เซียนหยีพลันมองใบหน้าที่หมองคล้ำของมารดา เซียนฮูหยินเป็นคนหน้าตาดี แต่ทว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง เซียนหยีมองตลับครีมหน้าขาว
"ให้ท่านแม่ประทินโฉมเจ้าค่ะ" เซียนฮูหยินพลันมองตลับครีมสีดำ
"ขอบใจเจ้ามาก อาหยีพักผ่อนเถอะ แม่ไม่รบกวนแล้ว" เซียนฮูหยินพลันออกจากเรือนบุตรสาว เซียนหยีให้เสี่ยวอิงไปรับอาหารเย็นจากห้องครัวมาให้นาง จากนั้นก็ไล่สาวใช้ออกไป
เซียนหยีพลันกินข้าวต้มปลาอิ่ม พอใช้ได้รสชาติมิได้แย่
นางพลันมาที่คันฉ่องสีเหลืองทองมองแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้คาง ฉีดยาแผนปัจจุบันก็หาย นางดึงตัวยาออกมาจากห้องแล็บจากนั้นพลันฉีดเข้าไปในคาง รู้สึกว่ารอยนูนพลันยุบลง คิดว่าทำทุกวันน่าจะหายไม่เกินหนึ่งเดือน ส่วนน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโล ลดไม่อยาก
นางกินยาลดน้ำหนักของโลกปัจจุบันที่มีในห้องแล็บ เซียนหยีพลันอาบน้ำในอ่างไม้ จากนั้นนางก็มานอนที่เตียงเตามาร์คหน้าด้วยแผ่นมาร์คอย่างสบายใจ...
เช้าวันถัดมาเสี่ยวอิงพลันเข้ามาในเรือนของเจ้านายของนาง
"คุณหนูตื่นไปเรียนได้แล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันเดินมาถึงเตียงพบว่ามีบางอย่างติดที่ใบหน้าของเซียนหยี
"ผีหลอก!!!" เสียงกรีดร้องของสาวใช้ ทำให้เซียนหยีพลันลืมตาขึ้นมา
"เสี่ยวอิงเจ้าเป็นอะไร" เซียนหยีเอาแผ่นมาร์คหน้าออก เสี่ยวอิงได้สติขึ้นมา
"บ่าวนึกว่าผีหลอกเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันเอ่ยขึ้น
"เอาล่ะ สิ่งนี้คือแผ่นมาร์คหน้าทำให้หน้าขาวใส เจ้ามาแต่งตัวให้ข้าได้แล้ว ประเดี๋ยวไปเรียนสาย"
เสี่ยวอิงเตรียมเสื้อผ้าของสำนักศึกษาเรียบร้อย หลังจากแต่งกายเสร็จสองนายบ่าวพลันรีบมาที่หน้าจวน พบว่ามีรถม้าสองคัน เซียนหยีพลันรู้ทันทีว่าน้องสามของนาง ขอรถม้าอีกคันกับบิดาแน่ ๆ นางไม่สนใจคนไร้สมองอย่างเซียนโหรว
ที่สำนักศึกษาในยามนี้ทุกคนต่างตั้งใจเรียนวิชาคุณธรรม อาจารย์จ้าวหวันพลันสอนตามเคย หลังจากจบช่วงเช้าไปแล้วยังต้องเรียนตีคลีช่วงบ่าย
"ตอนบ่ายไปที่สวนด้านหลัง เพราะจะให้พวกเจ้าเรียนตีคลีกัน" เหล่าศิษย์ทุกคนต่างคำนับอาจารย์
เมิ่งชีชีพลันหาวนอน ยามนี้ได้เวลากินข้าวเที่ยงแล้ว
หลังกินข้าวอิ่มเซียนหยีกับเมิ่งชีชีมาที่สวนด้านหลังของสำนักศึกษาหลวง
"เอาล่ะ ลูกศิษย์ทั้งหลาย การแข่งขันตีคลีครั้งนี้ เซียวอ๋องกับหนานอ๋องร่วมเป็นกรรมการตัดสินด้วย" เจ้าอ๋องบ้าผู้นั้นก็มาด้วยรึ เซียนหยีพลันคิดในใจ
ทุกสายตาพลันมองไปที่นั่งของกรรมการ พบว่าเป็นเซียวอ๋องโอวหยางเสียน เขาประสูติแด่หยางฮองเฮา อีกทั้งมีหนานอ๋องโอวหยางเย่ประสูติแด่กุ้ยเฟย ทั้งสองมองที่เหล่าลูกศิษย์ของสำนักศึกษาหลวง
เซียวอ๋องพลันมองไปที่หญิงอ้วนอัปลักษณ์ที่ปีนเตียวเขาหลายวันก่อน นางทำไม่สำเร็จ แต่ทว่าเรื่องนี้ไปถึงหูของพระบิดา กระนั้นจึงทำให้พระบิดาพระราชทานสมรสให้เขา เขาช่างเจ็บใจนัก
"พระชายาเอกของท่านพี่มองมาที่ท่านด้วย" หนานอ๋องพลันเย้าพระเชรษฐาเล่น ช่างตลกเสียจริง
"หุบปาก" เซียวอ๋องทำหน้าไม่พอใจ
หนานอ๋องพลันมีความสุขที่ทำให้พี่ชายของเขาอยู่ไม่เป็นสุข
การแข่งขันตีคลีครั้งนี้แบ่งออกเป็นกลุ่มละสี่คน เซียนหยี เมิ่งซีซี เสิ่นอ้าย เหมยอิง อีกกลุ่มนำโดยหลินซี หลีหลาน ตงฮวา เซียนโหรว
