ในขณะที่ซาเอบะและหลินหลินนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ชายคนนั้นเปิดแฟ้มเอกสารเก่าๆ บนโต๊ะแล้วเริ่มคัดเลือกบางสิ่งออกมา เอกสารเหล่านั้นมีคราบเหลืองจากความเก่า และบางแผ่นยังมีรอยน้ำที่ทำให้ข้อความเลอะเลือน แต่ที่สำคัญคือข้อมูลเกี่ยวกับโทโมะและกลุ่มของเขา“นี่คือข้อมูลที่ฉันรวบรวมได้ตอนที่ยังทำงานกับพวกมัน” ชายคนนั้นพูดพลางส่งแฟ้มเอกสารให้ซาเอบะ เขามองไปที่ชายคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ขณะที่เปิดแฟ้มและพิจารณาข้อมูลต่างๆ ที่อยู่ในนั้นข้อมูลในแฟ้มเอกสารเผยให้เห็นเบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มโทโมะ ซึ่งมีเครือข่ายกว้างขวางกว่าที่พวกเขาคิด โทโมะไม่ใช่แค่คนที่พวกเขาเห็นอยู่เบื้องหน้า เขามีกลุ่มสนับสนุนและลูกน้องที่ทำงานเงียบๆ อยู่เบื้องหลังเป็นจำนวนมาก ข้อมูลเหล่านี้ทำให้พวกเขาเห็นแผนการใหญ่ที่ซ่อนอยู่“แล้วทำไมคุณถึงช่วยเราครับ?” หลินหลินถามอย่างสงสัยชายคนนั้นหันมามองหลินหลินด้วยสายตาหนักอึ้ง “ฉันเคยเป็นหนึ่งในพวกมัน และฉันก็เคยเชื่อในสิ่งที่พวกมันทำ จนกระทั่งโทโมะหักหลังฉัน…” เขาหยุดพูดชั่วขณะเหมือนจะรำลึกถึงอดีตที่เจ็บปวด “ตอนนั้นมันสัญญาว่าจะช่วยปกป้องครอบครัวของฉัน แลกกับการที่ฉันจะให้ข้อมูลเกี
ซาเอบะและหลินหลินเดินต่อไปท่ามกลางความมืดที่เงียบงัน ถนนแถบชานเมืองดูร้างไร้ผู้คน ยิ่งเข้าใกล้คลังอาวุธลับของโทโมะมากขึ้น ความรู้สึกกดดันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นตาม สองคนยังคงเดินไปอย่างระวัง เพราะรู้ดีว่าทุกย่างก้าวคือความเสี่ยง “นายคิดว่าข้างในจะมีอะไรอยู่บ้าง?” หลินหลินถามเบาๆ สายตาของเธอกวาดมองรอบๆ อย่างระแวดระวัง “คงมีพวกคนของโทโมะเฝ้าอยู่ แต่ไม่รู้จำนวนเท่าไหร่” ซาเอบะตอบด้วยเสียงเรียบๆ “แล้วก็ข้อมูลที่เราต้องการ ถ้าเราสามารถทำลายมันได้ เราจะตัดเส้นทางของโทโมะไปได้เยอะ” “แต่พวกเรามีกันแค่สองคน…” หลินหลินพูดด้วยน้ำเสียงกังวล ซาเอบะหยุดเดินและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มบางๆ “ไม่ต้องห่วง เราจะผ่านมันไปได้เหมือนที่เคยทำมา” หลินหลินยิ้มตอบ แม้จะรู้สึกกลัวแต่เธอก็เชื่อมั่นในซาเอบะ การที่เขาอยู่เคียงข้างทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยแม้ว่าสถานการณ์จะยากลำบากแค่ไหนก็ตาม เมื่อทั้งสองเดินมาถึงจุดที่ชายคนนั้นบอก พวกเขาก็พบกับอาคารร้างที่ดูเหมือนไม่มีใครอยู่ แต่ซาเอบะรู้ดีว่านี่คือกับดัก ข้างในต้องมีพวกของโทโมะซ่อนตัวอยู่ เขากับหลินหลินหาที่หลบในมุมมืดเพื่อสังเกตการณ์ก่อนเข้าไป “เราต้องระวัง อย่าพรวดพราด
