“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”
น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...
เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิด
มันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้
รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีก
ลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ
“ฉันตกลง”
สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิท
แต่ลินดากลับไม่นึกสงสัย
เธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์
✤
ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุด
และช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
การประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุด
หลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่น
ลินดาสวมเสื้อเชิ้ตเรียบ ๆ กับกระโปรงสีดำธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่แววตาเธอแน่วแน่กว่าผู้หญิงคนไหนในตึกนี้
อาคารสูงระฟ้าที่ตั้งตระหง่านเบื้องหน้าทำให้หญิงสาวหลุบตาต่ำลงเล็กน้อย ความรู้สึกที่ตีวนอยู่ในอกนั้น หนักอึ้งเสียยิ่งกว่าสัมภาระใบเล็กที่เธอถือมา
เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องกลับมายืนอยู่หน้าบริษัทนี้อีกครั้ง สถานที่ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยมีสถานะเป็นลูกสาวเจ้าของ เคยเป็นถึงรองประธานที่มีแต่คนนับหน้าถือตา แต่วันนี้เธอกลับกลายเป็นเพียงหญิงสาวบ้านๆ จากต่างจังหวัด ที่ต้องยื่นใบสมัครงานธรรมดาๆ เพื่อเริ่มต้นภารกิจแก้แค้นอย่างเงียบงัน
ความสะท้อนใจนั้นคงอยู่ได้เพียงชั่ววูบ สายตาของเธอก็กลับคืนสู่ความมุ่งมั่นดั่งคราแรกที่ก้าวเข้ามา
แม้หัวใจจะเต้นแรง แม้ฝ่ามือจะเปียกเหงื่อ แต่เธอไม่ลังเลแม้สักวินาที
“ฉันต้องเข้าไปให้ได้”
เธอไม่รู้ว่าต้องเริ่มยังไง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแผนการทั้งหลายจะได้ผลหรือเปล่า
แต่เธอรู้ดีว่าทุกอย่างเริ่มต้นจากการเข้าไปในพื้นที่ของพวกเขาให้ได้ก่อน
“ฉันต้องกลับไปอยู่ใกล้มันให้ได้...”
เสียงสัญญาณกดลิฟต์ดังขึ้นขัดจังหวะความคิด เธอก้าวเข้าไปพร้อมผู้สมัครงานคนอื่น ๆ ใบหน้าของลินดายังคงเรียบเฉย ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีความเกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่นิดเดียว
✤
เมื่อถึงชั้นฝ่ายบุคคล เสียงพนักงานต้อนรับสาวทักทายด้วยรอยยิ้มละมุน
“สวัสดีค่ะ มาสมัครตำแหน่งอะไรคะ?”
“...ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายเอกสารค่ะ”
ลินดาส่งยิ้มตอบอย่างสุภาพ พร้อมส่งแฟ้มใบสมัครให้
น้ำเสียงของเธอมั่นคงกว่าใจที่กำลังโหมกระหน่ำ เธอนั่งรอเรียกสัมภาษณ์อยู่บนโซฟาหนานุ่ม ท่ามกลางสายตาผู้คนที่เดินขวักไขว่
ยิ่งคิดว่าตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นทุกที ลินดาก็ยิ่งตื่นเต้นอย่างยากระงับ
ทุกก้าวที่พนักงานสวมสูทดำเดินผ่าน ลินดารู้สึกเหมือนอดีตคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา
และในที่สุด เมื่อเลขาหน้าห้องเอ่ยเรียกชื่อ หญิงสาวก็สูดลมหายใจลึกก่อนลุกขึ้นยืน ฝ่ามือที่เย็นเฉียบแน่นิ่งข้างลำตัว ลินดากำมือแน่นเพื่อกดอารมณ์ลง ก่อนจะสาวเท้าอย่างสงบเข้าสู่ห้องสัมภาษณ์
ชายผู้สัมภาษณ์เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลคนใหม่ซึ่งเธอไม่คุ้นหน้า แต่บรรยากาศในห้องนั้นไม่ต่างจากที่เธอเคยสัมภาษณ์งานในชาติก่อน...
