“ไม่!! เจ้าต้องคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“ข้าบอกให้เอาคืนมา”
“เจ้าอยากได้ก็เข้ามาเอาสิ”
ซินเหยาไม่รอเขาเชิญรอบที่สอง นางพุ่งตัวเข้าไปพร้อมกับยื่นผ้าที่เหลืออยู่ออกไปแย่งขลุ่ยมา แต่เขาก็หลบหลีกได้ วรยุทธเขานับว่าไม่ธรรมดา อย่างน้อยก็หลบการโจมตีของนางได้มากกว่าจินเย่ เขาไม่ใช้อาวุธลับอีกเลยเมื่อมองเห็นแผลของนาง เพียงแค่หลบนางจนนางเหนื่อยและเขาก็เริ่มจู่โจมนางอีกที
“เจ้าพลาดแล้วล่ะ”
“ปล่อยข้านะ”
นางพยายามจับขลุ่ยในมือของเขาก่อนที่จะหมุนรอบตัวเขา แต่เขาก็ดึงกลับได้ นางจึงออกแรงดึงแต่เขาไม่ยอมจังหวะที่นางกำลังจะดึง
เขาเพียงกระตุกนิดเดียว นางก็ล้มเพราะบาดเจ็บและความเหนื่อยที่ออกแรงไปมากจนล้มลงลู่จื่อหยางพลิกตัวให้นางล้มลงที่พื้นหญ้า และกดนางลงที่พื้นไม่ให้นางขยับได้อีก
“ปล่อยข้านะ”
เขาค่อยๆ ใช้มือไปเช็ดเลือดที่แก้มนางออกอย่างเบามือ รอยนั้นไม่ได้ลึกมา แต่ก็ทำนางเป็นแผล เขารู้สึกว่ามีบางอย่างมากรีดที่หัวใจเขา ทำเอาเขาเจ็บไปด้วย
“เจ้าเจ็บหรือไม่ เหตุใดจึงไม่หลบ เหตุใดต้องปล่อยให้ตัวเองเจ็บ”
“เป็นท่านมิใช่หรือที่ซัดมีดนั่นมาทำร้ายข้า ตอนนี้จะมาพูดสิ่งใดอีก ปล่อยข้านะ"
“ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าเพียงแค่ตั้งใจจะตัดผ้า ไม่คิดว่าจะพลาดโดนเจ้า ซินเหยา บอกข้ามาได้หรือยังเหตุใดจึงบุกไปทำลายงานเลี้ยงนั่น”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน หลีกไปนะ ปล่อยข้า”
“แต่ข้าต้องยุ่ง เจ้ารู้หรือไม่ว่าชายารองท่านอ๋องกับบุตรสาวตอนนี้พวกเขาถูกค้างคาวพิษนั่นกัดเสียจนหน้าพังไปหมดแล้ว หากพวกเขาเอาเรื่องเจ้าขึ้นมา....”
“แล้วอย่างไรล่ะ ดีที่ข้ายังไว้ชีวิตพวกนาง ทำไม ท่านจะมาขอชีวิตให้พวกนางงั้นหรือ ไม่มีทาง!!”
“ซินเหยา!! เจ้าโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว เหตุใดต้องทำร้ายคน”
“แล้วเหตุใดท่านต้องไปปกป้องพวกนาง เพื่อพวกนางแล้วท่านเลือกจะทำร้ายข้า ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับท่านปล่อยข้านะ คนชั่ว ปล่อย”
“ซินเหยา ข้าถามเจ้าดีๆ เจ้าไม่ยอมพูดเอง อย่าหาว่าข้าใจร้ายกับเจ้า”
เขาก้มลงประทับริมฝีปากกล้าที่เถียงกับเขาไม่หยุด เขาอยากจะรู้เหลือเกินว่านางจะกล้าดื้อกับเขาอีกหรือไม่ คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนหนีจากอ้อมกอดของเขา ก่อนที่ที่เขาจะระดมจูบนางไม่หยุด และเริ่มใช้ลิ้นกับนางจนนางเริ่มดิ้นหนักขึ้น
เขาจึงจับแขนนางสองข้างตรึงเอาไว้ และจูบนางหนักหน่วงขึ้น มือน้อยๆ ค่อยๆ หมดแรงต้านทาน จึงปล่อยให้เขาทำตามใจก่อนที่เขาจะผละออกมา และตกใจกับภาพที่เห็น หยดน้ำตาที่ไหลออกมา เขาดึงนางขึ้นมากอด
“ซินเหยา ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ แต่เจ้าไม่ฟังข้าเลย ข้าจึงต้อง...”
“ปล่อยข้านะ”
“ซินเหยา เรื่องนี้เราต้องคุยกันก่อนนะ ข้าจะปล่อยเจ้าไปแบบนี้ไม่ได้ ”
“ข้าบอกให้ปล่อยข้า!!”
