เช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าดูมืดครึ้มเหมือนกับสถานการณ์ที่ซาเอบะและหลินหลินต้องเผชิญ หลินหลินลืมตาตื่นขึ้นมาบนโซฟา สายลมเย็นพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เธอรู้สึกหนาว เธอหันไปมองซาเอบะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหมือนเมื่อคืน เขายังคงตั้งใจตรวจสอบแผนที่และเบาะแสต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ“นอนไม่หลับเหรอคะ?” หลินหลินถามขณะลุกขึ้นบิดขี้เกียจซาเอบะเงยหน้าขึ้นและยิ้มเล็กน้อย “ฉันเคยชินกับการทำงานแบบนี้แล้ว ไม่ต้องห่วง”หลินหลินพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง แม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับการที่ต้องเดินเท้าเป็นระยะทางไกล แต่เธอก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อทั้งสองคนรวบรวมอุปกรณ์ที่จำเป็นเล็กน้อยเพื่อให้การเดินทางไม่ลำบากมากนัก หลังจากนั้นซาเอบะและหลินหลินก็ออกจากสำนักงานนักสืบอย่างระมัดระวัง โดยไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นี่ท้องถนนในเมืองตอนเช้าค่อนข้างเงียบ มีเพียงเสียงเครื่องยนต์จากรถที่แล่นผ่านไปบางครั้ง ซาเอบะพาหลินหลินเดินไปตามตรอกซอยเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนผ่าน เพื่อหลบเลี่ยงการสังเกตของพวกศัตรูที่อาจจะตามมา“คุณคิดว่าเราจะไปถึงบ้านของคนที่คุณบอกได้ไหมคะ?” หลินหลินถามขณะเดินตามซ
เมื่อออกจากหมู่บ้านมาได้ไม่นาน ซาเอบะและหลินหลินก็ยังคงเดินทางต่อด้วยความเร่งรีบ เส้นทางขรุขระที่พวกเขาต้องผ่านเป็นถนนแคบๆ แถบชานเมืองซึ่งมุ่งหน้าไปยังที่ซ่อนของอดีตสมาชิกกลุ่มโทโมะที่พวกเขาตั้งใจจะไปพบ ซาเอบะบอกว่าชายคนนี้เคยมีข้อมูลลับของโทโมะ ซึ่งอาจช่วยให้พวกเขาหาทางหยุดยั้งการตามล่าได้“เราจะถึงบ้านเขาในอีกไม่กี่ชั่วโมง” ซาเอบะพูด ขณะมองแผนที่ด้วยแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ หลินหลินพยักหน้า แม้จะรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากคนที่รู้เบื้องลึกของกลุ่มโทโมะนั้นทำให้เธอมีแรงก้าวเดินต่อ“คุณแน่ใจใช่ไหมคะว่าเขาจะยอมช่วยเรา?” หลินหลินถามเสียงเบา ขณะที่พวกเขาเดินผ่านถนนเล็กๆ ที่เงียบสงัด ต้นไม้สองข้างทางขยับไหวไปตามแรงลมเย็นในยามค่ำ“ไม่แน่ใจหรอก” ซาเอบะตอบตรงไปตรงมา “แต่เขาเป็นหนึ่งในคนที่เคยถูกโทโมะหักหลัง ถ้าเราโชคดี เขาอาจจะอยากแก้แค้นเหมือนกัน”หลินหลินถอนหายใจเบาๆ เธอรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เปราะบางมาก ไม่มีใครที่พวกเขาไว้ใจได้เต็มที่ ทุกคนต่างมีความเสี่ยงและเป้าหมายของตัวเอง แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้ว่านี่เป็นหนทางเดียวที่พวกเขามีอยู่ในตอนนี้สองคนเดินทางด้วยคว
ในขณะที่ซาเอบะและหลินหลินนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ชายคนนั้นเปิดแฟ้มเอกสารเก่าๆ บนโต๊ะแล้วเริ่มคัดเลือกบางสิ่งออกมา เอกสารเหล่านั้นมีคราบเหลืองจากความเก่า และบางแผ่นยังมีรอยน้ำที่ทำให้ข้อความเลอะเลือน แต่ที่สำคัญคือข้อมูลเกี่ยวกับโทโมะและกลุ่มของเขา“นี่คือข้อมูลที่ฉันรวบรวมได้ตอนที่ยังทำงานกับพวกมัน” ชายคนนั้นพูดพลางส่งแฟ้มเอกสารให้ซาเอบะ เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เปิดแฟ้มและพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในนั้นข้อมูลในแฟ้มเอกสารเผยให้เห็นเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มโทโมะ ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางกว่าที่พวกเขาคิด โทโมะไม่ใช่แค่คนที่พวกเขาเห็นอยู่เบื้องหน้า เขามีกลุ่มสนับสนุนและลูกน้องที่ทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังเป็นจำนวนมาก ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พวกเขาเห็นแผนการใหญ่ที่ซ่อนอยู่“แล้วทำไมคุณถึงช่วยเราครับ?” หลินหลินถามอย่างสงสัยชายคนนั้นหันมามองหลินหลินด้วยสายตาหนักอึ้ง “ฉันเคยเป็นหนึ่งในพวกมัน และฉันก็เคยเชื่อในสิ่งที่พวกมันทำ จนกระทั่งโทโมะหักหลังฉัน…” เขาหยุดพูดชั่วขณะเหมือนจะรำลึกถึงอดีตที่เจ็บปวด “ตอนนั้นมันสัญญาว่าจะช่วยปกป้องครอบครัวของฉัน แลกกับการที่ฉันจะให้ข้อมูลเกี
