เมื่อเดินออกมาจนพ้นโรงน้ำชาแล้ว ซินเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือกลับ ทำเอาลู่จื่อหยางมองกลับไปหานาง ก่อนที่เขาจะถามอย่างใคร่รู้ว่านางไปมีเรื่องอะไรกับคนกลุ่มนั้น
“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกเขางั้นหรือ”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกชอบหาเรื่อง”
“ข้ามีเวลาพร้อมจะฟัง แล้วอีกอย่าง งานพรุ่งนี้ หากพวกเขาเข้าร่วมจริง ๆ ข้าก็ต้องหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะฉะนั้น ซินเหยา เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเสียดีๆ”
นางมองหน้าเขาที่ใช้เหตุผลที่สวยหรูมาบังคับให้นางเล่า ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่อยากจำ และลืมไปนานแล้วตั้งแต่ลงจากเขาเซียนซี
“ข้าเคยเรียนที่สำนักเพ่ยเฉิง ที่เขาเซียนซีมา แต่ด้วยวิชาบางอย่างที่ข้าฝึกมันไม่เหมือนวิชาที่พวกเขาเรียนรู้ ฟางหรูนางจึงหาเรื่องข้า ให้ข้าแสดงวิชาที่เรียนจากที่อื่นออกมาและใส่ร้ายหาว่าข้าฝึกวิชานอกรีต และฟ้องอาจารย์ให้ขับไล่ข้าออกจากสำนัก”
“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้า แล้ววิชาที่เจ้าฝึก คือวิชาใดกันล่ะ”
“สุดท้ายอาจารย์ก็มิได้ไล่ข้าเจ้าค่ะ แต่นางอาศัยความเป็นศิษย์พี่เหมือนกับศิษย์พี่จินเย่ นางเลยยุให้ศิษย์ร่วมสำนักมารังแกข้าหลายครั้ง อาจารย์จึงเรียกข้าไปสอนด้วยตัวเอง เมื่อข้าเรียนจบแล้ว ข้าจึงขอลงจากเขาเอง แต่ฟางหรูนางไม่รู้เรื่องนี้เลยเที่ยวปล่อยข่าวลือออกไปว่าข้าถูกไล่ออกจากสำนักเจ้าค่ะ”
“สำนักเพ่ยเฉิง โด่งดังเรื่องวิชาตัวเบาสายขาว วิชาวิหคภูษานั่น ใช่กระบวนท่าที่เจ้าจัดการกับฮูหยินรองกับคุณหนูรองที่จวนอ๋องหรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ ที่จริงไม่ได้อยากทำร้ายคนเท่าไหร่ แต่ใครใช้ให้พวกนางยั่วโมโหข้ากันล่ะ ช่วยไม่ได้”
“เจ้านี่ร้ายกาจไม่เบาเลยนะ ว่าแต่วิชานอกรีตที่บอก มันคือวิชาใดกัน”
“ท่านอยากรู้หรือ”
“เจ้าพูดมาเสียขนาดนี้ ข้าก็ย่อมอยากเห็นเป็นธรรมดา บอกข้าได้หรือไม่”
“ท่านตามข้ามาสิ”
“อ้าว เดี๋ยวก่อนรอด้วยซินเหยา”
เขาวิ่งตามนางมาจนถึงเนินเขาที่ชานเมืองไม่ไกลจากตลาดมากนัก แต่หากว่าที่นี่ เงียบสงบ มีเพียงต้นไม้ใหญ่เพียงต้นเดียว ก่อนที่เขาจะมองไปรอบ ๆ และรู้สึกคุ้นเคย
“เดี๋ยวนะ ทางแคบ ๆ นี่มัน….”
เขาหันไปที่ซินเหยา ที่กำลังยกขลุ่ยที่นางเก็บไว้ในเสื้อ ออกมาและเริ่มเป่า เขาลอบมองนางอย่างลืมตัว ภาพสตรีตรงหน้า ที่ยืนเป่าขลุ่ยนั้น ช่างดูงดงามราวภาพวาด ทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปจากนางได้ จนกระทั่งเขาเริ่มได้ยินเสียงบางอย่างที่บินเข้ามาใกล้ ทำให้เขาตกใจ
“เดี๋ยว นั่นมัน…”
และความทรงจำของเขาก็เริ่มกลับมา
“เป็นเจ้า ที่เรียกพวกมันมา วันก่อนก็เป็นเจ้าที่ช่วยข้าไว้ที่ช่องเขานั่น”
เขาเดินไปถอยหลังไป ซึ่งเขาไม่รู้ว่านางจะควบคุมฝูงต่อนั้นได้แค่ไหน
“ท่านไม่ต้องกลัว มันไม่ทำร้ายท่านหรอก”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ก็ข้ายังมิได้สั่ง”
“ข้าเห็นแล้ว แต่ตอนนี้ เจ้าให้พวกมันกลับไปก่อนได้หรือไม่”
“ก็ได้”
นางเริ่มเป่าขลุ่ยอีกครั้ง ก่อนที่ฝูงต่อฝูงใหญ่จะเริ่มเคลื่อนตัวและจากไปราวกับสั่งได้ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ มองพวกมันบินจากไป และหันมาคุยกับนาง
“วันก่อน เจ้าไม่ได้เป่าทำนองนี้”
“ท่านนี่ความจำแม่นใช้ได้ ถูกต้อง วันนั้นข้าสั่งให้มันโจมตี เฉพาะคนชุดดำที่เข้าทำร้ายพวกเจ้า”
“เจ้าสั่งการมันโดยใช้เสียงและทำนองที่แตกต่าง แบบนี้นี่เอง น่าสนใจจริง ๆ”
“เหตุใดจึงบอกว่าวิชานี้เป็นวิชานอกรีตกันล่ะ”
“ก็แค่ผู้ที่สอนข้าไม่ยอมสอนให้นาง เรื่องนี้ทำให้นางไม่พอใจเลยใส่ร้ายข้าว่าฝึกวิชานอกรีต”
“ผู้ใดเป็นคนสอนเจ้ากัน”
แววตานางมีความภูมิใจและรอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างไม่ปิดบังราวกับกำลังพูดถึงคนรัก เขารู้สึกอึดอัดใจแปลก และเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยกับท่าทีของนางตอนนี้
“เป็นผู้มีความรู้ท่านหนึ่ง อยู่บนเขาเซียนซีเหนือ เลยสำนักข้าไป”
“เจ้ากราบเขาเป็นอาจารย์”
“ไม่ เขาไม่รับศิษย์ เพียงแค่เขาพอใจจะสอนผู้ใดก็จะสอนเลย”
“ดูจากท่าทางเจ้าแล้ว คงจะเลื่อมใสเขาไม่น้อยสินะ”
“ใช่ เขาน่าเลื่อมใสมากจริง ๆ”
“เขาเป็นบุรุษ??”
