"อาหยี ของหวานที่เจ้าชอบ เจ้ากินเสียสิ แม่ลงมือเข้าครัวทำให้เจ้าเองเชียวนะ" เซียนฮูหยินยิ้มให้บุตรสาว
"ท่านแม่ข้าอ้วนขนาดนี้ ท่านยังจะให้ข้ากินของหวานพวกนี้อีก" เซียนหยีอารมณ์เสียแล้ว นึกชังมารดา สรรหาแต่ของหวานมาให้เจ้าของร่างเดิมกิน
เซียนฮูหยินตกใจกับคำพูดบุตรสาว แต่ก่อนบุตรสาวของนางชอบขนมหวานมิใช่รึ
"ข้าจะให้บ่าวเอาไปทิ้ง"
"ท่านแม่อีกอย่าง อย่าทำขนมหวานให้ข้ากินอีกนะ แล้วใบหน้าข้ามีแผลเป็นได้ยังไง" รอยแผลเป็นตรงคางมาจากไหน
นี่คือสิ่งที่เซียนหยีต้องการคำตอบ ภาพเซียนหยีตอนเด็กผุดขึ้นมา นางจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กเซียนหยี หุ่นดีและใบหน้างดงามเหตุใดถึงกลายเป็นหญิงอ้วนอัปลักษณ์ไปได้เล่า
เซียนฮูหยินพลันนั่งคิดเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นบุตรสาวของนางอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น
"ตอนนั้น เจ้าเล่นกันพี่ใหญ่น้องสาม ทำให้เจ้าลื่นล้มใบหน้ากระทบกับภูเขาจำลอง อีกทั้งระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าป่วยไข้ มีท่านหมอมารักษาเจ้า หลังจากนั้น เจ้าก็อ้วนขึ้น อีกทั้งใบหน้าของเจ้ารักษาไม่หาย" เป็นเช่นนี้นี่เอง เรื่องใบหน้า เซียนหยีมิได้กังวล
นางรักษาใบหน้าของนางได้ เนื่องจากว่าห้องยาวิจัยทะลุมิติมาพร้อมกับนาง
"ท่านแม่ วันพรุ่งข้าต้องไปสำนักศึกษาใช่รึไม่" นางถามมารดา ไม่รู้ว่าสำนักศึกษาโบราณจะเป็นเช่นไร
"ลูกรัก แม่ขอโทษ วันพรุ่งเจ้าไปสำนักศึกษาผู้คนต้องล้อเจ้าเรื่องเซียวอ๋องเป็นแน่แท้"
เซียนหยีไม่สนใจเรื่องของวันวาน นางสนเพียงว่านางจะหาข้ออ้างยกเลิกงานแต่งนี้ได้อย่างไร กำหนดงานแต่งคืออีกหกเดือนข้างหน้า เซียนหยีรู้สึกปวดกบาลนัก
"ท่านแม่ข้าขออยู่คนเดียว ข้าอยากพักผ่อน" มารดามองบุตรสาวก่อนจะให้สาวใช้มาเก็บของหวานออกไป
"นับแต่นี้ข้าจะไม่กินของหวานพวกนี้" เซียนฮูหยินได้แต่สงสารบุตรสาวที่ป่วยจนกินอะไรไม่ลง นางทำได้แค่เพียงมองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงแล้วเดินออกจากเรือนไป
เซียนหยีรีบไล่เสี่ยวอิงออกไปให้สาวใช้ออกไปพำนักที่เรือนเสี่ยวอิงไม่ต้องเฝ้านาง เซียนหยีล็อคประตู
พลันมองที่แขนเมื่อวานทายาแผนโบราณใช่ว่าแผลที่แขนจะหาย
หญิงสาวพลันนึกถึงห้องวิจัย นางพลันหยิบยาทาโลกปัจจุบันออกมา ค่อยยังชั่วหน่อย
เซียนหยีพลันเดินมาที่หน้าคันฉ่องสีเหลืองทอง ใบหน้านี้มีแผลเป็นใต้คาง แผลนี้เป็นรอยนูนแดงช่างน่าเกลียดจริง ๆ
มืออวบพลันสัมผัส เอาล่ะไม่เป็นไรขอเวลานางไม่วันใบหน้าจะหายเป็นปกติ เซียนหยีพลันหาผ้าขาวบางมาปกปิดไว้เสียก่อน เพื่อมิให้ผู้คนพลันหวาดกลัวนาง
คืนนี้นางคงต้องนอนได้แล้ว เพราะวันพรุ่งไปสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้แต่เช้า ร่างอ้วนจึงล้มตัวลงนอนอย่าง่ายดาย...
