๆ ที่ข้าอยู่ที่ร้านนี้ก่อนเจ้า เข้ามาก่อนพวกเจ้า และคนที่ทักข้าก็เป็นศิษย์พี่ของพวกเจ้า มิใช่ข้า เจ้าเดือดร้อนอันใด ความอิจฉาน่ะ เก็บเอาไว้ในใจบ้าง มันเด่นหราบนใบหน้าเจ้าเลยฟางหรู นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลย อายพวกศิษย์น้องเจ้าบ้าง”
“นี่เจ้า หุบปากนะ นังคนทรยศ ลักลอบฝึกวิชานอกรีตแล้วยังมีหน้า…”
“ฟางหรู ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก”
ซินเหยากำหมัดแน่น มองไปที่ฟางหรูอย่างไม่พอใจและเดือดดาลเต็มที ก่อนที่ลู่จื่อหยางจะเป็นผู้ที่ออกมาช่วยนางไว้ และจับมือนางในใจเย็นๆ ซินเหยามองเขาแวบหนึ่ง จึงยอมคลายมือ เขาจับมือนางที่ชุ่มเหงื่อเอาไว้
“ขออภัยทุกท่าน พวกท่านคือ…”
“คุณชายท่านนี้คือ...”
“ข้าลู่จื่อหยาง ตัวแทนองค์ไท่จื่อจากราชสำนัก รับคำสั่งมาจัดการเรื่องงานเลี้ยงพรุ่งนี้ พวกท่านคือ...”
เจินฟางหรูมองเว่ยจื่อหยางอย่างที่ไม่เคยพบเห็นผู้ใดที่รูปงามเช่นนี้มาก่อน ก่อนที่ซ่งจินเย่จะเป็นผู้แนะนำตัวเอง
“ข้าน้อยซ่งจินเย่ และศิษย์ในสำนักเพ่ยเฉิง รับคำสั่งอาจารย์มาร่วมในงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้ขอรับ”
“อ้อ เช่นนั้นก็เชิญพวกท่านตามสบาย ข้ากับซินเหยาหมดธุระที่นี่แล้ว ขอตัวก่อน”
“ขอบคุณคุณชายลู่”
เขาจับมือนางเดินออกจากร้านไป โดยไม่ได้หันมามองพวกเขาอีก ฟางหรูซึ่งแต่เดิมเกลียดซินหยางอยู่แล้ว ยิ่งนึกเกลียดเพิ่มมากขึ้นไปอีกที่เห็นว่าชายที่นางต้องตาถึงกับจับมือนางออกจากร้านไป……
เมื่อเดินออกมาจนพ้นโรงน้ำชาแล้ว ซินเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือกลับ ทำเอาลู่จื่อหยางมองกลับไปหานาง ก่อนที่เขาจะถามอย่างใคร่รู้ว่านางไปมีเรื่องอะไรกับคนกลุ่มนั้น“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกเขางั้นหรือ”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกชอบหาเรื่อง”“ข้ามีเวลาพร้อมจะฟัง แล้วอีกอย่าง งานพรุ่งนี้ หากพวกเขาเข้าร่วมจริง ๆ ข้าก็ต้องหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะฉะนั้น ซินเหยา เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเสียดีๆ”นางมองหน้าเขาที่ใช้เหตุผลที่สวยหรูมาบังคับให้นางเล่า ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่อยากจำ และลืมไปนานแล้วตั้งแต่ลงจากเขาเซียนซี“ข้าเคยเรียนที่สำนักเพ่ยเฉิง ที่เขาเซียนซีมา แต่ด้วยวิชาบางอย่างที่ข้าฝึกมันไม่เหมือนวิชาที่พวกเขาเรียนรู้ ฟางหรูนางจึงหาเรื่องข้า ให้ข้าแสดงวิชาที่เรียนจากที่อื่นออกมาและใส่ร้ายหาว่าข้าฝึกวิชานอกรีต และฟ้องอาจารย์ให้ขับไล่ข้าออกจากสำนัก”“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้า แล้ววิชาที่เจ้าฝึก คือวิชาใดกันล่ะ”“สุดท้ายอาจารย์ก็มิได้ไล่ข้าเจ้าค่ะ แต่นางอาศัยความเป็นศิษย์พี่เหมือนกับศิษย์พี่จินเย่ นางเลยยุให้ศิษย์ร่วมสำนักมารังแกข้าหลายครั้ง อาจารย์จึงเรียกข้าไปสอนด้วยตัวเอง เมื่อข้าเรียนจ