ซินเหยาหันมามองหน้าเขา แก้มแดงระเรื่อของนาง บอกให้เขาได้รับรู้ว่าผู้สอนวิชานี้ให้นาง คงได้ขโมยหัวใจของสตรีตรงหน้าเขาไปด้วยเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่นางจะตอบเขา
“ใช่ เป็นบุรุษที่น่าเลื่อมใสจริง ๆ ข้ายังไม่เคยเห็นบุรุษคนใดที่เป็นอย่างเขา องอาจ สง่างาม เรียบง่าย พูดน้อย เก่งกาจ”
เขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกเช่นไรดีกับคำพูดที่ชื่นชมบุรุษอื่นต่อหน้าเขา หรือน้ำเสียงที่ฟังแล้วดูชื่นชมจนออกนอกหน้า ทำให้ผู้ที่ได้ฟังรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เราออกมานานแล้ว คงต้องกลับเสียที”
ซินเหยาหันไปมองเขาที่มองมาที่นางอย่างนึกแปลกใจ
“ว่าแต่ท่านเถอะเจ้าค่ะ ท่านถามข้าว่าข้าไปทำอะไรที่หอหงอี้ แล้วท่านล่ะเจ้าคะ ไปที่นั่นเพราะเหตุใดกัน”
“นี่ใช่เรื่องที่เจ้าควรถามงั้นหรือ”
“อ้อ ข้ารู้แล้ว ท่านเป็นบุรุษก็ย่อมต้องไป…”
“ข้าว่าเจ้าอย่าคาดเดาดีกว่า”
“ท่านกลัวว่าข้าจะเดาถูกสินะเจ้าคะ”
“รีบกลับเถิด ใกล้ค่ำแล้ว”
นางเดินตามเขาลงเขา มุ่งหน้าไปที่บ้านของนาง ก่อนที่พวกเขาจะพบว่ามีคนที่ยืนรอนางอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ทางเข้าบ้านของนาง ทำให้ลู่จื่อหยางรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มโดยมิทราบสาเหตุ
“ศิษย์พี่จินเย่ ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ”
“ซินเหยา ข้าแวะมาหาเจ้า แต่ไม่แน่ใจว่าที่ไหน เลยยืนอยู่ว่าจะลองสอบถามดู เจ้าก็มาพอดีเลย คุณชายลู่”
“หลังนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านเข้ามาก่อนสิเจ้าคะ คุณชายลู่ ข้าไม่ส่งท่านนะเจ้าคะ เจอกันพรุ่งนี้เจ้าค่ะ ศิษย์พี่ เชิญเข้าบ้านก่อนสิเจ้าคะ”
ลู่จื่อหยางไม่ทันจะพูดสิ่งใด นางก็พาศิษย์พี่ของนางเดินเข้าบ้าน ทิ้งให้เขายืนมองอยู่หน้าจวน เขารู้สึกโมโหไม่น้อยที่ถูกทิ้งเอาไว้แบบนี้ แม้ว่านางไม่จำเป็นจะต้องเอ่ยลา หรือเชิญเขาเข้าไปในบ้านก็ตาม
“เสี่ยวหลุน”
เขาเรียกองครักษ์ของเขา ก่อนที่ผู้ที่เรียกจะปรากฏกายที่ด้านหลังเขาทันทีที่เขาเรียก
“เจ้าลองไปสืบเรื่องสำนักเพ่ยเฉิงกับเรื่องของไป๋ซินเหยาให้ข้าที ด่วน”
“รับทราบขอรับ”
ลู่จื่อหยางเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยมด้วยความเบื่อหน่าย เขาจะรอข่าวของเสี่ยวหลุนก่อน หรือบางทีอาจจะได้ข้อมูลใหม่ เมื่อเขามองไปเห็นสตรีกลุ่มเดิมที่เขาเจอที่โรงน้ำชาเมื่อตอนบ่าย และนางก็เห็นเขา
“คารวะคุณชาย”
“แม่นาง อย่าได้มากพิธี พวกท่านพักที่นี่เหมือนกันหรือ”
“ใช่เจ้าค่ะบังเอิญจริงที่พักที่เดียวกันกับคุณชาย”
“ข้าขออภัยที่ตอนบ่ายเสียมารยาทกับพวกท่าน”
“มิกล้าเจ้าค่ะ ข้าน้อยเจินฟางหรูมิได้โกรธเคืองท่านแต่อย่างใดเจ้าค่ะ”
“เรียนเชิญไม่บังเอิญพบ ถ้าอย่างไร ให้เกียรติข้าเลี้ยงข้าวแม่นางสักมื้อได้หรือไม่”
“คุณชาย ควรเป็นข้าที่รู้สึกว่าได้รับเกียรตินี้เจ้าค่ะ”
“แม่นางเจิน เชิญทางนี้”
เขาพานางเดินออกไปยังโต๊ะในห้องส่วนตัวก่อนที่จะสั่งอาหารและค่อยๆ ลองถามเรื่องราวของไป๋ซินเหยาจากปากของเจินฟางหรู ที่รู้สึกว่านางไม่รักสำนัก และเริ่มเรียนวิชานอกรีต และให้ความสนใจมากกว่าสำนัก ทั้งๆ ที่นางเป็นศิษย์คนโปรดของอาจารย์ ขยันและเรียนรู้ไว