เมื่อได้ยินเสียงระฆังเป็นสัญญาณให้แข่งขันได้ ฝ่ายของเซียนหยีนั้นเลี้ยงลูกหวาย นางใช้ไม้ตีไปเรื่อย ๆ ส่งมันไปให้เมิ่งชีชี หลินซีมีรึจะยอม นางแย่งลูกหวายจากเมิ่งชีชี แล้วตีเข้าฝ่ายตรงข้ามจนสำเร็จ
"ฝ่ายแดงเข้าเป้า" เหล่าอาจารย์พลันประกาศ เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น
เซียนหยีพลันคิดว่ายังมีเวลา กระนั้นนางจึงรีบแย่งลูกคลีจากฝ่ายตรงข้าม หมายจะยิ่งเข้าเป้า แต่ทว่าเซียนโหรวผลักเซียนหยีแล้วแย่งลูกแพรตีเข้าฝ่ายตรงข้ามได้สำเร็จ
"ฝ่ายแดงเข้าเป้าอีกแล้ว" หลินซีกับเหล่าสหายของนางพลันดีใจ
เซียนหยีพลันหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ร่างนี้อ้วนเกินไปแล้ว
เอาล่ะนางจะสู้อีกสักครั้ง หากพวกนางแพ้ กลุ่มพวกนางจะได้ไปทำความสะอาดคอกม้า หากชนะ พวกนางจะคะแนนเต็มสิบคะแนน
เซียนหยีแย่งลูกแพรได้ กระนั้นนางตีเข้าฝ่ายตรงข้าม เมิ่งชีชีกับเหล่าสหายในกลุ่มต่างดีใจอย่างมาก แน่นอนว่าเซียนหยีเข้าสามลูกติดต่อกันแล้ว นำคะแนนฝ่ายแดงอีกแล้ว
"ฝ่ายน้ำเงินนำแล้ว" เสียงอาจารย์พลันประกาศ
หลินซีพลันยิ้มเย็นแม้นางหมูตอนมันจะชนะ นางจะทำให้ทำทุกคนเห็นว่านังเซียนหยีมันร้ายกาจเพียงใด
เซียนหยีคิดว่าหากนางตีลูกแพรเข้าช่องของฝ่ายตรงข้ามอีกลูก ถือว่านางชนะ หญิงสาวกำลังจะตีเข้าฝ่ายตรงข้าม หลินซีพลันอยู่ตรงหน้านาง จากนั้นล้มลง ลูกแพรเข้าฝ่ายตรงข้าม
"หลินซีโดนตีแล้ว" เสียงคนร้องตะโกนขึ้น ทุกคนต่างมองเซียนหยี
"คุณหนูหลินเป็นอย่างไรบ้าง" ทุกคนในสำนักศึกษาต่างเป็นห่วงหลินซี
"คุณหนูรองเซียน เจ้าไม่เห็นต้องผลักข้าเลย" ทันทีที่หลินซีเอ่ยขึ้นทุกสายตามองเซียนหยี
"อาซี" หนานอ๋องกับเซียวอ๋องพลันเดินลงมาที่สนามพร้อมกัน หนานอ๋องอุ้มคู่หมั้นของเขา
"เจ้ามันหญิงอัปลักษณ์ใจดำ" เซียวอ๋องด่านางท่ามกลางคนมากมาย
เซียนหยีตกใจ หลินซีล้มลงเองต่างหาก "กลุ่มของเซียนหยีล้างคอกม้าหนึ่งอาทิตย์"
อาจารย์จ้าวหวันเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างสลายออกไป เพราะไม่อยากอยู่ใกล้คนใจดำอย่างเซียนหยี
"พี่หญิงรองข้าจะไปฟ้องท่านพ่อ ท่านเป็นคนใจดำ" เซียนโหรวสาระแนอีกแล้ว
"อาหยีข้าเชื่อเจ้า" สหายสามคนนั้นเชื่อเซียนหยี
เซียนหยีกลับมาที่จวนนางนั่งยังไม่ทันได้ตูดเย็น อะไรกับชีวิตจริง ๆ ก็มีบ่าวจากเรือนใหญ่ให้นางไปพบนายท่านที่เรือน เซียนหยีคิดว่าคงไม่พ้นเรื่องของหลินซีทันทีที่นางมาถึงนายท่านเซียนเจิงให้นางคุกเข่า"คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้เจ้าลูกชั่ว อัปลักษณ์ยังไม่พอยังทำเรื่องทำร้ายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ" เซียนเจิงช่างเป็นบิดาไร้สมองเสียจริง "เหตุใดเจ้าไม่ถามความบุตรสาวเสียก่อนเล่า เพียงแค่ฟังนังหนูสามเล่าเรื่องราว เจ้าก็กล่าวหานางเสียแล้วว่านางผิด" ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนช่างเป็นคนมีความยุติธรรมยิ่งนัก เซียนหยีเลื่อมใสท่านย่าของนางเสียจริง"นั่นสิท่านพี่ ท่านฟังลูกรองเล่าความก่อน" เซียนฮูหยินพลันเห็นด้วยกับฮูหยินผู้เฒ่าเซียนเซียนโหรวกับอนุซูเหนียงพลันมองไปที่เซียนหยี เหตุใดคนโง่เหล่านั้นต้องช่วยนังอ้วนอัปลักษณ์ด้วยเล่า"ท่านพ่อ หลินซีล้มลงเอง ข้ามิได้ผลักนาง" เซียนหยีโต้แย้ง นางอธิบายจนปากฉีกถึงรูหูแล้ว เหตุใดคนพวกนั้นยังไม่ฟังนาง กล่าวหานางว่านางเป็นคนผลักหลินซี นางตัวใหญ่ทำให้บังร่างหลินซี หลินซีเลยได้เปรียบ หลินซีแสดงละครเก่งกระนั้นทำให้คนในสำนักศึกษาเกลียดเซียนหยี รวมทั้งบิดาที่บ้านด้วย"ไม่จริง พี่หญิง
