หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมงผ่านตรอกซอยต่างๆ ที่เงียบสงัด ทั้งสองคนก็หยุดพักใต้สะพานเล็กๆ ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำ พวกเขานั่งลงบนม้านั่งไม้เก่าๆ หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ในความเหนื่อยนั้นก็แฝงไปด้วยความโล่งใจ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ถูกตามเจอซาเอบะนั่งพิงหลังกับผนังสะพาน ขณะที่หลินหลินนั่งข้างๆ เขา เธอห่อไหล่เพราะความหนาวจากลมเย็นที่พัดผ่าน ซาเอบะสังเกตเห็น เธอดึงเสื้อโค้ทเข้าหาตัวเพื่อสร้างความอบอุ่นมากขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรมาก“คุณหนาวหรือเปล่า?” ซาเอบะถาม พลางลุกขึ้นถอดแจ็กเก็ตของเขาออกแล้วคลุมให้เธอ“ไม่เป็นไรค่ะ คุณใส่ไว้เถอะ” หลินหลินตอบ แต่ซาเอบะไม่ยอม เขาดันแจ็กเก็ตนั้นเข้ามาให้เธอจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้ หลินหลินรับมันมาแล้วคลุมตัวไว้ ความอบอุ่นจากเสื้อของซาเอบะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา ขณะที่หันไปมองซาเอบะที่กำลังพิงหัวกับผนังและหลับตา“พักซะหน่อยเถอะ” เขาพูดพลางยิ้มบางๆ “เราอาจต้องเดินทางต่ออีกนาน”หลินหลินพยักหน้า แม้เธอจะไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าที่ควร เพราะหัวใจของเธอยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา การหลบหนีจากกลุ่มขอ
ซาเอบะกับหลินหลินยืนอยู่หน้าประตูไม้เก่าๆ ที่ค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นชายวัยกลางคนในชุดเสื้อยืดลายเก่าที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมายาวนาน ใบหน้าของเขายับย่นและมีแผลเป็นหลายจุดที่บ่งบอกถึงอดีตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขามองซาเอบะด้วยสายตาที่ระแวดระวัง ก่อนจะก้าวออกมาเพื่อทักทาย“ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่านายจะมาหาฉันในสักวัน” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ขณะที่ดวงตาของเขากวาดไปมองหลินหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ ซาเอบะ “แต่ฉันไม่คิดว่านายจะมีเพื่อนร่วมทางมาด้วย”“นี่คือหลินหลิน” ซาเอบะแนะนำ “เธอเป็นคนสำคัญที่ฉันต้องดูแล และตอนนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากนาย”ชายคนนั้นพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน “เข้ามาข้างในก่อน” เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ที่นี่ปลอดภัยพอสมควรสำหรับตอนนี้”ซาเอบะกับหลินหลินเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ห้องที่พวกเขาเข้ามาเป็นห้องรับแขกที่มีเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ เพียงไม่กี่ชิ้น โต๊ะไม้ตรงกลางเต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือกองพะเนิน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ขณะที่หลินหลินนั่งลงข้างๆ เขา“ชื่อของคุณคืออะไรคะ?” หลินหลินถามด้วยความอยากรู้ ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