นางใช้กำลังที่เหลือทั้งหมดผลักเขาออกไป และวิ่งหนีไปในความมืด เขาจับขลุ่ยของนางมา นางคงโกรธเขามาก แม้กระทั่งขลุ่ยก็ยังไม่เอาไป เขาต้องยอมปล่อยนางไปก่อน และตามสืบดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับนางกันแน่
“คนชั่ว คนฉวยโอกาส ข้าจะฆ่าท่าน”
ก่อนนางจะคิดได้ว่าลืมเอาขลุ่ยโลกันตร์คืน นางจึงได้แต่โมโหอีกรอบ
“เจ็บใจนัก ลู่จื่อหยาง”
นางเช็ดแผลที่หน้าและแขน และนั่งทำแผลที่ถูกมีดบินของลู่จื่อหยางบาดเข้าไป แผลนั้นไม่ลึกมาก เพราะนางหลบทัน และดูเหมือนว่าเขาเองก็จะไม่ได้ตั้งใจจะให้โดนนางด้วยซ้ำไป…
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ที่นางบุกไปจวนอ๋องเพราะเรื่องนี้หรือ”
“ขอรับ”
“สืบแน่ชัดแล้วหรือ ชายารองกล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ ข้าจะไปจวนอ๋อง สอบสวนให้รู้เรื่อง แล้วตอนนี้พวกนางเป็นอย่างไรบ้าง”
“แม่นางไป๋สั่งให้ท่านหมอมาดูอาการอยู่ขอรับ ทราบว่าฮูหยินไป๋ถูกฟันที่ท้อง แม่บ้านและบ่าวไพร่ถูกทำร้ายไม่น้อยเลยขอรับ”
“เจ้าออกไปก่อน”
“แล้วเรื่องที่จะย้ายไปที่จวนใหม่องค์ไท่จื่อ”
“สั่งย้ายได้เลย”
“ขอรับ”
เขาค่อยๆ นั่งลงบนเตียง ที่แท้ นางออกจากบ้านมาไม่เท่าไหร่ก็มีคนลอบไปฆ่าแม่ของนาง หากนางไม่กลับไป มารดาของนางคงตายไปแล้ว มิน่าล่ะ นางถึงโกรธขนาดนั้น บุกไปแก้แค้นถึงที่ก็ไม่แปลก เพียงแค่นางจะบอกเขาสักคำ เขาคงไม่ทำร้ายนางจนบาดเจ็บขนาดนั้น
“ซินเหยา เหตุใดเจ้าจึงไม่บอกข้า หากข้ารู้ จะไม่ปล่อยพวกนางไปแม้แต่คนเดียว เจ้ามีความลับอีกมากมายเท่าใดกันนะ”
เขามองขลุ่ยของนางก่อนจะจุมพิตลงไปที่ขลุ่ยนั้นอย่างแผ่วเบา พร้อมกับนึกไปถึงจูบเมื่อครู่ที่เนินเขา หากเพียงนิดเดียว เขาก็คงทนที่จะเข้าครอบครองนางไม่ไหวเป็นแน่ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเขาไม่อาจจะปล่อยนางไปได้
เมื่อลู่จื่อหยางสืบรู้ มีหรือที่จวนอ๋องจะสืบไม่รู้ หลิวอ๋องจึงได้ยื่นคำขาด ให้หลิวจูเม่ยไปสารภาพผิดกับไป๋ฮูหยินและไปซินเหยา
“ท่านพ่อ ข้ากับท่านแม่ถูกนางเล่นงานขนาดนี้ ท่านยังจะให้พวกเราไปขอโทษพวกนางอีกงั้นหรือเจ้าคะ”
"พวกเจ้ามันแส่หาเรื่องไม่หยุดหย่อน เจ้าคิดว่าคนอย่างอาเหยาจัดการง่ายงั้นหรือ นางไม่ได้โง่เหมือนพวกเจ้า แผนการโง่ๆ นั่นทำอะไรนางไม่ได้หรอก ข้าจะบอกให้นะ หากนางหาพยานได้ อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้ฝ่าบาทมาเองก็ช่วยพวกเจ้าพ้นผิดไม่ได้"
