ซาเอบะและหลินหลินพยายามเร่งฝีเท้าลงบันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม เสียงฝีเท้าของคนไล่ล่าดังไม่ไกลจากพวกเขา แต่ทุกก้าวที่ทั้งคู่ก้าวลงไปก็หมายถึงการเข้าใกล้ทางรอดมากขึ้นหลินหลินพยายามรวบรวมสติ มือเธอกำราวบันไดแน่น ขณะที่ซาเอบะคอยระวังข้างหลังตลอดเวลา เมื่อถึงชั้นล่างสุด เขาผลักประตูเหล็กที่เปิดออกไปสู่ตรอกมืด ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอับของความชื้น“ออกมาได้แล้ว!” ซาเอบะเร่ง พร้อมกับจับมือหลินหลินออกไปจากบันไดหนีไฟ ข้างนอกเป็นตรอกแคบ ๆ ที่ถูกล้อมด้วยตึกสูง พวกเขาพยายามหาทางมุดออกไปจากตรอกนี้ให้ได้เร็วที่สุดแสงไฟจากหน้าต่างด้านบนส่องสลัว ๆ พอให้มองเห็นทางเดิน แต่ก็มีความเงียบสงัดที่แฝงด้วยความอันตราย“เราจะไปที่ไหนต่อ?” หลินหลินถาม ขณะที่วิ่งตามซาเอบะไป พยายามหาทางหลบซ่อนซาเอบะคิดอย่างรวดเร็วก่อนจะตัดสินใจ “เราไปที่พักของเธอเถอะ มันน่าจะปลอดภัยกว่าที่อื่น ถ้าเราอยู่ในที่ที่คนรู้จักเรา อาจจะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการถูกจับได้”หลินหลินหยุดคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ฉันมีที่ซ่อนตัวที่ค่อนข้างปลอดภัย ซึ่งไม่น่าจะมีใครรู้จัก นั่นคือห้องที่แม่ของฉันให้เช่าอยู่ในแถบชานเมือง”
เวลาล่วงเลยไปจนถึงช่วงค่ำ หลังจากที่ทั้งสองได้วางแผนในห้องพักของหลินหลินมาหลายชั่วโมง สภาพอากาศที่อบอ้าวทำให้พวกเขารู้สึกเหนื่อยล้า ซาเอบะหันไปมองหลินหลินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน แต่แฝงไปด้วยความตั้งใจที่เต็มเปี่ยม“เราควรพักบ้างนะ หลินหลิน” เขาพูดเบา ๆ ขณะที่ยิ้มให้กับเธอ “อาจจะอาบน้ำและผ่อนคลายสักหน่อย”“ใช่ค่ะ ฉันก็คิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี” หลินหลินตอบ และเธอก็ลุกขึ้นยืนเพื่อไปที่ห้องน้ำซาเอบะมองตามหลินหลินไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจ เขารู้สึกตื่นเต้นและประหม่าในเวลาเดียวกัน ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขาในช่วงเวลาที่ผ่านมาเริ่มทำให้เขาตระหนักถึงความรู้สึกที่มากกว่ามิตรภาพหลังจากที่หลินหลินอาบน้ำเสร็จ เธอออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูพันตัวอยู่ และผมยังเปียกอยู่ที่ปลาย กำลังเช็ดมันให้แห้งก่อนจะรวบขึ้นเป็นทรงง่าย ๆ ดูมีเสน่ห์ในความเรียบง่ายนั้น ซาเอบะรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นเมื่อเห็นเธอ“ต่อไปเป็นทีของฉัน” เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้หลินหลิน และเข้าไปในห้องน้ำในขณะที่อาบน้ำ ซาเอบะรู้สึกคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขา ตั้งแต่แรกที่ได้รู้จักกัน เขาไม่คิดว่าความสัมพันธ์จะพั
หลังจากช่วงเวลาที่พวกเขาได้พักผ่อนในห้องพักของหลินหลินและความรู้สึกที่เริ่มผลิบานในหัวใจของทั้งคู่ ก็ถึงเวลาที่ทั้งสองต้องเผชิญกับความจริงอีกครั้ง เสียงเคาะเบาๆ ที่หน้าประตูห้องทำให้พวกเขาตื่นตัว หลินหลินขมวดคิ้ว ขณะที่ซาเอบะรีบลุกขึ้นยืน พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะมีใครมาเยี่ยมเยือน“ใครกันนะ?” หลินหลินถามอย่างสงสัยซาเอบะส่งสัญญาณให้เธอเงียบ และเดินไปที่ประตูอย่างระมัดระวัง เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ ก่อนจะค่อย ๆ แง้มประตูออกมาดู แต่เมื่อมองผ่านรูเล็ก ๆ เขาก็พบว่าทางเดินนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครยืนอยู่ที่นั่น“ไม่มีใครอยู่” เขากระซิบกลับมา“แปลกนะ ฉันได้ยินเสียงเหมือนมีคนเคาะชัดเจน” หลินหลินพูดด้วยความงุนงงซาเอบะไม่ปล่อยให้ความประหลาดใจครอบงำความคิดของเขา เขาตัดสินใจเปิดประตูออกมาเต็มที่ และก้าวออกไปยังทางเดินหน้าห้องเพื่อดูรอบ ๆ ทันทีที่เขาออกไป กลิ่นอับของลมหนาวในตอนกลางคืนพัดเข้ามาทันที ทางเดินว่างเปล่า แต่ความรู้สึกไม่สบายใจก็เริ่มแผ่กระจายอยู่ในอากาศ“ไม่มีอะไรผิดปกติ” ซาเอบะบอกขณะปิดประตูและกลับเข้ามาในห้อง“คุณคิดว่าเป็นอะไรหรือเปล่า?” หลินหลินถาม น้ำเสียงของเธอยังแฝงไปด้วยความกังวล“อ