การเดินทางไปที่พักของหลินหลินผ่านเส้นทางเงียบสงบ เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหลือเพียงแสงจันทร์อันเบาบางที่ส่องสว่างทางเดินของพวกเขา ซาเอบะและหลินหลินเดินเคียงข้างกันอย่างเงียบ ๆ แต่ในความเงียบงันนั้น ต่างคนต่างก็คิดถึงสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในอนาคตที่พักของหลินหลินเป็นบ้านอีกหลังที่เธอไม่ค่อยได้อยู่ ตั้งอยู่ในตรอกซอยเล็ก ๆ ซึ่งลึกพอที่จะซ่อนตัวจากสายตาของผู้คนทั่วไป แต่ไม่ลับจนเกินไป บ้านเล็ก ๆ สีขาวที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้าดูเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าที่นี่เป็นที่พักของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้“ถึงแล้วค่ะ” หลินหลินพูดพลางพยักหน้าไปทางบ้าน “ที่นี่คงพอปลอดภัยสำหรับคืนนี้”ซาเอบะมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ดูเงียบดี” เขากล่าวเสียงเบา และรีบก้าวไปที่ประตู หลินหลินไขกุญแจและเปิดประตูให้พวกเขาเข้าข้างในเมื่อเข้ามาภายในบ้าน ความรู้สึกอุ่นใจที่เกิดขึ้นจากการได้หลบซ่อนในที่ที่ปลอดภัยสักทีทำให้ทั้งสองคนรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ห้องเล็ก ๆ นี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ไม่มากมาย มีเพียงโซฟาตัวเก่า โต๊ะกาแฟ และภาพถ่ายขนาดเล็กติดผนัง“ฉันว่าพักกันสักหน่อยดีไหมคะ?” หลิ
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้บรรยากาศในห้องดูสงบสุขกว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ซาเอบะนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่น ขณะที่หลินหลินยังคงหลับอย่างเงียบ ๆ บนโซฟา การได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในที่ปลอดภัยทำให้พวกเขาสามารถเติมพลังและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าซาเอบะมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถราต่าง ๆ วิ่งผ่านไปมา สายตาของเขาจับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ข้างนอก แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับอนาคต เขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบสิ้น และโทโมะยังคงตามล่าพวกเขา แต่สิ่งที่เขาเริ่มตระหนักได้ก็คือ ความรู้สึกที่เขามีต่อหลินหลินได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆในที่สุดหลินหลินก็เริ่มขยับตัว เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะหันมองซาเอบะที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขา “คุณตื่นนานแล้วเหรอ?”“ใช่” ซาเอบะตอบ “มีหลายอย่างที่ต้องคิด”หลินหลินลุกขึ้นนั่งขณะที่เธอฟังเขาพูด “แผนต่อไปของเราคืออะไร?”ซาเอบะถอนหายใจเล็กน้อย ขณะที่เขาลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง “เราต้องหาทางเข้าถึงแหล่งข้อมูลของโทโมะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางรู้ว่าเขาวางแผนอะไรต่อไป”“แล้วคุณคิดว่าเราจะทำยังไง?” หลินหล