เสียงเคาะประตูห้องแต่เช้า ทำให้ร่างอ้วนพลันสะดุ้งตื่น
"คุณหนูรองเจ้าคะ ล้างหน้าเปลี่ยนชุดไปสำนักศึกษาหลวงได้แล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันตะโกนหน้าเรือน
ร่างอ้วนพลันได้สติรีบเปิดประตูให้สาวใช้ หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ นางก็พลันรู้สึกสดชื่น นางนำแปรงออกมาจากห้องวิจัย ยุคนี้ไม่ค่อยมีแปรงสีฟัน
เสี่ยวอิงพลันมองของสิ่งนั้นของคุณหนู "อะไรเจ้าคะ"
"อย่าถามมาก มาช่วยข้าเปลี่ยนชุด" นางอยากไปสำนักศึกษาหลวงจะแย่อยู่แล้ว เสี่ยวอิงรีบหาชุดสตรีสีฟ้าของสำนักศึกษาหลวงมาให้คุณหนู
เซียนหยีพลันมองชุดดูเหมือนว่าจะรัดไปเสียหน่อย อีกทั้งเสี่ยวอิงทำผมให้นางรวบขึ้นจนหมดแล้วปักด้วยปิ่นสีขาวของสำนักศึกษาหลวง
เซียนหยีมองผ่านคันฉ่องเห็นเพียงแต่ดวงตาอันงดงามของนางเท่านั้น
บนรถม้าคันใหญ่ของจวนเซียน แน่นอนว่าย่อมต้องมีคุณหนูสามอย่างเซียนโหรวนั่งมาด้วย แม้นางจะเป็นลูกอนุภรรยาแต่บิดารักนางมากจึงให้นางเรียนสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้ด้วย โดยไม่สนคำครหาใด ๆ ของผู้คน
"พี่รอง ท่านไปเรียนครั้งนี้ไม่รู้ว่า ผู้คนในสำนักศึกษาจะมองท่านว่าอย่างไรนะ ปิดเรียนไปหลายวันท่านก่อเรื่องงามหน้าไว้เช่นนี้..." เข็มพิษเฉียดหน้าของเซียนโหรวปักตรงด้านหลังของนาง
เซียนโหรวอึ้งงัน
"พี่รอง ท่านจะฆ่าข้ารึไง" แววตาเซียนหยีพลันมองเซียนโหรวอย่างเหลืออด
"หากเจ้าพูดมากกว่านี้ ข้าจะใช้เข็มเย็บปากสุนัขของเจ้าเสีย" เซียนหยีอดไม่ไหวจริง ๆ เดิมทีคิดว่าเซียนโหรวจะสงบปากสงบคำ
เซียนโหรวมองพี่รองของนางอย่างหวาดกลัว นังอ้วนอัปลักษณ์ เหตุใดถึงได้เก่งเพียงนี้
ทันทีที่รถม้าถึงสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้ สาวใช้ก็พลันเปิดม่านหาที่รองให้เจ้านายเหยียบ
เซียนหยีพลันลงเป็นคนแรกโดยมีเสี่ยวอิงคอยประคอง เซียนโหรวเดินรั้งท้ายโดยทีสาวใช้ของนางคอยถือของ
เซียนหยีพลันมองสตรีและบุรุษพวกนั้นต่างมองมาที่นาง เกรงว่าคงจะหนีไม่พ้นเรื่องเซียวอ๋องเป็นแน่แท้
แน่นอนว่ามีกลุ่มสตรีสามคนที่ขวางทางมิให้เซียนหยีเข้าไปในสำนักศึกษา แม้เซียนหยีจะเดินไปทางซ้ายหรือทางขวา พากนางก็ขวางทางไว้
เซียนโหรวพลันรอชมละครงิ้วสนุก ๆ ของนังอ้วนอัปลักษณ์ ทุกคนในสำนักศึกษาหลวงชอบดูเรื่องสนุก ๆ เซียนหยีพลันมองสตรีนางนั้น ใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา
"พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าด้วย" เซียนหยีเอ่ยขอทางอย่างสุภาพ หลินซีพลันมองหน้าหญิงอ้วนนางนี้ที่ปีนเตียงคู่ม้าไผ่เหมยเขียวของนาง อย่างเซียวอ๋องเซียนหยีพลันมองสตรีสามคนที่ไม่เข้าใจภาษาคนไม่ยอมถอยให้นาง"คุณหนูรองเซียน เจ้ายังมีหน้ามาที่สำนักศึกษาหลวงเทียนตี้อยู่อีกรึ" เหตุใดนางจะมาไม่ได้เล่า "พวกเจ้าช่างไร้สาระเสียจริง" เซียนหยีไม่สนใจสามคนนั้น นางรีบเดินจนชนไหล่ของหลินซี "พี่หญิงรองทำไมท่านเสียมารยาทเช่นนี้เล่า ชนผู้อื่นแล้วไม่รู้จักขอโทษ มิใช่นิสัยของวิญญูชน" นังน้องสาวสาระแนผู้นี้ ช่างปากเก่งเสียจริง ๆใบหน้าอวบของเซียนหยีพลันโมโหโชคดีที่มีผ้าขาวบางปิดหน้า "น้องหญิงสาม ข้าหรือไร้มารยาท เป็นพวกนางต่างหากไม่หลบทางผู้อื่นยืนขวางทางข้า หากน้องสามมีตาก็น่าจะรู้ มิใช่มาป้ายความให้พี่สาวอย่างข้าว่าเป็นคนผิด" เซียนหยีเอ่ยเช่นนี้แล้วมุ่งหน้าเข้าห้องเรียนเหล่าคุณหนู คุณชายต่าง ๆ ตกใจมากในสิ่งที่เซียนหยีเอ่ยขึ้นนั้น เป็นความจริง เซียนโหรวไม่เข้าข้างพี่สาว แต่ยังไปเข้าข้างคนอื่นมันใช้ได้ที่ไหนกันเซียนโหรวพลันหน้าบางรีบเดินตามหลังเซียนหยีทันที หลินซีนางเป็นถึงบุตรสาวท่านราชครูหลิน นางเป็นคู่ม้าไ
"อาหยี เจ้าเก่งมากจริง ๆ "เมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว เมิ่งชีชีชมสหายรักอย่างไม่จบสิ้น เซียนหยียามนี้เป็นยามพักเที่ยง ที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในโรงอาหาร ทุกสายตาจ้องมาที่พวกนางสองคน เซียนหยีคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่แท้"เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้จ้องเจ้ากับข้าอย่างกับพวกเราสองคนไปฆ่าคนตายอย่างนั้นแหละ" เซียนหยีพลันคิดว่าต้องมีอันใดเกิดขึ้นภายในโรงอาหารของสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้ หลินซีกับกลุ่มสหายของนาง อย่างตงฮวาและหลีหลานนั่งในโรงอาหารพลันมองหน้าประตูทางเข้าใบหน้าของทั้งสามคนฉายแววชั่วร้าย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับเซียนหยีนังอ้วนอัปลักษณ์อย่างเซียนหยีแน่นอนเซียนหยีกับเมิ่งชีชีเดินมาถึงหน้าโรงอาหารแต่ทว่าหยุดตรงประตูทางเข้า ดูเหมือนว่าคนด้านในนั้นมองอะไรสักอย่าง "พี่หญิงรองหากไม่เข้าไปก็อย่ามาเกะกะขวางทางคนจะไปกินข้าว" เป็นเซียนโหรวกับสหายของนาง อย่างคุณหนูรองเหวินซูลูกอนุเหมือนกัน อีกทั้งเซาเย่บุตรสาวลูกอนุขุนนางขั้นสามทั้งสองคน พวกนางต่างไม่ชอบเซียนหยีอยู่เพราะทั้งโง่และอ้วน แต่ทว่าวันนี้เซียนหยีทำตัวเด่นเป็นพิเศษที่สามารถวาดภาพจนได้คะแนนเต็มสิบ ทำให้พวกนางไม่พอใจหญิง