ซาเอบะและหลินหลินเดินต่อไปท่ามกลางความมืดที่เงียบงัน ถนนแถบชานเมืองดูร้างไร้ผู้คน ยิ่งเข้าใกล้คลังอาวุธลับของโทโมะมากขึ้น ความรู้สึกกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม สองคนยังคงเดินไปอย่างระวัง เพราะรู้ดีว่าทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง “นายคิดว่าข้างในจะมีอะไรอยู่บ้าง?” หลินหลินถามเบาๆ สายตาของเธอกวาดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง “คงมีพวกคนของโทโมะเฝ้าอยู่ แต่ไม่รู้จำนวนเท่าไหร่” ซาเอบะตอบด้วยเสียงเรียบๆ “แล้วก็ข้อมูลที่เราต้องการ ถ้าเราสามารถทำลายมันได้ เราจะตัดเส้นทางของโทโมะไปได้เยอะ” “แต่พวกเรามีกันแค่สองคน…” หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ซาเอบะหยุดเดินและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มบางๆ “ไม่ต้องห่วง เราจะผ่านมันไปได้เหมือนที่เคยทำมา” หลินหลินยิ้มตอบ แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอก็เชื่อมั่นในซาเอบะ การที่เขาอยู่เคียงข้างทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยแม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เมื่อทั้งสองเดินมาถึงจุดที่ชายคนนั้นบอก พวกเขาก็พบกับอาคารร้างที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่ซาเอบะรู้ดีว่านี่คือกับดัก ข้างในต้องมีพวกของโทโมะซ่อนตัวอยู่ เขากับหลินหลินหาที่หลบในมุมมืดเพื่อสังเกตการณ์ก่อนเข้าไป “เราต้องระวัง อย่าพรวดพราด
แสงจันทร์ส่องผ่านเมฆบางเบา ทำให้คืนที่มืดมิดดูไม่มืดมนเท่าไรนัก ซาเอบะและหลินหลินยังคงวิ่งต่อไปบนเส้นทางที่ทอดยาวผ่านป่า พวกเขารู้ดีว่าเวลาของพวกเขามีน้อย เพราะเสียงสัญญาณเตือนจากคลังอาวุธของโทโมะได้ดังก้องไปทั่ว และไม่ช้าก็เร็วพวกของโทโมะจะตามมาถึง “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว” ซาเอบะพูดขณะหันมามองหลินหลินที่วิ่งอยู่ข้างๆ เขา หลินหลินพยักหน้าแม้จะหอบเหนื่อย ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดพักได้ในตอนนี้ ขณะที่วิ่ง หลินหลินก็เหลือบมองไปที่แฟลชไดร์ฟที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ ภายในนั้นมีข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยพวกเขาได้ในการโค่นโทโมะ แต่ยังไม่มีเวลาให้พวกเขาตรวจสอบหรือวางแผนใดๆ “ซาเอบะ เราจะไปทางไหนต่อ?” หลินหลินถามอย่างกังวล “ที่ปลอดภัยที่สุดตอนนี้คือที่สำนักงานของฉัน” ซาเอบะตอบ “แต่เส้นทางไปยังตัวเมืองยังอีกไกล และเราต้องผ่านพื้นที่ที่อาจมีคนของโทโมะซุ่มอยู่” หลินหลินถอนหายใจเบาๆ “ถ้าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับพวกมันอีก ฉันไม่มั่นใจว่าจะไหว…” ซาเอบะหยุดวิ่งและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “เธอทำได้ดีมาก หลินหลิน ตอนนี้เราก็ต้องก้าวต่อไป เรามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ” “แต
