“เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้”“เจ้ายังมิรู้อีกหรือ หรือว่าข้าต้องทำมากกว่านี้ เจ้าต้องการให้ข้ายืนยันกับเจ้าอีกกี่รอบกัน เรื่องความรู้สึกนี้ เหยาเหยา ข้ารู้ว่าเจ้าอาจจะไม่เชื่อ ว่าเหตุใดคนเราที่พึ่งเคยพบหน้า พึ่งรู้จักกัน จะสามารถชอบพอกันได้ขนาดนี้ใช่หรือไม่ ข้าจะบอกให้นะ ข้าตกหลุมรักเจ้า ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว เจ้าจะเชื่อหรือไม่”“วันแรก ที่หอหงอี้”“ไม่ใช่ วันที่เจ้าช่วยข้าจากโจรภูเขา ที่ซอกเขาก่อนเข้าเมืองเจียงหยางต่างหาก เจ้าจำไม่ได้หรือ”“ข้า… ข้าจำได้เพียงช่วยท่านเอาไว้ และขโมยเงินท่านมาสามพันตำลึง”“วันนั้นคือวันที่ข้าเริ่มจะตามหาเจ้า ข้าจึงจัดงานเลี้ยงรวมสตรีในเจียงหยางมารวมตัวเพื่อจะหาเจ้า แต่มันไม่จำเป็นอีกแล้ว ในเมื่อข้าหาเจ้าเจอก่อนแล้ว”“เรื่องนี้สำหรับข้า มันรวดเร็วเกินไปจนรับไม่ทัน ขอท่าน ให้เวลาข้าอีกหน่อย”“เหยาเหยา ข้าจะไม่เร่งรัดเจ้า ข้ารอเจ้าได้แต่ความรู้สึกข้า บอกเจ้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะเก็บมันไปใส่ใจบ้าง จะได้หรือไม่”“เรื่องนี้ คือข้า…”“ข้ารู้ว่ามันอาจจะเริ่มได้ไม่ดีเท่าไหร่ ข้าบังคับขืนใจเจ้าในตอนแรก แต่เท่าที่ข้าดู เจ้ามีความรู้สึกไม่ต่างกับข้า เหยาเหยา ข้
“ซินเหยา อาการบาดเจ็บของเจ้า ดีขึ้นหรือยัง”“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ ศิษย์พี่ไม่ต้องเป็นห่วง ไปที่หอเฟิงหยวนดีกว่าเจ้าค่ะ ที่นั่นมีทั้งน้ำชาและอาหาร นั่งได้นานหน่อย”“ได้ ตามใจเจ้าเลย”ซินเหยานำทางซ่งจินเย่ไปที่หอเฟิงหยวนโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนแอบตามนางมาด้วยสายตาที่บ่งบอกได้ว่าหงุดหงิดเต็มที่ที่เห็นนางมากับคนอื่น“นั่งโต๊ะนี้ก็แล้วกันศิษย์พี่ สั่งอาหารเลยนะเจ้าคะ”“ได้สิ เจ้าสั่งเลย”จินเย่ตามใจนางทุกอย่าง ก่อนที่นางจะสั่งอาหารมาสองสามอย่างและเริ่มนั่งคุยกัน สายตาที่ลู่จื่อหยางมาเข้ามาจากนอกร้านนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาเดินกลับที่พักของเขาพร้อมกับความแปลกใจของเสี่ยวหลุน“คุณชาย ไม่เข้าไปหรือขอรับ”“ไม่ล่ะ เอาไว้ค่อยคุยกับนางวันหลัง”เสี่ยวหลุนเดินตามคุณชายกลับไปอย่างเงียบๆ โดยที่ไม่พูดอะไรอีก ก่อนที่เขาจะกำห่อผ้าที่ห่อกล่องไม้แกะสลักที่มีขลุ่ยหยกขาวอยู่ด้านในเพื่อมอบให้กับไป๋ซินเหยาตามลู่จื่อหยางกลับไปที่จวนใหม่องค์ไท่จื่อ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”“คุณชายลู่ ท่านมาแล้ว ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ ท่านอยากจะเดินตรวจดูก่อนหรือไม่ขอรับ”“ไม่ล่ะ ออ อย่าลืมเตรียมทุกอย่างตามที่ข้าบอก อาห
