"นังอ้วนสารเลว กล้ามาก กล้าปีนเตียงเซียวอ๋อง" ใบหน้าอวบอ้วนโดนตบจนแดงก่ำ เซียนหยีพลันรู้สึกตัวพบว่าตัวนางโดนอีบ่าวชั่วสองคนนั้นจับตัวไว้
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ เธอจำได้ว่าเธออยู่ในห้องวิทยาศาสตร์มิใช่รึ เธอเป็นหมอทดลองยาชีวะในห้องต้องการหาตัวยาใหม่ไปรักษาโรคของคนไข้
แล้วไหนมาโผล่โลกแห่งนี้ได้ล่ะ
สตรีใบหน้างามล้ำสวมชุดฟ้ากำลังจะตบที่ใบหน้าอวบของเซียนหยีอีกครั้ง
"คุณหนูตบบ่าวได้อย่างไรเจ้าคะ" สาวใช้ทั้งสองคนโดนเซียนโหรวตบเพราะเซียนหยีหลบทัน
"นังสารเลวกล้าหลบข้า" เซียนโหรวหมายจะตบพี่รองของนาง
ตุบ !!! เท้าอวบถีบเข้าหน้าท้องของเซียนโหรวอย่างแรง
"คุณหนูสาม" บ่าวสองคนรีบมาดูเซียนโหรวทันที เซียนโหรวไม่คิดว่านังอ้วนสารเลวแรงจะเยอะเพียงนี้
"แล้วอย่างไร ข้าสารเลวแล้วอย่างไร ลูกเมียน้อยอย่างเจ้ากล้าตบลูกเมียเอกอย่างข้ารึ" เซียนหยีไม่ยอมให้ผู้ใดเอาเปรียบนาง ตีนางหนึ่งครั้ง นางจะสนองคืนหมื่นเท่า
"เจ้าอย่าเข้ามานะ" เซียนโหรวมองพี่สาวลูกภรรยาเอกกระชากศีรษะสาวใช้ทั้งสองคนแล้วถีบลงพื้น สาวใช้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
"อย่ารึ ตอนที่เจ้ากับสาวใช้รังแกข้าก่อนหน้านี้ ข้าขอร้องเจ้า ทำไมเจ้าไม่หยุด" เซียนหยีจะไม่ทน นางขึ้นคร่อมร่างเซียนโหรว
ตบซ้าย ตบขวาอย่างสาแก่ใจ เซียนโหรวพลันเลือดกบปากแล้ว
สะใจเซียนหยีมาก ทะลุมิติมาคิดจะทำร้ายนางรึ ฝันไปเถอะ
"หยุดนะ !!!" เซียนเจิงขุนนางการคลังยามนี้ เขามุ่งหน้ามาที่เรือนเล็กหลังจวนโดยมีอนุซูเหนียงรั้งท้าย ตามด้วยเซียนฮูหยินที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
นางกลัวว่าเซียนหยีจะได้รับโทษอย่างมาก เพราะเซียนหยีรังแกคุณหนูสามผู้เป็นดวงใจของนายท่าน
"ลูกแม่" อนุซูเหนียงพลันประคองบุตรสาวขึ้นมา เซียนหยีพลันถกแขนเสื้อขึ้น นางพร้อมต่อสู้กับบิดาไร้สมอง หลงอนุมากกว่าภรรยาเอก
"คุณหนูรองท่านทำเกินไปแล้วนะ โหรวเอ๋อร์ของข้าทำอะไรให้เจ้า เจ้าถึงได้ใจดำทำร้ายนางเพียงนี้" อนุซูกอดบุตรสาว
"อาหยีลูกแม่" เซียนฮูหยินยืนข้างบุตรสาว
"พวกท่านแหกตาดู" เซียนหยีพลันให้ดูแผลรอยแดงบริเวณแขน เซียนฮูหยินต่างตกใจ
"น้องสาม เห็นว่าข้าปีนเตียงเซียวอ๋อง อีกทั้งมีพระราชโองการมาเมื่อเช้า ให้ข้าแต่งเป็นชายาเอก นางเลยโกรธแค้นข้า ทำร้ายข้า ข้าผิดรึที่โต้ตอบ" เซียนหยีโต้แย้ง
"นายท่านแต่ลูกสามเจ็บมากนะเจ้าคะ" อนุซูพลันบีบน้ำตา
"หากคุณหนูสามไม่รังแกพี่สาวก่อนมีรึจุดจบจะเป็นเช่นนี้" เซียนฮูหยินเอ่ยให้ เซียนหยีคิดว่ามารดาจะเป็นใบ้ไปแล้ว