“ในตอนแรก ศิษย์น้องข้าคนนี้ก็ขยันดีเจ้าค่ะ แต่พอนางลุ่มหลงบุรุษผู้นั้นที่สอนวิชามารนอกรีตให้นาง ซินเหยาก็แทบจะไม่อยู่ที่สำนักอีกเลย เอาแต่ไปอยู่บนเขาเซียนซีเหนือ อาจารย์เคยเรียกนางไปว่ากล่าว แต่นางก็หาฟังไม่”
“นางไม่กลับมาที่สำนัก เจ้าหมายความว่า…”
“ใครจะทราบเรื่องความสัมพันธ์นั้นกันล่ะเจ้าคะ นางมิเคยบอกผู้ใด แต่การที่ไปค้างแรมที่อื่นก็เท่ากับผิดกฎของสำนักแล้ว ด้วยเหตุนี้ คงจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นางถูกไล่ออกจากสำนัก เพราะเรื่องคาวๆ ของนางกับบุรุษลึกลับผู้นั้น”
“แต่ในเมื่อนางมิได้บอกว่านางกับบุรุษผู้นั้นเป็นอะไรกัน เหตุใดต้องลือกันไปเองว่านาง…”“ข่าวลือมักมีที่มา หากไม่มีเค้าโครง มีหรือจะมีคนพูดถึง”“หากนางถูกขับไล่ออกจากสำนัก เหตุใดเจ้าสำนักจึงมิได้มีการประกาศออกมาแจ้ง มีแค่เพียงข่าวเล่าลือออกมา”“เรื่องนี้ข้าก็มิทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คงกลัวว่าสำนักจะเสียชื่อเสียงกระมังเจ้าคะ ถึงได้ปิดข่าว”เขาคิดดูแล้วสิ่งที่นางพูดมิใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้ เพียงแค่เหมือนนางเลือกที่จะเล่าเพียงข้อเสียของซินเหยาให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ วิชาที่นางฝึกมิใช่วิชานอกรีดแต่อย่างใด เป็นเพียงวิชาการเรียกและควบคุมสัตว์เท่านั้น เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหาได้ยาก และนางก็เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ทำได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้สตรีตรงหน้าเขาไม่พอใจไป๋ซินเหยา“แม่นางเจิน พรุ่งนี้ข้ายังมีธุระต่อ คืนนี้คงต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณที่ร่วมทานอาหารกับข้า”“ขอบคุณคุณชายลู่มากกว่าเจ้าค่ะ ที่อุตส่าห์เลี้ยงอาหารค่ำข้า”“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เขาเดินไปถึงห้องก่อนที่จะพบว่าเสี่ยวหลุนมารอเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว“เจ้าไปสืบมาได้ไวปานนั้นเชียว”“ขอรับ”“ว่ามาสิ”น่าแป
นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”“หลีกไป”ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”“อาเหยา หยุดนะ!!”“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหั
“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”“ข้าบอกให้เอาคืนมา”“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”“ปล่อยข้านะ”นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก“ปล่อยข้านะ”เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"“ข้า
ห้องพักของเขาที่เงียบสงบ ซิินเหยาค่อยๆ เดินเข้าไป นางเริ่มค้นหาขลุ่ยของนาง ก่อนที่คนที่กำลังอาบน้ำด้านในจะออกมาพบ นางค่อยๆ เปิดดูแต่ละที่ ก่อนจะหันมาพบกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองนางอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาของด้วยวิธีแบบนี้”นางมองเขาที่สวมแค่ชุดนอน เสื้อที่แหวกกว้างเกือบจะเห็นแผงอกกว้างของเขาทำเอานางลอบกลืนน้ำลาย นางเลือกมาเวลานี้เพราะคิดว่าเขาจะต้องหลับแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาแค่ยังอาบน้ำอยู่เท่านั้น“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ”เขาแกว่งขลุ่ยสีเขียวอ่อนของนางไปมา“เอาคืนมา”“หากข้าไม่ให้ล่ะ”นางเริ่มใช้วิชาวิหคภูษาอีกครั้ง แต่เขาไม่หลงกล เขาหลบหลีกนางได้อย่างง่ายดาย วิชาตัวเบาของเขาแกร่งกว่า เร็วกว่านางมากนัก ก่อนที่เขาจะมาจับที่เอวคอดนางไว้ได้อย่างง่ายดาย“ซินเหยา เรามาต่อรองกันหน่อยดีไหมหากเจ้าแย่งขลุ่ยไปจากข้าได้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”“ได้อยู่แล้ว ท่านทำตามคำพูดด้วยก็แล้วกัน”“แต่หากเจ้าแย่งไปไม่ได้...”