“ก็มิผิด ข้ามอบให้เจ้า แต่รางวัลที่หาได้ถูกใจเจ้าล่ะ”“ข้า…ก็ขอบคุณท่านไปแล้วนี่เจ้าคะ ปล่อยข้าก่อน คุณชายลู่”“เจ้าดูสิ ดาวขึ้นแล้ว เจ้าอยากนอนดูดาวก่อนหรือไม่”“มะ..ไม่เจ้าค่ะ ข้าต้องรีบกลับบ้าน ท่านแม่ ว๊ายย ลู่จื่อหยาง ท่านจะทำสิ่งใด”เขาอุ้มนางและพานางลงบนผ้าที่เขาเตรียมมาเพื่อปูพื้นหญ้าเอาไว้ ก่อนจะวางนางลงและนั่งพิงก้อนหินก้อนใหญ่ข้างๆ นาง“เจ้าไปคุยกับคุณชายซ่งเรื่องอะไรกันอยู่นานสองนาน”“ท่านจะถามไปทำไมเจ้าคะ นี่มันมิใช่ธุระ…”เขาประกบปากซินเหยา โดยที่นางไม่ทันได้พูดออกมาหมด ก่อนที่นางจะเริ่มเคลิ้มกับสัมผัสของเขา อากาศบนเนินเขาช่างเย็นสบาย ไร้ผู้คน และไม่มีผู้ใดเคยขึ้นมาที่นี่ ลิ้นของลู่จื่อหยางค่อยๆ ดันเข้าไปในปากซินเหยาพร้อมกับเริ่มปลดสายคาดเอวนางทิ้งก่อนจะดันตัวนางให้นอนราบกับพื้น“อย่านะ นี่ท่านจะมาทำเรื่องแบบนี้ที่นี่ไม่ได้นะ”“ข้ากลับมองว่า ดีออกอากาศเย็นสบาย แล้วยังได้นอนดูดาวด้วย ที่สำคัญร้องดังแค่ไหนก็ไม่มีใครได้ยิน”“นี่ท่าน!! คนเลว ปล่อยข้านะ”“เหยาเหยา ข้าต้องทำโทษเจ้า”“ปล่อยข้านะ ข้ามิได้ทำสิ่งใดผิด ท่านปล่อยนะ ไม่เช่นนั้นข้าจะกัดท่าน”“เจ้าคิดว่าเจ้ากัดข้าได้ค
“เหยาเหยา ตื่นเถอะ เหยาเหยา”“อืมม ลู่จื่อหยาง …”ซินเหยาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงัวเงีย เขาเอาเสื้อคลุมห่มให้นาง เขาสวมเพียงเสื้อตัวในเอาไว้ ก่อนจะหันมามองนางที่พึ่งจะตื่นจากนิทรา“นี่มันยามใดแล้ว ข้าต้องรีบกลับบ้าน”“ค่อยๆ ลุกนะ จะเข้ายามเฉินแล้ว ข้าเลยปลุกเจ้า”“เสื้อผ้าข้าล่ะ”“อยู่นี่ ข้าช่วยเจ้าสวมนะ”“ไม่ต้อง ข้าใส่เองได้ ท่านออกไปก่อนสิ”“มาไล่ข้าด้วยเหตุใดกัน ข้ามีอะไรที่ยังไม่เห็นอีกหรือ มาเถอะ รีบสวม น้ำค้างเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปส่งเจ้าเอง”“ข้ากลับเองได้”“เหยาเหยา อย่าดื้อกับข้า”“คุณชายลู่ ท่านเลิกเรียกข้าแบบนี้ได้หรือไม่”“ทำไมล่ะ หรือจะให้เรียกอย่างอื่น”“เรียกข้าซินเหยา หรือแม่นางไป๋เจ้าค่ะ”“นั่นมันห่างเหินเกินไป สำหรับคู่หมายเขาไม่เรียกกัน เอาล่ะ ข้าจะยกเสื้อบังให้หากเจ้าอาย เจ้าก็รีบสวมชุดเสียสิ เดี๋ยวถูกน้ำค้างจะเป็นหวัดเอาได้”“ใครเป็นคู่หมายของท่านกัน ยังไม่ทันได้สู่ขอ ก็มารังแกข้า แบบนี้ใครจะยอมรับท่านได้”“เหยาเหยา หากเจ้าพูดมากอีกคำเดียว ก็ไม่ต้องสวม ข้าจะจัดการเจ้าที่นี่ทั้งคืนดีหรือไม่”“อย่านะคนบ้า ท่านหันไปสิ ข้าจะสวมชุด”เขากางผ้าให้นางสวมชุดจนเสร็จ ก่
“…..”“เหยาเหยา เจ้าโกรธข้างั้นหรือ”“มิกล้าเจ้าค่ะ”“เจ้ามานั่งนี่สิ ตรงนั้นที่นั่งมันแข็ง เตียงนี้นั่งนิ่มๆ”“อย่าเลยเจ้าค่ะ ท่านนั่งไปเถอะ”“จะให้ข้าสั่งอีกรอบหรือไม่ ข้าบอกให้เจ้ามานั่งนี่”“แม่ข้าก็สั่งให้ข้าขอโทษท่านแล้ว ท่านจะเอาอย่างไรกับข้าอีก ท่านนั่งไปเฉยๆ เถอะ”“แสดงว่าเจ้าไม่ได้อยากทำ ที่ทำเพราะถูกบังคับสินะ”“….”