แสงจันทร์ส่องผ่านเมฆบางเบา ทำให้คืนที่มืดมิดดูไม่มืดมนเท่าไรนัก ซาเอบะและหลินหลินยังคงวิ่งต่อไปบนเส้นทางที่ทอดยาวผ่านป่า พวกเขารู้ดีว่าเวลาของพวกเขามีน้อย เพราะเสียงสัญญาณเตือนจากคลังอาวุธของโทโมะได้ดังก้องไปทั่ว และไม่ช้าก็เร็วพวกของโทโมะจะตามมาถึง “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่โดยเร็ว” ซาเอบะพูดขณะหันมามองหลินหลินที่วิ่งอยู่ข้างๆ เขา หลินหลินพยักหน้าแม้จะหอบเหนื่อย ทั้งสองรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหยุดพักได้ในตอนนี้ ขณะที่วิ่ง หลินหลินก็เหลือบมองไปที่แฟลชไดร์ฟที่อยู่ในกระเป๋าของเธอ ภายในนั้นมีข้อมูลสำคัญที่อาจช่วยพวกเขาได้ในการโค่นโทโมะ แต่ยังไม่มีเวลาให้พวกเขาตรวจสอบหรือวางแผนใดๆ “ซาเอบะ เราจะไปทางไหนต่อ?” หลินหลินถามอย่างกังวล “ที่ปลอดภัยที่สุดตอนนี้คือที่สำนักงานของฉัน” ซาเอบะตอบ “แต่เส้นทางไปยังตัวเมืองยังอีกไกล และเราต้องผ่านพื้นที่ที่อาจมีคนของโทโมะซุ่มอยู่” หลินหลินถอนหายใจเบาๆ “ถ้าต้องกลับไปเผชิญหน้ากับพวกมันอีก ฉันไม่มั่นใจว่าจะไหว…” ซาเอบะหยุดวิ่งและหันมามองหลินหลิน เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน “เธอทำได้ดีมาก หลินหลิน ตอนนี้เราก็ต้องก้าวต่อไป เรามาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ” “แต
เมื่อซาเอบะและหลินหลินเข้าใกล้สำนักงานนักสืบที่ตั้งอยู่ในย่านเงียบสงบของตัวเมือง บรรยากาศรอบข้างเริ่มเปลี่ยนไปจากการเผชิญอันตรายกลางป่ามาเป็นความเงียบที่เย็นเยือก ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ ไม่มีความเคลื่อนไหวของผู้คนในบริเวณนั้น ทั้งสองคนเริ่มรู้สึกถึงความกดดันที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความสงบงันนี้“รู้สึกว่ามันเงียบเกินไปไหม?” หลินหลินถามพลางเหลือบมองไปรอบๆ หวาดระแวงถึงอันตรายที่อาจซ่อนอยู่ซาเอบะยืนนิ่งครู่หนึ่ง ใช้สายตาสอดส่องทั่วบริเวณก่อนตอบ “ใช่ มันเงียบเกินไป… แต่เราไม่มีทางเลือก เราต้องไปต่อ”ทั้งสองค่อยๆ ย่องไปยังสำนักงานของซาเอบะที่ตั้งอยู่ในมุมของถนนเล็กๆ แสงไฟนีออนสีเหลืองจากร้านค้าในละแวกนั้นยังคงส่องสว่าง แต่ไม่มีร่องรอยของผู้คน ซาเอบะหยุดที่มุมตึกก่อนจะหันไปมองหลินหลิน “รออยู่ตรงนี้ก่อน ฉันจะไปดูว่าในสำนักงานปลอดภัยหรือไม่”“นายแน่ใจนะ?” หลินหลินถามด้วยความกังวล“ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเสี่ยงโดยไม่จำเป็น” ซาเอบะตอบก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปใกล้ประตูสำนักงาน นักสืบหนุ่มใช้ทักษะที่เขาฝึกฝนมาหลายปีในการตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบตัว ไม่มีร่องรอยที่บ่งบอกว่ามีใครแปลกปลอมเข้ามาในสำนักงาน เขาหันกลับไปพยั