เพียงแต่กลับกัน
ครั้งนั้นเธอเป็นกรรมการสัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้... เธอกลับเป็นคนที่ถูกสัมภาษณ์
“คุณไม่มีประสบการณ์งานสำนักงานมาก่อนเลยนะครับ เคยทำแต่บัญชีร้านเล็กๆ”
คำถามแรกก็เป็นคำถามที่ทำเอาลินดาใจสั่น แต่ก็ไม่ผิดไปจากที่คากนัก เธอรู้ดีว่าประสบการณ์ของร่างนี้มีไม่มากพอ แต่นับว่ายังดีที่เรียนจบมาสูง ทำให้เธอสามารถเตรียมคำตอบที่เหมาะสมเอาไว้
“ดิฉันมองว่าประสบการณ์เป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ค่ะ การทำงานในร้านเล็กๆ ก็เป็นประสบการณ์หนึ่งที่ทำให้ดิฉันเติบโตขึ้น ถึงแม้ดิฉันยังไม่เคยทำในบริษัทใหญ่ แต่ก็เคยรับมือกับงานที่จริงจัง และต้องจัดการหลายอย่างพร้อมกัน ดิฉันเชื่อว่าการเรียนรู้เร็ว การสื่อสารดี และ mindset ที่อยากพัฒนาตัวเองสำคัญมาก ดิฉันพร้อมรับฟังข้อติชมและปรับตัวให้เหมาะกับมาตรฐานของทีมแน่นอนค่ะ”
คำตอบยาวเหยียดถูกเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบรื่นเปี่ยมความมั่นใจ แต่ขณะเดียวกันก็ยังสอดแทรกความรู้สึกถ่อมตนลงไปด้วยอย่างพอเหมาะพอเจาะ พาให้ผู้สัมภาษณ์พยักหน้าอย่างพอใจ
หลังจากนั้นก็เป็นเพียงคำถามทั่วไปที่ถูกยิงเข้ามาไม่ขาดสาย
“ทำไมคุณถึงสนใจบริษัทนี้?”
“คุณมีเป้าหมายอะไรในอีกห้าปีข้างหน้า?”
ลินดาย่อมรู้ว่าตอบอย่างไรถึงจะได้คะแนนดีที่สุด หญิงสาวตอบไปด้วยคำพูดเรียบง่าย ทว่าทุกคำตอบนั้นถูกวางหมากอย่างมีชั้นเชิง ไม่มีข้อให้ติแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุด ผู้จัดการก็เอ่ยด้วยท่าทีพึงพอใจ
“คุณผ่านสัมภาษณ์เบื้องต้นแล้ว รอรับการติดต่ออีกครั้งนะครับ”
ขณะเดินออกจากห้อง ลินดาเงยหน้ามองโลโก้บริษัทอีกครั้ง แววตาเต็มไปด้วยแววแน่วแน่และเด็ดขาด
‘รอบนี้...ฉันจะไม่ใช่เหยื่ออีกต่อไป’
หลังจากการสัมภาษณ์ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ลินดาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบริษัท เธอถูกรับเข้าทำงานตามที่คาด“ยินดีต้อนรับเข้าสู่จิราธิวัฒน์กรุ๊ปค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของพนักงานฝ่ายบุคคลดังมาตามสาย ลินดายิ้มกว้างแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เอ่ยขอบคุณตอบกลับไปโดยที่หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอกแม้จะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรก ทว่าแผนการที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกความตื่นเต้นของเธอคล้ายจะส่งต่อไปยังคนที่อยู่ปลายสายได้ เสียงของอีกฝ่ายจึงเจือไปด้วยความเอ็นดู ขณะอธิบายตำแหน่งงานให้เธอฟังคร่าวๆ“คุณได้เข้าทำงานในฝ่ายธุรการค่ะ...”✤คืนนั้น ลินดานอนไม่หลับหญิงสาวนั่งอยู่ลำพังบนระเบียงหอพักเก่าๆ ที่เธอเช่ามาด้วยเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่สายลมกลางคืนพัดผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ตีหนึ่ง แต่แสงไฟก็ยังสว่างจ้าอยู่ริมถนน รถยังคงแล่นผ่านไปมาตลอดเวลา รอบกายเต็มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ และเสียงคนพูดคุยดังแว่วมาที่ไกลๆนี่คือบรรยากาศของเมืองหลวงที่นลินแสนคุ้นเคยแต่เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในต่างจังหวัดซึ่งลินดาอยู่มาทั้งชีวิต มันกลับให้ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นอ
รอยยิ้มใสซื่อของหญิงสาวช่างดูบริสุทธิ์จนพีระถึงกับเหม่อลอยไปครู่หนึ่งชั่ววูบนั้นเขาเผลอนำมันไปเทียบเคียงกับรอยยิ้มในความทรงจำของเขา...