“ข้าพูดถูกสินะ”นางก้มหน้าจนถึงจวนอ๋อง นางเดินมาพยุงเขา แต่เขากลับปัดมือนางออกและเดินออกไปเอง ไม่พูดอะไรกับนางอีก“อาเหยา พ่อให้คนเก็บกวาดห้องให้เจ้าแล้ว เจ้าลองไปดูว่าชอบหรือไม่ อามู่ พาคุณหนูของเจ้าไป”“เจ้าค่ะ”“ท่านพี่ ข้าไปดูลูกหน่อยนะเจ้าคะ”“อืม เจ้าไปเถอะ อย่าว่านางมากล่ะ เพียงเท่านี้นางก็คงรู้สึกแย่มากพอแล้ว”“เจ้าค่ะ ท่านนั่งคุยกับคุณชายลู่ไปก่อน”ไป๋ชิงอีเดินตามบุตรสาวไปยังห้องนอนที่ท่านอ๋องจัดเอาไว้ให้ ซึ่งอยู่เรือนตะวันตก เป็นห้องนอนใหญ่สำหรับคุณหนูใหญ่“คุณชายลู่ ท่านนั่งพักสักหน่อยเถิด เดี๋ยวข้าจะให้ท่านหมอมาดูอาการให้ท่านอีกที”“ขอบคุณท่านอ๋องขอรับ”“ข้าสิต้องขอบคุณท่าน หากไม่ได้ท่าน พวกเราก็ไม่รู้ว่าจะสู้กับคนชั่วพวกนั้นอย่างไร ว่าแต่ว่าท่านมากั
“ท่านใจร้ายนัก หนีข้ามาเจียงหยางคนเดียว เหตุใดมิรอข้าเล่าเจ้าคะ”“เอ่อ ท่านหญิง กรุณาสำรวมกิริยาด้วย เรายังอยู่ในพิธีต้อนรับอยู่”“ก็ได้ๆ เจ้าค่ะ งั้นหลังจากนี้ท่านต้องเล่าให้ข้าฟังให้หมดว่าเป็นอย่างไรบ้าง เมื่องนี้น่าอยู่ถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงได้ทิ้งคู่หมั้นอย่างข้าเอาไว้ที่เมืองหลวง”“คู่หมั้น!!”ทุกคนหันมามองลู่จื่อหยางเป็นตาเดียวยกเว้นไป๋ซินเหยาที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลังมารดา ลู่จื่อหยางมองนางแต่ก็มองไม่เห็นเพราะนางใช้ตัวบิดาและมารดาบดบังเอาไว้ เขาจึงไม่ทราบว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไรบ้าง“เอาล่ะท่าหญิงเป่า เราก็พึ่งมาถึง รีบเข้าไปในจวนก่อน”“องค์ไท่จื่อพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมต้อนรับเราในวันนี้ ช่วงเย็นวันนี้ตำหนักของข้าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ข้าขอเชิญทุกท่านมาร่วมงานด้วย หวังว่าจะได้ร่วมสังสรรค์กับพวกท่าน”“ขอบพระทัยองค์ไท่จื่อ”พูดจบพระองค์ก็เดินอย่างองอาจเข้าไปที่จวน สายตาหยุดมองบุตรีของหลิวอ๋อง ก่อนจะหันมาถามท่านอ๋อง“ท่านอ๋อง ท่านนั้นคือ”“ทูลองค์ไท่จื่อ นี่คือพระชายาของข้าไป๋ชิงอี และบุตรสาว ไป๋ซินเหยาพ่ะย่ะค่ะ”“หม่อมฉันไป๋ชิงอี/ไป๋ซินเหยา ถวายบังคมองค์ไท่จื่อเพคะ”
“ท่านว่าอย่างไรนะเจ้าคะ”“ท่านหญิง ข้าขอตัวไปรับแขกทางด้านหน้าก่อน รบกวนท่านปล่อยข้าก่อน”“แต่ว่า ข้าไม่ได้รู้จักใครนี่เจ้าคะ”“แต่ข้าต้องทำงาน ท่านหญิง อย่าได้เที่ยวพูดจาเรื่อยเปื่อย เรามิได้เป็นอะไรกัน หากท่านยังไม่ยอม ข้าจำเป็นต้องส่งท่านกลับเมืองหลวง”เป่าหยุนเซียนยอมปล่อยมือเขาอย่างจำยอม นางไม่มีทางยอมกลับจนกว่าเขาจะยอมรับนาง“ก็ได้เจ้าคะ ถ้าอย่างนั้น ข้ารอท่านอยู่ที่โต๊ะนะเจ้าคะ”เขาปัดมือนางออก ก่อนจะเดินออกไปที่หน้างานตามองค์ไท่จื่อไป เมื่อเขามาถึงตัวองค์ไท่จื่อ จึงได้กระซิบ“เจ้าสลัดนางได้แล้วหรือ ตลอดทางที่เดินทางมาที่นี่ ข้าแทบจะอุดหูไม่ไหวเพราะนางเอาแต่บ่น”“พระองค์รู้แล้วยังพานางมาอีกทำไมพ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จแม่น่ะสิ อยากให้นางกับเจ้าลงเอยกันเสียที ใครใช้ให้เจ้าทำตัวเป็นคุณชายเสเพลแบบนั้นเล่าองค์ชายแปด”“เสด็จพี่ ที่นี่ข้าคือลู่จื่อหยาง มิใช่เว่ยจื่อหยาง”“เจ้าจะหนีก็หนีไป แต่อย่าหนีความรับผิดชอบของเจ้าก็แล้วกัน อย่างน้อยก็ท่านหญิงเป่าผู้นั้น”“เสด็จพี่ ข้ามิได้คิดอะไรกับนาง ข้ามีคู่หมายที่ต้องใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ผู้ใดกัน คนที่นี่หรือ เรื่องใหม่เลยนะนี่ เจ้าอย่าได้ให้ข่าวนี้หลุ
“แต่เมื่อครู่ข้าได้ยินเหมือนเสียงของนางดังมาจากแถวนี้ขอรับ”เสี่ยวหลุนมองไปรอบ ๆ และเขาก็สังเกตเห็นบานหน้าต่างที่เริ่มสั่น ก่อนที่เขาจะรีบหันกลับมา“ข้าว่าลมคงพัดเสียงมา ทางนี้เป็นเขตหวงห้าม เร็วเข้า อย่าพึ่งให้ที่งานแตกตื่น เราต้องหานางเงียบๆ”ลู่จื่อหยางให้นางเกาะที่ขอบหน้าต่างด้านในห้องมืดๆ เอาไว้ ก่อนที่เขาจะกระแทกจากด้านหลัง จนร่างบางแอ่นรับไม่ทันเพราะต้องกัดฟันเพื่อกลั้นเสียงร้องเอาไว้ อาภรณ์ที่เหลือบัดนี้มีเพียงเสื้อชั้นในตัวจิ๋วที่เขายังปรานีเหลือเอาไว้เขารวบผมนางออกไปข้างๆ และใช้ลิ้นเริ่มเลียที่คอระหงของนาง ทำเอานางสั่นจนแทบทนไม่ไหวกับสัมผัสที่ร้อนแรงของเขา"พอ…แล้ว..ขอร้อง..อย่าทำอีกเลยย อาา…."“เจ้าท้าทายข้าเอง เจ้าทำให้ข้าโกรธ เหยาเหยา เงยหน้าสิ มองดูข้างนอกนั่น เจ้าเห็นหรือไม่ เขากำลังตามหาเจ้าอยู่ แต่เจ้ากำลังอยู่กับข้า และข้าไม่มีทางมอบเจ้าคืนให้เขา ไม่มีทาง มานี่”“ไม่นะ ท่านจะ…อ๊าา จื่อหยาง อย่า..อ๊าาา อื้อออ..”“ข้าจะคุยกับเจ้าดี ๆ เจ้าไม่เชื่อฟังข้าเอง สุดท้ายก็ต้องใช้วิธีนี้ เจ้าโทษข้าไม่ได้นะเหยาเหยา”“คน…เลว…ข้าจะ…ฆ่าท่าน...อึ๊…. อึ๊ยยย”เสียงนางสั่นเพราะจังหวะก
ใบหน้าของเขาตกใจระคนดีใจเมื่อมองไปที่ใบหน้าอันงดงามของพระชายาที่บอกเขาเรื่องนี้ มิน่าเล่านางจึงไม่ยอมให้เขาทำ เพราะต้องการบอกข่าวดีนี้ก่อนที่จะเข้าหอ“จริงหรือ เหยาเหยา เจ้าจะบอกว่า ในท้องเจ้าตอนนี้…มีลูกของเราอยู่เช่นนั้นหรือ”“เพคะ เพราะฉะนั้น พระองค์จะทำอะไร…ก็ จะหักโหมเช่นเดิมมิได้นะเพคะ”“ข้าดีใจยิ่งนัก ข้าดีใจที่สุดเลย เหยาเหยา นี่มันเรื่องดีมากจริงๆ เหตุใดเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้ พิธีการทั้งหลายนั่น ข้าจะได้สั่งลดเพื่อไม่ให้เจ้าและลูกต้องเหนื่อยมากขนาดนี้”“ข้าปรึกษาแม่นมแล้วเพคะ แม่นมก็จัดการทุกอย่างให้รวบรัดแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันมีอาการแพ้ท้องหนัก ทั้งจวนเลยวุ่นวายเกรงว่าข้าจะทนไม่ไหว ทั้งเครื่องประดับและชุดหนักๆ นี่ก็ถูกถอดออกไปหลายชิ้นเหลือเพียงสิ่งที่สำคัญๆ ไว้เท่านั้นเพคะ”“นี่ขนาดเจ้าเอาออกไปบ้างแล้ว แต่เหตุใดมันยังดูเยอะและหนักอยู่เล่า ตอนนี้เจ้ารู้สึกเช่นไรบ้าง อยากกินอะไรหรือไม่ เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้านี่นา ข้าจะไปสั่งให้คนยกอาหารมาให้นะ”ว่าแล้วเขาก็รีบเดินไปเปิดประตู แม่สื่อถึงกับตกใจที่เจ้าบ่าวจู่ ๆ ก็เปิดประตูออกมา แต่เขาเพียงสั่งอาหารเพื่อให้เจ้าสาวเ