“ท่านพี่เจ้าคะ ไม่นะเจ้าคะ ข้ารู้ผิดแล้วเจ้าค่ะ อย่าให้นางมาเอาเรื่องข้านะเจ้าคะ”
“หึ รู้ผิด เจ้าพูดคำนี้มากี่รอบแล้ว หากเจ้ารู้จริงจะทำเรื่องนี้ซ้ำๆ งั้นหรือ จูเม่ย ข้าทนเจ้ามานานแล้วครั้งนี้เป็นฟางเส้นสุดท้าย เจ้าจะทำอะไรข้าไม่เคยว่า ไม่เคยสนใจ แต่นี่เจ้ากลับกล้านำกำไลของชายาไป๋มาสวม แล้วยังโง่แอบอ้างว่าเป็นของตกทอดอีก อับอายไปทั้งเมือง พฤติกรรมของเจ้าในครั้งนี้แม้แต่แม่ทัพหลิงก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้วล่ะ แล้วเจ้าคิดหรือ เรื่องนี้คุณชายลู่เองก็คงสืบรู้ได้อีกไม่นาน พวกเจ้าเตรียมตัวรับโทษเถอะ”
“ท่านพี่ ไม่นะ ข้าไม่ยอม ท่านจะทำอะไร”
“จูเม่ย ข้าไม่สามารถอยู่กับคนเช่นเจ้าได้อีกต่อไปแล้ว ข้าจะเขียนหนังสือหย่า เหตุผลของข้า มีมากพอที่พี่เจ้าจะยอมรับได้ ข้าคิดว่าเขาต้องเข้าใจบ้าง”
“ท่านจะหย่ากับข้าเพียงเพราะนังเมียเก่านั่น ข้าแตะต้องมันไม่ได้เลยใช่หรือไม่ แล้วแผลบนหน้าข้ากับลูกท่านล่ะ เฟยจูมิใช่บุตรสาวท่านหรืออย่างไร เหตุใดจึงไม่ปกป้องนางบ้าง”
“เจ้าน่าจะย้อนถามตัวเองมากกว่า ว่าเจ้าเลี้ยงนางมาแบบไหน เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ข้าหย่ากับเจ้า ไม่ได้หมายความว่าข้าจะทิ้งลูก เฟยจูจะอยู่ที่นี่กับข้า เรื่องนี้เป็นเจ้าที่ทำผิดข้อตกลงที่ทำเอาไว้เจ้าจะโทษใครได้”
“ไม่นะ ท่านอ๋อง ไม่ ข้าไม่ยอม”
หลิวอ๋องเดินออกไปจากห้องของชายารองโดยไม่หันกลับไปอีก เขาส่งยาอย่างดีและท่านหมอที่ดีที่สุดในเมืองไปรักษาไป๋ชิงอีและคนบ้านสกุลไป๋ แต่ทั้งคนทั้งของล้วนถูกปฏิเสธจากจวนไป๋ออกมาทั้งหมด
“ข้ามาพบแม่นางไป๋”
“เอ่อคุณชายลู่ คุณหนูไม่อยู่ขอรับ”
“นางไปไหน”
“เอ่อ คือว่านาง บอกว่าจะไปทำธุระขอรับ กลับเย็นๆ”
“ขอบคุณ”
พวกเขากำลังจะเดินออกมา ก่อนที่เสี่ยวหลุนจะกระซิบคุยกับเขา
“คุณชาย คุณหนูไป๋จงใจหลบหน้าท่าน”
“หึ ไม่นานหรอก”
“ท่านพ่อบ้าน ขอโทษที ข้าจะฝากบอกคุณหนูของท่านหน่อยว่าข้าจะกลับเมืองหลวงแล้ว ถ้าอย่างไร ให้นางมารับขลุ่ยคืนที่ข้าได้ พอดีข้ารีบออกมา จึงมิได้นำขลุ่ยของนางมาด้วย นี่ที่อยู่ของข้า”
“ออ ขอรับ ข้าจะแจ้งคุณหนูให้ขอรับคุณชาย”
พวกเขาเดินออกมา ก่อนที่พ่อบ้านจะรีบวิ่งเข้าไปและปิดประตู
“คุณชาย ท่านโกหกไปแบบนั้นจะดีหรือขอรับ หากนางไม่มาพบท่านล่ะ”
“นางมาแน่...”
