"อาหยี เจ้าเก่งมากจริง ๆ "เมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว เมิ่งชีชีชมสหายรักอย่างไม่จบสิ้น เซียนหยี
ยามนี้เป็นยามพักเที่ยง ที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในโรงอาหาร ทุกสายตาจ้องมาที่พวกนางสองคน เซียนหยีคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่แท้
"เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้จ้องเจ้ากับข้าอย่างกับพวกเราสองคนไปฆ่าคนตายอย่างนั้นแหละ" เซียนหยีพลันคิดว่าต้องมีอันใดเกิดขึ้น
ภายในโรงอาหารของสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้ หลินซีกับกลุ่มสหายของนาง อย่างตงฮวาและหลีหลานนั่งในโรงอาหารพลันมองหน้าประตูทางเข้า
ใบหน้าของทั้งสามคนฉายแววชั่วร้าย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับเซียนหยีนังอ้วนอัปลักษณ์อย่างเซียนหยีแน่นอน
เซียนหยีกับเมิ่งชีชีเดินมาถึงหน้าโรงอาหารแต่ทว่าหยุดตรงประตูทางเข้า ดูเหมือนว่าคนด้านในนั้นมองอะไรสักอย่าง
"พี่หญิงรองหากไม่เข้าไปก็อย่ามาเกะกะขวางทางคนจะไปกินข้าว" เป็นเซียนโหรวกับสหายของนาง อย่างคุณหนูรองเหวินซูลูกอนุเหมือนกัน อีกทั้งเซาเย่บุตรสาวลูกอนุขุนนางขั้นสามทั้งสองคน พวกนางต่างไม่ชอบเซียนหยีอยู่เพราะทั้งโง่และอ้วน แต่ทว่าวันนี้เซียนหยีทำตัวเด่นเป็นพิเศษที่สามารถวาดภาพจนได้คะแนนเต็มสิบ ทำให้พวกนางไม่พอใจหญิงอ้วนอย่างเซียนหยี
เซียนหยีกับเมิ่งชีชีหันไปมองทั้งสามคน ดูเหมือนว่าสามคนนี้รีบร้อนเสียจริง
"หากเจ้ารีบกินข้าวก็เข้าไปก่อนเลย" เซียนหยีกับเมิ่งชีชีหลีกทางให้สามคนนั้น
ทันทีที่ทั้งสามคนก้าวผ่านประตูเข้าไป น้ำเย็นจัดราดลงบนศีรษะของทั้งสาม
ตุบ !!!!
กรี๊ด !!!
ทั้งสามคนพลันเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า คนในโรงอาหารบางคนต่างสมน้ำหน้าสามคนนั้น คนที่ก่อเรื่องนี้ต่างหนีหายไปแล้ว
เซียนหยีกับเมิ่งชีชีพลันถือว่าโชคดีมาก นางติดสินบนเด็กชายอายุเจ็ดขวบ แน่นอนว่าสำนักศึกษาหลวงรับเด็กตั้งแต่ห้าขวบขึ้นไปจนถึงอายุสิบห้าปี ในตอนที่เซียนหยีกับเมิ่งชีชีพลันเดินมาแล้วมีคนมองอย่างมาก
เซียนหยีมีลางสังหรณ์ไม่ดี จึงติดสินบนเจ้าเด็กน้อยให้ไปสืบข่าวในโรงอาหาร นางเสียเงินตั้งหายอีแปะให้เจ้าเด็กนั่น
ในตอนที่ทราบข่าวนางกำลังว่าจะไม่กินข้าว แต่ใครจะไปคิดว่าเซียนโหรวกับเหล่าสหายจะมารับเคราะห์กรรมนี้แทนเซียนหยี คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลินซี
เซียนหยีกับเมิ่งชีชีรีบเผ่นเข้าห้องเรียนดีกว่า นางไม่กินแล้วข้าวโชคดีที่เมิ่งชีชีมีแป้งทอดที่ซื้อเมื่อเช้าพอให้ได้ประทังไปก่อน