พระราชพิธีผ่านไปด้วยความราบรื่นและโล่งอกของทั้งแม่นมหวงและพระชายาหลิวอ๋องที่มีความกังวลเกี่ยวกับอาการแพ้ท้องของเจ้าสาวซึ่งไม่ต้องการแจ้งข่าวนี้ให้กับผู้อื่นทราบเจ้าบ่าวเองก็แทบจะไม่อยากรับแขกอีกต่อไป เขาอยากจะเร่งให้จบงานเลี้ยงที่ท้องพระโรงเร็วๆ เสียเหลือเกินเพราะคิดถึงเจ้าสาวที่เฝ้ารอมาหลายสิบวันเต็มที่แล้วตำหนักบูรพา ห้องส่งตัวเจ้าสาว“พระชายา อีกประเดี๋ยวเมื่อองค์ไท่จื่อเข้ามา จะเปิดหน้าเจ้าสาวก่อน และดื่มสุรามงคล คืนนี้จะมีแม่สื่อเฝ้าอยู่หน้าห้องจนกว่าไฟในห้องจะดับลงเพื่อส่งตัวพวกท่านเข้าหอ พิธีเข้าหอ ห้ามมิให้คู่บ่าวสาวออกจากห้องหอจนกว่าจะรุ่งสาง”“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะแม่นม”“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะออกไปแล้วนะเพคะ องค์ไท่จื่อน่าจะกำลังมาแล้ว”“ขอบคุณแม่นมเจ้าค่ะ”เป็นดังคาด องค์ไท่จื่อ เว่ยจื่อหยางเสด็จมาถึงห้องส่งตัวก่อนเวลาถึงสองเค่อ เขาไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว เขาทิ้งให้องค์ชายห้า เจ้าบ่าวอีกคนทำหน้าที่รับแขกแทนเขา แล้วเขาก็มาที่ห้องส่งตัวก่อน องค์ชายห้าเข้าใจความรู้สึกของจื่อหยางดี เขาจึงรับหน้าที่ดูแลแขกในงานแทนน้องชายประตูห้องส่งตัวถูกเปิดออก เว่ยจื่อหยางเดินเข้ามา ตอนแรกเขารี
ท่านหมอวิ่งเข้าไปยังห้องที่ซินเหยานอนพักอยู่ ตอนนี้นางหยุดอาเจียนแล้ว เขาเริ่มจับชีพจรของนางก่อนและก็หันมามองที่แม่นมหวงและพระชายาที่มองไปที่คนป่วยอย่างนึกเป็นห่วง ท่านหมอลุกขึ้นมาพร้อมกับความตกใจของทั้งคู่“ท่านหมอ เหตุใดตรวจเพียงนิดเดียว นางเป็นหนักถึงเพียงนี้ ท่านจะรีบลุกไปไหนกัน”“ยินดีกับพระชายาด้วย คุณหนูตั้งครรภ์แล้วขอรับ”ทั้งสองที่รอฟังเบิกตากว้างด้วยความตกใจระคนดีใจ พร้อมกับแม่นมที่คอยตบแขนพระชายาหลิวอ๋อง“พระชายา ท่านได้ยินหรือไม่ ข่าวดีเช่นนี้ พระชายา”“มีครรภ์ เหยาเหยามีครรภ์ แม่นม ข้ามิได้ฟังผิดไป”“ไม่ผิดเจ้าค่ะ เร็วเข้า พวกเจ้ารีบไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้คุณหนู ท่านน่ะ รีบไปเตรียมอาหารบำรุง ข้าจะรีบจดให้ว่าต้องซื้อสิ่งใดบ้าง พระชายา ท่านอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูก่อน ข้าจะรีบไปช่วยท่านป้าฝูเตรียมของบำรุง”“ท่านหมอ แล้วช่วงนี้ต้องระวังสิ่งใดบ้างเจ้าคะ”“พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป ไม่มีอะไรหนัก ช่วงนี้ให้นางพักผ่อนมาก ๆ อย่ายกของหนัก ห้ามวิ่ง ระวังเรื่องอาหารรสจัด ส่วนเรื่องอื่น ไม่น่าต้องเป็นห่วง ช่วงครรภ์อ่อนๆ การพักผ่อนเป็นเรื่องสำคัญ”“ขอบคุณท่านหมอเจ้าค่ะ”“ยินดีด้วยๆ พระช