หลังจากซาเอบะและหลินหลินได้พบกับชายวัยกลางคน ผู้ซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มของโทโมะมาก่อนและหลบหนีออกมา เขาเล่าให้ซาเอบะฟังถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโทโมะ รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาต้องหลบซ่อนตัวมาตลอดหลายปีนี้ ความเกลียดชังต่อโทโมะยังคงอยู่ในสายตาของชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยลืมสิ่งที่โทโมะทำกับเขาและครอบครัว“พวกมันกำลังวางแผนอะไรบางอย่างใหญ่โต... ถ้าพวกนายไม่รีบหนีไปจากที่นี่ มันจะสายเกินไป” ชายคนนั้นเตือนซาเอบะอย่างเร่งรีบหลินหลินเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เธอเดินเข้าไปใกล้ซาเอบะ จับแขนเขาเบาๆ “พี่ซาเอบะ เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไปนะ ฉันว่าพวกมันต้องตามเรามาแน่”ซาเอบะนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้กับชายคนนั้น “ขอบใจสำหรับข้อมูล ฉันจะเอามันไปใช้ให้เกิดประโยชน์” เขาพูดก่อนที่จะหันไปบอกหลินหลิน “ไปกันเถอะ เราไม่ควรอยู่นาน”แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะก้าวออกจากบ้าน เสียงประตูหน้าบ้านก็ถูกกระแทกอย่างแรงตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นอย่างน่าตกใจ กระจกหน้าต่างแตกกระจาย ชายผู้เคยอยู่ในกลุ่มของโทโมะรีบถอยหลังหนีเข้าไปในมุมหนึ่งของห้องพร้อมกับสั่งให้ซาเอบะและหลินหลินรีบหาที่หลบ“มันมาแล้ว!” ชายคน
เสียงปืนที่ไล่ล่าพวกเขาเงียบหายไป แต่ความตึงเครียดในอากาศยังคงหนักอึ้ง ซาเอบะกวาดตามองรอบๆ พยายามประเมินสถานการณ์ เขารู้ดีว่าพวกเขาเพิ่งรอดจากการปะทะกับกลุ่มของโทโมะมาได้อย่างหวุดหวิด แต่ก็รู้ว่าอันตรายยังไม่จบเพียงเท่านี้หลินหลินนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ หายใจหอบเหนื่อย แต่สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอยังไม่อยากเชื่อว่าพวกเขารอดมาได้ ซาเอบะเดินเข้ามานั่งข้างๆ เธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเธอเบาๆ ให้กำลังใจ"เธอโอเคไหม?" ซาเอบะถามเสียงนุ่ม พลางมองลึกเข้าไปในดวงตาของหลินหลิน"ฉัน...ฉันไม่รู้จะตอบยังไง" หลินหลินพูดเบาๆ "มันเกิดขึ้นเร็วมาก พวกมันรู้ได้ยังไงว่าเรามาที่นี่?"ซาเอบะส่ายหัว "ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจจะมีคนในที่คอยส่งข่าวให้พวกมัน" เขาพูดพลางคิดถึงความเป็นไปได้ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นชายผู้เคยอยู่ในกลุ่มโทโมะนั่งอยู่ไม่ไกลนัก เขามองซาเอบะและหลินหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด "ฉันขอโทษนะ พวกมันอาจจะตามฉันมาจากที่อื่นโดยที่ฉันไม่รู้ตัว"ซาเอบะหันไปมองเขา "ไม่ใช่ความผิดของนาย" เขาพูดเสียงเข้ม "แต่ตอนนี้ เราต้องคิดว่าจะทำยังไงต่อ"หลินหลินเงยหน้าขึ้นมองซาเอบะ น้ำตาซึมเล็กน้อย