“ไม่มีทาง…ข้าไม่มีทางแพ้ท่าน”“แล้วหากเจ้าแย่งไม่ได้เล่า”“เจ้าต้องยอมเป็นของข้า”“คนชั่ว หน้าไม่อาย ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน”“แสดงว่าเจ้ารับคำท้าแล้วนะ
“ลู่จื่อหยาง เจ้าคนสารเลว ปล่อยนะ”“อย่าดิ้น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะซินเหยา”“ท่านก็เอามันออกสิ”“ซินเหยา เราข้ามขั้นตอนนั้นมาไกลแล้วล่ะ ตอนนี้ อื้ออ เหลือแค่…”ซินเหยาเองก็รู้ตัวว่ามันสายไปแล้วเพราะเจ้าแท่งแกร่งนั้นเข้าไปในร่างนางจนมิดทำเอานางรู้สึกจุก และนอกจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนสงวนนั้นจะฉีกขาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกความรู้สึกที่ปนเข้ามาไม่รู้ว่าแบบไหนที่มากกว่ากัน“ซินเหยา พร้อมนะ ข้าจะเริ่มขยับแล้ว อาาา แน่นมาก ซินเหยา อาาา”หญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกไป นางไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ของนางก็เตลิดไปพร้อม ๆกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบางทีอาจจะทนไม่ไหว เมื่อแรงปรารถนาของชายหนุ่ม กับคำพูดหวานหูนั้นลอยเข้าหูนางมาเรื่อย ๆ“อาาา เหยาเหยา ช่างน่ารักนัก เจ้า อื้มมม อาาา อย่าเกร็ง เจ้าลองสัมผัสกับมัน ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ”“คนบ้า อ๊ะ อย่าจับนะ”เขาจับมือนางที่เอาขึ้นมาบังหน้าอกอิ่มของตัวเอง ก่อนจะกางแขนนางออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเพื่อจัดการยอดถันสีชมพูนั้นอีกครั้งพร้อมกับขยี้ตรงยอดนั้นด้วยความเร็ว ซินเหยาซึ่งอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางทนไม่ไหว
ช่องเขาเซียนซี “แย่แล้วโจรภูเขา มันหลอกให้เรามาติดกับ คุ้มครองคุณชายเร็วเข้า”เสียงทหารม้าที่อยู่หน้าขบวนรถม้าตะโกนมาเพื่อให้ทุกคนคุ้มกัน“ฆ่ามัน”…. บนเนินเขาใกล้ๆ กัน ….“เสียเวลาที่สุด นี่มันแค่กำไลหยกขาวธรรมดา ด้านล่างนั่นเสียงอะไรกัน”ไป๋ซินเหยามองลงไปเบื้องล่าง ตรงที่นางยืนอยู่ สามารถเห็นเหตุการณ์ด้านล่างได้ชัดเจน“โจรงั้นหรือ เฮ้อ เอาสิ ช่วยเสียหน่อย ไหน ๆ ก็เซ็งมาทั้งวันแล้ว เผื่อได้ของดีรถม้านั่น ดูไม่ธรรมดาเลย”“ถอยก่อน พวกมันมาช้าเกินไป”“เสี่ยวหลุน ถอยไป ข้าเอง”“แต่ว่า..”“ถอย…”มีดบินเล็กๆ กระจายออกไป ก่อนที่จะทยอยปักไปที่คอของโจรป่าชุดดำที่เข้าโจมตี ความว่องไวของมีดบินนั้นทำให้ไป๋ซินเหยามองดูอย่างตื่นเต้น“โอ้ เก่งนี่นา งั้นขอเป็นผู้ชมอย่างเดียวก็พอ”บุรุษชุดสีเงินมัดรัดเกล้าสีเงินที่เข้ากับชุดที่ดูสง่างามท่านกลางโจรป่าที่เริ่มถอยกรูดเขาร่องเขา ก่อนที่เขาจะใช้วิชาดาบเข้าต่อสู้ กระบวนท่าที่แสดงออกมาทำเอาซินเหยานึกเลื่อมใส ทั้งเร็ว และแม่นยำ ผิดกับเพลงดาบสำนักเพ่ยเฉิงที่นางฝึกมา สุดท้ายพวกโจรป่าส่งสัญญาณเรียกพวกมันมาเพิ่ม ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มสู้ไม่ไหว“แย่แล้ว”ไป๋ซินเหย