ห้องพักของเขาที่เงียบสงบ ซิินเหยาค่อยๆ เดินเข้าไป นางเริ่มค้นหาขลุ่ยของนาง ก่อนที่คนที่กำลังอาบน้ำด้านในจะออกมาพบ นางค่อยๆ เปิดดูแต่ละที่ ก่อนจะหันมาพบกับเจ้าของห้องที่ยืนกอดอกมองนางอยู่ที่ปลายเตียง“ไม่คิดว่าเจ้าจะมาเอาของด้วยวิธีแบบนี้”นางมองเขาที่สวมแค่ชุดนอน เสื้อที่แหวกกว้างเกือบจะเห็นแผงอกกว้างของเขาทำเอานางลอบกลืนน้ำลาย นางเลือกมาเวลานี้เพราะคิดว่าเขาจะต้องหลับแล้ว เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาแค่ยังอาบน้ำอยู่เท่านั้น“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ”เขาแกว่งขลุ่ยสีเขียวอ่อนของนางไปมา“เอาคืนมา”“หากข้าไม่ให้ล่ะ”นางเริ่มใช้วิชาวิหคภูษาอีกครั้ง แต่เขาไม่หลงกล เขาหลบหลีกนางได้อย่างง่ายดาย วิชาตัวเบาของเขาแกร่งกว่า เร็วกว่านางมากนัก ก่อนที่เขาจะมาจับที่เอวคอดนางไว้ได้อย่างง่ายดาย“ซินเหยา เรามาต่อรองกันหน่อยดีไหมหากเจ้าแย่งขลุ่ยไปจากข้าได้ ข้าจะยอมปล่อยเจ้าไป ไม่ยุ่งกับเจ้าอีก”“ได้อยู่แล้ว ท่านทำตามคำพูดด้วยก็แล้วกัน”“แต่หากเจ้าแย่งไปไม่ได้...”“ไม่มีทาง…ข้าไม่มีทางแพ้ท่าน”“แล้วหากเจ้าแย่งไม่ได้เล่า”“เจ้าต้องยอมเป็นของข้า”“คนชั่ว หน้าไม่อาย ไม่มีทางที่ข้าจะแพ้ท่าน”“แสดงว่าเจ้ารับคำท้าแล้วนะ
“ลู่จื่อหยาง เจ้าคนสารเลว ปล่อยนะ”“อย่าดิ้น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะซินเหยา”“ท่านก็เอามันออกสิ”“ซินเหยา เราข้ามขั้นตอนนั้นมาไกลแล้วล่ะ ตอนนี้ อื้ออ เหลือแค่…”ซินเหยาเองก็รู้ตัวว่ามันสายไปแล้วเพราะเจ้าแท่งแกร่งนั้นเข้าไปในร่างนางจนมิดทำเอานางรู้สึกจุก และนอกจากความรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตรงส่วนสงวนนั้นจะฉีกขาดไปแล้ว แต่ดูเหมือนจะมีอีกความรู้สึกที่ปนเข้ามาไม่รู้ว่าแบบไหนที่มากกว่ากัน“ซินเหยา พร้อมนะ ข้าจะเริ่มขยับแล้ว อาาา แน่นมาก ซินเหยา อาาา”หญิงสาวได้แต่กัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องของนางดังออกไป นางไม่อยากยอมรับว่าตอนนี้อารมณ์ของนางก็เตลิดไปพร้อม ๆกับเขาเรียบร้อยแล้ว และบางทีอาจจะทนไม่ไหว เมื่อแรงปรารถนาของชายหนุ่ม กับคำพูดหวานหูนั้นลอยเข้าหูนางมาเรื่อย ๆ“อาาา เหยาเหยา ช่างน่ารักนัก เจ้า อื้มมม อาาา อย่าเกร็ง เจ้าลองสัมผัสกับมัน ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ”“คนบ้า อ๊ะ อย่าจับนะ”เขาจับมือนางที่เอาขึ้นมาบังหน้าอกอิ่มของตัวเอง ก่อนจะกางแขนนางออกอีกครั้ง พร้อมกับก้มลงไปใช้ลิ้นเพื่อจัดการยอดถันสีชมพูนั้นอีกครั้งพร้อมกับขยี้ตรงยอดนั้นด้วยความเร็ว ซินเหยาซึ่งอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางทนไม่ไหว
“เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้”“เจ้ายังมิรู้อีกหรือ หรือว่าข้าต้องทำมากกว่านี้ เจ้าต้องการให้ข้ายืนยันกับเจ้าอีกกี่รอบกัน เรื่องความรู้สึกนี้ เหยาเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะไม่เชื่อ ว่าเหตุใดคนเราที่พึ่งเคยพบหน้า พึ่งรู้จักกัน จะสามารถชอบพอกันได้ขนาดนี้ใช่หรือไม่ ข้าจะบอกให้นะ ข้าตกหลุมรักเจ้า ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว เจ้าจะเชื่อหรือไม่”“วันแรก