หลังเลิกเรียนเซียนหยีกลับมาถึงจวน ยังไม่ทันที่นางจะได้นั่งสบายก็ถูกเชิญตัวมาที่เรือนใหญ่เสียแล้ว
"ท่านพ่อ พี่หญิงรองไม่ช่วยข้าเลย หลังจากที่ข้าเดินผ่านประตูไป นางก็หนีไปดื้อ ๆ" เซียนโหรวกอดมารดาแล้วเช็ดน้ำตา วันนี้หลังจากเกิดเรื่องที่น่าอายในโรงอาหาร นางกับเหล่าสหายขอลาอาจารย์เพื่อกลับจวน ไม่สามารถเรียนต่อได้ช่วงบ่าย
"เจ้ามาแล้ว" เซียนฮูหยินพลันมองบุตรสาวเดินเข้ามาตามด้วยสาวใช้อย่างเสี่ยวอิง
"คารวะท่านย่า ท่านพ่อ ท่านแม่" เซียนหยียังคงยืนนั่งพลันมองสองแม่ลูกการละครที่ร่ำไห้
"อาหยี เหตุใดเจ้ามิช่วยน้องสาวของเจ้า" บิดาสมองสุนัขอย่างเซียนเจิง จะให้นางช่วยเซียนโหรวได้อย่างไร
"ท่านพ่อ ข้าผิดอะไร ข้ากำลังจะเข้าไปในโรงอาหาร แต่เป็นน้องสามต่างหากที่บอกว่าหิวข้าวให้ข้าหลบให้นางก่อน กระนั้นข้าจึงให้นางกับเหล่าสหายของนางเข้าไปก่อน หากนางไม่แย่งข้า มีรึนางจะโดนน้ำสาด" สิ่งที่เซียนหยีกล่าวมานั้นถูกต้อง หากเซียนหยีเดินผ่านประตู นั่นย่อมเป็นเคราะห์กรรมของเซียนหยี
แต่ทว่าเซียนโหรวต่างหากที่รับเคราะห์ เรื่องนี้จะโทษผู้ใดได้
"เอาล่ะ เรื่องนี้มันเป็นอุบัติเหตุ เจ้าควรไปนอนพักผ่อนเถอะ อย่าได้เอาแต่โทษพี่หญิงของเจ้าเลย" ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนพลันเอ่ยขึ้น แล้วมองเซียนโหรวที่ช่างโชคร้าย
นางรู้ว่าเซียนเจิงค่อนข้างรักและเอ็นดูนังหนูสามมาก แต่ทว่าจะไปโทษนังหนูรองได้อย่างไร นังหนูสามโชคไม่ดีเอง ไปแย่งเคราะห์กรรมของผู้อื่น
เซียนโหรวกับมารดาพลันหน้างอเดินออกไป เซียนเจิงมองอนุคนงามกับลูกรักไปแล้ว
"เจ้าหุบปาก" ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนเอ็ดบุตรชาย เซียนเจิงเป็นบุตรชายคนเดียวของนาง
แต่ก่อนครอบครัวสกุลเซียนยากจนมาก โชคดีหน่อยได้เงินจากเซียนฮูหยินมาคอยช่วยเหลือจึงได้มีทุกวันนี้
"ท่านแม่"
"เจ้าจะไปไหนก็ไป" นางพลันไล่บุตรชาย สายตาของเซียนเจิงมอง เซียนฮูหยินกับเซียนหยีอย่างนึกชัง เซียนหยีพลันคิดว่านางโชคดีมากอย่างน้อยมีท่านย่าที่ใจดีและเข้าข้างพวกนางสองแม่ลูก
"หลายปีมานี้ ก็ได้สะใภ้อย่างเจ้าคอยดูแล แม้ว่าบุตรชายของข้าจะหลงอนุมากไปเสียหน่อย ขอให้เจ้าอย่าได้ถือสาเขาเลย"
ฮูหยินผู้เฒ่าเซียนเอ็นดูพวกนางสองแม่ลูกอย่างมาก
"ขอบคุณท่านแม่มากเจ้าค่ะ" เซียนฮูหยินรู้สึกโชคดีอย่างหนึ่ง แม้สามีจะไม่รักนาง แต่แม่สามีรักนางก็เพียงพอแล้ว ทั้งสองคนรีบกลับเรือน เซียนหยีให้มารดามาที่เรือนของนางก่อน
"อาหยีมีอันใดจะคุยกับแม่"