“เถ้าแก่ กำไลนี่ ได้สักเท่าไหร่ อย่าโก่งราคานะ ไม่งั้นข้าจะตัดนิ้วเจ้า”“ขอรับๆ แหม คุณหนูอย่าใจร้อน ขอข้าดูหน่อยสิ”เถ้าแก่รับกำไลหยกขาวเนื้อดีนั้นไปดูก่อนจะตีราคามาให้“ห้าร้อยตำลึง”“อะไรกัน นี่มันหยกขาว หายากราคาแพงเถ้าแก่ อย่างน้อยๆ หากข้าเอาไปให้เถ้าแก่เถาที่ร้านตรอกข้าหน้า อย่างน้อยๆ เขาน่าจะให้ข้าสัก สองพันตำลึง เอาแบบนี้ หากท่านไม่เอา ข้าไปขายให้เขาสักพันห้าก็แล้วกัน”“แม่นางๆๆ เดี่ยวๆ แหะๆๆ อย่าพึ่งใจร้อนซี่ นะๆ ใจเย็นๆ ใจร่มๆ เมื่อครู่ข้าอาจจะตรวจดูไม่ถี่ถ้วน เอาแบบนี้ ในฐานะที่เราค้าขายกันมานาน ข้าให้เจ้า พันสามร้อยตำลึง เต็มที่แล้ว ห้ามต่อรอง”“เฮ้อ เถ้าแก่ เห็นว่าเป็นท่านหรอกนะ ข้าก็ไม่อยากไปผูกมิตรกับร้านอื่น ของดีๆ ข้าก็เอามาให้ท่านก่อน ก็ได้ๆ พันสามร้อย จ่ายสดเท่านั้นนะ”“รู้แล้วๆ เอานี่เงินของแม่นาง แล้ววันหลังอย่าลืมนะ มีของดีมาแวะหาข้าก่อน”“ได้ๆ ข้าไปล่ะ”“หยกขาว หึหึ อย่างน้อยต้องขายต่อได้สักสองหรือสามพันล่ะ เนื้องามจริงๆ”ไป๋ซินเหยาเดินออกมาจากร้านรับซื้อและจำนำสินค้า ก่อนจะหอบเงินเดินไปตามทาง นางมิได้ต้องการเงินมากมายขนาดนั้น และนางก็รู้ว่าสินค้าแต่ละอย่างมีค่า
“ท่านแม่ ข้าได้ยามาแล้วเจ้าค่ะ ป้าฝู นี่เจ้าค่ะ ข้าไปจ่ายตลาดมาด้วย”“คุณหนู โห ช่างมากมายเหลือเกินเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะให้อามู่ต้มยาให้ฮูหยินเลยเจ้าค่ะ”“ฝากด้วยเจ้าค่ะ”“อ่อ คุณหนูเจ้าคะ มีคนฝากนี่มาให้ท่านเจ้าค่ะ”“ขอบคุณป้าฝู”นางหยิบจดหมายมา ก่อนที่จะอ่าน“คืนนี้ หอหงอี้ สามีเลวของข้าจะเอาปิ่นทองของข้าไปมอบให้หญิงคณิกา หากเจ้านำมาคืนได้ ข้าพร้อมจ่ายห้าพันตำลึง” “โห ห้าพันเชียวนะ ไม่รับก็โง่แล้ว”“เขาจะไปหานางรำชื่อซู่เนี่ย ห้องส่วนตัว …..เสร็จแล้ว เจ้ามารับเงินที่นี่ ….” “หอหงอี้ คืนนี้เจอกัน”“คุณชาย อาการท่าน …”“ไม่เป็นไร เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่ใดมีสระน้ำเย็น หรืออ่างน้ำเย็นให้แช่ได้บ้าง”“มีหอหงอี้ขอรับ ถ้าเช่นนั้น”“เจ้าไปจองให้ข้าที ขอห้องส่วนตัวนะคืนนี้ข้าจะไปที่นั่น”“ขอรับ”“คุณชาย กลับโรงเตี๊ยมก่อนนะขอรับ”หอหงอี้ไป๋ซินเหยาปลอมตัวเป็นสาวใช้เข้ามาที่นี่ ก่อนที่นางจะได้ยินเสี่ยวเอ้อร์สั่งสาวใช้ ว่าให้ยกไปยังห้องของแม่นางซู่เนี่ย“พี่สาว ข้าช่วยเจ้าเอง เจ้าบอกข้ามาก็พอว่าห้องแม่นางซู่เนี่ยอยู่ที่ใด”“ออ มาใหม่หรือ เจ้าเดินตรงไปสุดทาง ห้องนางอยู่ด้านขวา ระวังล่ะ วันนี้นางมีแข
“ลู่จื่อหยาง เจ้าคนสารเลว ปล่อยนะ”“อย่าดิ้น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะซินเหยา”“ท่านก็เอามันออกสิ”“ซินเหยา เราข้ามขั้นตอนนั้นมาไกลแล้วล่ะ ตอนนี้ อื้ออ เหลือแค่…”ซินเหยาเองก็รู้ตัวว่ามันสายไปแล้วเพราะเจ้าแท่งแกร่งนั้นเข้าไปในร่างนางจนมิดทำเอานางรู้สึกจุก และนอกจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนสงวนนั้นจะฉีกขาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกความรู้สึกที่ปนเข้ามาไม่รู้ว่าแบบไหนที่มากกว่ากัน“ซินเหยา พร้อมนะ ข้าจะเริ่มขยับแล้ว อาาา แน่นมาก ซินเหยา อาาา”หญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกไป นางไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ของนางก็เตลิดไปพร้อม ๆกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบางทีอาจจะทนไม่ไหว เมื่อแรงปรารถนาของชายหนุ่ม กับคำพูดหวานหูนั้นลอยเข้าหูนางมาเรื่อย