เซียนเจิงปวดหัวเสียจริง ๆ "เจ้าทั้งสองจงไปคุกเข่าในห้องบรรพชนเถอะ" เขาพลันเหนื่อยยิ่งนักจึงรีบสาวเท้าไปที่เรือนใหญ่ ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนทราบข่าวเรื่องบุตรสาวอนุกับภรรยาหลวงตบตีกันก็พลันด่าทออนุซูว่าไม่รู้จักสั่งสอนบุตรให้ดีทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
ห้องบรรพชน
"เพราะเจ้าคนเดียวเลยที่ทำให้ข้าต้องเดือดร้อน" ดูท่าเซียนโหรวยังคงไม่สำนึกอีก
เซียนหนีพลันดีดก้อนหินใส่ไหล่จองเซียนโหรว
"โอ๊ย !!!" น้องสามคนงามร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
"เป็นอย่างไรบ้าง หากยังไม่หุบปากนะ ข้าจะทุบหัวเจ้า" คำขู่ของเซียนหยีนั้นได้ผลเกินคาดทำให้เซียนโหรวพลันเงียบปาก แค่บาดแผลบนใบหน้าเซียนโหรวก็เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว ยาที่ท่านแม่ให้บ่าวมาทาให้นาง ยังปวดอยู่เลย
เซียนหยีพลันนั่งนิ่งมองป้ายบรรพชร เจ้าของร่างเดิมอ้วนยิ่งนัก ใบหน้าก็ยังมีแผลเป็นอีกต่างหาก อ้วนกับแผลเป็นมิใช่ปัญหา แพทย์สาวเช่นนางช่วยได้
พูดถึงชีวิตของเซียนหยีก็น่าสงสารยิ่งนัก แม้จะเป็นลูกเมียเอก แต่บิดาก็ไม่เหลียวแลนางจริง ๆ เซียนฮูหยินเป็นคนไม่ค่อยที่จะสู้คน ช่างเป็นมารดาที่ไม่ค่อยฉลาดเอาเสียเลย
เซียนหยีเจ้าของร่างเดิมคิดสั้นโดยแท้ที่ปีนเตียงเซียวอ๋อง
เนื่องจากวันพรุ่งนี้ทั้งสองจะต้องไปที่สำนักศึกษาหลวง เซียนเจิงจึงให้คนมาปล่อยตัวสองคนออกจากห้องบรรพชน
เซียนหยีกลับมาที่เรือนของนาง หญิงสาวพบว่ามารดานั่งรอนางด้วยความเป็นห่วง
"อาหยี เจ้าอย่าได้โทษแม่เลย" เซียนหยีพลันมองมารดาที่นั่งรอนางกับอาหารเต็มโต๊ะ
"ท่านแม่ ท่านอ่อนแอเกินไปแล้ว ให้คนพวกนั้นรังแกท่านได้ ท่านเป็นถึงเมียเอกเชียวนะ" สิ่งที่เซียนหยีนั้นกล่าวมาถูกต้อง จูเยียนอ่อนแอจริง ๆ นางเป็นบุตรสาวพ่อค้าต่างแคว้นมารักกับบัณฑิตหนุ่มอย่างเซียนเจิง นางรักเซียนเจิงมาก จูเยียนเป็นคนแคว้นฉิน นางถึงกับขอเงินบิดามาส่งชายคนรักเรียนจนสอบเป็นขุนนางได้
แต่ทว่าเซียนเจิงก็หลอกนาง เขามีอนุก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว เซียนเจิงว่าจะไล่อนุเจียวเหมยออกจากเรือน แต่พบว่าเจียวเหมยตั้งครรภ์ก่อน กำเนิดคุณหนูใหญ่ เซียนอ้ายไม่นานนัก เจียวเหมยก็ป่วยตาย สิ่งที่ทำให้จูเยียนเสียใจที่สุด เซียนเจิงแอบซุกหญิงอื่นไว้ ในวันที่เขาสอบเป็นเจ้ากรมการคลังได้เขาพาซูเหนียงกับเซียนโหรวเข้ามาในจวนเซียน
ไม่นานนักอนุเจียวเหมยก็สิ้นใจตาย จูเยียนก็เลี้ยงดูเซียนอ้ายด้วยความรัก...