พระราชพิธีแต่งตั้งองค์ไท่จื่ออย่างเป็นทางการได้ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกเพียงสิบวันก็จะถึงวันพระราชพิธีสมรสและแต่งตั้งพระชายาองค์ไท่จื่อจวนสกุลหลิวต่างเร่งตกแต่งจวนและส่วนหนึ่งก็รีบจัดเตรียมสถานที่เพื่อรอรับงานใหญ่ ไม่คิดว่าการกลับมาเมืองหลวงในครั้งนี้จะเกิดเรื่องมากมายถึงเพียงนี้“พวกเขามากันแล้ว อาจารย์ ศิษย์จะไปต้อนรับพวกเขาเอง”“ไปเถอะๆ แล้วพาพวกเขาไปห้องพักด้วย”“ขอรับอาจารย์”เซียวจุนวิ่งออกไปหน้าจวน รถม้าสองคันที่จอดต่อกันอยู่เพื่อมาร่วมงานสำคัญที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้า เซียวจุนวิ่งออกมารอรับพวกเขา ประตูรถม้าคันแรกเปิดออกมาแล้ว สิงอี้หานเดินนำหน้าออกมาพร้อมกับพยุงอันถงถงลงมาจากรถม้า ก่อนจะลงมาทักทายเซียวจุนที่รออยู่หน้าจวน“คุณชายสิง แม่นางอัน ยินดีต้อนรับ การเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง”""คุณชายเซียว""พวกเขาเอ่ยทักขึ้นพร้อมกัน ไป๋ซินเหยาเล่าเรื่องเซียวจุนในจดหมายให้พวกเขาฟังแล้วก่อนเดินทางมาที่นี่ พวกเขาพบเซียวจุนอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ เซียวจุนจะดูเป็นมิตรมากกว่าที่เจอตอนอยู่เขาเซียนซี“พี่เซียว พวกข้าปลอดภัยดี ระยะทางค่อนข้างไกลแต่เดินทางสะดวก ได้ข่าวว่าท่านบาดเจ
จื่อหยางรีบลุกขึ้นจากตักของซินเหยาที่เขากำลังนอนหนุนอย่างสบาย และหันมากอดนางแทน“ข้าก็ไม่ได้อยากโกหกเจ้านะ เพียงแต่เหตุการณ์บางอย่างทำให้ข้าบอกเจ้าไม่ได้ หากบอกเจ้าไป เรื่องบางเรื่องอาจจะไม่เป็นเช่นนี้ ไหนเจ้าบอกว่าไม่โกรธข้าแล้วอย่างไรเล่า”“ข้าก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ เป็นท่านที่ร้อนตัวออกมาเอง”“ก็ได้ๆ ข้าผิดเองๆ ทุกเรื่องเลย ข้าผิดแต่เพียงผู้เดียว”“แล้วหลังจากนั้นเล่าเพคะ”“จากนั้น เซว่านชิงก็เอาขวดยานั่นมาให้ข้ากับเสด็จพี่ตรวจดู พบว่ามันเป็นยาพิษ พวกเราเลยสลับขวดใหม่และซ้อนแผนนาง ทำให้เซว่านชิงทำเหมือนทำตามแผนของนาง ข้ารู้ว่านางกำนัลนั่นเป็นคนของหยุนเซียน นางต้องฟ้องแน่ และก็อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหละ”“มีเพียงข้าคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องแผนการนี้”“นั่นเพราะพวกเราไม่มีเวลาบอกกับเจ้า เซว่านชิงเองก็บอกเจ้าไม่ได้เพราะนางกำนัลสองคนนั้นจับตาดูพวกเจ้าอยู่ นางจึงทำได้เพียงทำตามแผนเท่านั้น”“ท่านไม่เชื่อว่าข้าจะเป็นคนทำตั้งแต่แรก”“ข้าไม่มีทางเชื่ออยู่แล้ว เจ้าไม่ใช่คนแบบนั้น และคงไม่โง่ขนาดที่จะวางยาพิษอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น ดูก็รู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีคนใส่ร้ายเจ้าแน่ ๆ”“ขอเพียงพระองค์เชื่อ หม่อม