ๆ“อาาา เหยาเหยา ช่างน่ารักนัก เจ้า อื้มมม อาาา อย่าเกร็ง เจ้าลองสัมผัสกับมัน ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ”“คนบ้า อ๊ะ อย่าจับนะ”เขาจับมือนางที่เอาขึ้นมาบังหน้าอกอิ่มของตัวเอง ก่อนจะกางแขนนางออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเพื่อจัดการยอดถันสีชมพูนั้นอีกครั้งพร้อมกับขยี้ตรงยอดนั้นด้วยความเร็ว ซินเหยาซึ่งอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางทนไม่ไหว
ห้องพักของเขาที่เงียบสงบ ซิินเหยาค่อยๆ เดินเข้าไป นางเริ่มค้นหาขลุ่ยของนาง ก่อนที่คนที่กำลังอาบน้ำด้านในจะออกมาพบ นางค่อยๆ เปิดดูแต่ละที่ ก่อนจะหันมาพบกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองนางอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาของด้วยวิธีแบบนี้”นางมองเขาที่สวมแค่ชุดนอน เสื้อที่แหวกกว้างเกือบจะเห็นแผงอกกว้างของเขาทำเอานางลอบกลืนน้ำลาย นางเลือกมาเวลานี้เพราะคิดว่าเขาจะต้องหลับแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาแค่ยังอาบน้ำอยู่เท่านั้น“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ”เขาแกว่งขลุ่ยสีเขียวอ่อนของนางไปมา“เอาคืนมา”“หากข้าไม่ให้ล่ะ”นางเริ่มใช้วิชาวิหคภูษาอีกครั้ง แต่เขาไม่หลงกล เขาหลบหลีกนางได้อย่างง่ายดาย วิชาตัวเบาของเขาแกร่งกว่า เร็วกว่านางมากนัก ก่อนที่เขาจะมาจับที่เอวคอดนางไว้ได้อย่างง่ายดาย“ซินเหยา เรามาต่อรองกันหน่อยดีไหมหากเจ้าแย่งขลุ่ยไปจากข้าได้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”“ได้อยู่แล้ว ท่านทำตามคำพูดด้วยก็แล้วกัน”“แต่หากเจ้าแย่งไปไม่ได้...”“ไม่มีทาง…ข้าไม่มีทางแพ้ท่าน”“แล้วหากเจ้าแย่งไม่ได้เล่า”“เจ้าต้องยอมเป็นของข้า”“คนชั่ว หน้าไม่อาย ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน”“แสดงว่าเจ้ารับคำท้าแล้วนะ
“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”“ข้าบอกให้เอาคืนมา”“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”“ปล่อยข้านะ”นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก“ปล่อยข้านะ”เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"“ข้า
นางจงใจพูดเสียงดังให้คนทั้งงานสนใจมาที่นาง ซินเหยาหันไปมองที่ประตู นางเห็นสัญญาณของคนขับรถม้าพยักหน้าให้แล้ว ด้วยความแปลกใจของลู่จื่อหยางที่เดินเข้ามาหานาง“ซินเหยา เรื่องภายในครอบครัวเอาไว้คุยทีหลัง เจ้าอย่าทำลายงานนี้เชียว”“ท่านหลีกไป ข้าขอเตือนท่าน อย่ามายุ่งเรื่องนี้”สายตานางทำให้เขานึกกลัว เขาไม่เพียงไม่หลีก แต่ยังจับแขนนางแน่น ราวกับจะสั่งว่าอย่าทำอะไรที่บังคับให้เขาต้องทำร้ายนาง“คุณชายลู่แน่ใจนะว่าท่านจะไม่หลีก”“ซินเหยา มีอะไรก็ค่อยๆ พูดกัน...”“หลีกไป”ปลายผ้าพุ่งไปที่แขนของหลิวจูเม่ยก่อนที่แขนนางจะถูกกระชากอย่างแรง กำไลทองติดมากับปลายผ้านั้นใส่มือนาง“ไป๋ซินเหยา เจ้าหยาบคายเกินไปแล้วนะ เอากำไลแม่ข้าคืนมานะ นังสารเลว เด็ก ๆ จับมันออกไป”“ใครไม่กลัวตายก็เข้ามา”“อาเหยา หยุดนะ!!”“ท่านเป็นใครท่านอ๋อง มีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าให้หยุด หากท่านคิดว่าข้าจำไม่ได้ละก็ ท่านดูให้เต็มสองตาว่านี่มันเป็นของผู้ใด”ซินเหยาขว้างกำไลทองนั้นใส่หน้าผากผู้เป็นพ่อ เขาไม่ทันระวังไม่คิดว่านางจะรวดเร็ว ทำให้หน้าผากเขาเป็นแผลเลือดออก ก่อนที่กำไลทองนั้นจะหล่นมาที่มือของเขา ด้านในสลักคำว่าไป๋ชัดเจน เขาหั