ในตอนเช้าข่าวลือไปทั่วเมืองต้าโจวว่าคุณหนูรองเซียนหยีนั้นแข่งตีคลีแพ้แล้วผลักคุณหนูใหญ่หลินซีล้มจนได้รับบาดเจ็บข่าวลือทั่วสำนักศึกษา ยามนี้เซียนหยีพลันนั่งในศาลา พลันมองเหล่าสหายอย่างเมิ่งชีชี เสิ่นอ้ายและเหมยอิง ต่างมองเซียนหยีที่ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาวกับข่าวลือพวกนั้น"อาหยีเจ้าไม่เป็นไรนะ" เมิ่งชีชีถามสหายด้วยความเป็นห่วง"เมื่อวานพวกเจ้าน่าจะเห็นว่านางล้มลงไปเอง ข้าไม่ได้ทำร้ายนาง" เซียนหยีพลันเอ่ยขึ้น ทั้งสามคนอยู่กลุ่มเดียวกันย่อมต้องเห็นอยู่แล้ว แต่พวกนางพูดไปใครจะเชื่อพวกนาง"พวกเจ้าทั้งสี่คน อาจารย์จ้าวหวันให้ไปล้างคอกม้าทั้งวัน ไม่ต้องเข้าเรียน" บุรุษผู้หนึ่งเดินมาบอกพวกนางในศาลา"ไม่สิ ทั้งอาทิตย์นี้พวกเจ้าจงอยู่แต่คอกม้า" บุรุษผู้นั้นถ่ายทอดคำสั่งของอาจารย์แล้วเดินออกไปทั้งสี่คนพลันมองหน้ากัน "รังแกกันเกินไปแล้วนะ" เมิ่งชีชีพลันหน้าเศร้า"พวกเจ้าเดือดร้อนเพราะข้าแท้ ๆ" เซียนหยีพลันรู้สึกผิด กระนั้นพวกนางทั้งสี่คนพลันมุ่งหน้าไปที่โรงเลี้ยงม้าของสำนักศึกษาหลวงทางด้านหลินซีกับเหล่าสหายของนางพลันมีความสุขยิ่งนักที่ได้ทราบข่าวว่ากลุ่มของเซียนหยีได้ล้างคอกม้าจนถึงวันหยุดเรียน
เซียนเจิงไร้อารมณ์ที่จะกินข้าวกระนั้นเขาจึงเดินออกไปเสียดื้อ ๆ สองแม่ลูกพลันเดินตามเซียนเจิงไป เซียนหยีพลันแอบสมน้ำหน้าเซียนโหรว หลังจากกินข้าวอิ่มนางก็ขอตัวกลับมาที่เรือน วันนี้มีเรื่องให้นางสำราญใจยิ่งนัก วันพรุ่งนี้มิได้ไปสำนักศึกษานับเป็นการดีทีเดียว นางอยากขายเครื่องประทินโฉมในโลกปัจจุบัน ต้องหาทำเลทองเปิดร้านเสียหน่อย"อาหยี" เซียนฮูหยินกับสาวใช้พลันเดินเข้ามาในเรือนหานาง เพิ่งจะแยกจากกันที่เรือนท่านย่า "ท่านแม่มีอะไรเจ้าคะ" เซียนฮูหยินพลันนึกขึ้นได้ว่าทางวังหลวงส่งเทียบเชิญมาเป็นงานแข่งม้าที่องค์หญิงสาวโอวหยางนานาจัดขึ้นที่นอกเมือง"อาหยีอีกสามวันข้างหน้าเป็นงานแข่งม้าขององค์หญิงสามที่จะจัดขึ้นทุกปี ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องเตรียมตัวแล้วกัน แม่ให้สาวใช้วัดขนาดตัวของเจ้าเพื่อจะไปตัดชุด" อย่าบอกนะจะให้นางแข่ง นางไม่เอาด้วยหรอกนะ"ท่านแม่ข้าไม่อยากไป""มิได้ ถึงอย่างไรเจ้าก็ต้องไป" สาวใช้ทั้งสองคนพลันวัดตัวเซียนหยีเสร็จก็รีบออกไปเพราะต้องไปวัดตัวเซียนโหรว มารดาเดินออกไปแล้วเซียนหยีพลันทำหน้าไม่พอใจอย่างมาก นางตั้งใจว่าจะเที่ยวสักห้าวัน แต่ที่ไหนได้ต้องไปงานแข่งม้า เรือนของอนุซูเหน
หลินซีก็พลันแข่งม้าในครั้งนี้ด้วย ทั่วทั้งเมืองหลวงต้าโจวต่างก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่หลินซีพลันเก่งด้านการแข่งม้าเป็นที่หนึ่ง ในเมืองหลวงผู้ใดจะสู้นางได้ทุกสายตาต่างมองไปที่สตรีนับสิบคนที่ลงสนามแข่งม้า ผู้เข้าแข่งขันทุกคนเหยียบที่พักเท้าม้า เซียนหยีรูปร่างอวบกว่าจะขึ้นได้นั้นลำบากนั้น ทุกคนหัวเราะเยาะนางในสนามแข่ง ราวกับนางเป็นตัวตลกเซียวอ๋องพลันนั่งดื่มสุรามองไปที่สนามแข่งม้า โอวหยางลหลีพลันมองญาติผู้พี่ของเขา ช่างมีชะตาที่อาภัพนักได้หญิงอ้วนงามเมืองเป็นพระชายาช่างขายหน้าโดยแท้"ข้าพนันข้าคุณหนูหลินร้อยตำลึง" ซื่อจื่อพลันเอ่ยขึ้น บรรดาชายหนุ่มที่นั่งในละแวกนั้นต่างลงขันกับคุณหนูหลินหนึ่งร้อยตำลึง หนานอ๋องในฐานะคู่หมั้นของหลินซีลงขันพันตำลึง ทุกคนต่างมองหน้าเซียวอ๋อง"ท่านพี่จะไม่ลงขันข้างคู่หมั้นท่านหน่อยรึ" หนานอ๋องพลันชอบใบหน้าที่เกี้ยวกราดของเซียวอ๋องมากทุกคนต่างสร้างความอึดอัดให้เซียวอ๋องอย่างมาก"ข้าลงข้างเซียนหยีหนึ่งพันตำลึงทอง" เหล่าบุรุษตกใจ แน่นอนว่าหากเขาไม่ลงข้างนาง หยางฮองเฮาได้ต่อว่าเขาแน่นอนทางด้านฝั่งสตรีหยางฮองเฮาพลันมองผู้เข้าแข่งขันนับสิบคนควบม้ามุ่งไปข้างหน้า หยางฮ
