เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย
“ว๊าย”
หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว
“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”
นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อย
คำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา
“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
แม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว
“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”
พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยง
รอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมด
เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้
แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่างในโทรศัพท์โดยไม่สนใจเธอสักนิด บรรยากาศอึมครึมคล้ายจะกลับมาอีกครั้ง
นลินมองเขาจากมุมห้อง พลันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแปลกไป
เขายิ้ม...
ไม่ใช่ยิ้มธรรมดา แต่เป็นยิ้มที่ดูมีความสุขลึกๆ ในแบบที่เธอไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก
มือของเธอเริ่มสั่นน้อยๆ หญิงสาวไม่กล้าถามทันที แต่หัวใจกลับเริ่มตีความทุกอย่างไปไกล
เขาคุยกับใคร?
ใครทำให้เขายิ้มได้ขนาดนั้น?
ไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นสายตาของเธอ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับภรรยาด้วยแววตาเปล่งประกาย ยื่นมือถือให้เธอดูราวกับจะเป็นการถามความเห็น
“คุณชอบที่นี่ไหม”
มันคือภาพสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังในภาคเหนือ รวมถึงช่องทางการจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก
นลินชะงักงัน พลันรู้สึกว่าขอบตาร้อนผ่าว
ทั้งที่เธอมัวแต่คิดว่าเขากำลังนอกใจ ทั้งที่เธอเคยพูดตัดพ้อเขาในใจซ้ำๆ
แท้ที่จริงแล้ว เธอล้วนคิดมากไปเองทั้งหมด
เธอเงยหน้าขึ้น น้ำตาไหลช้าๆ โดยไม่ทันรู้ตัว
พีระดูตกใจที่จู่ๆ ภรรยาก็ร้องไห้ รีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้หญิงสาวอย่างร้อนรน
“เป็นอะไรไป ไม่ชอบเหรอครับ” น้ำเสียงของเขาดูกังวลไม่น้อย สีหน้าที่แสดงความห่วงใยอย่างพอเหมาะพอเจาะยิ่งทำให้นลินน้ำตาไหลยิ่งกว่าเดิม
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณ” หญิงสาวเอ่ยขอบคุณซ้ำๆ ภายในอกหวานล้ำไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย
ทุกความอึดอัดก่อนหน้า เหมือนถูกคลายออกช้าๆ อย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างอ่อนโยน ลูบศีรษะของนลินเบาๆ ก่อนจะเอ่ยคำพูดสุดท้ายที่ตรึงหัวใจของหญิงสาวไม่ให้จากไปไหนได้อีก
“สุขสันต์วันครบรอบหกเดือนนะครับที่รัก”
✤
แต่นลินกลับไม่มีโอกาสอยู่รอจนถึงวันนั้น
อุบัติเหตุทางรถยนต์ได้พรากชีวิตของเธอไปตลอดกาล
✤
“มันเป็นเพราะผม ผมดูแลเธอไม่ดี...”
เสียงร่ำไห้ของชายผู้เป็นสามีของผู้เสียชีวิตดังก้องไปทั่วบริเวณจัดพิธีศพ
พีระสะอึกสะอื้นอย่างไม่เหลือคราบความสุขุมมั่นใจก่อนหน้านี้ แต่ทุกคนกลับไม่ได้นึกตำหนิอะไร มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าเจ้าตัวเสียใจมากแค่ไหน
เมื่อภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันมาได้แค่ครึ่งปี จู่ๆ จะเสียชีวิตไปกะทันหันแบบนี้
“พรุ่งนี้... พรุ่งนี้ก็เป็นวันครบรอบหกเดือนของเราแล้วแท้ๆ คุณบอกว่าจะไปเที่ยวกับผมไม่ใช่เหรอครับ”
ถ้อยคำที่อัดแน่นด้วยความเศร้าโสกทำให้แขกเหรื่อทั้งหลายแทบจะหลั่งน้ำตาตาม
แม้แต่เจ้าสัวประเสริฐก็ยังอดไม่ได้ที่จะตบบ่าของลูกเขยเบาๆ ทั้งที่ตัวเองก็กำลังร้องไห้อยู่เช่นกัน
“นลินของพ่อ โถ่ลูก...”