การเดินทางใต้แสงจันทร์สาดส่องเหนือเมืองที่เงียบสงัด ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุม ซาเอบะ หลินหลิน และชายที่เคยอยู่ในกลุ่มของโทโมะ เดินฝ่าลมหนาวไปยังเส้นทางที่พวกเขาหวังว่าจะเป็นทางออกจากเมืองนี้ได้ ชายคนนั้นนำทางพวกเขาไปสู่ตรอกแคบๆ แห่งหนึ่งซึ่งดูเก่าและทรุดโทรม แต่ก็ไร้ซึ่งความสนใจจากผู้คนทั่วไป“มันอยู่ที่นี่” ชายคนนั้นกล่าวเบาๆ พร้อมกับชี้ไปที่บานประตูเหล็กที่ซ่อนอยู่ในความมืด มันเก่าจนสนิมขึ้นเป็นแผ่น และดูเหมือนจะไม่ถูกเปิดใช้งานมาหลายปี“นี่เหรอ?” ซาเอบะถามพร้อมขมวดคิ้วชายคนนั้นพยักหน้า “ใช่ ทางเข้าที่พวกมันไม่รู้ นี่เคยเป็นเส้นทางที่ใช้ขนของผิดกฎหมายในช่วงที่ฉันยังทำงานให้โทโมะ แต่ตอนนี้ไม่มีใครใช้มันอีกแล้ว” เขาพูดพลางพยายามเปิดประตูด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ประตูไม่ขยับแม้แต่น้อย“ช่วยหน่อย” เขาหันมาพูดกับซาเอบะซาเอบะวางกระเป๋าลงกับพื้น แล้วเข้าช่วยดันประตูด้วยกำลังทั้งหมดของเขา เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเหล็กเสียดสีกันดังไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ประตูจะค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นทางเดินมืดสนิทข้างในที่นำไปสู่ใต้ดิน“นี่มัน…” หลินหลินพูดขึ้นอย่างลังเล“มันปลอดภัย” ชายคนนั้นรีบตอบ “พวกมันไม่รู้
การเดินทางผ่านอุโมงค์มืดมิดทำให้ทั้งสามคนรู้สึกเหมือนกับอยู่ในโลกที่ไร้จุดหมาย เสียงฝีเท้าของพวกเขาดังขึ้นในความเงียบ ทั้งซาเอบะและหลินหลินเริ่มรู้สึกถึงความกดดันที่สะสมขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลินหลินที่รู้สึกถึงการกัดกินของความเหนื่อยล้าและความวิตกกังวล“เราจะถึงที่ไหนกันแน่?” หลินหลินถามขึ้นเสียงเบาๆ ขณะที่เธอก้าวตามชายที่นำทาง“อีกไม่นาน เราใกล้จะออกจากที่นี่แล้ว” ชายคนนั้นตอบ แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าข้อมูลที่เขาพูดเป็นจริงหรือไม่ แต่ซาเอบะและหลินหลินก็พยายามเก็บความหวังไว้อยู่หลังจากเดินต่อไปอีกสักพักหนึ่ง พวกเขาเริ่มสังเกตเห็นว่ามีแสงสว่างเล็กน้อยลอดเข้ามาในทางเดิน เมื่อก้าวเข้าไปใกล้ แสงสว่างนั้นก็เพิ่มมากขึ้นจนกลายเป็นช่องเปิดที่พวกเขารอคอย“ไปกันเถอะ!” ซาเอบะพูดพลางเร่งรีบไปข้างหน้า ทันใดนั้นพวกเขาก็ถึงประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่มีรอยสนิมเกาะอยู่ทั่ว ประตูนี้อาจเป็นทางออกที่พวกเขาหมายถึงชายคนนั้นก้มตัวลงไปค้นหากุญแจในกระเป๋าของเขา “นี่คือที่ที่พวกเขาใช้ขนของออกจากเมือง แต่อาจจะมีการเฝ้าระวังอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“เราต้องระวังให้ดี” ซาเอบะพูด เขามองไปที่หลินหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ
เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น รถของซาเอบะและทาเคชิก็แล่นกลับมายังสำนักงานลับที่พวกเขาใช้เป็นฐานชั่วคราว เมย์ หลินหลิน และอาคิระยืนรออยู่ด้านหน้าอาคารเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งของเขตชานเมือง สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและเหน็ดเหนื่อย “กลับมาแล้ว” ทาเคชิกล่าวพลางเปิดประตูรถ “ทุกอย่างเป็นไปตามแผน” “ได้ข้อมูลที่ต้องการไหม?” หลินหลินถามทันที ซาเอบะพยักหน้า เขาชูแฟลชไดรฟ์ในมือขึ้น “รายชื่อเป้าหมายทั้งหมดอยู่ในนี้ รวมถึงที่ตั้งขององค์กรด้วย” “แล้วแผนต่อไปล่ะ?” เมย์ถาม สีหน้าของเธอบ่งบอกถึงความกดดัน “เราต้องพักก่อน” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ “ทุกคนต้องพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้” พวกเขาทั้งหมดเดินเข้าไปในสำนักงาน ทาเคชิล็อกประตูทันทีเพื่อป้องกันการถูกติดตาม ห้องภายในดูเรียบง่าย มีเพียงโต๊ะทำงานเก่าๆ และแผนที่ขนาดใหญ่ที่ปิดทับผนังด้านหนึ่ง “พักฟื้นก่อน” ซาเอบะพูดพร้อมกับวางกระเป๋าเป้ลง “คืนนี้เราจะเริ่มวางแผนตอบโต้” หลังจากพักผ่อนและรักษาบาดแผลจากการปะทะที่ผ่านมา ทุกคนรวมตัวกันในห้องประชุมขนาดเล็ก แสงไฟจากโคมเพดานทำให้บรรยากาศดูจริงจัง “นี่คือเป้าหมายที่เราต้องจัดการ” ซาเอบ
รถคันเล็กแล่นผ่านเส้นทางเปลี่ยวในยามเช้าตรู่ เสียงเครื่องยนต์ที่ดังแผ่วๆ กลมกลืนกับบรรยากาศเงียบสงบ ซาเอบะและทาเคชิยังคงอยู่ในชุดที่พร้อมสำหรับการต่อสู้ โดยทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยมากนักระหว่างทาง ทั้งสองต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง “ใกล้ถึงแล้ว” ทาเคชิเอ่ยขึ้นขณะมองแผนที่ GPS บนหน้าจอคอนโซล “อีกห้านาทีก็จะถึงจุดพักที่เราวางแผนไว้” ซาเอบะพยักหน้า “อย่าลืมว่าเราต้องหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าตรงๆ เข้าไปแบบเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้” “แน่นอน” ทาเคชิตอบ พร้อมกับขับรถเลี้ยวเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ใหญ่ เส้นทางนี้นำไปสู่จุดซ่อนตัวซึ่งห่างจากโกดังเป้าหมายเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่อจอดรถเสร็จ ทั้งสองก็ลงจากรถและตรวจสอบอุปกรณ์เป็นครั้งสุดท้าย ซาเอบะสะพายกระเป๋าเป้ที่บรรจุเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และระเบิดขนาดเล็ก ส่วนทาเคชิถือปืนไรเฟิลติดกล้องซึ่งเขาใช้เพื่อการป้องกันระยะไกล “พร้อมไหม?” ทาเคชิถาม ขณะที่ทั้งสองคนเริ่มเดินเท้าไปยังจุดเป้าหมาย “พร้อม” ซาเอบะตอบเสียงเรียบ โกดังขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นอยู่ลิบๆ ท่ามกลางความมืดสลัวของเงาต้นไม้ อาคารนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่รกร้าง มีรั้วลวดหนามล้อมรอบแล
ความเงียบยามค่ำคืนปกคลุมสำนักงานลับของทาเคชิ แม้สมาชิกในทีมคนอื่นๆ จะพักผ่อนอยู่ในห้องต่างๆ แต่ซาเอบะกับทาเคชิยังคงนั่งจมอยู่กับกองข้อมูลบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สายตาของทั้งคู่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น พวกเขารู้ดีว่าทุกนาทีมีค่า และการตอบโต้ต้องเกิดขึ้นก่อนที่ศัตรูจะได้เปรียบ “ข้อมูลนี้…” ทาเคชิชี้ไปที่ไฟล์รายชื่อบุคคลสำคัญในองค์กรร้ายที่ปรากฏบนหน้าจอ “ฉันเจาะเข้าไปในระบบของพวกมันได้บางส่วน