รอยยิ้มบางเบาอันแสนไร้เดียงสาของอดีตภรรยามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยมารยา ไม่ได้เร้นซ่อนเล่ห์กล หรือปรุงแต่งให้ดูงดงามจนเกินจริง ทว่ามันคือรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เสียจนทำให้บรรยากาศรอบกายคล้ายจะหยุดนิ่งไปในพริบตานั้นรอยยิ้มของคนที่มองเขาเป็นโลกทั้งใบเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงดูชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของลินดาก็ยิ่งกดลึกวันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวให้เรียบง่ายเป็นพิเศษ แต่งหน้าเพียงเบาบาง เส้นผมผูกเป็นหางม้าเรียบร้อย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นหากแต่นั่นคือความโดดเด่นหญิงสาวรู้จักรสนิยมของคนตรงหน้าดี เธอรู้ว่าสไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบเธอไม่ได้แต่งตัวมาเพื่อพีระแต่แต่งมาเพื่อหญิงสาวอีกคนที่ก้าวตามมาต่างหากมีนาหรี่สายตามองพนักงานใหม่อย่างสำรวจ พึงพอใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเป็นแค่สาวชาวบ้านหน้าจืดๆ คนหนึ่ง“ยินดีต้องรับเข้าทำงานวันแรกนะคะคุณลินดา”เลขานุการสาวแย้มรอยยิ้มเหนือกว่า ก้าวเดินตามรองประธานเข้าไปในห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสา
แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านผ้าซาตินราคาแพงในห้องนอนใหญ่บนชั้นหกของคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงเทพ ภายในห้องห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าทั้งหมดไม่ต่างจากห้องในโรงแรมห้าดาว แต่นลิน จิราธิวัฒน์ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนนิ่งอยู่บนเตียงหรู ราวกับไม่รู้สึกถึงความสวยงามรอบตัวเลยสักนิดเธอลืมตาช้าๆ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนยาวมองเพดานอย่างว่างเปล่า เจือไว้ด้วยความเศร้าหมองวันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้นลินเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวประเสริฐ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการหรูอยู่ทั่วประเทศ ชีวิตของเธอมีครบทุกอย่าง เงิน ทอง รถหรู เครื่องเพชร เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทริปต่างประเทศ ยกเว้นสิ่งเดียว... ความรักนลินโตมากับพ่อเพียงลำพัง แม่ของเธอเสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ขณะที่เจ้าสัวประเสริฐให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนถึงกับละเลยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแม้ภายนอกนลินจะดูเหมือนคุณหนูผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายใน เธอกลับขาดความรักอย่างรุนแรงแม้แต่การแต่งงานของเธอ นลินยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเสียด้วยซ้ำ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองตระกูลใ
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้านลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาดเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้าไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วยทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิตในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกันริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่งนลินหันไปมอง เห็นชายเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงกรอบประตูครัว ใส่เสื้อ
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไม
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเข
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
รอยยิ้มใสซื่อของหญิงสาวช่างดูบริสุทธิ์จนพีระถึงกับเหม่อลอยไปครู่หนึ่งชั่ววูบนั้นเขาเผลอนำมันไปเทียบเคียงกับรอยยิ้มในความทรงจำของเขา...รอยยิ้มบางเบาอันแสนไร้เดียงสาของอดีตภรรยามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยมารยา ไม่ได้เร้นซ่อนเล่ห์กล หรือปรุงแต่งให้ดูงดงามจนเกินจริง ทว่ามันคือรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เสียจนทำให้บรรยากาศรอบกายคล้ายจะหยุดนิ่งไปในพริบตานั้นรอยยิ้มของคนที่มองเขาเป็นโลกทั้งใบเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงดูชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของลินดาก็ยิ่งกดลึกวันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวให้เรียบง่ายเป็นพิเศษ แต่งหน้าเพียงเบาบาง