“แต่ในเมื่อนางมิได้บอกว่านางกับบุรุษผู้นั้นเป็นอะไรกัน เหตุใดต้องลือกันไปเองว่านาง…”“ข่าวลือมักมีที่มา หากไม่มีเค้าโครง มีหรือจะมีคนพูดถึง”“หากนางถูกขับไล่ออกจากสำนัก เหตุใดเจ้าสำนักจึงมิได้มีการประกาศออกมาแจ้ง มีแค่เพียงข่าวเล่าลือออกมา”“เรื่องนี้ข้าก็มิทราบเจ้าค่ะ อาจารย์คงกลัวว่าสำนักจะเสียชื่อเสียงกระมังเจ้าคะ ถึงได้ปิดข่าว”เขาคิดดูแล้วสิ่งที่นางพูดมิใช่ว่าจะเชื่อถือไม่ได้ เพียงแค่เหมือนนางเลือกที่จะเล่าเพียงข้อเสียของซินเหยาให้เขาฟังเพียงเท่านั้น ที่เขารู้แน่ ๆ ก็คือ วิชาที่นางฝึกมิใช่วิชานอกรีดแต่อย่างใด เป็นเพียงวิชาการเรียกและควบคุมสัตว์เท่านั้น เพียงแต่ผู้ที่มีพรสวรรค์แบบนั้นหาได้ยาก และนางก็เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนไม่กี่คนที่ทำได้ นี่คือเหตุผลที่ทำให้สตรีตรงหน้าเขาไม่พอใจไป๋ซินเหยา“แม่นางเจิน พรุ่งนี้ข้ายังมีธุระต่อ คืนนี้คงต้องขอลาไปก่อน ขอบคุณที่ร่วมทานอาหารกับข้า”“ขอบคุณคุณชายลู่มากกว่าเจ้าค่ะ ที่อุตส่าห์เลี้ยงอาหารค่ำข้า”“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”เขาเดินไปถึงห้องก่อนที่จะพบว่าเสี่ยวหลุนมารอเขาอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว“เจ้าไปสืบมาได้ไวปานนั้นเชียว”“ขอรับ”“ว่ามาสิ”น่าแป
เมื่อเดินออกมาจนพ้นโรงน้ำชาแล้ว ซินเหยาจึงค่อยๆ ดึงมือกลับ ทำเอาลู่จื่อหยางมองกลับไปหานาง ก่อนที่เขาจะถามอย่างใคร่รู้ว่านางไปมีเรื่องอะไรกับคนกลุ่มนั้น“เจ้ามีเรื่องอะไรกับพวกเขางั้นหรือ”“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่พวกชอบหาเรื่อง”“ข้ามีเวลาพร้อมจะฟัง แล้วอีกอย่าง งานพรุ่งนี้ หากพวกเขาเข้าร่วมจริง ๆ ข้าก็ต้องหาวิธีป้องกันมิให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เพราะฉะนั้น ซินเหยา เจ้าเล่ามาให้ข้าฟังเสียดีๆ”นางมองหน้าเขาที่ใช้เหตุผลที่สวยหรูมาบังคับให้นางเล่า ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้ นางไม่อยากจำ และลืมไปนานแล้วตั้งแต่ลงจากเขาเซียนซี“ข้าเคยเรียนที่สำนักเพ่ยเฉิง ที่เขาเซียนซีมา แต่ด้วยวิชาบางอย่างที่ข้าฝึกมันไม่เหมือนวิชาที่พวกเขาเรียนรู้ ฟางหรูนางจึงหาเรื่องข้า ให้ข้าแสดงวิชาที่เรียนจากที่อื่นออกมาและใส่ร้ายหาว่าข้าฝึกวิชานอกรีต และฟ้องอาจารย์ให้ขับไล่ข้าออกจากสำนัก”“แต่นางมีสิทธิ์อะไรมาไล่เจ้า แล้ววิชาที่เจ้าฝึก คือวิชาใดกันล่ะ”“สุดท้ายอาจารย์ก็มิได้ไล่ข้าเจ้าค่ะ แต่นางอาศัยความเป็นศิษย์พี่เหมือนกับศิษย์พี่จินเย่ นางเลยยุให้ศิษย์ร่วมสำนักมารังแกข้าหลายครั้ง อาจารย์จึงเรียกข้าไปสอนด้วยตัวเอง เมื่อข้าเรียนจ
“คุณชายลู่ นี่มันจะไม่..”“นางพึ่งมีเรื่องที่จวนอ๋องมา ข้าพอเข้าใจนางได้ขอรับ ฮูหยินไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้ข้าจะส่งคนมารับนางเองขอรับ เพื่อป้องกันมิให้นางถูกรังแกอีก และป้องกันตัวนางมิให้ถูกลงโทษเรื่องขัดราชโองการด้วย หวังว่าฮูหยินคงเข้าใจ โปรดให้ความร่วมมือกับข้าด้วยขอรับ”“คุณชายลู่มิต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะให้นางไปงานนี้เอง ข้าจะอธิบายให้นางเข้าใจเจ้าค่ะ”“ขอบคุณฮูหยิน เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”“ท่านแม่ ลูกได้ยาตัวใหม่มาเจ้าค่ะ เจ้าแก่เจียงบอกว่า…นี่ท่านมาทำอะไรที่นี่”นางมองเขาอย่างตกใจ นางไม่ทันเจอพ่อบ้าน จึงไม่มีใครแจ้งนางว่าท่านแม่มีแขก“เหยาเหยา อย่าเสียมารยาทกับคุณชายลู่”“เหตุใดไปไหนก็เจอแต่เจ้าหน้าขาวนี่กันนะ”“คุณหนูใหญ่ เจ้าว่าอย่างไรนะขอรับ”“เปล่าเจ้าค่ะ เห็นว่าท่านจะกลับแล้วนี่เจ้าคะ เชิญเจ้าค่ะ”“เหยาเหยา!!”