เซียนหยีพลันมอบปิ่นหยกงามล้ำให้ท่านย่าและมารดาได้ชมเป็นขวัญตา ที่หยางฮองเฮามอบให้แก่นางด้วยตนเอง"ช่างเป็นบุญวาสนาของเซียนหยีนักที่ฮองเฮาเมตตาเจ้า" เซียนฮูหยินพลันภูมิใจในตัวบุตรสาวอย่างมาก"นั่นสิอาหยีของข้าช่างเป็นดาวนำโชคจริง ๆ" แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนยังเอ็นดูหลานสาวคนรองอย่างมาก...เรือนของอนุซูในยามนี้ เซียวโหรวกรีดร้องไม่คิดว่านังสารเลวมันจะชนะหลินซียอดหญิงอันดับหนึ่งของต้าโจวได้ การแข่งม้าผู้ใดก็รู้ว่าหลินซีเชี่ยวชาญมากที่สุด เหตุใดนังสารเลวเซียนหยีถึงได้ทำได้เล่า"ลูกแม่เจ้ามิต้องกังวล รอก่อนอีกไม่นานนังอ้วนมันไม่สามารถเฉิดฉายได้" อนุซูปลอบใจบุตรสาว เซียนโหรวไม่เคยเกลียดใครเท่านี้มาก่อน"ท่านแม่ข้าเกลียดมัน" เซียนโหรวช่างเป็นสตรีที่โมโหร้ายจริง ๆ ซูเหนียงไม่มีวันให้เซียนหยีได้ดีกว่าบุตรสาวของนาง นางต้องหาทางกำจัดเซียนหยี...วันเปิดเรียนก็มาถึงเซียนหยีพลันมองใบหน้าของนางแผลเป็นก็เริ่มหายไปแล้ว อีกทั้งรู้สึกว่าน้ำหนักตัวลดลงน่าจะหลายกิโลเลยแหละ หญิงสาวพลันสวมผ้าขาวบางปิดหน้าอีกทั้งแต่งกายเรียบร้อยนางขึ้นรถม้ามุ่งหน้าไปสำนักศึกษาหลวง พอมาถึงสำนักศึกษาหลวงก็ต้องตกใจกับป้ายประ
ก็ถึงยามทำวัตรเย็นเซียนหยีในอาภรณ์สีขาวไร้เครื่องประทินโฉม นางเดินมาพร้อมกับสาวใช้ และคุณหนูคนอื่น ๆ นางยังไม่เห็นเมิ่งชีชีเลย "อาหยี" พลันนึกถึงพอดีก็โผล่มาทันที ช่างตายอยากเสียจริง เมิ่งชีชีในชุดสีขาวเดินมากับสาวใช้"ชีชี" เซียนหยีพลันมองสหายรัก สงสัยนางเพิ่งจะมาถึงวัดหยงหนิงเป็นแน่แท้"แม่นางทั้งสองช้าก่อน แม่นางช่วยถือองค์พระพุทธรูปไปที่อารามหลวงได้รึไม่" แม่ชีน้อยสองคนพลันปวดท้องหนักอยากเข้าห้องเวจกระนั้นจึงได้ฝากเซียนหยีกับเมิ่งชีชีเซียนหยีพลันขมวดคิ้ว "ชีชีข้าคิดว่าองค์พระพุทธรูปมีปัญหา" "อาหยีเจ้าคิดมากไปรึไม่ แม่ชีท่านปวดท้อง กระนั้นจึงฝากพวกเรานำไปไว้ที่อารามเท่านั้น" ความเห็นของเมิ่งชีชี สหายของนางช่างมองโลกในแง่ดีเสียจริง เซียนหยีพลันมองหน้าเมิ่งชีชี"ไปหาเจ้าอาวาสกัน อย่าเพิ่งไปที่อารามหลวง" ทุกคนในอารามหลวงต่างมากันครบเรียบร้อยแล้วอาจารย์จ้าวหวันกับนักพรตเต๋าเซียงเมียง พลันมองลูกศิษย์ของสำนักศึกษาหลวงที่นั่งในอารามหลวง"ขาดอีกสองคนเหตุใดยังไม่มา" อาจารย์จ้าวหวันพลันเอ่ยขึ้น "พี่หญิงรองของข้ากับสหายของนางเจ้าค่ะ" เซียนโหรวสอดปากขึ้น "พวกนางมาแล้ว" หลีหลานพลันยิ้มเย