เซียนหยีพลันมองใบหน้าที่หมองคล้ำของมารดา เซียนฮูหยินเป็นคนหน้าตาดี แต่ทว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง เซียนหยีมองตลับครีมหน้าขาว "ให้ท่านแม่ประทินโฉมเจ้าค่ะ" เซียนฮูหยินพลันมองตลับครีมสีดำ"ขอบใจเจ้ามาก อาหยีพักผ่อนเถอะ แม่ไม่รบกวนแล้ว" เซียนฮูหยินพลันออกจากเรือนบุตรสาว เซียนหยีให้เสี่ยวอิงไปรับอาหารเย็นจากห้องครัวมาให้นาง จากนั้นก็ไล่สาวใช้ออกไปเซียนหยีพลันกินข้าวต้มปลาอิ่ม พอใช้ได้รสชาติมิได้แย่นางพลันมาที่คันฉ่องสีเหลืองทองมองแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้คาง ฉีดยาแผนปัจจุบันก็หาย นางดึงตัวยาออกมาจากห้องแล็บจากนั้นพลันฉีดเข้าไปในคาง รู้สึกว่ารอยนูนพลันยุบลง คิดว่าทำทุกวันน่าจะหายไม่เกินหนึ่งเดือน ส่วนน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโล ลดไม่อยากนางกินยาลดน้ำหนักของโลกปัจจุบันที่มีในห้องแล็บ เซียนหยีพลันอาบน้ำในอ่างไม้ จากนั้นนางก็มานอนที่เตียงเตามาร์คหน้าด้วยแผ่นมาร์คอย่างสบายใจ...เช้าวันถัดมาเสี่ยวอิงพลันเข้ามาในเรือนของเจ้านายของนาง"คุณหนูตื่นไปเรียนได้แล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันเดินมาถึงเตียงพบว่ามีบางอย่างติดที่ใบหน้าของเซียนหยี"ผีหลอก!!!" เสียงกรีดร้องของสาวใช้ ทำให้เซียนหยีพลันลืมตาขึ้นมา "เสี่ยวอิงเ
"นังอ้วนสารเลว กล้ามาก กล้าปีนเตียงเซียวอ๋อง" ใบหน้าอวบอ้วนโดนตบจนแดงก่ำ เซียนหยีพลันรู้สึกตัวพบว่าตัวนางโดนอีบ่าวชั่วสองคนนั้นจับตัวไว้นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ เธอจำได้ว่าเธออยู่ในห้องวิทยาศาสตร์มิใช่รึ เธอเป็นหมอทดลองยาชีวะในห้องต้องการหาตัวยาใหม่ไปรักษาโรคของคนไข้แล้วไหนมาโผล่โลกแห่งนี้ได้ล่ะ สตรีใบหน้างามล้ำสวมชุดฟ้ากำลังจะตบที่ใบหน้าอวบของเซียนหยีอีกครั้ง"คุณหนูตบบ่าวได้อย่างไรเจ้าคะ" สาวใช้ทั้งสองคนโดนเซียนโหรวตบเพราะเซียนหยีหลบทัน"นังสารเลวกล้าหลบข้า" เซียนโหรวหมายจะตบพี่รองของนางตุบ !!! เท้าอวบถีบเข้าหน้าท้องของเซียนโหรวอย่างแรง"คุณหนูสาม" บ่าวสองคนรีบมาดูเซียนโหรวทันที เซียนโหรวไม่คิดว่านังอ้วนสารเลวแรงจะเยอะเพียงนี้"แล้วอย่างไร ข้าสารเลวแล้วอย่างไร ลูกเมียน้อยอย่างเจ้ากล้าตบลูกเมียเอกอย่างข้ารึ" เซียนหยีไม่ยอมให้ผู้ใดเอาเปรียบนาง ตีนางหนึ่งครั้ง นางจะสนองคืนหมื่นเท่า"เจ้าอย่าเข้ามานะ" เซียนโหรวมองพี่สาวลูกภรรยาเอกกระชากศีรษะสาวใช้ทั้งสองคนแล้วถีบลงพื้น สาวใช้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด"อย่ารึ ตอนที่เจ้ากับสาวใช้รังแกข้าก่อนหน้านี้ ข้าขอร้องเจ้า ทำไมเจ้าไม่หยุด" เซียน
