"พวกเจ้าหลีกทางให้ข้าด้วย" เซียนหยีเอ่ยขอทางอย่างสุภาพ หลินซีพลันมองหน้าหญิงอ้วนนางนี้ที่ปีนเตียงคู่ม้าไผ่เหมยเขียวของนาง อย่างเซียวอ๋อง
เซียนหยีพลันมองสตรีสามคนที่ไม่เข้าใจภาษาคนไม่ยอมถอยให้นาง
"คุณหนูรองเซียน เจ้ายังมีหน้ามาที่สำนักศึกษาหลวงเทียนตี้อยู่อีกรึ" เหตุใดนางจะมาไม่ได้เล่า
"พวกเจ้าช่างไร้สาระเสียจริง" เซียนหยีไม่สนใจสามคนนั้น นางรีบเดินจนชนไหล่ของหลินซี
"พี่หญิงรองทำไมท่านเสียมารยาทเช่นนี้เล่า ชนผู้อื่นแล้วไม่รู้จักขอโทษ มิใช่นิสัยของวิญญูชน" นังน้องสาวสาระแนผู้นี้ ช่างปากเก่งเสียจริง ๆ
ใบหน้าอวบของเซียนหยีพลันโมโหโชคดีที่มีผ้าขาวบางปิดหน้า
"น้องหญิงสาม ข้าหรือไร้มารยาท เป็นพวกนางต่างหากไม่หลบทางผู้อื่นยืนขวางทางข้า หากน้องสามมีตาก็น่าจะรู้ มิใช่มาป้ายความให้พี่สาวอย่างข้าว่าเป็นคนผิด" เซียนหยีเอ่ยเช่นนี้แล้วมุ่งหน้าเข้าห้องเรียน
เหล่าคุณหนู คุณชายต่าง ๆ ตกใจมากในสิ่งที่เซียนหยีเอ่ยขึ้นนั้น เป็นความจริง เซียนโหรวไม่เข้าข้างพี่สาว แต่ยังไปเข้าข้างคนอื่นมันใช้ได้ที่ไหนกัน
เซียนโหรวพลันหน้าบางรีบเดินตามหลังเซียนหยีทันที
หลินซีนางเป็นถึงบุตรสาวท่านราชครูหลิน นางเป็นคู่ม้าไผ่เหมยเขียวเซียวอ๋อง เหตุใดนางถึงต้องมาได้หมั้นกับหยางอ๋อง ลูกของนางสนมชั้นต่ำ เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้
แล้วทำไมนังอ้วนอัปลักษณ์แค่ปีนเตียงเซียวอ๋อง ฮ่องเต้โอวหยางตี้ถึงกับต้องพระราชทานสมรสให้ ทั้งที่ตระกูลเซียนเป็นเจ้ากรมการคลังเท่านั้น
หลินซียิ่งคิดยิ่งแค้น "อาซีพวกเราเข้าเรียนกันเถอะ" หลีหลานกับตงฮวาเอ่ยขึ้น กระนั้นทำให้หลินซีพลันได้สติ นางต้องหาทางให้นังอ้วนอัปลักษณ์ขายหน้า...
วันนี้สำนักศึกษาเปิดเรียนเป็นวันแรกหลังจากหยุดเรียนไปหลายวัน อาจารย์จ้าวที่สอนวิชาวาดภาพมองลูกศิษย์ทุกคนชายหญิงที่แบ่งฝั่งกัน ต่างคนต่างตั้งใจเรียน
"เอาล่ะวันนี้พวกเจ้าก็เปิดเรียนเป็นวันแรก ข้าให้เจ้าวาดภาพมาหนึ่งภาพพร้อมกับบอกความหมายเหตุใดถึงวาดภาพพวกนั้น" อาจารย์จ้าวเอ่ยเจ้า
ลูกศิษย์ทุกคนเตรียมกระดาษกับพู่กันขึ้นมาเตรียมที่จะวาดภาพ
เซียนหยีนั่งคู่เมิ่งชีชี เมิ่งชีชีเป็นบุตรสาวของท่านผู้ตรวจการ เมิ่งฮูหยินเป็นสหายสนิทของเซียนฮูหยิน ในความทรงจำของเซียนหยี เมิ่งชีชีถือว่าเป็นสหายที่ดีเชียวล่ะ
ได้เวลาที่อาจารย์จ้าวจะตรวจภาพแล้ว กระนั้นเหล่าลูกศิษย์จึงรวบรวมภาพวาด มาให้อาจารย์จ้าวหวัน
"ภาพนี้ ดอกไห่ถังร่วงโรยรา มีความหมายว่าอย่างไร หลินซี" อาจารย์จ้าวหวันเรียกชื่อหลินชี พร้อมโชว์ภาพวาดที่งดงามให้เหล่าลูกศิษย์ชายหญิงได้ดูกัน