ที่หอหงอี้”“ไม่ใช่ วันที่เจ้าช่วยข้าจากโจรภูเขา ที่ซอกเขาก่อนเข้าเมืองเจียงหยางต่างหาก เจ้าจำไม่ได้หรือ”“ข้า… ข้าจำได้เพียงช่วยท่านเอาไว้ และขโมยเงินท่านมาสามพันตำลึง”“วันนั้นคือวันที่ข้าเริ่มจะตามหาเจ้า ข้าจึงจัดงานเลี้ยงรวมสตรีในเจียงหยางมารวมตัวเพื่อจะหาเจ้า แต่มันไม่จำเป็นอีกแล้ว ในเมื่อข้าหาเจ้าเจอก่อนแล้ว”“เรื่องนี้สำหรับข้า มันรวดเร็วเกินไปจนรับไม่ทัน ขอท่าน ให้เวลาข้าอีกหน่อย”“เหยาเหยา ข้าจะไม่เร่งรัดเจ้า ข้ารอเจ้าได้แต่ความรู้สึกข้า บอกเจ้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะเก็บมันไปใส่ใจบ้าง จะได้หรือไม่”“เรื่องนี้ คือข้า…”“ข้ารู้ว่ามันอาจจะเริ่มได้ไม่ดีเท่าไหร่ ข้าบังคับขืนใจเจ้าในตอนแรก แต่เท่าที่ข้าดู เจ้ามีความรู้สึกไม่ต่างกับข้า เหยาเหยา ข้
“ซินเหยา อาการบาดเจ็บของเจ้า ดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ไปที่หอเฟิงหยวนดีกว่าเจ้าค่ะ ที่นั่นมีทั้งน้ำชาและอาหาร นั่งได้นานหน่อย”“ได้ ตามใจเจ้าเลย”ซินเหยานำทางซ่งจินเย่ไปที่หอเฟิงหยวนโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบตามนางมาด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ว่าหงุดหงิดเต็มที่ที่เห็นนางมากับคนอื่น“นั่งโต๊ะนี้ก็แล้วกันศิษย์พี่ สั่งอาหารเลยนะเจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าสั่งเลย”จินเย่ตามใจนางทุกอย่าง ก่อนที่นางจะสั่งอาหารมาสองสามอย่างและเริ่มนั่งคุยกัน สายตาที่ลู่จื่อหยางมาเข้ามาจากนอกร้านนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับที่พักของเขาพร้อมกับความแปลกใจของเสี่ยวหลุน“คุณชาย ไม่เข้าไปหรือขอรับ”“ไม่ล่ะ เอาไว้ค่อยคุยกับนางวันหลัง”เสี่ยวหลุนเดินตามคุณชายกลับไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่พูดอะไรอีก ก่อนที่เขาจะกำห่อผ้าที่ห่อกล่องไม้แกะสลักที่มีขลุ่ยหยกขาวอยู่ด้านในเพื่อมอบให้กับไป๋ซินเหยาตามลู่จื่อหยางกลับไปที่จวนใหม่องค์ไท่จื่อ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”“คุณชายลู่ ท่านมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ ท่านอยากจะเดินตรวจดูก่อนหรือไม่ขอรับ”“ไม่ล่ะ ออ อย่าลืมเตรียมทุกอย่างตามที่ข้าบอก อาห
“ก็มิผิด ข้ามอบให้เจ้า แต่รางวัลที่หาได้ถูกใจเจ้าล่ะ”“ข้า…ก็ขอบคุณท่านไปแล้วนี่เจ้าคะ ปล่อยข้าก่อน คุณชายลู่”“เจ้าดูสิ ดาวขึ้นแล้ว เจ้าอยากนอนดูดาวก่อนหรือไม่”“มะ..ไม่เจ้าค่ะ ข้าต้องรีบกลับบ้าน ท่านแม่ ว๊ายย ลู่จื่อหยาง ท่านจะทำสิ่งใด”เขาอุ้มนางและพานางลงบนผ้าที่เขาเตรียมมาเพื่อปูพื้นหญ้าเอาไว้ ก่อนจะวางนางลงและนั่งพิงก้อนหินก้อนใหญ่ข้างๆ นาง“เจ้าไปคุยกับคุณชายซ่งเรื่องอะไรกันอยู่นานสองนาน”“ท่านจะถามไปทำไมเจ้าคะ นี่มันมิใช่ธุระ…”เขาประกบปากซินเหยา โดยที่นางไม่ทันได้พูดออกมาหมด ก่อนที่นางจะเริ่มเคลิ้มกับสัมผัสของเขา อากาศบนเนินเขาช่างเย็นสบาย ไร้ผู้คน และไม่มีผู้ใดเคยขึ้นมาที่นี่ ลิ้นของลู่จื่อหยางค่อยๆ ดันเข้าไปในปากซินเหยาพร้อมกับเริ่มปลดสายคาดเอวนางทิ้งก่อนจะดันตัวนางให้นอนราบกับพื้น“อย่านะ นี่ท่านจะมาทำเรื่องแบบนี้ที่นี่ไม่ได้นะ”“ข้ากลับมองว่า ดีออกอากาศเย็นสบาย แล้วยังได้นอนดูดาวด้วย ที่สำคัญร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน”“นี่ท่าน!! คนเลว ปล่อยข้านะ”“เหยาเหยา ข้าต้องทำโทษเจ้า”“ปล่อยข้านะ ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิด ท่านปล่อยนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะกัดท่าน”“เจ้าคิดว่าเจ้ากัดข้าได้ค