นลินเพียงยืนมองภาพตรงหน้าเงียบๆ ความเศร้าบาดลึกในแววตาราวกับไม่มีวันลบเลือน
ไม่มีใครเห็นเธอ แม้ว่าเธอกำลังยืนคู่กับภาพถ่ายขาวดำของตนเองก็ตาม
หญิงสาวมองคนสองคนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าว่างเปล่า
ภาพตรงหน้าคือพ่อของเธอ ผู้กำลังร้องไห้แทบขาดใจ
ข้างกันคือเขา... คนที่เธอรักอย่างสุดหัวใจ
ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเคยยืนอยู่ข้างเธอ และตอนนี้กำลังเสแสร้งร้องไห้ให้กับการจากไปของเธอ
พีระคุกเข่าอยู่ต่อหน้ารูปงานศพ ตรงหน้านลินที่กำลังเฝ้ามองในสภาพวิญญาณ เขาหยิบอัลบั้มรูปออกมา พลิกเปิดดูทีละรูป
รูปแรกเป็นรูปของเธอในชุดเจ้าสาว ในวันแต่งงานของพวกเขา
หญิงสาวในภาพยิ้มกว้าง สวมชุดราตรีสีขาวยาวประดุจเจ้าหญิง เธอถือช่อดอกไม้ไว้ในมือ แสงอาทิตย์ตกดินสาดส่องเข้ามาพอดี ขับเน้นให้ร่างของเธอเปล่งประกายจนแทบไม่อาจละสายตา ข้างกันนั้นคือตัวเขาเอง ในชุดทักซิโด้สีเทาเข้ม ชายหนุ่มยิ้มอย่างภาคภูมิและเปี่ยมสุข ทั้งสองคนยืนอยู่ท่ามกลางดอกไม้ ท่ามกลางเสียงปรบมือจากแขกทุกคน
เขาหัวเราะเบาๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความขมขื่น “วันนั้นเธอสวยเหมือนหลุดออกมาจากนิทานเลย... ฉันยังบอกเลยว่าโชคดีที่สุดในชีวิตที่ได้แต่งงานกับเธอ”
แต่เธอกลับไม่เคยรู้เลยว่ารอยยิ้มของเขาในวันนั้น มันเป็นแค่รอยยิ้มแห่งความสุขใจที่แผนการทั้งหมดเข้าที่เข้าทางโดยสมบูรณ์
อัลบั้มถูกพลิกเปิดหน้าแล้วหน้าเล่า ปลายนิ้วของเขาสั่นเทาขณะเลื่อนไปแตะรูปถ่ายทีละรูป ราวกับพยายามจะทะนุถนอมเศษเสี้ยวความสุขที่หลงเหลือในรูปภาพเหล่านั้นไม่ให้เลือนหายไป
วิญญาณของนลินยังคงยืนอยู่เงียบๆ มองเขา และมองรูปเหล่านั้นด้วยหัวใจที่แหลกสลายไม่มีชิ้นดี
ทุกภาพ ทุกคำพูด ทุกรอยยิ้ม และทุกเสียงหัวเราะ มันเป็นของจริง
แต่แค่เฉพาะกับเธอ
เมื่อความเป็นจริงปรากฏ สิ่งที่หลงเหลือในความทรงจำที่เคยงดงามก็มีเพียงคำหลอกลวงอันโหดเหี้ยมเท่านั้น
อัลบั้มถูกเปิดไปจนถึงหน้าสุดท้าย ชายหนุ่มปิดมันลงด้วยดวงตาแดงก่ำ ไม่มีใครรู้ว่าความเศร้าที่ปรากฎบนนั้นเป็นเพียงการแสดง
เขาทำได้แนบเนียนจนเธอเกือบเชื่อเข้าแล้วจริงๆ ถ้าเธอไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้
ถ้าเธอไม่เห็นรอยยิ้มแสนสุขใจของเขาในยามที่ได้ข่าวอุบัติเหตุ
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเขา
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝันมันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลนเสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคนลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบแต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดาเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”✤ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายแต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิดมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีกลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ“ฉันตกลง”สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ลินดากลับไม่นึกสงสัยเธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์✤ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุดและช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วการประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุดหลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่นลินดาสวมเสื้