หลังจากทำวัตรเย็นเสร็จเซียนหยีกับเมิ่งชีชีแยกย้ายกันไปที่เรือนนอนในค่ำคืนที่ฝนห่าใหญ่ได้ตกลงมา ประตูห้องของเซียนหยีพลันเปิดออก ชายร่างอ้วนนั้นพลันสาวเท้าเข้ามาในความมืดมิดอย่างง่ายดายตุบ !!!ร่างอ้วนพลันสลบลงไป "นำตัวเขาไปไว้ที่ห้องของเซียนโหรว"เซียนหยีสั่งอาซาน เสี่ยวอิงพลันตกใจไม่น้อย วันนี้อาซานพลันสำรวจเรือนพำนักบุรุษ ได้เห็นเซียนโหรวคุยกับหานซัว เขาได้ยินสิ่งที่เซียนโหรวคุยกับหานซัวว่า ให้หานซัวไปบอกคุณชายเหล่านั้นว่านัดพบกับนางคืนนี้ แต่แผนที่แท้จริงล่อเจียงเสิ่นไปห้องเซียนหยี เพื่อให้เจียงเสิ่นย่ำยีเซียนหยีหานซัวทำตามคำสั่งของเซียนโหรว เขาบอกพวกเจียงเสิ่นว่า เขานัดพบกับเซียนโหรว จนเจียงเสิ่นสนใจ แอบมอบเงินให้หานซัวเพื่อที่จะได้พบเซียนโหรว หานซัวบอกเลขห้องของเซียนหยีไป ต้องการล่อเขาไปย่ำยีเซียนหยี นี่คือแผนการของเซียนโหรวพอเจียงเสิ่นเข้ามา เขาคิดว่าจะได้ย่ำยีเซียนโหรว แต่ทว่าไม่ใช่เป็นเซียนหยี แต่ทว่าเซียนหยีเหนือชั้นเชิงกว่า ให้อาซานทุบเขาจนสลบ"อาซานนำเขาไปไว้ห้องน้องสาวข้าง นางชอบบุรุษผู้นี้ อีกทั้งอย่าลืมจุดกำยานราคะให้พวกเขาด้วย" เซียนหยีมอบกำยานให้อาซาน อาซานแบกร่างอ้
ทันทีที่เซียวอ๋องพลันตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเขานั้นถูกพันไปด้วยผ้าขาวบาง นางใส่ยาทำแผลให้เขาเรียบร้อยแล้วเซียนหยีไม่คิดว่าเซียวอ๋องจะมีบาดแผลเต็มตัวอีกทั้งในร่างกายของเขายังมีหนอนตัวใหญ่ นางยังไม่ทำลายหนอน นางรอให้เขาดูเสียก่อนในยุคปัจจุบันนางเคยได้ยินวิชาเวชหนอนกู่ในแถบเจียงหนานของประเทศนาง หญิงสาวไม่คิดว่าจะมาเจอวิชานี้ ช่างเหลือจริง ๆ พิษหนอนกู่"เจ้าช่วยข้ารึ" "แน่นอนว่าข้าช่วยท่าน หากมิใช่ข้าจะเป็นผู้ใด" เซียนหยีพลันเอ่ยขึ้น เขาได้แต่มองลูกตาที่กลมโตของหญิงอ้วน เนื่องจากนางใช้ผ้าปิดบังใบหน้าไว้"ขอบใจ เจ้ารู้วิชาแพทย์รึ" "พอรู้บ้าง แต่ท่านโดนพิษกู่" "อะไรนะ" เซียวอ๋องตกใจมาก เขาจะโดนพิษกู่ได้อย่างไร เป็นไปมิได้"ข้าไม่เคยโดนพิษ""ท่านรู้ได้อย่างไร สิ่งของเสื้อผ้า คนรอบตัวท่าน" หลายวันก่อนเซี่ยไทเฮามอบกำไลหยกสีดำให้เขาเซียวอ๋องพลันเงียบไป"ท่านดูหนอนตัวใหญ่สิ ข้าคีบออกมาจากหลังของท่าน" เซียวอ๋องมองหนอนตัวใหญ่ที่มันตายแล้ว"หนอนต้องอยู่ในตัวท่านอีกเยอะ""กำไลนี้เซี่ยไทเฮามอบให้ข้ากับหนานอ๋องคนละอัน" เซียนหยีพลันกระชากมือเซียวอ๋องอย่างถือวิสาสะ"เจ้าจะทำอะไร" "ขอข้าดูหน่อย" เซียวอ
ในค่ำคืนนั้นท่ามกลางหิมะตกหนักลงมา หลินซีพลันมองถาดน้ำแกง นางทราบข่าวว่าเขาอยู่ในห้องหนังสือ หลินซีรีบตุ๋นน้ำแกงรังนกมาให้โอวหยางเสียนโอวหยางเสียนพลันมองหลินซีที่เดินเข้ามาพร้อมกับชามน้ำแกง ใบหน้างามพลันระบายไปด้วยรอยยิ้ม หากแผนการนี้สำเร็จ เซียวอ๋องจะกลายเป็นคนสารเลวที่แย่งคู่หมั้นน้องชาย อีกทั้งโดนขุนนางยื่นฟ้องมิให้มีสิทธิ์ในบัลลังก์อีกต่อไป"น้ำแกงอะไร" เซียวอ๋องแกล้งถาม ไม่คิดเลยว่าเพื่อให้ได้ในสิ่งที่นางต้องการ นางถึงกับต้องทำคุณไสย์ใส่เขา อีกทั้งวางแผนอย่างชั่วร้าย"น้ำแกงรังนกเจ้าค่ะ" ใบหน้างามส่งสายตาออดอ้อนให้เขาเซียวอ๋องยกขึ้นมาดื่ม ภาพสุดท้ายวูบดับลงกับพื้นทันทีอีกด้านหนึ่งหน้าจวนเซียวอ๋องยามนี้ หนานอ๋องพาทหารเข้ามาบุกจวนเซียวอ๋องยามพลบค่ำ "ท่านอ๋องเหตุใด ท่านพาทหารมามากมายเช่นนี้" อาเสิ่นพลันมองหนานอ๋องนำทหารบุกเข้ามา"หุบปากของเจ้าเสีย วันนี้ข้าจะพาคู่หมั้นของข้ากลับจวน" หนานอ๋องไม่ฟังคำของอาเสิ่น เขาพาทหารมุ่งหน้าไปที่ห้องหนังสือ เพราะสาวใช้รายงานว่า เซียวอ๋องกับหลินซีอยู่ห้องหนังสือ"ท่านเข้าไปมิได้นะ ท่านอ๋อง" อาเสิ่นขวางทาง บ่าวเยี่ยงเขาต้องเล่นตามบทละคร"หลีกไป