“เหยาเหยา ตื่นเถอะ เหยาเหยา”“อืมม ลู่จื่อหยาง …”ซินเหยาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงัวเงีย เขาเอาเสื้อคลุมห่มให้นาง เขาสวมเพียงเสื้อตัวในเอาไว้ ก่อนจะหันมามองนางที่พึ่งจะตื่นจากนิทรา“นี่มันยามใดแล้ว ข้าต้องรีบกลับบ้าน”“ค่อยๆ ลุกนะ จะเข้ายามเฉินแล้ว ข้าเลยปลุกเจ้า”“เสื้อผ้าข้าล่ะ”“อยู่นี่ ข้าช่วยเจ้าสวมนะ”“ไม่ต้อง ข้าใส่เองได้ ท่านออกไปก่อนสิ”“มาไล่ข้าด้วยเหตุใดกัน ข้ามีอะไรที่ยังไม่เห็นอีกหรือ มาเถอะ รีบสวม น้ำค้างเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปส่งเจ้าเอง”“ข้ากลับเองได้”“เหยาเหยา อย่าดื้อกับข้า”“คุณชายลู่ ท่านเลิกเรียกข้าแบบนี้ได้หรือไม่”“ทำไมล่ะ หรือจะให้เรียกอย่างอื่น”“เรียกข้าซินเหยา หรือแม่นางไป๋เจ้าค่ะ”“นั่นมันห่างเหินเกินไป สำหรับคู่หมายเขาไม่เรียกกัน เอาล่ะ ข้าจะยกเสื้อบังให้หากเจ้าอาย เจ้าก็รีบสวมชุดเสียสิ เดี๋ยวถูกน้ำค้างจะเป็นหวัดเอาได้”“ใครเป็นคู่หมายของท่านกัน ยังไม่ทันได้สู่ขอ ก็มารังแกข้า แบบนี้ใครจะยอมรับท่านได้”“เหยาเหยา หากเจ้าพูดมากอีกคำเดียว ก็ไม่ต้องสวม ข้าจะจัดการเจ้าที่นี่ทั้งคืนดีหรือไม่”“อย่านะคนบ้า ท่านหันไปสิ ข้าจะสวมชุด”เขากางผ้าให้นางสวมชุดจนเสร็จ ก่
“…..”“เหยาเหยา เจ้าโกรธข้างั้นหรือ”“มิกล้าเจ้าค่ะ”“เจ้ามานั่งนี่สิ ตรงนั้นที่นั่งมันแข็ง เตียงนี้นั่งนิ่มๆ”“อย่าเลยเจ้าค่ะ ท่านนั่งไปเถอะ”“จะให้ข้าสั่งอีกรอบหรือไม่ ข้าบอกให้เจ้ามานั่งนี่”“แม่ข้าก็สั่งให้ข้าขอโทษท่านแล้ว ท่านจะเอาอย่างไรกับข้าอีก ท่านนั่งไปเฉยๆ เถอะ”“แสดงว่าเจ้าไม่ได้อยากทำ ที่ทำเพราะถูกบังคับสินะ”“….”“ข้าพูดถูกสินะ”นางก้มหน้าจนถึงจวนอ๋อง นางเดินมาพยุงเขา แต่เขากลับปัดมือนางออกและเดินออกไปเอง ไม่พูดอะไรกับนางอีก“อาเหยา พ่อให้คนเก็บกวาดห้องให้เจ้าแล้ว เจ้าลองไปดูว่าชอบหรือไม่ อามู่ พาคุณหนูของเจ้าไป”“เจ้าค่ะ”“ท่านพี่ ข้าไปดูลูกหน่อยนะเจ้าคะ”“อืม เจ้าไปเถอะ อย่าว่านางมากล่ะ เพียงเท่านี้นางก็คงรู้สึกแย่มากพอแล้ว”“เจ้าค่ะ ท่านนั่งคุยกับคุณชายลู่ไปก่อน”ไป๋ชิงอีเดินตามบุตรสาวไปยังห้องนอนที่ท่านอ๋องจัดเอาไว้ให้ ซึ่งอยู่เรือนตะวันตก เป็นห้องนอนใหญ่สำหรับคุณหนูใหญ่“คุณชายลู่ ท่านนั่งพักสักหน่อยเถิด เดี๋ยวข้าจะให้ท่านหมอมาดูอาการให้ท่านอีกที”“ขอบคุณท่านอ๋องขอรับ”“ข้าสิต้องขอบคุณท่าน หากไม่ได้ท่าน พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะสู้กับคนชั่วพวกนั้นอย่างไร ว่าแต่ว่าท่านมากั