รายชื่อเหล่านี้คือคนที่มีบทบาทสำคัญในการตามล่าเรา” ซาเอบะก้มลงอ่านรายละเอียด ชื่อแต่ละชื่อถูกบันทึกไว้พร้อมตำแหน่ง หน้าที่ และความเชื่อมโยงกับหัวหน้าองค์กร หลายคนเป็นผู้ที่พวกเขาเคยเจอหน้าในสนามรบก่อนหน้านี้ “เราจะเริ่มยังไงดี?” ซาเอบะถามเสียงเบา “ก่อนอื่น เราต้องตัดกำลังพวกมัน” ทาเคชิกล่าว “คนพวกนี้แต่ละคนเป็นเหมือนเสาหลักขององค์กร ถ้าเราสามารถจัดการพวกเขาได้แม้เพียงบางส่วน ความสามารถในการเคลื่อนไหวของพวกมันจะลดลง” “แต่นั่นก็หมายความว่าเราต้องเสี่ยงอีกครั้ง” ซาเอบะเอ่ยพร้อมถอนหายใจ “เรายังไม่รู้เลยว่าพวกมันจะวางแผนอะไรต่อ” ทาเคชิพยักหน้าเห็นด้วย “นั่นแหละที่ทำให้มันยากขึ้น แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่น
บรรยากาศภายในสำนักงานลับของทาเคชิเริ่มเงียบสงบลงหลังจากความโกลาหลที่พวกเขาเผชิญมาตลอดหลายวัน ซาเอบะเดินสำรวจพื้นที่โดยรอบในขณะที่ทาเคชิกำลังตรวจสอบระบบรักษาความปลอดภัย ทั้งคู่รู้ดีว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ “ทุกคนไปพักผ่อนเถอะ” ซาเอบะเอ่ยเสียงเรียบขณะหันมองหลินหลิน เมย์ และอาคิระที่ดูอ่อนล้าจนเห็นได้ชัด หลินหลินถอนหายใจยาว ก่อนพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกันค่ะ ฉันแทบจะยืนไม่ไหวแล้ว” เมย์ยิ้มบางๆ พร้อมกับพยุงหลินหลินเดินไปยังโซฟาตัวยาวที่ตั้งอยู่มุมห้อง “พักก่อนเถอะหลินหลิน ฉันจะหาน้ำมาให้” อาคิระนั่งลงกับเก้าอี้ตัวหนึ่งแล้วเอนหลังพิงกำแพง “พวกนายควรพักเหมือนกัน ไม่ใช่แค่พวกเราหรอกที่เหนื่อย นายสองคนก็คงไม่ต่างกัน” ทาเคชิหัวเราะเบาๆ พลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลจากชั้นวาง “ยังมีงานที่ต้องจัดการ แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเราจะพักบ้าง” เมื่อทุกคนเริ่มผ่อนคลาย ซาเอบะจึงเดินไปที่ห้องครัวเล็กๆ ที่มุมสำนักงาน เขาเปิดตู้เย็นและหยิบขวดน้ำออกมา มือที่หยิบขวดน้ำยังมีรอยช้ำจากการต่อสู้ที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ขยับเขารู้สึกเจ็บแปลบ แต่ก็พยายามไม่แสดงออก “เจ็บอยู่ใช่ไหม?” ทาเคชิถามขณะเดิ
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อผ่านป่าเขาที่หนาแน่น ทิวไม้สูงตระหง่านและเสียงนกกาหม่นมัวในอากาศให้บรรยากาศที่ทั้งสงบและน่าหวาดหวั่น ทุกคนยังคงระวังภัย แม้ว่าพวกเขาจะเริ่มห่างจากการไล่ล่าของคนร้ายไปแล้ว หลินหลินเดินอยู่ข้างเมย์ มือของเธอแตะไหล่เพื่อนอย่างปลอบโยน “ไม่ไกลแล้ว เมย์ เราต้องออกจากป่านี้ได้แน่” ซาเอบะซึ่งนำหน้าอยู่หันกลับมามอง “พวกเราต้องเก็บแรงไว้ ถ้าออกจากป่านี้เมื่อไร เราต้องหารถเพื่อเดินทางต่อให้เร็วที่สุด” อาคิระที่เดินตามหลังก้มมองแผนที่กระดาษในมือ “เส้นทางนี้ควรนำเราไปถึงถนนสายเล็กที่มุ่งหน้าออกจากป่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิด เราอาจเจอใครสักคนที่ช่วยได้” การเดินทางยังคงดำเนินต่อไป เสียงฝีเท้าของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวที่ดังก้องอยู่ในป่า แม้ทุกคนจะเหนื่อยล้า แต่ก็ไม่มีใครบ่น ทุกก้าวที่เดินคือการเข้าใกล้ความปลอดภัย จนกระทั่งในที่สุด ขอบป่าก็ปรากฏขึ้นมาในสายตา ทุกคนต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลินหลินยิ้มให้เมย์ “เห็นไหม? เราทำได้แล้ว!” เมื่อพวกเขาออกมาจากป่า ก็พบกับถนนลูกรังสายเล็กที่ทอดยาวไปยังพื้นที่ชนบท มีป้ายบอกทางเก่าๆ ตั้งอยู่ริมถนน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วพูดขึ้น “เรา