"อาหยี ของหวานที่เจ้าชอบ เจ้ากินเสียสิ แม่ลงมือเข้าครัวทำให้เจ้าเองเชียวนะ" เซียนฮูหยินยิ้มให้บุตรสาว"ท่านแม่ข้าอ้วนขนาดนี้ ท่านยังจะให้ข้ากินของหวานพวกนี้อีก" เซียนหยีอารมณ์เสียแล้ว นึกชังมารดา สรรหาแต่ของหวานมาให้เจ้าของร่างเดิมกินเซียนฮูหยินตกใจกับคำพูดบุตรสาว แต่ก่อนบุตรสาวของนางชอบขนมหวานมิใช่รึ"ข้าจะให้บ่าวเอาไปทิ้ง""ท่านแม่อีกอย่าง อย่าทำขนมหวานให้ข้ากินอีกนะ แล้วใบหน้าข้ามีแผลเป็นได้ยังไง" รอยแผลเป็นตรงคางมาจากไหนนี่คือสิ่งที่เซียนหยีต้องการคำตอบ ภาพเซียนหยีตอนเด็กผุดขึ้นมา นางจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กเซียนหยี หุ่นดีและใบหน้างดงามเหตุใดถึงกลายเป็นหญิงอ้วนอัปลักษณ์ไปได้เล่าเซียนฮูหยินพลันนั่งคิดเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นบุตรสาวของนางอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น"ตอนนั้น เจ้าเล่นกันพี่ใหญ่น้องสาม ทำให้เจ้าลื่นล้มใบหน้ากระทบกับภูเขาจำลอง อีกทั้งระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าป่วยไข้ มีท่านหมอมารักษาเจ้า หลังจากนั้น เจ้าก็อ้วนขึ้น อีกทั้งใบหน้าของเจ้ารักษาไม่หาย" เป็นเช่นนี้นี่เอง เรื่องใบหน้า เซียนหยีมิได้กังวลนางรักษาใบหน้าของนางได้ เนื่องจากว่าห้องยาวิจัยทะลุมิติมาพร้อมกับนาง"ท่านแม่ วันพรุ
"พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าด้วย" เซียนหยีเอ่ยขอทางอย่างสุภาพ หลินซีพลันมองหน้าหญิงอ้วนนางนี้ที่ปีนเตียงคู่ม้าไผ่เหมยเขียวของนาง อย่างเซียวอ๋องเซียนหยีพลันมองสตรีสามคนที่ไม่เข้าใจภาษาคนไม่ยอมถอยให้นาง"คุณหนูรองเซียน เจ้ายังมีหน้ามาที่สำนักศึกษาหลวงเทียนตี้อยู่อีกรึ" เหตุใดนางจะมาไม่ได้เล่า "พวกเจ้าช่างไร้สาระเสียจริง" เซียนหยีไม่สนใจสามคนนั้น นางรีบเดินจนชนไหล่ของหลินซี "พี่หญิงรองทำไมท่านเสียมารยาทเช่นนี้เล่า ชนผู้อื่นแล้วไม่รู้จักขอโทษ มิใช่นิสัยของวิญญูชน" นังน้องสาวสาระแนผู้นี้ ช่างปากเก่งเสียจริง ๆใบหน้าอวบของเซียนหยีพลันโมโหโชคดีที่มีผ้าขาวบางปิดหน้า "น้องหญิงสาม ข้าหรือไร้มารยาท เป็นพวกนางต่างหากไม่หลบทางผู้อื่นยืนขวางทางข้า หากน้องสามมีตาก็น่าจะรู้ มิใช่มาป้ายความให้พี่สาวอย่างข้าว่าเป็นคนผิด" เซียนหยีเอ่ยเช่นนี้แล้วมุ่งหน้าเข้าห้องเรียนเหล่าคุณหนู คุณชายต่าง ๆ ตกใจมากในสิ่งที่เซียนหยีเอ่ยขึ้นนั้น เป็นความจริง เซียนโหรวไม่เข้าข้างพี่สาว แต่ยังไปเข้าข้างคนอื่นมันใช้ได้ที่ไหนกันเซียนโหรวพลันหน้าบางรีบเดินตามหลังเซียนหยีทันที หลินซีนางเป็นถึงบุตรสาวท่านราชครูหลิน นางเป็นคู่ม้าไ