เซียนหยีพลันมองใบหน้าที่หมองคล้ำของมารดา เซียนฮูหยินเป็นคนหน้าตาดี แต่ทว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง เซียนหยีมองตลับครีมหน้าขาว "ให้ท่านแม่ประทินโฉมเจ้าค่ะ" เซียนฮูหยินพลันมองตลับครีมสีดำ"ขอบใจเจ้ามาก อาหยีพักผ่อนเถอะ แม่ไม่รบกวนแล้ว" เซียนฮูหยินพลันออกจากเรือนบุตรสาว เซียนหยีให้เสี่ยวอิงไปรับอาหารเย็นจากห้องครัวมาให้นาง จากนั้นก็ไล่สาวใช้ออกไปเซียนหยีพลันกินข้าวต้มปลาอิ่ม พอใช้ได้รสชาติมิได้แย่นางพลันมาที่คันฉ่องสีเหลืองทองมองแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้คาง ฉีดยาแผนปัจจุบันก็หาย นางดึงตัวยาออกมาจากห้องแล็บจากนั้นพลันฉีดเข้าไปในคาง รู้สึกว่ารอยนูนพลันยุบลง คิดว่าทำทุกวันน่าจะหายไม่เกินหนึ่งเดือน ส่วนน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโล ลดไม่อยากนางกินยาลดน้ำหนักของโลกปัจจุบันที่มีในห้องแล็บ เซียนหยีพลันอาบน้ำในอ่างไม้ จากนั้นนางก็มานอนที่เตียงเตามาร์คหน้าด้วยแผ่นมาร์คอย่างสบายใจ...เช้าวันถัดมาเสี่ยวอิงพลันเข้ามาในเรือนของเจ้านายของนาง"คุณหนูตื่นไปเรียนได้แล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันเดินมาถึงเตียงพบว่ามีบางอย่างติดที่ใบหน้าของเซียนหยี"ผีหลอก!!!" เสียงกรีดร้องของสาวใช้ ทำให้เซียนหยีพลันลืมตาขึ้นมา "เสี่ยวอิงเ
"นังอ้วนสารเลว กล้ามาก กล้าปีนเตียงเซียวอ๋อง" ใบหน้าอวบอ้วนโดนตบจนแดงก่ำ เซียนหยีพลันรู้สึกตัวพบว่าตัวนางโดนอีบ่าวชั่วสองคนนั้นจับตัวไว้นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ เธอจำได้ว่าเธออยู่ในห้องวิทยาศาสตร์มิใช่รึ เธอเป็นหมอทดลองยาชีวะในห้องต้องการหาตัวยาใหม่ไปรักษาโรคของคนไข้แล้วไหนมาโผล่โลกแห่งนี้ได้ล่ะ สตรีใบหน้างามล้ำสวมชุดฟ้ากำลังจะตบที่ใบหน้าอวบของเซียนหยีอีกครั้ง"คุณหนูตบบ่าวได้อย่างไรเจ้าคะ" สาวใช้ทั้งสองคนโดนเซียนโหรวตบเพราะเซียนหยีหลบทัน"นังสารเลวกล้าหลบข้า" เซียนโหรวหมายจะตบพี่รองของนางตุบ !!! เท้าอวบถีบเข้าหน้าท้องของเซียนโหรวอย่างแรง"คุณหนูสาม" บ่าวสองคนรีบมาดูเซียนโหรวทันที เซียนโหรวไม่คิดว่านังอ้วนสารเลวแรงจะเยอะเพียงนี้"แล้วอย่างไร ข้าสารเลวแล้วอย่างไร ลูกเมียน้อยอย่างเจ้ากล้าตบลูกเมียเอกอย่างข้ารึ" เซียนหยีไม่ยอมให้ผู้ใดเอาเปรียบนาง ตีนางหนึ่งครั้ง นางจะสนองคืนหมื่นเท่า"เจ้าอย่าเข้ามานะ" เซียนโหรวมองพี่สาวลูกภรรยาเอกกระชากศีรษะสาวใช้ทั้งสองคนแล้วถีบลงพื้น สาวใช้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด"อย่ารึ ตอนที่เจ้ากับสาวใช้รังแกข้าก่อนหน้านี้ ข้าขอร้องเจ้า ทำไมเจ้าไม่หยุด" เซียน