“แต่ในเมื่อนางมิได้บอกว่านางกับบุรุษผู้นั้นเป็นอะไรกัน เหตุใดต้องลือกันไปเองว่านาง…”“ข่าวลือมักมีที่มา หากไม่มีเค้าโครง มีหรือจะมีคนพูดถึง”“หากนางถูกขับไล่ออกจากสำนัก เหตุใดเจ้าสำนักจึงมิได้มีการประกาศออกมาแจ้ง มีแค่เพียงข่าวเล่าลือออกมา”“เรื่องนี้ข้าก็มิทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คงกลัวว่าสำนักจะเสียชื่อเสียงกระมังเจ้าคะ ถึงได้ปิดข่าว”เขาคิดดูแล้วสิ่งที่นางพูดมิใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้ เพียงแค่เหมือนนางเลือกที่จะเล่าเพียงข้อเสียของซินเหยาให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ วิชาที่นางฝึกมิใช่วิชานอกรีดแต่อย่างใด เป็นเพียงวิชาการเรียกและควบคุมสัตว์เท่านั้น เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหาได้ยาก และนางก็เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ทำได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้สตรีตรงหน้าเขาไม่พอใจไป๋ซินเหยา“แม่นางเจิน พรุ่งนี้ข้ายังมีธุระต่อ คืนนี้คงต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณที่ร่วมทานอาหารกับข้า”“ขอบคุณคุณชายลู่มากกว่าเจ้าค่ะ ที่อุตส่าห์เลี้ยงอาหารค่ำข้า”“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เขาเดินไปถึงห้องก่อนที่จะพบว่าเสี่ยวหลุนมารอเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว“เจ้าไปสืบมาได้ไวปานนั้นเชียว”“ขอรับ”“ว่ามาสิ”น่าแป
นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”“หลีกไป”ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”“อาเหยา หยุดนะ!!”“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหั
“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”“ข้าบอกให้เอาคืนมา”“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”“ปล่อยข้านะ”นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก“ปล่อยข้านะ”เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"“ข้า
ห้องพักของเขาที่เงียบสงบ ซิินเหยาค่อยๆ เดินเข้าไป นางเริ่มค้นหาขลุ่ยของนาง ก่อนที่คนที่กำลังอาบน้ำด้านในจะออกมาพบ นางค่อยๆ เปิดดูแต่ละที่ ก่อนจะหันมาพบกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองนางอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาของด้วยวิธีแบบนี้”นางมองเขาที่สวมแค่ชุดนอน เสื้อที่แหวกกว้างเกือบจะเห็นแผงอกกว้างของเขาทำเอานางลอบกลืนน้ำลาย นางเลือกมาเวลานี้เพราะคิดว่าเขาจะต้องหลับแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาแค่ยังอาบน้ำอยู่เท่านั้น“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ”เขาแกว่งขลุ่ยสีเขียวอ่อนของนางไปมา“เอาคืนมา”“หากข้าไม่ให้ล่ะ”นางเริ่มใช้วิชาวิหคภูษาอีกครั้ง แต่เขาไม่หลงกล เขาหลบหลีกนางได้อย่างง่ายดาย วิชาตัวเบาของเขาแกร่งกว่า เร็วกว่านางมากนัก ก่อนที่เขาจะมาจับที่เอวคอดนางไว้ได้อย่างง่ายดาย“ซินเหยา เรามาต่อรองกันหน่อยดีไหมหากเจ้าแย่งขลุ่ยไปจากข้าได้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”“ได้อยู่แล้ว ท่านทำตามคำพูดด้วยก็แล้วกัน”“แต่หากเจ้าแย่งไปไม่ได้...”“ไม่มีทาง…ข้าไม่มีทางแพ้ท่าน”“แล้วหากเจ้าแย่งไม่ได้เล่า”“เจ้าต้องยอมเป็นของข้า”“คนชั่ว หน้าไม่อาย ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน”“แสดงว่าเจ้ารับคำท้าแล้วนะ