หลังจากเดินทางมาหลายชั่วโมงผ่านตรอกซอยต่างๆ ที่เงียบสงัด ทั้งสองคนก็หยุดพักใต้สะพานเล็กๆ ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำ พวกเขานั่งลงบนม้านั่งไม้เก่าๆ หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ในความเหนื่อยนั้นก็แฝงไปด้วยความโล่งใจ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ยังไม่ถูกตามเจอซาเอบะนั่งพิงหลังกับผนังสะพาน ขณะที่หลินหลินนั่งข้างๆ เขา เธอห่อไหล่เพราะความหนาวจากลมเย็นที่พัดผ่าน ซาเอบะสังเกตเห็น เธอดึงเสื้อโค้ทเข้าหาตัวเพื่อสร้างความอบอุ่นมากขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ช่วยอะไรมาก“คุณหนาวหรือเปล่า?” ซาเอบะถาม พลางลุกขึ้นถอดแจ็กเก็ตของเขาออกแล้วคลุมให้เธอ“ไม่เป็นไรค่ะ คุณใส่ไว้เถอะ” หลินหลินตอบ แต่ซาเอบะไม่ยอม เขาดันแจ็กเก็ตนั้นเข้ามาให้เธอจนเธอไม่อาจปฏิเสธได้ หลินหลินรับมันมาแล้วคลุมตัวไว้ ความอบอุ่นจากเสื้อของซาเอบะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวเสียงเบา ขณะที่หันไปมองซาเอบะที่กำลังพิงหัวกับผนังและหลับตา“พักซะหน่อยเถอะ” เขาพูดพลางยิ้มบางๆ “เราอาจต้องเดินทางต่ออีกนาน”หลินหลินพยักหน้า แม้เธอจะไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าที่ควร เพราะหัวใจของเธอยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นมา การหลบหนีจากกลุ่มขอ
ซาเอบะกับหลินหลินยืนอยู่หน้าประตูไม้เก่าๆ ที่ค่อยๆ เปิดออกเผยให้เห็นชายวัยกลางคนในชุดเสื้อยืดลายเก่าที่ดูเหมือนผ่านการใช้งานมายาวนาน ใบหน้าของเขายับย่นและมีแผลเป็นหลายจุดที่บ่งบอกถึงอดีตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ เขามองซาเอบะด้วยสายตาที่ระแวดระวัง ก่อนจะก้าวออกมาเพื่อทักทาย“ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่านายจะมาหาฉันในสักวัน” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ขณะที่ดวงตาของเขากวาดไปมองหลินหลินที่ยืนอยู่ข้างๆ ซาเอบะ “แต่ฉันไม่คิดว่านายจะมีเพื่อนร่วมทางมาด้วย”“นี่คือหลินหลิน” ซาเอบะแนะนำ “เธอเป็นคนสำคัญที่ฉันต้องดูแล และตอนนี้เราต้องการความช่วยเหลือจากนาย”ชายคนนั้นพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน “เข้ามาข้างในก่อน” เขากล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “ที่นี่ปลอดภัยพอสมควรสำหรับตอนนี้”ซาเอบะกับหลินหลินเดินตามเขาเข้าไปในบ้าน ห้องที่พวกเขาเข้ามาเป็นห้องรับแขกที่มีเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ เพียงไม่กี่ชิ้น โต๊ะไม้ตรงกลางเต็มไปด้วยเอกสารและหนังสือกองพะเนิน ซาเอบะมองไปรอบๆ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ขณะที่หลินหลินนั่งลงข้างๆ เขา“ชื่อของคุณคืออะไรคะ?” หลินหลินถามด้วยความอยากรู้ ชายคนนั้นเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
การเดินทางไปที่พักของหลินหลินผ่านเส้นทางเงียบสงบ เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เหลือเพียงแสงจันทร์อันเบาบางที่ส่องสว่างทางเดินของพวกเขา ซาเอบะและหลินหลินเดินเคียงข้างกันอย่างเงียบ ๆ แต่ในความเงียบงันนั้น ต่างคนต่างก็คิดถึงสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญในอนาคตที่พักของหลินหลินเป็นบ้านอีกหลังที่เธอไม่ค่อยได้อยู่ ตั้งอยู่ในตรอกซอยเล็ก ๆ ซึ่งลึกพอที่จะซ่อนตัวจากสายตาของผู้คนทั่วไป แต่ไม่ลับจนเกินไป บ้านเล็ก ๆ สีขาวที่พวกเขาเห็นอยู่ตรงหน้าดูเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกว่าที่นี่เป็นที่พักของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้“ถึงแล้วค่ะ” หลินหลินพูดพลางพยักหน้าไปทางบ้าน “ที่นี่คงพอปลอดภัยสำหรับคืนนี้”ซาเอบะมองไปรอบ ๆ ก่อนจะพยักหน้า “ดูเงียบดี” เขากล่าวเสียงเบา และรีบก้าวไปที่ประตู หลินหลินไขกุญแจและเปิดประตูให้พวกเขาเข้าข้างในเมื่อเข้ามาภายในบ้าน ความรู้สึกอุ่นใจที่เกิดขึ้นจากการได้หลบซ่อนในที่ที่ปลอดภัยสักทีทำให้ทั้งสองคนรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ห้องเล็ก ๆ นี้ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เฟอร์นิเจอร์ไม่มากมาย มีเพียงโซฟาตัวเก่า โต๊ะกาแฟ และภาพถ่ายขนาดเล็กติดผนัง“ฉันว่าพักกันสักหน่อยดีไหมคะ?” หลิ
เช้าวันรุ่งขึ้น แสงแดดยามเช้าที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้บรรยากาศในห้องดูสงบสุขกว่าค่ำคืนที่ผ่านมา ซาเอบะนั่งอยู่ที่โต๊ะเล็ก ๆ ในห้องนั่งเล่น ขณะที่หลินหลินยังคงหลับอย่างเงียบ ๆ บนโซฟา การได้พักผ่อนอย่างเพียงพอในที่ปลอดภัยทำให้พวกเขาสามารถเติมพลังและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่รออยู่ข้างหน้าซาเอบะมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นรถราต่าง ๆ วิ่งผ่านไปมา สายตาของเขาจับจ้องไปยังสิ่งที่อยู่ข้างนอก แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับอนาคต เขารู้ดีว่าการต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่จบสิ้น และโทโมะยังคงตามล่าพวกเขา แต่สิ่งที่เขาเริ่มตระหนักได้ก็คือ ความรู้สึกที่เขามีต่อหลินหลินได้ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆในที่สุดหลินหลินก็เริ่มขยับตัว เธอลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะหันมองซาเอบะที่นั่งอยู่ไม่ไกล เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขา “คุณตื่นนานแล้วเหรอ?”“ใช่” ซาเอบะตอบ “มีหลายอย่างที่ต้องคิด”หลินหลินลุกขึ้นนั่งขณะที่เธอฟังเขาพูด “แผนต่อไปของเราคืออะไร?”ซาเอบะถอนหายใจเล็กน้อย ขณะที่เขาลุกขึ้นและเดินไปที่หน้าต่าง “เราต้องหาทางเข้าถึงแหล่งข้อมูลของโทโมะ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีทางรู้ว่าเขาวางแผนอะไรต่อไป”“แล้วคุณคิดว่าเราจะทำยังไง?” หลินหล
หลังจากซาเอบะและหลินหลินได้พบกับชายวัยกลางคน ผู้ซึ่งเคยอยู่ในกลุ่มของโทโมะมาก่อนและหลบหนีออกมา เขาเล่าให้ซาเอบะฟังถึงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโทโมะ รวมถึงเรื่องราวในอดีตที่ทำให้เขาต้องหลบซ่อนตัวมาตลอดหลายปีนี้ ความเกลียดชังต่อโทโมะยังคงอยู่ในสายตาของชายคนนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคยลืมสิ่งที่โทโมะทำกับเขาและครอบครัว“พวกมันกำลังวางแผนอะไรบางอย่างใหญ่โต... ถ้าพวกนายไม่รีบหนีไปจากที่นี่ มันจะสายเกินไป” ชายคนนั้นเตือนซาเอบะอย่างเร่งรีบหลินหลินเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย เธอเดินเข้าไปใกล้ซาเอบะ จับแขนเขาเบาๆ “พี่ซาเอบะ เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไปนะ ฉันว่าพวกมันต้องตามเรามาแน่”ซาเอบะนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้กับชายคนนั้น “ขอบใจสำหรับข้อมูล ฉันจะเอามันไปใช้ให้เกิดประโยชน์” เขาพูดก่อนที่จะหันไปบอกหลินหลิน “ไปกันเถอะ เราไม่ควรอยู่นาน”แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะก้าวออกจากบ้าน เสียงประตูหน้าบ้านก็ถูกกระแทกอย่างแรงตามด้วยเสียงปืนดังขึ้นอย่างน่าตกใจ กระจกหน้าต่างแตกกระจาย ชายผู้เคยอยู่ในกลุ่มของโทโมะรีบถอยหลังหนีเข้าไปในมุมหนึ่งของห้องพร้อมกับสั่งให้ซาเอบะและหลินหลินรีบหาที่หลบ“มันมาแล้ว!” ชายคน