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธข้า ไม่ยอมรับข้า เจ้าเป็นคนรักอิสระดั่งนกที่โบยบินอยู่บนท้องนภาที่ยิ่งใหญ่ แต่ตัวข้าคือพญาอินทรีที่ต้องคอยเฝ้ามองสรรพสิ่ง คอยจัดการกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องและกำจัดเหยื่อที่มารุกราน ข้ากลัวว่าหากเจ้าไม่รักข้าก่อน ข้าจะไม่สามารถกุมหัวใจเจ้าได้ เจ้าจะโบยบินจากข้าไป นั่นคงทำให้ข้าไม่มีแรงที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกต่อไป”“แต่อย่างไรพระองค์ก็ต้องเลือก และสิ่งที่เลือกก็ช่างยิ่งใหญ่ แม้จะไม่มีหม่อมฉัน พระองค์ก็ยืนหยัดเพื่อราษฎรได้นะเพคะ”“เมื่อก่อนได้ แต่ตอนนี้ข้าไม่แน่ใจ เหยาเหยา เจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้า ตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ที่หัวใจข้าถูกเจ้าขโมยมันไปจนหมดสิ้น ข้าไม่เป็นตัวของตัวเอง ข้าผู้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด กลับกลัวว่าเจ้าจะไม่พอใจ อารมณ์เจ้าขึ้นๆ ลงๆ ก็ทำให้ข้ากลัวจนทำอะไรน่าอับอายมากมาย ข้ามักจะทำตัวไม่ถูกเวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้า นึกๆ ไปแล้ว พอเป็นเรื่องของเจ้า ข้ารู้สึกว่าข้าเป็นเพียงแค่ลูกนกหัดบินเท่านั้น และไม่รู้ตัวว่าเมื่อไหร่ ที่ขาดเจ้าไม่ได้ รู้แต่ว่าตอนนี้ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือของข้า อยากจะอยู่กับเจ้าตลอดไป”“พระองค์พูดเช่นนี้ ต้องการให้หม่อมฉันยกโทษให้งั
ไป๋ซินเหยาหันมามองหน้าเว่ยจื่อหยางด้วยความตกใจเช่นกัน เรื่องนี้เขาไม่เคยบอกนางมาก่อน ฐานะที่แท้จริงของเขาพึ่งมาเปิดเผยวันนี้ นางหันไปมองที่ท่านอา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะรู้ก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว“ที่แท้พระองค์เฝ้าระวังมาโดยตลอด พระองค์ระแวงกระหม่อมมาโดยตลอด หึ นี่คือสิ่งตอบแทนข้ารับรับใช้ที่ซื่อสัตย์”“ซื่อสัตย์ ท่านยังกล้าพูดว่าท่านซื่อสัตย์เช่นนั้นหรือ ท่านอาศัยเอาความบาดหมางของพระชายารองหลิวอ๋อง ยุยงให้แม่ทัพหลิงร่วมมือกับท่านเพื่อจะก่อกบฏแบ่งแยกดินแดน ยังดีที่เสด็จพี่ข้าเชี่ยวชาญการทูต สามารถเกลี้ยกล่อมให้แม่ทัพหลิงล้มเลิกความคิดนี้ได้ คิดว่าท่านจะหยุด แต่ไม่เลย ท่านกลับหาเรื่องใช้บุตรสาวคิดแผนการร้าย จะป้ายสีให้พระสนมกับองค์หญิงแคว้นเหวยหน่วนมีความผิดเพื่อยุยงให้แคว้นเหวยหน่วนก่อสงครามและท่านก็จะเป็นนกขมิ้นที่ตามเก็บผลประโยชน์ในภายหลัง ท่านยังกล้าพูดว่าท่านเป็นขุนนางซื่อสัตย์ ท่านไม่อายปากบ้างหรือ”“ฮ่าๆๆ องค์ชาย ไม่ ไม่สิ องค์ไท่จื่อ แม้แต่เรื่องนี้ท่านก็สืบรู้จนหมด นับถือจริงๆ ที่แท้ พวกท่านเดินทางไปเจียงหยางเพราะเรื่องแม่ทัพหลิงนี่เอง ถึงว่า เขาไม่คิดจะติดต่อข้ามาอีกเลย ข้าคิดว่าทอ