“ลู่จื่อหยาง เจ้าคนสารเลว ปล่อยนะ”“อย่าดิ้น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะซินเหยา”“ท่านก็เอามันออกสิ”“ซินเหยา เราข้ามขั้นตอนนั้นมาไกลแล้วล่ะ ตอนนี้ อื้ออ เหลือแค่…”ซินเหยาเองก็รู้ตัวว่ามันสายไปแล้วเพราะเจ้าแท่งแกร่งนั้นเข้าไปในร่างนางจนมิดทำเอานางรู้สึกจุก และนอกจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนสงวนนั้นจะฉีกขาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกความรู้สึกที่ปนเข้ามาไม่รู้ว่าแบบไหนที่มากกว่ากัน“ซินเหยา พร้อมนะ ข้าจะเริ่มขยับแล้ว อาาา แน่นมาก ซินเหยา อาาา”หญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกไป นางไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ของนางก็เตลิดไปพร้อม ๆกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบางทีอาจจะทนไม่ไหว เมื่อแรงปรารถนาของชายหนุ่ม กับคำพูดหวานหูนั้นลอยเข้าหูนางมาเรื่อย ๆ“อาาา เหยาเหยา ช่างน่ารักนัก เจ้า อื้มมม อาาา อย่าเกร็ง เจ้าลองสัมผัสกับมัน ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ”“คนบ้า อ๊ะ อย่าจับนะ”เขาจับมือนางที่เอาขึ้นมาบังหน้าอกอิ่มของตัวเอง ก่อนจะกางแขนนางออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเพื่อจัดการยอดถันสีชมพูนั้นอีกครั้งพร้อมกับขยี้ตรงยอดนั้นด้วยความเร็ว ซินเหยาซึ่งอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางทนไม่ไหว
“เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้”“เจ้ายังมิรู้อีกหรือ หรือว่าข้าต้องทำมากกว่านี้ เจ้าต้องการให้ข้ายืนยันกับเจ้าอีกกี่รอบกัน เรื่องความรู้สึกนี้ เหยาเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะไม่เชื่อ ว่าเหตุใดคนเราที่พึ่งเคยพบหน้า พึ่งรู้จักกัน จะสามารถชอบพอกันได้ขนาดนี้ใช่หรือไม่ ข้าจะบอกให้นะ ข้าตกหลุมรักเจ้า ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว เจ้าจะเชื่อหรือไม่”“วันแรก ที่หอหงอี้”“ไม่ใช่ วันที่เจ้าช่วยข้าจากโจรภูเขา ที่ซอกเขาก่อนเข้าเมืองเจียงหยางต่างหาก เจ้าจำไม่ได้หรือ”“ข้า… ข้าจำได้เพียงช่วยท่านเอาไว้ และขโมยเงินท่านมาสามพันตำลึง”“วันนั้นคือวันที่ข้าเริ่มจะตามหาเจ้า ข้าจึงจัดงานเลี้ยงรวมสตรีในเจียงหยางมารวมตัวเพื่อจะหาเจ้า แต่มันไม่จำเป็นอีกแล้ว ในเมื่อข้าหาเจ้าเจอก่อนแล้ว”“เรื่องนี้สำหรับข้า มันรวดเร็วเกินไปจนรับไม่ทัน ขอท่าน ให้เวลาข้าอีกหน่อย”“เหยาเหยา ข้าจะไม่เร่งรัดเจ้า ข้ารอเจ้าได้แต่ความรู้สึกข้า บอกเจ้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะเก็บมันไปใส่ใจบ้าง จะได้หรือไม่”“เรื่องนี้ คือข้า…”“ข้ารู้ว่ามันอาจจะเริ่มได้ไม่ดีเท่าไหร่ ข้าบังคับขืนใจเจ้าในตอนแรก แต่เท่าที่ข้าดู เจ้ามีความรู้สึกไม่ต่างกับข้า เหยาเหยา ข้
“ซินเหยา อาการบาดเจ็บของเจ้า ดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ไปที่หอเฟิงหยวนดีกว่าเจ้าค่ะ ที่นั่นมีทั้งน้ำชาและอาหาร นั่งได้นานหน่อย”“ได้ ตามใจเจ้าเลย”ซินเหยานำทางซ่งจินเย่ไปที่หอเฟิงหยวนโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบตามนางมาด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ว่าหงุดหงิดเต็มที่ที่เห็นนางมากับคนอื่น“นั่งโต๊ะนี้ก็แล้วกันศิษย์พี่ สั่งอาหารเลยนะเจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าสั่งเลย”จินเย่ตามใจนางทุกอย่าง ก่อนที่นางจะสั่งอาหารมาสองสามอย่างและเริ่มนั่งคุยกัน