เมิ่งชีชีพลันอยู่ที่โรงหมอของเซียนหยี เมิ่งชีชีตัดสินใจที่จะเรียนหมอ "อาหยีหลายวันมานี้เจ้าเป็นอันใดไป" แน่นอนว่าเมิ่งชีชีพลันสังเกตสหายรักของนาง "ท่านอ๋องโดนมนต์ดำเข้าให้แล้ว""อะไรนะ" เมิ่งชีชีตกใจไม่น้อยหลังได้ยินสหายรักเอ่ยเช่นนี้ "ข้าสั่งให้คนในจวนค้นเรือนหาสิ่งของนั้นอยู่ เจ้ามิต้องกังวลไป" "คุณหนูเมิ่งซื่อจื่อมาหาท่าน" เซียนหยีพลันมองเสี่ยวอิงเข้ามารายงายแล้วมองเมิ่งชีชี"นี่เจ้าเหตุใดซื่อจื่อจึงมาหาเจ้า" เซียนหยีมองสหายรัก"ข้ากับครอบครัวของเขาตกลงหมั่นหมายกันแล้ว""ขอแสดงความยินดีกับเจ้าด้วย" เมิ่งชีชีพลันยิ้มแล้วเดินออกไปหาซื่อจื่อน้อย"พระชายาอาเสิ่นมาเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงวิ่งไปวิ่งมาจนเหนื่อย อาเสิ่นพลันรีบร้อนเดินเข้ามา ใบหน้าของเขาเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวัน"พระชายาข้าน้อยไปเจอหุ่นตัวนี้ใต้หมอนของเซียวอ๋อง ข้าสั่งให้สาวใช้ทุกคนค้นหาในตอนทำความสะอาดเรือน" เซียนหยีพลันมองหุ่นไม้ตัวนี้ เขียนอักษรวันเดือนปีเกิดของเซียวอ๋องชัดเจน"ข้าจะพยายามให้เขากลับมาเป็นปกติให้ได้ ภายในวันนี้ ส่วนเจ้ารีบนำหุ้นตัวปลอมไปใส่ไว้ใต้หมอนเหมือนเดิมอย่าให้หลินซีสงสัยเป็นอันขาด" พูดง่าย ๆ อย่าแหว
เซียนหยีคิดว่านางจะต้องรีบไปหาหยางฮองเฮาโดยด่วน วันถัดมาเซียนหยีเข้าวังอย่างลับ ๆ ไปเข้าเฝ้าฮองเฮา ทางประตูหลังวัง หวงกงกงรีบพาเซียนหยีเข้ามาในตำหนักพระนาง"ถวายพระพรเสด็จแม่" เซียนหยีพลันมองหยางฮองเฮากับองค์หญิงสามที่กำลังดื่มชา"อาหยีเจ้ามาแล้ว" "หม่อมฉันมีเรื่องด่วนกราบทูลเพคะ ยามนี้เซียวอ๋องให้หลินซีเข้ามาในจวน""เจ้าว่าอะไรนะ" องค์หญิงสามกับฮองเฮาตกใจจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน"หม่อมฉันเกรงว่า เซียวอ๋องจะโดนคุณไสย์เข้าแล้ว""แล้วพวกเราจะทำอย่างไร""หม่อมฉันให้อาเสิ่นค้นหาอย่างลับ ๆ ในเรือนท่านอ๋อง หากหาเจอมีทางแก้ไข""เจ้ารู้รึไม่ ใครอยู่เบื้องหลัง""เซี่ยไทเฮา""เราก็คิดเหมือนกันกับเจ้า เพราะนางเคยวางพิษกู่ อีกทั้งส่งคนวางยาพิษทำลายร่างกายเซียวอ๋อง ทุกอย่างรอดมาได้เพราะเจ้าช่วยเขา ครั้งนี้เราหวังว่าเจ้าจะช่วยเซียวอ๋องสำเร็จ"องค์หญิงสามไม่คิดเซียนหยีจะช่วยพี่ใหญ่ของนางหลายครั้ง นางตาบอดที่เห็นกงจักรเป็นดอกบัว"พี่สะใภ้ที่ผ่านมาข้าขอโทษ""ไม่เป็นไร""เสด็จแม่ เรื่องนี้เราจะกราบทูลเสด็จพ่อเช่นไร" เซียนหยีพลันเอ่ยถาม"ฝ่าบาทไม่ทรงเชื่อใครง่าย ๆ หากไม่มีหลักฐาน ข้าจะให้คนจับตาดูไทเฮา นางอ
คืนนั้นเซียนหยีนอนหลับสนิทโดยมีเซียวอ๋องคอยดูแลนอนกอดนางทั้งคืน เซียนหยีพลันลืมตาขึ้นมาพบว่าเซียวอ๋องหายไปแล้ว ช่างเถอะเขาคงไปค่ายทหารตามเคยเซียนหยีมาเปิดโรงหมอหยีแต่เช้า นางขายครีมหน้าเด้งด้วย ลูกค้าของนางเป็นเหล่าสตรีชนชั้นสูงไปหาชนชั้นล่างสุด"พระชายาแย่แล้วบัดนี้ เซียวอ๋องเชิญคุณหนูหลินมาที่จวนให้นางดีดเพลงพิณให้ฟัง" อาซานเป็นคนเข้ามาแจ้งข่าวเจ้านายเซียนหยีให้เสี่ยวอิงเฝ้าร้านเนื่องจากเสี่ยวอิงสามารถขายครีมได้ กระนั้นนางจึงรุดมาที่จวนเซียวอ๋องตึ่ง ตึ้ง ตึ่ง เสียงคนงามพลันดีดเพลงพิณในศาลาสระบัว หลินซีไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่เซียวอ๋องเชิญนางมาที่จวนแบ้วให้นางมาดีดเพลงพิณให้เขาฟังใบหน้างามพลันระบายไปด้วยรอยยิ้ม เซียวอ๋องพลันมองหลินซีไปด้วยความรักความเสน่หา"พี่เสียน ข้ารักท่านแม้ท่านจะแต่งงานกับผู้อื่นไปแล้ว" นี่คือความในใจของหลินซี นางหน้าแดงก่ำ "พวกเจ้านี่มันหญิงร้ายชายเลวจริง ๆ คนหนึ่งแต่งงานแล้ว คนหนึ่งเป็นคู่หมั้นน้องชาย" เซียนหยีในชุดสีขาวพลันเดินเข้ามามองสองคนที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหลินซีพลันมองเซียนหยีที่ด่านางฉอด ๆ "ท่านอ๋องพระชายาของท่านเหตุใดถึงได้ใช้คำพูด