ฝ่าบาทเป็นผู้สั่งการเองโดยไม่รอให้เสนาบดีเป่าร้องขอชีวิตบุตรสาว เขาเองก็คงไม่ได้อยากทำเช่นนั้น การเก็บบุตรสาวที่ทำให้ชื่อเสียงของสกุลเป่าเสื่อมเสียเอาไว้เป็นเรื่องที่ไม่มีอยู่ในความคิดของเขา ตัดเนื้อร้ายออก อย่างไรก็ยังดีกว่าที่เสียหายทั้งตระกูล“หมอหลวง อาการฮองเฮาเป็นเช่นไรบ้าง”“ทูลฝ่าบาท ฮองเฮาปลอดภัยดี ชีพจรเต้นคงที่ ราวกับว่าพระองค์กำลังพักผ่อนอยู่ ทางที่ดีปล่อยให้พระองค์นอนพักผ่อนอย่าให้ผู้ใดไปรบกวนจะเป็นการดีพ่ะย่ะค่ะ”“เรื่องนี้ก็ฝากให้พวกท่านจัดการก็แล้วกัน”“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”หมอหลวงออกไปแล้ว พระสนมโม่เฟยเองก็ถูกสั่งให้ไปพักพร้อมกับองค์หญิงเซว่านชิง ตอนนี้เหลือเพียงฝ่าบาท องค์ชายทั้งสอง เสนาบดีเป่า ไป๋ซินเหยาและหลิวอ๋องที่อยู่ในกระโจม“ไป๋ซินเหยา เรื่องนี้ต้องขอโทษเจ้าที่ถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม”“ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวลเพคะ เพียงเรื่องคลี่คลายได้หม่อมฉันก็ไม่ติดใจเอาความแล้วเพคะ”“ฝ่าบาท บุตรีกระหม่อมอายุยังน้อย ที่ทำไปก็เพราะอารมณ์ชั่ววูบ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ลงโทษนางมากเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เสนาบดีเป่า ท่านบอกว่านางอายุน้อย ทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ที่นางจะเอาชีวิตคือฮ
“เป่าหยุนเซียน แล้วที่เจ้าโวยวายว่าฮองเฮาถูกวางยาพิษและกล่าวโทษผู้อื่นนี่มันอย่างไรกัน ข้าต้องการคำอธิบาย”ฝ่าบาทหันมาถามเอาความกับหยุนเซียนที่นั่งคุกเข่าสั่นอยู่กับพื้น“ฝ่าบาท คิดว่านางคงตกใจเพราะนางนั่งอยู่กับฮองเฮาและคงตกใจเมื่อเห็นว่าฮองเฮาล้มลง จึงคิดว่านางถูกพิษพ่ะย่ะค่ะ”เป่าอี้หยวนเป็นผู้แก้ต่างให้บุตรสาวเพื่อให้นางได้พ้นข้อกล่าวหาโง่ๆ นี้ หากไม่ใช่นางที่โวยวายทำแตกตื่น เรื่องนี้คงมิได้ลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้“งั้นหรือ แล้วเหตุใดนางถึงได้กล่าวโทษไป๋ซินเหยากับองค์หญิงทันทีที่คิดว่าฮองเฮาโดนยาพิษเล่าท่านเสนาบดี”“เรื่องนี้ข้าคิดว่าข้าอธิบายได้เพคะ”เซว่านชิงเดินก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเป่าหยุนเซียนที่นั่งส่ายหน้าร้องขอความเห็นใจจากเซว่านชิงอยู่ แต่ตอนนี้นางเห็นธาตุแท้ของเป่าหยุนเซียนแล้ว เมื่อหลอกใช้นางแล้วยังจะโยนความผิดให้นางและเสด็จอาที่เป็นพระสนมรับเคราะห์ไปด้วยเพื่อให้ตนเองได้พ้นผิด“องค์หญิง เจ้าหมายความว่าเช่นไร”“ทูลฝ่าบาท ก่อนหน้านั้นเป็นท่านหญิงผู้นี้ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับหม่อมฉันและพระสนมเพื่อยุให้หม่อมฉันทำร้ายแม่นางไป๋เพคะ รวมถึงเหตุการณ์วันนี้...”“องค์หญิง ท่