เมื่อซาเอบะและหลินหลินเข้าใกล้สำนักงานนักสืบที่ตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบของตัวเมือง บรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปจากการเผชิญอันตรายกลางป่ามาเป็นความเงียบที่เย็นเยือก ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ไม่มีความเคลื่อนไหวของผู้คนในบริเวณนั้น ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกถึงความกดดันที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบงันนี้“รู้สึกว่ามันเงียบเกินไปไหม?” หลินหลินถามพลางเหลือบมองไปรอบๆ หวาดระแวงถึงอันตรายที่อาจซ่อนอยู่ซาเอบะยืนนิ่งครู่หนึ่ง ใช้สายตาสอดส่องทั่วบริเวณก่อนตอบ “ใช่ มันเงียบเกินไป… แต่เราไม่มีทางเลือก เราต้องไปต่อ”ทั้งสองค่อยๆ ย่องไปยังสำนักงานของซาเอบะที่ตั้งอยู่ในมุมของถนนเล็กๆ แสงไฟนีออนสีเหลืองจากร้านค้าในละแวกนั้นยังคงส่องสว่าง แต่ไม่มีร่องรอยของผู้คน ซาเอบะหยุดที่มุมตึกก่อนจะหันไปมองหลินหลิน “รออยู่ตรงนี้ก่อน ฉันจะไปดูว่าในสำนักงานปลอดภัยหรือไม่”“นายแน่ใจนะ?” หลินหลินถามด้วยความกังวล“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ซาเอบะตอบก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปใกล้ประตูสำนักงาน นักสืบหนุ่มใช้ทักษะที่เขาฝึกฝนมาหลายปีในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกว่ามีใครแปลกปลอมเข้ามาในสำนักงาน เขาหันกลับไปพยั
ซาเอบะและหลินหลินพุ่งตัวขึ้นไปบนบันไดเหล็กแคบ ๆ ที่ทอดตัวสู่หลังคาตึกอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของคนไล่ล่าดังก้องอยู่เบื้องล่าง ในใจของทั้งคู่ไม่มีเวลาสำหรับความกลัวหรือลังเลใด ๆ พวกเขารู้ดีว่าหากพลาดเพียงเสี้ยววินาที ชีวิตของพวกเขาอาจจะจบลงได้ในที่แห่งนี้“ขึ้นไปเร็ว!” ซาเอบะหันมามองหลินหลินที่กำลังปีนตามหลังเขาอย่างไม่ลดละ เขาดึงมือเธอขึ้นมาเมื่อถึงจุดที่บันไดจบลงบนหลังคา ด้านบนเป็นพื้นที่แคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยท่อเหล็กและถังน้ำลมเย็นจากความสูงปะทะใบหน้าของทั้งสองคน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำหนาทึบ สถานการณ์เหมือนทุกอย่างกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้า“เราจะไปทางไหนต่อ?” หลินหลินถามเสียงหอบ“ไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว เราต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ก่อนที่พวกมันจะตามขึ้นมา” ซาเอบะตอบ เขากวาดสายตามองหาทางลงจากตึกนี้อย่างรวดเร็วเสียงฝีเท้าและคำสั่งตะโกนดังก้องขึ้นมาจากบันได เสียงปืนดังสนั่นจากด้านล่าง เหล่ามือปืนของโทโมะเริ่มกราดยิงขึ้นมาเพื่อบีบให้ทั้งสองคนจนมุม ซาเอบะพาหลินหลินหมอบลงหลังถังน้ำเพื่อหลบกระสุนที่บินว่อนไปทั่ว“ซาเอบะ!” หลินหลินเรียกเสียงสั่นเล็กน้อย“ใจเย็น ๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรแน่
ซาเอบะและหลินหลินพยายามเร่งฝีเท้าลงบันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม เสียงฝีเท้าของคนไล่ล่าดังไม่ไกลจากพวกเขา แต่ทุกก้าวที่ทั้งคู่ก้าวลงไปก็หมายถึงการเข้าใกล้ทางรอดมากขึ้นหลินหลินพยายามรวบรวมสติ มือเธอกำราวบันไดแน่น ขณะที่ซาเอบะคอยระวังข้างหลังตลอดเวลา เมื่อถึงชั้นล่างสุด เขาผลักประตูเหล็กที่เปิดออกไปสู่ตรอกมืด ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอับของความชื้น“ออกมาได้แล้ว!” ซาเอบะเร่ง พร้อมกับจับมือหลินหลินออกไปจากบันไดหนีไฟ ข้างนอกเป็นตรอกแคบ ๆ ที่ถูกล้อมด้วยตึกสูง พวกเขาพยายามหาทางมุดออกไปจากตรอกนี้ให้ได้เร็วที่สุดแสงไฟจากหน้าต่างด้านบนส่องสลัว ๆ พอให้มองเห็นทางเดิน แต่ก็มีความเงียบสงัดที่แฝงด้วยความอันตราย“เราจะไปที่ไหนต่อ?” หลินหลินถาม ขณะที่วิ่งตามซาเอบะไป พยายามหาทางหลบซ่อนซาเอบะคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจ “เราไปที่พักของเธอเถอะ มันน่าจะปลอดภัยกว่าที่อื่น ถ้าเราอยู่ในที่ที่คนรู้จักเรา อาจจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการถูกจับได้”หลินหลินหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันมีที่ซ่อนตัวที่ค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งไม่น่าจะมีใครรู้จัก นั่นคือห้องที่แม่ของฉันให้เช่าอยู่ในแถบชานเมือง”