"ข้าก็ดีกับเจ้าไม่น้อย" เซียนฮูหยินเสียใจ นางรักเซียนอ้ายมาก"ข้าเกลียดพวกท่าน""ข้าคิดว่าจะให้เจ้าแต่งงานกับบุตรชายขุนนางหลังจากเจ้ากลับมาถึงเมืองหลวง จึงได้ให้แม่สื่อเสาะหาคุณชายตระกูลใหญ่ให้เจ้า" ภาพวาดนับสิบถูกนำมากองต่อหน้าเซียนอ้าย นี่คือสิ่งที่ทั้งสามคนปรึกษากัน แต่ไม่คิดว่าเซียนอ้ายจะตอบแทนเช่นนี้มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้นที่หัวเซียนหยีเมื่อหลายเดือนก่อน งานคล้ายวันเกิดท่านพ่อ พี่หญิงใหญ่ให้นางดื่มสุราจากนั้นพานางมาไว้ห้องรับรองบุรุษ"เป็นพี่หญิงที่วางยาข้า ส่งข้าไปหาเซียวอ๋อง ข้าจำได้แล้ว" "เป็นเจ้าที่ทำร้ายน้องสาวของเจ้าเองรึ" เซียเจิงเสียใจมาก"จะส่งข้าให้ทางการก็ว่ามา" เซียนอ้ายพลันยอมแพ้แล้ว"นายท่านพบเงินใต้เรือนคุณหนูใหญ่หลายหีบเลยขอรับ" เซียนหยีสั่งให้คนไปสำรวจเรือนเพราะคิดว่าเซียนอ้ายต้องซ่อนเงินไว้ และแล้วก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ"พี่หญิงใหญ่ที่ผ่านมาข้าจะไม่เอาความกับท่าน" เซียนหยีมักให้โอกาสคนเสมอ"วันพรุ่งเจ้าจงไปใช้ชีวิตที่วัดนอกเมือง วัดเล้ง" เซียนอ้ายทำผิดโดยไม่น่าให้อภัย"ไม่นะท่านพ่อ" เซียนอ้ายไม่อยากไปอยู่วัด"เจ้าก็เลือกเอาว่าจะแต่งงานออกไปหรือจะไปอยู่วัด" เซียนเ
เซียนหยีพลันนึกถึงเรื่องในถ้ำเมื่อครั้งก่อน นางยังหน้าแดงไม่หาย เจ้าอ๋องบ้าซุกหน้าอกนาง ส่วนนางจับแท่งหยกของเขา ช่างไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบและเสียเปรียบทุกคนเสมอกัน ตอนนั้นทั้งสองยังไม่แต่งงานกัน แต่ทว่ายามนี้ทั้งสองคนพลันแต่งงานกันแล้ว เซียนหยีพลันมิได้ตอบอันใดปล่อยให้เจ้าอ๋องบ้ากอดนางจนถึงเช้าพอเซียวอ๋องลืมตาขึ้นมาพบว่าเซียนหยีพลันกอดเขาแน่น"อาหยี"เซียนหยีลืมตาขึ้นมารีบปล่อยเซียวอ๋องทันที นางรีบดีดตัวออกจากเขา เซียวอ๋องพลันอมยิ้ม เซียนหยีหน้าแดง นางนอนกอดเขาทั้งคืน"ท่านฉวยโอกาสกับข้า" ท่าทางของนางช่างเหมือนแมวน้อยที่เกรี้ยวกราดน่ารักยิ่งนัก"ข้ามิได้ฉวยโอกาส แต่เจ้าต่างหากที่บอกว่าให้ข้ากอดเจ้าได้" เซียวอ๋องยิ้มแก้มปริเลยล่ะ เซียวหยีพลันลืมไปเลยเรื่องเมื่อคืน นางให้เขากอดนางได้ทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อย จากนั้นลาท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่กลับมาที่จวนอ๋องเซียวอ๋องมุ่งหน้าไปที่ค่ายทหาร ส่วนเซียนหยีพลันนึกถึงร้านข้าวมรกตของนาง กระนั้นนางจึงปลอมตัวเป็นบุรุษไปเดินตลาดกับเสี่ยวอิง"คุณหนูเหตุใดต้องปลอมตัวเป็นบุรุษด้วยเล่า" เสี่ยวอิงช่างน่ารำคาญเสียจริง "ข้าอยากจะรู้ว่าเซียนอ้ายนางโก่งเงินสก
เซียนโหรวพลันมองสถานที่แปลกใหม่ เซียนฮูหยินกับฮูหยินผู้เฒ่าเซียนต้องตกใจเมื่อเห็นเซียนโหรวกลายเป็นคนบ้า"ท่านแม่ ท่านย่า ความแค้นของข้ากับซูเหนียงได้จบลงตั้งแต่ที่นางตายไปแล้ว ยามนี้เซียนโหรวเหมือนไม่มีมารดา ถึงอย่างไรนางก็บุตรสาวของท่านพ่อคนหนึ่ง ให้อภัยนางเถอะเจ้าค่ะ" เซียนหยีมองดูเซียนโหรวพลันกอดตุ๊กตาผ้าเก่า ๆ เซียนฮูหยินเห็นแก่หน้าบุตรสาว อีกทั้งไม่คิดเอาความกับเซียนโหรวในอดีตฮูหยินผู้เฒ่าเซียนนั้นนางแก่ชราแล้ว ได้แต่สงสารหลานสาวคนที่สามมีสภาพเช่นนี้ หากเซียนโหรวไม่คิดทำร้ายเซียนหยี จนแผนร้ายมันตกที่ตัวนาง เซียนโหรวอาจจะได้แต่งงานกับคนดี ๆ ก็ได้"ข้าขอตัวลาเจ้าค่ะ อีกสามวันข้าจะกลับมาเจ้าค่ะ" นางยอบกายคำนับท่านแม่กับท่านย่าของนางเซียนหยีกลับมาถึงจวนอ๋องพลันนึกถึงเรื่องของเซียนโหรวหวังว่าท่านพ่อจะไปที่จวนเจียงเพื่อขอหนังสือหย่าให้เซียนโหรว ถึงอย่างไรก็มีบิดาคนเดียวกันจะให้นางใจดำกับเซียนโหรวคงมิได้ สามวันผ่านไปรถม้าสัญญาลักษณ์จวนเซียวอ๋องจอดที่จวนเซียน เซียวอ๋องพลันลงมาก่อนนาง จากนั้นยื่นมือมาให้นางจับเซียนหยีพลันไม่จับมือเขา ทำให้เขายกมือเก้อน่าขายหน้าเสียจริงทั้งสองคนเดินเ
เซียนหยีในยามนี้นางกับเซียวอ๋องสวมชุดแต่งงานสีแดงเพลิงกำลังเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปท้องพระโรงทีละก้าว แขกเหรื่อในงานล้วนแต่เป็นขุนนางในราชสำนักต่างมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวค่อย ๆ สาวเท้าขึ้นบันไดเซียวอ๋องพลันถือผ้าแพรแดงไว้เขาชำเลืองเจ้าสาวของเขาพบว่านางพลันผอมลงยิ่งนัก เมื่อทั้งคู่มาที่ท้องพระโรง แต่ยังมิได้เข้าไปด้านใน เพราะทั้งสองต้องเคารพป้ายบรรพชรรางวงศ์โองหยางหยางฮองเฮากับฮ่องเต้โอวหยางตี้นั่งอยู่ด้านหน้าท้องพระโรงพลันมองเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่หยุดด้านหน้าทั้งสองพระองค์"หนึ่งคำนับฟ้าดิน" แม่สื่อพลันเอ่ยขึ้น ทั้งสองคำนับฟ้าดิน"สองคำนับบิดามารดา" ทั้งสองหันไปทางฮ่องเต้และฮองเฮา" สามคำนับซึ่งกันและกัน" เซียนหยีและเซียวอ๋องต่างคำนับซึ่งกันและกัน"ส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอ" แม่สื่อพลันเอ่ยขึ้น เหล่าข้ารับใช้พลันยืนเรียงแถวให้เจ้านาย เซียวอ๋องกับเซียนหยีค่อย ๆ เดินลงบันไดไปทีละขั้น "โอ๊ย !!!" จู่ ๆ มีคนยื่นเท้าออกมาทำให้เซียนหยีพลันสะดุดล้มลงหน้าคะมำ ผ้าคลุมหน้าพลันปลิวออกจากศีรษะของนาง เซียนอ๋องคว้าตัวนางไว้ได้ทันก่อนที่นางจะลงไปนอนกับพื้น นางก็อยู่ในอ้อมกอดของสามีของนางแล้วทุกสายตาพลันมองไ
"นางนี่แหละที่จ้างคนมาทำร้ายข้า หากมิใช่เพราะนางข้าจะตกในสภาพเช่นนี้รึท่านพ่อ โชคดีที่เซียวอ๋องมาช่วยข้าได้ทันเวลา" เซียนหยีพลันเล่าความทั้งหมดให้ ท่านย่า ท่านแม่ และบิดาฟัง"นังสารเลวกล้าทำกับหลานข้าได้เช่นไรกัน" ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนพลันโกรธจัด ตบหน้าซูเหนียงจนฟันหลุดหนึ่งซี่"เจ้ามันคนไร้สามัญสำนึกจริง ๆ "เซียนฮูหยินอยากจะตบนางมาก"เหตุใดเจ้าถึงทำร้ายเซียนหยี" เซียนเจิงถามอนุภรรยาที่เขารักสุดหัวใจ"นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว" ซูเหนียงที่กอดขาของเซียนเจิงไว้"ข้าไม่ดีกับเจ้าแม่ลูกตรงไหน นางทำผิดข้ายังไม่ทำโทษนาง เหตุใดเจ้าถึงทำร้ายผู้อื่น" เซียนเจิงผิดหวังในตัวซูเหนียงอย่างมาก"ท่านดีต่อข้างั้นรึ ท่านบอกว่าท่านจะมอบตำแหน่งฮูหยินให้ข้าสุดท้าย ข้าก็ได้เป็นแค่อนุ ท่านมันโกหกหลอกลวง ข้าทำให้เซียนหยีอ้วนเพราะข้าใส่ยาพิษให้นางกิน ใบหน้านางเป็นแผลนั้น ที่ยังข้าตั้งใจจะให้นางตาย ข้าเป็นคนผลักนางเอง แต่นางไม่ตาย" ซูเหนียงเหมือนคนเป็นบ้าไปแล้ว เซียนเจิงได้ยินเรื่องชั่วของนางเขารับไม่ได้จริง ๆ"นังหญิงบ้า เหตุใดทำร้ายเจ้านาย วันนี้ข้าจะตีเจ้าให้ตาย" ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนโกรธจัด"ข้าดีกับเจ้าตลอด แต่เจ้าก็