สายตาที่ลู่จื่อหยางมาเข้ามาจากนอกร้านนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับที่พักของเขาพร้อมกับความแปลกใจของเสี่ยวหลุน“คุณชาย ไม่เข้าไปหรือขอรับ”“ไม่ล่ะ เอาไว้ค่อยคุยกับนางวันหลัง”เสี่ยวหลุนเดินตามคุณชายกลับไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่พูดอะไรอีก ก่อนที่เขาจะกำห่อผ้าที่ห่อกล่องไม้แกะสลักที่มีขลุ่ยหยกขาวอยู่ด้านในเพื่อมอบให้กับไป๋ซินเหยาตามลู่จื่อหยางกลับไปที่จวนใหม่องค์ไท่จื่อ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”“คุณชายลู่ ท่านมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ ท่านอยากจะเดินตรวจดูก่อนหรือไม่ขอรับ”“ไม่ล่ะ ออ อย่าลืมเตรียมทุกอย่างตามที่ข้าบอก อาห
ใบหน้าของเขาตกใจระคนดีใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของพระชายาที่บอกเขาเรื่องนี้ มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมให้เขาทำ เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้ก่อนที่จะเข้าหอ“จริงหรือ เหยาเหยา เจ้าจะบอกว่า ในท้องเจ้าตอนนี้…มีลูกของเราอยู่เช่นนั้นหรือ”“เพคะ เพราะฉะนั้น พระองค์จะทำอะไร…ก็ จะหักโหมเช่นเดิมมิได้นะเพคะ”“ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าดีใจที่สุดเลย เหยาเหยา นี่มันเรื่องดีมากจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พิธีการทั้งหลายนั่น ข้าจะได้สั่งลดเพื่อไม่ให้เจ้าและลูกต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”“ข้าปรึกษาแม่นมแล้วเพคะ แม่นมก็จัดการทุกอย่างให้รวบรัดแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมีอาการแพ้ท้องหนัก ทั้งจวนเลยวุ่นวายเกรงว่าข้าจะทนไม่ไหว ทั้งเครื่องประดับและชุดหนักๆ นี่ก็ถูกถอดออกไปหลายชิ้นเหลือเพียงสิ่งที่สำคัญๆ ไว้เท่านั้นเพคะ”“นี่ขนาดเจ้าเอาออกไปบ้างแล้ว แต่เหตุใดมันยังดูเยอะและหนักอยู่เล่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่ เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่นา ข้าจะไปสั่งให้คนยกอาหารมาให้นะ”ว่าแล้วเขาก็รีบเดินไปเปิดประตู แม่สื่อถึงกับตกใจที่เจ้าบ่าวจู่ ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่เขาเพียงสั่งอาหารเพื่อให้เจ้าสาวเ
พระราชพิธีผ่านไปด้วยความราบรื่นและโล่งอกของทั้งแม่นมหวงและพระชายาหลิวอ๋องที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเจ้าสาวซึ่งไม่ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้กับผู้อื่นทราบเจ้าบ่าวเองก็แทบจะไม่อยากรับแขกอีกต่อไป เขาอยากจะเร่งให้จบงานเลี้ยงที่ท้องพระโรงเร็วๆ เสียเหลือเกินเพราะคิดถึงเจ้าสาวที่เฝ้ารอมาหลายสิบวันเต็มที่แล้วตำหนักบูรพา ห้องส่งตัวเจ้าสาว“พระชายา อีกประเดี๋ยวเมื่อองค์ไท่จื่อเข้ามา จะเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน และดื่มสุรามงคล คืนนี้จะมีแม่สื่อเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าไฟในห้องจะดับลงเพื่อส่งตัวพวกท่านเข้าหอ พิธีเข้าหอ ห้ามมิให้คู่บ่าวสาวออกจากห้องหอจนกว่าจะรุ่งสาง”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแม่นม”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะออกไปแล้วนะเพคะ องค์ไท่จื่อน่าจะกำลังมาแล้ว”“ขอบคุณแม่นมเจ้าค่ะ”เป็นดังคาด องค์ไท่จื่อ เว่ยจื่อหยางเสด็จมาถึงห้องส่งตัวก่อนเวลาถึงสองเค่อ เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งให้องค์ชายห้า เจ้าบ่าวอีกคนทำหน้าที่รับแขกแทนเขา แล้วเขาก็มาที่ห้องส่งตัวก่อน องค์ชายห้าเข้าใจความรู้สึกของจื่อหยางดี เขาจึงรับหน้าที่ดูแลแขกในงานแทนน้องชายประตูห้องส่งตัวถูกเปิดออก เว่ยจื่อหยางเดินเข้ามา ตอนแรกเขารี