"อาหยี ของหวานที่เจ้าชอบ เจ้ากินเสียสิ แม่ลงมือเข้าครัวทำให้เจ้าเองเชียวนะ" เซียนฮูหยินยิ้มให้บุตรสาว"ท่านแม่ข้าอ้วนขนาดนี้ ท่านยังจะให้ข้ากินของหวานพวกนี้อีก" เซียนหยีอารมณ์เสียแล้ว นึกชังมารดา สรรหาแต่ของหวานมาให้เจ้าของร่างเดิมกินเซียนฮูหยินตกใจกับคำพูดบุตรสาว แต่ก่อนบุตรสาวของนางชอบขนมหวานมิใช่รึ"ข้าจะให้บ่าวเอาไปทิ้ง""ท่านแม่อีกอย่าง อย่าทำขนมหวานให้ข้ากินอีกนะ แล้วใบหน้าข้ามีแผลเป็นได้ยังไง" รอยแผลเป็นตรงคางมาจากไหนนี่คือสิ่งที่เซียนหยีต้องการคำตอบ ภาพเซียนหยีตอนเด็กผุดขึ้นมา นางจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กเซียนหยี หุ่นดีและใบหน้างดงามเหตุใดถึงกลายเป็นหญิงอ้วนอัปลักษณ์ไปได้เล่าเซียนฮูหยินพลันนั่งคิดเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นบุตรสาวของนางอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น"ตอนนั้น เจ้าเล่นกันพี่ใหญ่น้องสาม ทำให้เจ้าลื่นล้มใบหน้ากระทบกับภูเขาจำลอง อีกทั้งระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าป่วยไข้ มีท่านหมอมารักษาเจ้า หลังจากนั้น เจ้าก็อ้วนขึ้น อีกทั้งใบหน้าของเจ้ารักษาไม่หาย" เป็นเช่นนี้นี่เอง เรื่องใบหน้า เซียนหยีมิได้กังวลนางรักษาใบหน้าของนางได้ เนื่องจากว่าห้องยาวิจัยทะลุมิติมาพร้อมกับนาง"ท่านแม่ วันพรุ
"พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าด้วย" เซียนหยีเอ่ยขอทางอย่างสุภาพ หลินซีพลันมองหน้าหญิงอ้วนนางนี้ที่ปีนเตียงคู่ม้าไผ่เหมยเขียวของนาง อย่างเซียวอ๋องเซียนหยีพลันมองสตรีสามคนที่ไม่เข้าใจภาษาคนไม่ยอมถอยให้นาง"คุณหนูรองเซียน เจ้ายังมีหน้ามาที่สำนักศึกษาหลวงเทียนตี้อยู่อีกรึ" เหตุใดนางจะมาไม่ได้เล่า "พวกเจ้าช่างไร้สาระเสียจริง" เซียนหยีไม่สนใจสามคนนั้น นางรีบเดินจนชนไหล่ของหลินซี "พี่หญิงรองทำไมท่านเสียมารยาทเช่นนี้เล่า ชนผู้อื่นแล้วไม่รู้จักขอโทษ มิใช่นิสัยของวิญญูชน" นังน้องสาวสาระแนผู้นี้ ช่างปากเก่งเสียจริง ๆใบหน้าอวบของเซียนหยีพลันโมโหโชคดีที่มีผ้าขาวบางปิดหน้า "น้องหญิงสาม ข้าหรือไร้มารยาท เป็นพวกนางต่างหากไม่หลบทางผู้อื่นยืนขวางทางข้า หากน้องสามมีตาก็น่าจะรู้ มิใช่มาป้ายความให้พี่สาวอย่างข้าว่าเป็นคนผิด" เซียนหยีเอ่ยเช่นนี้แล้วมุ่งหน้าเข้าห้องเรียนเหล่าคุณหนู คุณชายต่าง ๆ ตกใจมากในสิ่งที่เซียนหยีเอ่ยขึ้นนั้น เป็นความจริง เซียนโหรวไม่เข้าข้างพี่สาว แต่ยังไปเข้าข้างคนอื่นมันใช้ได้ที่ไหนกันเซียนโหรวพลันหน้าบางรีบเดินตามหลังเซียนหยีทันที หลินซีนางเป็นถึงบุตรสาวท่านราชครูหลิน นางเป็นคู่ม้าไ