แสงแดดยามเช้าสาดส่องไปทั่วหมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมป่า กลุ่มของซาเอบะที่เพิ่งผ่านพ้นการหนีตายอย่างหวุดหวิดเริ่มตั้งหลักได้อีกครั้ง พวกเขาได้รับการต้อนรับจากชาวบ้านในแบบเรียบง่าย ผู้คนในหมู่บ้านนี้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ไร้ความวุ่นวายจากโลกภายนอก ชายแปลกหน้าที่เป็นผู้นำทางมายังหมู่บ้านยืนอยู่ห่างออกไปจากกลุ่ม สีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความลังเลบางอย่าง ซาเอบะมองเขาแล้วเดินเข้าไป “คุณดูเหมือนมีเรื่องจะพูด” เขาเอ่ยเสียงเรียบ ชายแปลกหน้าหันมามองเขา ก่อนจะถอนหายใจ “พวกคุณปลอดภัยแล้ว ผมคิดว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องแยกตัวไป” คำพูดนั้นทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมาสนใจ หลินหลินถามขึ้น “ทำไมคุณต้องไปตอนนี้? พวกเรายังต้องการความช่วยเหลือของคุณอยู่นะ” ชายแปลกหน้ายิ้มเล็กน้อย “ผมมีเรื่องที่ต้องจัดการ พวกคุณมีจุดหมายที่ชัดเจนแล้ว ผมมั่นใจว่าคุณซาเอบะจะนำพวกคุณไปสู่ทางออกได้” ซาเอบะจับจ้องชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “คุณช่วยเรามากแล้ว เราไม่มีสิทธิ์รั้งคุณไว้” “แต่ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออีก คุณจะหาผมได้ที่ไหน?” ซาเอบะถาม ชายแปลกหน้าหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ออกมา เขียนข้อความสั้นๆ แล้วส่งให
กลุ่มของซาเอบะเดินต่อไปในป่าที่เริ่มเบาบางลง ใบไม้และกิ่งไม้ที่ทึบจนบดบังแสงจันทร์ก่อนหน้านี้เริ่มเปิดทางให้มองเห็นฟ้ากว้าง พวกเขาทุกคนเหนื่อยล้า แต่ความมุ่งมั่นที่จะเอาชีวิตรอดยังคงขับเคลื่อนพวกเขาให้เดินหน้าต่อไป หลินหลินหันไปมองซาเอบะที่เดินอยู่ข้างหน้า แม้ใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยรอยเหนื่อยล้า แต่แววตาของเขายังเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “คุณแน่ใจหรือว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว?” เธอถามเสียงเบา “น่าจะปลอดภัยแล้ว” ซาเอบะตอบกลับพลางมองไปรอบๆ เขาหยุดเดินชั่วครู่เพื่อฟังเสียงรอบตัว เสียงใบไม้ไหวเบาๆ จากลมและเสียงแมลงกลางคืนคือสิ่งเดียวที่ดังขึ้น ทาเคชิที่เดินอยู่ด้านหลังพูดขึ้นมา “เราหนีมาไกลพอสมควร ถ้าพวกมันจะตามมา ก็คงไม่เร็วขนาดนี้” “แต่เราก็ประมาทไม่ได้” ชายแปลกหน้าพูดเสริม “เราไม่รู้ว่าพวกมันมีคนมากแค่ไหน หรือมีแผนอะไรอีก” ทุกคนหยุดพักกันใกล้ลำธารเล็กๆ น้ำใสเย็นช่วยให้พวกเขาเติมพลัง หลินหลินใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดหน้าของตัวเอง ในขณะที่เมย์นั่งซบอยู่ข้างอาคิระ ท่าทางของเธอสะท้อนถึงความเหนื่อยล้าทางจิตใจ “พวกเราควรวางแผนต่อไปยังไง?” เมย์ถาม ขณะดื่มน้ำจากมือที่วักขึ้นจากลำธาร ซาเอบะมองทุกคนก่