สายตานางหม่นลงเล็กน้อยเมื่อถูกมารดาดุ ลู่จื่อหยางที่พึ่งเห็นว่านางเจออะไรมาที่จวนอ๋อง และยังกลับบ้านมาเจอท่านแม่ดุอีก เขาจึงรีบบอก“ฮูหยิน ถ้าอย่างไร ให้คุณหนูใหญ่เป็นผู้ไปส่งข้าได้หรือไม่ขอรับ ข้าจะได้พูดกับนางเกี่ยวกับเรื่องวันพรุ่งนี้ด้วย”“ขอบคุณคุณชายลู่ รบกวนท่า
“ข้าแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ชายาเอก ลูกสะใภ้ที่ท่านภูมิใจหนักหนากลับเล่นชู้จนต้องระเห็จออกจวนอ๋องไปมิใช่หรือเจ้าคะ”"ฟิ้วว เพี๊ยะ เพี๊ยะ"“อาเหยา เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ”นางหันไปมองหน้าหลิวอ๋อง ก่อนที่ลู่จื่อหยางจะมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างนึกสนใจแต่เขาไม่พูดอะไร เขาหันไปมองหน้าซินเหยา ที่ตอนนี้ดูเหมือนนางจะโกรธมากจนถึงมากที่สุด สายตาที่มองไปที่ชายาหลิวอ๋องที่ล้มอยู่ที่พื้นนั้นยากจะคาดเดาความรู้สึกได้“หากเจ้ากล้าว่าท่านแม่ข้าอีกแม้คำเดียว เจ้าก็เตรียมตัวจัดงานศพได้เลย”“เพี๊ยะ”“เป่าเฉิง!!” “ท่านอ๋อง โปรดยั้งมือด้วย นางเป็นสตรี”ลู่จื่อหยางมองกลับมาที่ซินเหยา สายตานางที่ว่าน่ากลัวแล้ว ตอนนี้เขาแทบจะบรรยายไม่ออกเลยว่านางรู้สึกเช่นไร ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปหานางอย่างลืมตัว“คุณหนูใหญ่ เจ้า..”“ข้าชื่อไป๋ซินเหยา ข้ากับจวนสกุลหลิวมิได้เกี่ยวข้องอะไรกัน ท่านปู่ ขออภัยที่หลานคงมิได้มาร่วมงานด้วยในครั้งนี้ และคงไม่มาเหยียบที่นี่อีก ท่านปู่ รักษาตัวด้วยเจ้าค่ะ”“อาเหยา เดี๋ยว อาเหยา”ซินเหยาเดินออกมาจากจวนโดยมิได้หันกลับไปมองอีก“หึ ในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะให้เกียรตินาง ก็เท่ากับไม่ให้เกียรติข้า
“หึ น่าสนใจ”“คุณชายขอรับ”“เสี่ยวหลุน เจ้าหาชุดใหม่ให้ข้าทีข้าจะกลับแล้ว”“เอ่อ แต่ว่า...”“เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ...”“ขอรับ”เขาจัดหาชุดใหม่มาให้เว่ยจื่อหยางก่อนที่เขาจะสวมชุดให้คุณชายเรียบร้อยและออกจากหอนางโลม เสี่ยวหลุนอดที่จะถามไม่ได้“คุณชาย ชุดของท่านเล่าขอรับ”“โดนเอาไปน่ะ”“เป็นไปได้อย่างไรกัน ชุดนั่นอยู่ในห้องอาบน้ำนะขอรับ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”“แต่ว่าคุณชาย แล้วตอนนี้ร่างกายของท่าน…”“ข้าสบายดี สบายมาก ๆเลยล่ะ ไม่เคยรู้สึกตัวเบาแบบนี้มาก่อนเลย”“นี่มันแปลกเกินไปนะขอรับ หรือว่าสระน้ำเย็นที่หอหงอี้นั่น จะสามารถช่วยท่านจากโรคนี้ได้”“หึ ไม่ใช่สระนั่นหรอกแต่เป็นอย่างอื่น ไปกันเถิด”“อย่างอื่น ….”“บ้าจริง เสียรู้จนได้”ไป๋ซินเหยาเดินไปตามทางที่นัดหมายเอาไว้ ก่อนที่จะไปเคาะรถม้า“นี่ของของท่าน”นางรับเข้าไปในรถม้า และยื่นตั๋วเงินห้าพันตำลึงที่ตกลงเอาไว้ให้ออกมาให้ไป๋ซินเหยา“นี่เงินของเจ้า ขอบใจเจ้ามาก”“ไม่เป็นไร ข้าขอตัวก่อน”“ออกรถ”สตรีในรถม้าสั่งให้รถม้าวิ่งออกจากที่นั่นทันที ก่อนที่ซินเหยาจะเดินทางกลับบ้าน พร้อมกับถอดชุดบุรุษที่ตัวหลวมมากสำหรับนางทิ้งในถัง ก่อนจะดึงขึ้นม