ทุกสายตาต่างมองไปที่โฉมงามผู้ใดก็รู้ว่าหลินซีเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งต้าโจว เพลงพิณ กวี วาดภาพ หมากล้อม นางล้วนได้ที่หนึ่ง อาจารย์จ้าวหวันหยิบผลงานนางออกมาเป็นคนแรกย่อมให้เห็นว่า เขาชื่นชอบในตัวหลินซีอย่างยิ่ง
"ข้าขอบตอบอาจารย์ ความหมายของข้านั้น คือการรอคนรัก บุรุษให้คนหมั่นสัญญากับสตรี แต่ว่าวันหนึ่งเขาไม่รักษาสัญญา ไปมีหญิงอื่น ไม่ต่างจากภาพวาดนี้ บุปผาย่อมร่วงโรยรา มิสามารถรอเขาได้ต่อไป" หลินซีเอ่ยเป็นนัยยะ มองไปทางเซียนหยี
ตีวัวกระทบคราดชัด ๆ เซียนหยีรู้ว่าหลินซีชื่นชอบในตัวเซียวอ๋องหรือโอวหยางเสียนอย่างมาก แต่จะให้ทำยังไงเล่า
คิดว่านางชอบเจ้าคนเย็นชานั่นนักรึ นั่นมันเจ้าของร่างเดิมที่ตายไปแล้ว ส่วนนางคือวิญญาณโชคร้ายที่เข้ามาในร่างนี้แค่นั้น และทุกสายตาก็กำลังตำหนิเซียนหยีทางอ้อม เซียนโหรวเพียงแค่มองคนอื่นด่าพี่สาวของนางทางสายตา ช่างสาแก่ใจยิ่งนัก
"ดูเหมือนว่านางจะกัดเจ้าไม่ปล่อยนะ เพราะเจ้าได้หมั้นกับเซียวอ๋อง" เมิ่งชีชีพลันมองสหายรักอย่างน่าสงสาร
เซียนหยีมิได้ใส่ใจ
"ภาพวาดคุณหนูหลินงดงามมาก" ทุกคนต่างเอ่ยปากชม อาจารย์จ้าวหวันพลันเห็นด้วย
แต่ทว่าสิ่งที่อาจารย์จ้าวหวันพลันรู้สึกตื่นเต้นนั่นคือ ภาพทหารทำสงครามเสียเลือด ศพกอดเท่าภูเขา
"เซียนหยีเหตุใดเจ้าถึงได้วาดภาพนี้" อาจารย์จ้าวหวันโชว์ภาพให้ทุกคนดู ภาพสงครามนั้นน่ากลัวมาก และก็งดงามมากเช่นกัน พวกเขาไม่คิดว่าหญิงอ้วนที่เอาแต่กินจะมีความสามารถเช่นนี้
"ข้าขอตอบว่า ที่ข้าวาดภาพสงครามนี้ อยากจะให้เราทุกคนในแคว้นต้าโจวพึงตระหนักถึงทหารที่อยู่นอกเมืองที่ทำศึกสงคราม กว่าจะปกป้องดินแดนต้าโจวไว้ได้ พวกเราต้องเสียทหารไปกี่ร้อยศพ ไปกี่พันศพ กระนั้นขอให้พวกเราสามัคคีกัน อย่าได้อิจฉาริษยากันเลย" คำพูดของเซียนหยีมีนัยยะแฝงอยู่เช่นกัน
"ดีมากสหายข้า" เมิ่งชีชีชมสหายไม่คิดว่านางจะวาดภาพได้ดี อีกทั้งบรรยายได้ดีอีกด้วย
อาจารย์จ้าวหวันพลันมองหญิงอ้วนเสียใหม่ เขาไม่คิดเลยว่า เซียนหยีที่เอาแต่กินวันนี้จะพูดจามีเหตุผลช่างแปลกมาก หลินซีจะยอมได้อย่างไร เมื่อนางเคยเป็นที่หนึ่งของห้องเรียนมาตลอด
ยามนี้สายตาอาจารย์จ้าวหวันพลันมองเซียนหยีเปลี่ยนไป
"ดียิ่งนัก" ลูกศิษย์ทุกคนต่างมองอาจารย์ที่ชมนังอ้วนอัปลักษณ์
หลังจากที่อาจารย์จ้าวหวันได้ดูภาพวาดของทุกคนเสร็จแล้ว สรุปว่าเซียนหยีได้สิบคะแนนเต็มนำหน้าเพื่อนร่วมชั้นเรียน
เซียนโหรวพลันโกรธจนเก็บอาการไม่อยู่ หลินซีก็เช่นกัน...