“ท่านใจร้ายนัก หนีข้ามาเจียงหยางคนเดียว เหตุใดมิรอข้าเล่าเจ้าคะ”“เอ่อ ท่านหญิง กรุณาสำรวมกิริยาด้วย เรายังอยู่ในพิธีต้อนรับอยู่”“ก็ได้ๆ เจ้าค่ะ งั้นหลังจากนี้ท่านต้องเล่าให้ข้าฟังให้หมดว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่องนี้น่าอยู่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงได้ทิ้งคู่หมั้นอย่างข้าเอาไว้ที่เมืองหลวง”“คู่หมั้น!!”ทุกคนหันมามองลู่จื่อหยางเป็นตาเดียวยกเว้นไป๋ซินเหยาที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลังมารดา ลู่จื่อหยางมองนางแต่ก็มองไม่เห็นเพราะนางใช้ตัวบิดาและมารดาบดบังเอาไว้ เขาจึงไม่ทราบว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง“เอาล่ะท่าหญิงเป่า เราก็พึ่งมาถึง รีบเข้าไปในจวนก่อน”“องค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมต้อนรับเราในวันนี้ ช่วงเย็นวันนี้ตำหนักของข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ข้าขอเชิญทุกท่านมาร่วมงานด้วย หวังว่าจะได้ร่วมสังสรรค์กับพวกท่าน”“ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อ”พูดจบพระองค์ก็เดินอย่างองอาจเข้าไปที่จวน สายตาหยุดมองบุตรีของหลิวอ๋อง ก่อนจะหันมาถามท่านอ๋อง“ท่านอ๋อง ท่านนั้นคือ”“ทูลองค์ไท่จื่อ นี่คือพระชายาของข้าไป๋ชิงอี และบุตรสาว ไป๋ซินเหยาพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันไป๋ชิงอี/ไป๋ซินเหยา ถวายบังคมองค์ไท่จื่อเพคะ”
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่
เป่าหยุนเซียนเมื่อถูกถามเช่นนี้ก็เริ่มโวยวายและลนลานจนต้องตะโกนใส่เขา“ก็ข้าอยู่ใกล้พระองค์ที่สุด เห็นทุกเหตุการณ์ ฮองเฮามิได้เสวยสิ่งใดนอกจากชาที่ไป๋ซินเหยานำมาถวาย มีพยานรู้เห็นมากมาย องค์ชายแปด หากพระองค์ต้องการปกป้องนางข้าก็ไม่ว่า แต่อย่าหลับหูหลับตาเชื่อว่านางไม่มีความผิดเช่นนี้ มันดูไม่ยุติธรรมเลยเพคะ”“องค์ชายแปด เรื่องนี้เพียงแค่เรานำชาที่นางชงให้ฮองเฮาเสวยมาตรวจสอบดูก็จะรู้ พระองค์กล้าหรือไม่”“ท่านเสนาบดี ดูท่านเองก็จะมั่นใจมากเหลือเกินว่าในชานั้นมีสิ่งผิดปกติสินะ”“หมอหลวง ไปนำชาที่เหลือมาตรวจสอบ เราต้องการรู้ผลตอนนี้เลย”ฝ่าบาทเป็นผู้ออกคำสั่ง เว่ยจื่อหยางสบตากับเสนาบดีเป่าอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด หมอหลวงนำเอาใบชาที่เหลือมานั่งตรวจสอบดูและรีบทูลฝ่าบาทให้ทรงทราบ“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมตรวจสอบใบชาที่พระชายาหลิวอ๋องเอามาเสร็จเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าอย่างไร มีอะไรผิดปกติหรือไม่ รีบพูดมา!!”ฝ่าบาทเองก็อยากจะทราบความเป็นจริง พระองค์ไม่คิดว่าครอบครัวของหลิวอ๋องแม้ว่าจะมีเรื่องบาดหมางกับฮองเฮาเพียงใดก็คงมิกล้าจะลอบวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เป็นแน่“กราบทูลฝ่าบาท ชานี้…. ไม่มีส
นางกำนัลทยอยยกน้ำชาและของว่างมาวางให้พวกท่านหญิงที่นั่งอยู่ด้านใน ซึ่งแยกออกมาจากกระโจมของบุรุษ เพื่อเป็นการพบปะของบรรดาพระสนมและพระชายาของขุนนางที่ได้เข้าร่วมงานในวันนี้“ฮองเฮาเพคะ เห็นว่าวันนี้ชาที่นำมาเป็นชาของพระชายาหลิวอ๋องที่นำมาจากเจียงหยางเชียวนะเพคะ พระองค์ลองเสวยดูเพคะ”“เช่นนั้นหรือ พระชายาช่างใส่ใจเสียจริง”“ขอบพระทัยเพคะฮองเฮา หม่อมฉันเพียงเห็นว่าชาที่นั่นรสชาติดี จึงอยากนำมาถวายในโอกาสสำคัญนี้เพคะ”“ยอดเยี่ยม หากข้ามิได้ลองคงน่าเสียดายแย่ ยกมาสิ”ไป๋ซินเหยาเป็นผู้ชงชานั้นในกระโจมตามหลักวิธีการชงชาโบราณที่มารดานางได้สอนมา