เส้นผมผูกเป็นหางม้าเรียบร้อย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นหากแต่นั่นคือความโดดเด่นหญิงสาวรู้จักรสนิยมของคนตรงหน้าดี เธอรู้ว่าสไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบเธอไม่ได้แต่งตัวมาเพื่อพีระแต่แต่งมาเพื่อหญิงสาวอีกคนที่ก้าวตามมาต่างหากมีนาหรี่สายตามองพนักงานใหม่อย่างสำรวจ พึงพอใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเป็นแค่สาวชาวบ้านหน้าจืดๆ คนหนึ่ง“ยินดีต้องรับเข้าทำงานวันแรกนะคะคุณลินดา”เลขานุการสาวแย้มรอยยิ้มเหนือกว่า ก้าวเดินตามรองประธานเข้าไปในห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสา
หลังจากการสัมภาษณ์ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ลินดาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบริษัท เธอถูกรับเข้าทำงานตามที่คาด“ยินดีต้อนรับเข้าสู่จิราธิวัฒน์กรุ๊ปค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของพนักงานฝ่ายบุคคลดังมาตามสาย ลินดายิ้มกว้างแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เอ่ยขอบคุณตอบกลับไปโดยที่หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอกแม้จะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรก ทว่าแผนการที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกความตื่นเต้นของเธอคล้ายจะส่งต่อไปยังคนที่อยู่ปลายสายได้ เสียงของอีกฝ่ายจึงเจือไปด้วยความเอ็นดู ขณะอธิบายตำแหน่งงานให้เธอฟังคร่าวๆ“คุณได้เข้าทำงานในฝ่ายธุรการค่ะ...”✤คืนนั้น ลินดานอนไม่หลับหญิงสาวนั่งอยู่ลำพังบนระเบียงหอพักเก่าๆ ที่เธอเช่ามาด้วยเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่สายลมกลางคืนพัดผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ตีหนึ่ง แต่แสงไฟก็ยังสว่างจ้าอยู่ริมถนน รถยังคงแล่นผ่านไปมาตลอดเวลา รอบกายเต็มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ และเสียงคนพูดคุยดังแว่วมาที่ไกลๆนี่คือบรรยากาศของเมืองหลวงที่นลินแสนคุ้นเคยแต่เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในต่างจังหวัดซึ่งลินดาอยู่มาทั้งชีวิต มันกลับให้ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นอ
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิดมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีกลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ“ฉันตกลง”สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ลินดากลับไม่นึกสงสัยเธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์✤ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุดและช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วการประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุดหลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่นลินดาสวมเสื้
ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝันมันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลนเสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคนลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบแต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดาเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”✤ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายแต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเข
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไม
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้านลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาดเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้าไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วยทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิตในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกันริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่งนลินหันไปมอง เห็นชายเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงกรอบประตูครัว ใส่เสื้อ