แสงจันทร์สาดส่องลงมาบนเส้นทางแคบที่ทอดยาวเข้าสู่ป่าทึบ ซาเอบะเดินนำหน้ากลุ่ม โดยมีชายแปลกหน้าติดตามอยู่ใกล้ๆ เสียงกรอบแกรบของใบไม้ใต้ฝ่าเท้าเป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นในความเงียบงันของค่ำคืน “ทางนี้แหละ,” ชายแปลกหน้ากระซิบ พลางชี้ไปที่ซอกหินขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ “เส้นทางนี้จะนำเราไปสู่ป่าด้านหลังหมู่บ้าน ถ้าพวกมันยังอยู่ในหมู่บ้าน เราจะมีโอกาสหลบหนีไปได้” หลินหลินเงยหน้ามองเถาวัลย์และพึมพำเบาๆ “มันดูเหมือนไม่เคยมีใครใช้มานานแล้ว คุณแน่ใจนะว่าพวกเราจะปลอดภัย?” ชายแปลกหน้าพยักหน้า “ทางนี้เป็นทางลับที่คนในหมู่บ้านใช้หลบภัยเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่มีใครใช้มันอีกเพราะป่าเส้นทางนี้รกและอันตราย” ทาเคชิที่เดินอยู่ข้างหลังส่ายหน้าเล็กน้อย “อันตรายแค่ไหนก็ต้องลอง ไม่มีเวลาให้ลังเลแล้ว” ซาเอบะหันมาสบตาทุกคน “เราไม่มีทางเลือก เราต้องเดินต่อไป ถ้าหยุดตอนนี้ พวกมันจะตามมาถึงแน่” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ชายแปลกหน้าจะยกมือขึ้นเปิดเถาวัลย์ออก เผยให้เห็นช่องแคบที่พอให้คนผ่านเข้าไปได้ทีละคน พวกเขาเดินเรียงกันเข้าไปในเส้นทางแคบนี้ โดยมีซาเอบะเป็นคนนำหน้า ทาเคชิเป็นคนปิดท้าย ทางเดินในซอ
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าในบ้านหลังเก่า ซาเอบะนั่งอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ ยกมือขึ้นสัมผัสแผลที่ข้อมือของเขา ก่อนที่จะหันไปมองเพื่อนร่วมทีมที่นั่งกระจายอยู่ตามมุมต่างๆ ของห้อง ทุกคนดูเหนื่อยล้าและเครียดจากการไล่ล่าอย่างหนัก แต่ในแววตาของพวกเขากลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่น “เราจะอยู่ที่นี่ไม่นานหรอก” ซาเอบะพูดเบาๆ พลางลุกขึ้นจากพื้นไม้แล้วเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปข้างนอก หมู่บ้านที่เงียบสงบในตอนนี้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนว่าโลกภายนอกนั้นห่างไกลออกไปทุกที คนร้ายที่ตามล่าพวกเขากำลังอยู่แค่ไม่กี่ก้าว และไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาจะสามารถหลบหนีไปได้อีกนานแค่ไหน ทาเคชิยืดตัวออกจากเก้าอี้ไม้และหันไปมองซาเอบะ “พวกเราต้องคิดแผนใหม่ให้เร็วที่สุด อย่าลืมว่าพวกเขาตามมาใกล้แล้ว และพวกเราไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้จนถึงรุ่งเช้า” “จริงของนาย” ซาเอบะตอบเสียงเครียด “เราต้องหาทางออกไปจากที่นี่ ไม่ว่าจะมีแผนอะไร เราต้องไม่ยึดติดกับที่เดิมเกินไป” หลินหลินที่นั่งเงียบมองไปที่พวกเขา สายตาของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แม้จะพยายามกลั้นอารมณ์แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ “พวกเราจะทำยังไงถ้าหมู่บ้านนี้ไม่ไ