ท่วงท่าที่นางเริ่มทำตั้งแต่คั่วใบชาและชงออกมาช่างงดงาม เหล่าบรรดาพระสนมและฮูหยินของเหล่าขุนนางล้วนแต่ชื่นชมนาง ไม่เว้นแม่แต่ฮองเฮาและพระสนมโม่เฟย เมื่อนางเริ่มชงชา กลิ่นชานั้นก็หอมอบอวลในกระโจมทำให้ผู้ที่นั่งอยู่รู้สึกผ่อนคลายแม้ยังมิได้ลิ้มลองเมื่อชาถูกรินสู่กา ไป๋ซินเหยาจึงให้นางกำนัลยกไปถวายให้ฮองเฮาที่นั่งรออยู่เป็นผู้ชิมเป็นคนแรก“ฮองเฮาเพคะ ลองเสวยสิเพคะ”“ท่านหญิงเป่า เหตุใดเจ้าดูตื่นเต้นกว่าข้าเสียอีก เจ้าจะลองดื่มกับข้าหรือไม่”“ไม่ๆๆๆ เพคะ ห
“เปล่านะ ข้าบาดเจ็บจริงๆ แต่ไม่ได้เจ็บมาก ยาที่เจ้าต้มมาได้ผลดีมากต่างหาก”“เอามือของท่านออกไปเลย มิเช่นนั้นข้าจะกลับห้อง”เขากระชับกอดนางพร้อมกับใช้ขาเกี่ยวรัดนางเอาไว้ไม่ให้นางขยับหนี กว่าเขาจะทำให้นางยอมคืนดีด้วยและยอมอยู่กับเขาจนถึงตอนนี้ช่างเป็นเรื่องที่เหนื่อยยิ่งกว่าคุมทหารทั้งกองทัพเสียอีก“เหยาเหยา เรามาต่อเรื่องของเราจากบนรถม้านั่นดีหรือไม่”“ท่านบอกว่าจะไม่รังแกข้า ตอนนี้ท่านน่าจะง่วงแล้วมิใช่หรือ”ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ ไหนท่านหมอบอกว่ายานี้กินแล้วจะทำให้ง่วงเพลียและหลับทันทีอย่างไรเล่า แต่ดูท่าทางมือที่เลื้อยลุกลามไปทั่วเช่นนี้ มันไม่เหมือนคนที่บาดเจ็บหนักเลยสักนิด“จื่อหยางท่านจะหยุดหรือไม่หยุ….”“อืมมม หวานจัง..”ซินเหยาหลงกลหันมาเขาจับนางได้ก็ประกบปากอิ่มนั้นทันทีพร้อมกับไม่รั้งรอที่จะล้วงชิมความหวานในปากนั้นอย่างกระหายซินเหยาเองตอนนี้ก็เริ่มปล่อยอารมณ์ไปตามเขา นางรู้ดีว่ายิ่งห้ามก็เหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้เขาหาเรื่องนางได้มากขึ้นเท่านั้น นางเริ่มจูบเขาตอบจนนางรู้สึกว่าสัมผัสนั้นเริ่มอ่อนลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง….“จื่อหยาง องค์ชาย…เฮ้อ ออกฤทธิ์เสียที”นางห่มผ
องค์ชายแปดเดินเข้าไปในห้องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นอย่างดีสำหรับเขา เมื่อเขานั่งอยู่ที่เตียง ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เป็นสาวใช้สองคนที่ยกอาหารมาให้เขา“ทูลองค์ชาย ท่านอ๋องให้ยกข้าวต้มมาให้พระองค์ หลังจากนั้นจะยกยามาให้เพคะ”“ขอบใจพวกเจ้ามาก”เขาเดินไปที่โต๊ะอาหารตอนนี้มือขวาที่ถนัดถูกพันผ้าเอาไว้จึงทำให้ยกช้อนลำบาก เมื่อต้องตักข้าวกินเอง ยังไม่ทันที่เขาจะตักข้าว เสียงประตูก็เปิดอีกครั้ง ไป๋ซินเหยายกยามาให้เขา นางเห็นว่าเขากำลังพยายามตักข้าว นางจึงนำถ้วยยาวางลงและนั่งข้างๆ เขา ดึงช้อนที่มือเขามาอย่างแรง เขาจึงร้องเจ็บแต่นางก็ยังไม่ยอมคุยกับเขาสักคำ“เหยาเหยา ข้าขอโทษที่ไม่บอกเจ้าเรื่องโจรป่า”นางป้อนข้าวเขา แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ทำเพียงป้อนข้าวเขาต่อไปเรื่อย ๆ“เอ่อ…ที่ให้ท่านอากับเซียวจุนไปช่วยข้าเพราะข้ามีเหตุผล เหยาเหยา คุยกับข้าหน่อยสิ”ข้าวต้มถูกป้อนจนเกือบหมดจนเขายกมือพอแล้ว นางจึงเทน้ำให้เขา เมื่อเขาดื่มจนหมด นางจึงหยิบถ้วยยาส่งให้เขา องค์ชายแปดจึงดื่มรวดเดียวหมดโดยไม่ปริปากบ่นสักคำด้วยความเกรงกลัวว่าคนตรงหน้าจะเริ่มดุเขา“ข้ากินหมดแล้ว”ไป๋ซินเหยายกชามข้าวและยาใส่ถาดเตรียมจ