"อาหยี เจ้าเก่งมากจริง ๆ "เมื่อออกมาจากห้องเรียนแล้ว เมิ่งชีชีชมสหายรักอย่างไม่จบสิ้น เซียนหยียามนี้เป็นยามพักเที่ยง ที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปในโรงอาหาร ทุกสายตาจ้องมาที่พวกนางสองคน เซียนหยีคิดว่าต้องมีอะไรผิดปกติเป็นแน่แท้"เหตุใดคนพวกนี้ถึงได้จ้องเจ้ากับข้าอย่างกับพวกเราสองคนไปฆ่าคนตายอย่างนั้นแหละ" เซียนหยีพลันคิดว่าต้องมีอันใดเกิดขึ้นภายในโรงอาหารของสำนักศึกษาหลวงเทียนตี้ หลินซีกับกลุ่มสหายของนาง อย่างตงฮวาและหลีหลานนั่งในโรงอาหารพลันมองหน้าประตูทางเข้าใบหน้าของทั้งสามคนฉายแววชั่วร้าย แน่นอนว่าต้องมีเรื่องราวดี ๆ เกิดขึ้นกับเซียนหยีนังอ้วนอัปลักษณ์อย่างเซียนหยีแน่นอนเซียนหยีกับเมิ่งชีชีเดินมาถึงหน้าโรงอาหารแต่ทว่าหยุดตรงประตูทางเข้า ดูเหมือนว่าคนด้านในนั้นมองอะไรสักอย่าง "พี่หญิงรองหากไม่เข้าไปก็อย่ามาเกะกะขวางทางคนจะไปกินข้าว" เป็นเซียนโหรวกับสหายของนาง อย่างคุณหนูรองเหวินซูลูกอนุเหมือนกัน อีกทั้งเซาเย่บุตรสาวลูกอนุขุนนางขั้นสามทั้งสองคน พวกนางต่างไม่ชอบเซียนหยีอยู่เพราะทั้งโง่และอ้วน แต่ทว่าวันนี้เซียนหยีทำตัวเด่นเป็นพิเศษที่สามารถวาดภาพจนได้คะแนนเต็มสิบ ทำให้พวกนางไม่พอใจหญิง
เซียนหยีพลันมองใบหน้าที่หมองคล้ำของมารดา เซียนฮูหยินเป็นคนหน้าตาดี แต่ทว่าไม่รู้จักดูแลตัวเอง เซียนหยีมองตลับครีมหน้าขาว "ให้ท่านแม่ประทินโฉมเจ้าค่ะ" เซียนฮูหยินพลันมองตลับครีมสีดำ"ขอบใจเจ้ามาก อาหยีพักผ่อนเถอะ แม่ไม่รบกวนแล้ว" เซียนฮูหยินพลันออกจากเรือนบุตรสาว เซียนหยีให้เสี่ยวอิงไปรับอาหารเย็นจากห้องครัวมาให้นาง จากนั้นก็ไล่สาวใช้ออกไปเซียนหยีพลันกินข้าวต้มปลาอิ่ม พอใช้ได้รสชาติมิได้แย่นางพลันมาที่คันฉ่องสีเหลืองทองมองแผลเป็นขนาดใหญ่ใต้คาง ฉีดยาแผนปัจจุบันก็หาย นางดึงตัวยาออกมาจากห้องแล็บจากนั้นพลันฉีดเข้าไปในคาง รู้สึกว่ารอยนูนพลันยุบลง คิดว่าทำทุกวันน่าจะหายไม่เกินหนึ่งเดือน ส่วนน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโล ลดไม่อยากนางกินยาลดน้ำหนักของโลกปัจจุบันที่มีในห้องแล็บ เซียนหยีพลันอาบน้ำในอ่างไม้ จากนั้นนางก็มานอนที่เตียงเตามาร์คหน้าด้วยแผ่นมาร์คอย่างสบายใจ...เช้าวันถัดมาเสี่ยวอิงพลันเข้ามาในเรือนของเจ้านายของนาง"คุณหนูตื่นไปเรียนได้แล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวอิงพลันเดินมาถึงเตียงพบว่ามีบางอย่างติดที่ใบหน้าของเซียนหยี"ผีหลอก!!!" เสียงกรีดร้องของสาวใช้ ทำให้เซียนหยีพลันลืมตาขึ้นมา "เสี่ยวอิงเ