ท่านหมอวิ่งเข้าไปยังห้องที่ซินเหยานอนพักอยู่ ตอนนี้นางหยุดอาเจียนแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรของนางก่อนและก็หันมามองที่แม่นมหวงและพระชายาที่มองไปที่คนป่วยอย่างนึกเป็นห่วง ท่านหมอลุกขึ้นมาพร้อมกับความตกใจของทั้งคู่“ท่านหมอ เหตุใดตรวจเพียงนิดเดียว นางเป็นหนักถึงเพียงนี้ ท่านจะรีบลุกไปไหนกัน”“ยินดีกับพระชายาด้วย คุณหนูตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ทั้งสองที่รอฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ พร้อมกับแม่นมที่คอยตบแขนพระชายาหลิวอ๋อง“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่ ข่าวดีเช่นนี้ พระชายา”“มีครรภ์ เหยาเหยามีครรภ์ แม่นม ข้ามิได้ฟังผิดไป”“ไม่ผิดเจ้าค่ะ เร็วเข้า พวกเจ้ารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านน่ะ รีบไปเตรียมอาหารบำรุง ข้าจะรีบจดให้ว่าต้องซื้อสิ่งใดบ้าง พระชายา ท่านอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก่อน ข้าจะรีบไปช่วยท่านป้าฝูเตรียมของบำรุง”“ท่านหมอ แล้วช่วงนี้ต้องระวังสิ่งใดบ้างเจ้าคะ”“พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่มีอะไรหนัก ช่วงนี้ให้นางพักผ่อนมาก ๆ อย่ายกของหนัก ห้ามวิ่ง ระวังเรื่องอาหารรสจัด ส่วนเรื่องอื่น ไม่น่าต้องเป็นห่วง ช่วงครรภ์อ่อนๆ การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”“ยินดีด้วยๆ พระช
พระราชพิธีแต่งตั้งองค์ไท่จื่ออย่างเป็นทางการได้ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงสิบวันก็จะถึงวันพระราชพิธีสมรสและแต่งตั้งพระชายาองค์ไท่จื่อจวนสกุลหลิวต่างเร่งตกแต่งจวนและส่วนหนึ่งก็รีบจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับงานใหญ่ ไม่คิดว่าการกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้“พวกเขามากันแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ไปเถอะๆ แล้วพาพวกเขาไปห้องพักด้วย”“ขอรับอาจารย์”เซียวจุนวิ่งออกไปหน้าจวน รถม้าสองคันที่จอดต่อกันอยู่เพื่อมาร่วมงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เซียวจุนวิ่งออกมารอรับพวกเขา ประตูรถม้าคันแรกเปิดออกมาแล้ว สิงอี้หานเดินนำหน้าออกมาพร้อมกับพยุงอันถงถงลงมาจากรถม้า ก่อนจะลงมาทักทายเซียวจุนที่รออยู่หน้าจวน“คุณชายสิง แม่นางอัน ยินดีต้อนรับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”""คุณชายเซียว""พวกเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน ไป๋ซินเหยาเล่าเรื่องเซียวจุนในจดหมายให้พวกเขาฟังแล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเขาพบเซียวจุนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เซียวจุนจะดูเป็นมิตรมากกว่าที่เจอตอนอยู่เขาเซียนซี“พี่เซียว พวกข้าปลอดภัยดี ระยะทางค่อนข้างไกลแต่เดินทางสะดวก ได้ข่าวว่าท่านบาดเจ
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่