ซาเอบะและหลินหลินพุ่งตัวขึ้นไปบนบันไดเหล็กแคบ ๆ ที่ทอดตัวสู่หลังคาตึกอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของคนไล่ล่าดังก้องอยู่เบื้องล่าง ในใจของทั้งคู่ไม่มีเวลาสำหรับความกลัวหรือลังเลใด ๆ พวกเขารู้ดีว่าหากพลาดเพียงเสี้ยววินาที ชีวิตของพวกเขาอาจจะจบลงได้ในที่แห่งนี้“ขึ้นไปเร็ว!” ซาเอบะหันมามองหลินหลินที่กำลังปีนตามหลังเขาอย่างไม่ลดละ เขาดึงมือเธอขึ้นมาเมื่อถึงจุดที่บันไดจบลงบนหลังคา ด้านบนเป็นพื้นที่แคบ ๆ ที่เต็มไปด้วยท่อเหล็กและถังน้ำลมเย็นจากความสูงปะทะใบหน้าของทั้งสองคน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำหนาทึบ สถานการณ์เหมือนทุกอย่างกำลังจะระเบิดออกมาในไม่ช้า“เราจะไปทางไหนต่อ?” หลินหลินถามเสียงหอบ“ไม่มีเวลาให้คิดมากแล้ว เราต้องหาทางหนีออกไปให้ได้ก่อนที่พวกมันจะตามขึ้นมา” ซาเอบะตอบ เขากวาดสายตามองหาทางลงจากตึกนี้อย่างรวดเร็วเสียงฝีเท้าและคำสั่งตะโกนดังก้องขึ้นมาจากบันได เสียงปืนดังสนั่นจากด้านล่าง เหล่ามือปืนของโทโมะเริ่มกราดยิงขึ้นมาเพื่อบีบให้ทั้งสองคนจนมุม ซาเอบะพาหลินหลินหมอบลงหลังถังน้ำเพื่อหลบกระสุนที่บินว่อนไปทั่ว“ซาเอบะ!” หลินหลินเรียกเสียงสั่นเล็กน้อย“ใจเย็น ๆ ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรแน่
ซาเอบะและหลินหลินพยายามเร่งฝีเท้าลงบันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม เสียงฝีเท้าของคนไล่ล่าดังไม่ไกลจากพวกเขา แต่ทุกก้าวที่ทั้งคู่ก้าวลงไปก็หมายถึงการเข้าใกล้ทางรอดมากขึ้นหลินหลินพยายามรวบรวมสติ มือเธอกำราวบันไดแน่น ขณะที่ซาเอบะคอยระวังข้างหลังตลอดเวลา เมื่อถึงชั้นล่างสุด เขาผลักประตูเหล็กที่เปิดออกไปสู่ตรอกมืด ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอับของความชื้น“ออกมาได้แล้ว!” ซาเอบะเร่ง พร้อมกับจับมือหลินหลินออกไปจากบันไดหนีไฟ ข้างนอกเป็นตรอกแคบ ๆ ที่ถูกล้อมด้วยตึกสูง พวกเขาพยายามหาทางมุดออกไปจากตรอกนี้ให้ได้เร็วที่สุดแสงไฟจากหน้าต่างด้านบนส่องสลัว ๆ พอให้มองเห็นทางเดิน แต่ก็มีความเงียบสงัดที่แฝงด้วยความอันตราย“เราจะไปที่ไหนต่อ?” หลินหลินถาม ขณะที่วิ่งตามซาเอบะไป พยายามหาทางหลบซ่อนซาเอบะคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจ “เราไปที่พักของเธอเถอะ มันน่าจะปลอดภัยกว่าที่อื่น ถ้าเราอยู่ในที่ที่คนรู้จักเรา อาจจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการถูกจับได้”หลินหลินหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันมีที่ซ่อนตัวที่ค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งไม่น่าจะมีใครรู้จัก นั่นคือห้องที่แม่ของฉันให้เช่าอยู่ในแถบชานเมือง”
เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากที่ทั้งสองได้วางแผนในห้องพักของหลินหลินมาหลายชั่วโมง สภาพอากาศที่อบอ้าวทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้า ซาเอบะหันไปมองหลินหลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน แต่แฝงไปด้วยความตั้งใจที่เต็มเปี่ยม“เราควรพักบ้างนะ หลินหลิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะที่ยิ้มให้กับเธอ “อาจจะอาบน้ำและผ่อนคลายสักหน่อย”“ใช่ค่ะ ฉันก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี” หลินหลินตอบ และเธอก็ลุกขึ้นยืนเพื่อไปที่ห้องน้ำซาเอบะมองตามหลินหลินไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจ เขารู้สึกตื่นเต้นและประหม่าในเวลาเดียวกัน ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมาเริ่มทำให้เขาตระหนักถึงความรู้สึกที่มากกว่ามิตรภาพหลังจากที่หลินหลินอาบน้ำเสร็จ เธอออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันตัวอยู่ และผมยังเปียกอยู่ที่ปลาย กำลังเช็ดมันให้แห้งก่อนจะรวบขึ้นเป็นทรงง่าย ๆ ดูมีเสน่ห์ในความเรียบง่ายนั้น ซาเอบะรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นเธอ“ต่อไปเป็นทีของฉัน” เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้หลินหลิน และเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่อาบน้ำ ซาเอบะรู้สึกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักกัน เขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์จะพั
หลังจากช่วงเวลาที่พวกเขาได้พักผ่อนในห้องพักของหลินหลินและความรู้สึกที่เริ่มผลิบานในหัวใจของทั้งคู่ ก็ถึงเวลาที่ทั้งสองต้องเผชิญกับความจริงอีกครั้ง เสียงเคาะเบาๆ ที่หน้าประตูห้องทำให้พวกเขาตื่นตัว หลินหลินขมวดคิ้ว ขณะที่ซาเอบะรีบลุกขึ้นยืน พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครมาเยี่ยมเยือน“ใครกันนะ?” หลินหลินถามอย่างสงสัยซาเอบะส่งสัญญาณให้เธอเงียบ และเดินไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ ก่อนจะค่อย ๆ แง้มประตูออกมาดู แต่เมื่อมองผ่านรูเล็ก ๆ เขาก็พบว่าทางเดินนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครยืนอยู่ที่นั่น“ไม่มีใครอยู่” เขากระซิบกลับมา“แปลกนะ ฉันได้ยินเสียงเหมือนมีคนเคาะชัดเจน” หลินหลินพูดด้วยความงุนงงซาเอบะไม่ปล่อยให้ความประหลาดใจครอบงำความคิดของเขา เขาตัดสินใจเปิดประตูออกมาเต็มที่ และก้าวออกไปยังทางเดินหน้าห้องเพื่อดูรอบ ๆ ทันทีที่เขาออกไป กลิ่นอับของลมหนาวในตอนกลางคืนพัดเข้ามาทันที ทางเดินว่างเปล่า แต่ความรู้สึกไม่สบายใจก็เริ่มแผ่กระจายอยู่ในอากาศ“ไม่มีอะไรผิดปกติ” ซาเอบะบอกขณะปิดประตูและกลับเข้ามาในห้อง“คุณคิดว่าเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลินหลินถาม น้ำเสียงของเธอยังแฝงไปด้วยความกังวล“อ