"นังอ้วนสารเลว กล้ามาก กล้าปีนเตียงเซียวอ๋อง" ใบหน้าอวบอ้วนโดนตบจนแดงก่ำ เซียนหยีพลันรู้สึกตัวพบว่าตัวนางโดนอีบ่าวชั่วสองคนนั้นจับตัวไว้นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนี่ เธอจำได้ว่าเธออยู่ในห้องวิทยาศาสตร์มิใช่รึ เธอเป็นหมอทดลองยาชีวะในห้องต้องการหาตัวยาใหม่ไปรักษาโรคของคนไข้แล้วไหนมาโผล่โลกแห่งนี้ได้ล่ะ สตรีใบหน้างามล้ำสวมชุดฟ้ากำลังจะตบที่ใบหน้าอวบของเซียนหยีอีกครั้ง"คุณหนูตบบ่าวได้อย่างไรเจ้าคะ" สาวใช้ทั้งสองคนโดนเซียนโหรวตบเพราะเซียนหยีหลบทัน"นังสารเลวกล้าหลบข้า" เซียนโหรวหมายจะตบพี่รองของนางตุบ !!! เท้าอวบถีบเข้าหน้าท้องของเซียนโหรวอย่างแรง"คุณหนูสาม" บ่าวสองคนรีบมาดูเซียนโหรวทันที เซียนโหรวไม่คิดว่านังอ้วนสารเลวแรงจะเยอะเพียงนี้"แล้วอย่างไร ข้าสารเลวแล้วอย่างไร ลูกเมียน้อยอย่างเจ้ากล้าตบลูกเมียเอกอย่างข้ารึ" เซียนหยีไม่ยอมให้ผู้ใดเอาเปรียบนาง ตีนางหนึ่งครั้ง นางจะสนองคืนหมื่นเท่า"เจ้าอย่าเข้ามานะ" เซียนโหรวมองพี่สาวลูกภรรยาเอกกระชากศีรษะสาวใช้ทั้งสองคนแล้วถีบลงพื้น สาวใช้กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด"อย่ารึ ตอนที่เจ้ากับสาวใช้รังแกข้าก่อนหน้านี้ ข้าขอร้องเจ้า ทำไมเจ้าไม่หยุด" เซียน
"อาหยี ของหวานที่เจ้าชอบ เจ้ากินเสียสิ แม่ลงมือเข้าครัวทำให้เจ้าเองเชียวนะ" เซียนฮูหยินยิ้มให้บุตรสาว"ท่านแม่ข้าอ้วนขนาดนี้ ท่านยังจะให้ข้ากินของหวานพวกนี้อีก" เซียนหยีอารมณ์เสียแล้ว นึกชังมารดา สรรหาแต่ของหวานมาให้เจ้าของร่างเดิมกินเซียนฮูหยินตกใจกับคำพูดบุตรสาว แต่ก่อนบุตรสาวของนางชอบขนมหวานมิใช่รึ"ข้าจะให้บ่าวเอาไปทิ้ง""ท่านแม่อีกอย่าง อย่าทำขนมหวานให้ข้ากินอีกนะ แล้วใบหน้าข้ามีแผลเป็นได้ยังไง" รอยแผลเป็นตรงคางมาจากไหนนี่คือสิ่งที่เซียนหยีต้องการคำตอบ ภาพเซียนหยีตอนเด็กผุดขึ้นมา นางจำได้ว่าเมื่อตอนเด็กเซียนหยี หุ่นดีและใบหน้างดงามเหตุใดถึงกลายเป็นหญิงอ้วนอัปลักษณ์ไปได้เล่าเซียนฮูหยินพลันนั่งคิดเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นบุตรสาวของนางอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น"ตอนนั้น เจ้าเล่นกันพี่ใหญ่น้องสาม ทำให้เจ้าลื่นล้มใบหน้ากระทบกับภูเขาจำลอง อีกทั้งระยะเวลาไล่เลี่ยกัน เจ้าป่วยไข้ มีท่านหมอมารักษาเจ้า หลังจากนั้น เจ้าก็อ้วนขึ้น อีกทั้งใบหน้าของเจ้ารักษาไม่หาย" เป็นเช่นนี้นี่เอง เรื่องใบหน้า เซียนหยีมิได้กังวลนางรักษาใบหน้าของนางได้ เนื่องจากว่าห้องยาวิจัยทะลุมิติมาพร้อมกับนาง"ท่านแม่ วันพรุ