"อาหยี เจ้าเก่งมากจริง ๆ "เมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว เมิ่งชีชีชมสหายรักอย่างไม่จบสิ้น เซียนหยียามนี้เป็นยามพักเที่ยง ที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในโรงอาหาร ทุกสายตาจ้องมาที่พวกนางสองคน เซียนหยีคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่แท้"เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้จ้องเจ้ากับข้าอย่างกับพวกเราสองคนไปฆ่าคนตายอย่างนั้นแหละ" เซียนหยีพลันคิดว่าต้องมีอันใดเกิดขึ้นภายในโรงอาหารของสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้ หลินซีกับกลุ่มสหายของนาง อย่างตงฮวาและหลีหลานนั่งในโรงอาหารพลันมองหน้าประตูทางเข้าใบหน้าของทั้งสามคนฉายแววชั่วร้าย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับเซียนหยีนังอ้วนอัปลักษณ์อย่างเซียนหยีแน่นอนเซียนหยีกับเมิ่งชีชีเดินมาถึงหน้าโรงอาหารแต่ทว่าหยุดตรงประตูทางเข้า ดูเหมือนว่าคนด้านในนั้นมองอะไรสักอย่าง "พี่หญิงรองหากไม่เข้าไปก็อย่ามาเกะกะขวางทางคนจะไปกินข้าว" เป็นเซียนโหรวกับสหายของนาง อย่างคุณหนูรองเหวินซูลูกอนุเหมือนกัน อีกทั้งเซาเย่บุตรสาวลูกอนุขุนนางขั้นสามทั้งสองคน พวกนางต่างไม่ชอบเซียนหยีอยู่เพราะทั้งโง่และอ้วน แต่ทว่าวันนี้เซียนหยีทำตัวเด่นเป็นพิเศษที่สามารถวาดภาพจนได้คะแนนเต็มสิบ ทำให้พวกนางไม่พอใจหญิง
เซียนหยีพลันมองใบหน้าที่หมองคล้ำของมารดา เซียนฮูหยินเป็นคนหน้าตาดี แต่ทว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง เซียนหยีมองตลับครีมหน้าขาว "ให้ท่านแม่ประทินโฉมเจ้าค่ะ" เซียนฮูหยินพลันมองตลับครีมสีดำ"ขอบใจเจ้ามาก อาหยีพักผ่อนเถอะ แม่ไม่รบกวนแล้ว" เซียนฮูหยินพลันออกจากเรือนบุตรสาว เซียนหยีให้เสี่ยวอิงไปรับอาหารเย็นจากห้องครัวมาให้นาง จากนั้นก็ไล่สาวใช้ออกไปเซียนหยีพลันกินข้าวต้มปลาอิ่ม พอใช้ได้รสชาติมิได้แย่นางพลันมาที่คันฉ่องสีเหลืองทองมองแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้คาง ฉีดยาแผนปัจจุบันก็หาย นางดึงตัวยาออกมาจากห้องแล็บจากนั้นพลันฉีดเข้าไปในคาง รู้สึกว่ารอยนูนพลันยุบลง คิดว่าทำทุกวันน่าจะหายไม่เกินหนึ่งเดือน ส่วนน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโล ลดไม่อยากนางกินยาลดน้ำหนักของโลกปัจจุบันที่มีในห้องแล็บ เซียนหยีพลันอาบน้ำในอ่างไม้ จากนั้นนางก็มานอนที่เตียงเตามาร์คหน้าด้วยแผ่นมาร์คอย่างสบายใจ...เช้าวันถัดมาเสี่ยวอิงพลันเข้ามาในเรือนของเจ้านายของนาง"คุณหนูตื่นไปเรียนได้แล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันเดินมาถึงเตียงพบว่ามีบางอย่างติดที่ใบหน้าของเซียนหยี"ผีหลอก!!!" เสียงกรีดร้องของสาวใช้ ทำให้เซียนหยีพลันลืมตาขึ้นมา "เสี่ยวอิงเ