หลังจากการสัมภาษณ์ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ลินดาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบริษัท เธอถูกรับเข้าทำงานตามที่คาด“ยินดีต้อนรับเข้าสู่จิราธิวัฒน์กรุ๊ปค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของพนักงานฝ่ายบุคคลดังมาตามสาย ลินดายิ้มกว้างแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เอ่ยขอบคุณตอบกลับไปโดยที่หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอกแม้จะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรก ทว่าแผนการที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกความตื่นเต้นของเธอคล้ายจะส่งต่อไปยังคนที่อยู่ปลายสายได้ เสียงของอีกฝ่ายจึงเจือไปด้วยความเอ็นดู ขณะอธิบายตำแหน่งงานให้เธอฟังคร่าวๆ“คุณได้เข้าทำงานในฝ่ายธุรการค่ะ...”✤คืนนั้น ลินดานอนไม่หลับหญิงสาวนั่งอยู่ลำพังบนระเบียงหอพักเก่าๆ ที่เธอเช่ามาด้วยเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่สายลมกลางคืนพัดผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ตีหนึ่ง แต่แสงไฟก็ยังสว่างจ้าอยู่ริมถนน รถยังคงแล่นผ่านไปมาตลอดเวลา รอบกายเต็มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ และเสียงคนพูดคุยดังแว่วมาที่ไกลๆนี่คือบรรยากาศของเมืองหลวงที่นลินแสนคุ้นเคยแต่เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในต่างจังหวัดซึ่งลินดาอยู่มาทั้งชีวิต มันกลับให้ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นอ
รอยยิ้มใสซื่อของหญิงสาวช่างดูบริสุทธิ์จนพีระถึงกับเหม่อลอยไปครู่หนึ่งชั่ววูบนั้นเขาเผลอนำมันไปเทียบเคียงกับรอยยิ้มในความทรงจำของเขา...รอยยิ้มบางเบาอันแสนไร้เดียงสาของอดีตภรรยามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยมารยา ไม่ได้เร้นซ่อนเล่ห์กล หรือปรุงแต่งให้ดูงดงามจนเกินจริง ทว่ามันคือรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เสียจนทำให้บรรยากาศรอบกายคล้ายจะหยุดนิ่งไปในพริบตานั้นรอยยิ้มของคนที่มองเขาเป็นโลกทั้งใบเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงดูชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของลินดาก็ยิ่งกดลึกวันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวให้เรียบง่ายเป็นพิเศษ แต่งหน้าเพียงเบาบาง เส้นผมผูกเป็นหางม้าเรียบร้อย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นหากแต่นั่นคือความโดดเด่นหญิงสาวรู้จักรสนิยมของคนตรงหน้าดี เธอรู้ว่าสไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบเธอไม่ได้แต่งตัวมาเพื่อพีระแต่แต่งมาเพื่อหญิงสาวอีกคนที่ก้าวตามมาต่างหากมีนาหรี่สายตามองพนักงานใหม่อย่างสำรวจ พึงพอใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเป็นแค่สาวชาวบ้านหน้าจืดๆ คนหนึ่ง“ยินดีต้องรับเข้าทำงานวันแรกนะคะคุณลินดา”เลขานุการสาวแย้มรอยยิ้มเหนือกว่า ก้าวเดินตามรองประธานเข้าไปในห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสา
หลังจากเริ่มงานเพียงไม่กี่วัน ลินดาก็เริ่มซึมซับจังหวะชีวิตใหม่ในเมืองหลวงและปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม เธอเรียนรู้งานอย่างรวดเร็ว และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่ในแผนกอย่างไม่ยากเย็นใบหน้านิ่งสงบของเธอซ่อนความคิดซับซ้อนเอาไว้ภายใต้แววตาอ่อนโยนเสมอทุกเช้า ลินดาจะเดินเข้าบริษัทพร้อมใบหน้าสดใส ท่าทางเรียบร้อยไร้พิษภัยในสายตาคนอื่นแต่ในมือของเธอซ่อนสมุดโน้ตเล่มเล็กไว้เสมอ สมุดเล่มนั้นไม่ได้มีแค่ข้อความจดงาน แต่เป็นบันทึกส่วนตัวที่เธอใช้เก็บข้อมูลของพีระและมีนา คู่รักที่ครั้งหนึ่งเคยพรากทุกอย่างไปจากเธอหลังเลิกงาน วันแล้ววันเล่า เธอจะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานกว่าปกติ อ้างว่ากำลังศึกษาระบบงานใหม่ แต่ในความจริงแล้ว ลินดากำลังเข้าถึงข้อมูลภายในบริษัทอย่างเงียบเชียบเธอเริ่มจากแฟ้มโครงสร้างองค์กร ไล่เรียงรายชื่อผู้บริหาร ทีมงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ใหญ่ที่พีระดูแล รวมถึงตรวจสอบการเซ็นอนุมัติเอกสารย้อนหลังในระบบออนไลน์ และจดชื่อคนที่มักมีชื่อแนบกับเอกสารของพีระบ่อยครั้งลงสมุดเงียบๆในทุกวัน ตัวอักษรใหม่ๆ จะค่อยๆ ถูกเติมเต็ม...ราวกับแผนการที่กำลังค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง✤ยามค
แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านผ้าซาตินราคาแพงในห้องนอนใหญ่บนชั้นหกของคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงเทพ ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าทั้งหมดไม่ต่างจากห้องในโรงแรมห้าดาว แต่นลิน จิราธิวัฒน์ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนนิ่งอยู่บนเตียงหรู ราวกับไม่รู้สึกถึงความสวยงามรอบตัวเลยสักนิดเธอลืมตาช้าๆ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนยาวมองเพดานอย่างว่างเปล่า เจือไว้ด้วยความเศร้าหมองวันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้✤นลินเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวประเสริฐ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการหรูอยู่ทั่วประเทศ ชีวิตของเธอมีครบทุกอย่าง เงิน ทอง รถหรู เครื่องเพชร เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทริปต่างประเทศ ยกเว้นสิ่งเดียว... ความรักนลินโตมากับพ่อเพียงลำพัง แม่ของเธอเสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ขณะที่เจ้าสัวประเสริฐให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนถึงกับละเลยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแม้ภายนอกนลินจะดูเหมือนคุณหนูผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายใน เธอกลับขาดความรักอย่างรุนแรงแม้แต่การแต่งงานของเธอ นลินยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเสียด้วยซ้ำ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองตระกูลใหญ่
หลังจากเริ่มงานเพียงไม่กี่วัน ลินดาก็เริ่มซึมซับจังหวะชีวิตใหม่ในเมืองหลวงและปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม เธอเรียนรู้งานอย่างรวดเร็ว และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่ในแผนกอย่างไม่ยากเย็นใบหน้านิ่งสงบของเธอซ่อนความคิดซับซ้อนเอาไว้ภายใต้แววตาอ่อนโยนเสมอทุกเช้า ลินดาจะเดินเข้าบริษัทพร้อมใบหน้าสดใส ท่าทางเรียบร้อยไร้พิษภัยในสายตาคนอื่นแต่ในมือของเธอซ่อนสมุดโน้ตเล่มเล็กไว้เสมอ สมุดเล่มนั้นไม่ได้มีแค่ข้อความจดงาน แต่เป็นบันทึกส่วนตัวที่เธอใช้เก็บข้อมูลของพีระและมีนา คู่รักที่ครั้งหนึ่งเคยพรากทุกอย่างไปจากเธอหลังเลิกงาน วันแล้ววันเล่า เธอจะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานกว่าปกติ อ้างว่ากำลังศึกษาระบบงานใหม่ แต่ในความจริงแล้ว ลินดากำลังเข้าถึงข้อมูลภายในบริษัทอย่างเงียบเชียบเธอเริ่มจากแฟ้มโครงสร้างองค์กร ไล่เรียงรายชื่อผู้บริหาร ทีมงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ใหญ่ที่พีระดูแล รวมถึงตรวจสอบการเซ็นอนุมัติเอกสารย้อนหลังในระบบออนไลน์ และจดชื่อคนที่มักมีชื่อแนบกับเอกสารของพีระบ่อยครั้งลงสมุดเงียบๆในทุกวัน ตัวอักษรใหม่ๆ จะค่อยๆ ถูกเติมเต็ม...ราวกับแผนการที่กำลังค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง✤ยามค
รอยยิ้มใสซื่อของหญิงสาวช่างดูบริสุทธิ์จนพีระถึงกับเหม่อลอยไปครู่หนึ่งชั่ววูบนั้นเขาเผลอนำมันไปเทียบเคียงกับรอยยิ้มในความทรงจำของเขา...รอยยิ้มบางเบาอันแสนไร้เดียงสาของอดีตภรรยามันไม่ใช่รอยยิ้มที่ฉาบไว้ด้วยมารยา ไม่ได้เร้นซ่อนเล่ห์กล หรือปรุงแต่งให้ดูงดงามจนเกินจริง ทว่ามันคือรอยยิ้มที่บริสุทธิ์เสียจนทำให้บรรยากาศรอบกายคล้ายจะหยุดนิ่งไปในพริบตานั้นรอยยิ้มของคนที่มองเขาเป็นโลกทั้งใบเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงดูชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด รอยยิ้มของลินดาก็ยิ่งกดลึกวันนี้เธอตั้งใจแต่งตัวให้เรียบง่ายเป็นพิเศษ แต่งหน้าเพียงเบาบาง เส้นผมผูกเป็นหางม้าเรียบร้อย ไม่มีเครื่องประดับ ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นหากแต่นั่นคือความโดดเด่นหญิงสาวรู้จักรสนิยมของคนตรงหน้าดี เธอรู้ว่าสไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์ที่เขาชอบเธอไม่ได้แต่งตัวมาเพื่อพีระแต่แต่งมาเพื่อหญิงสาวอีกคนที่ก้าวตามมาต่างหากมีนาหรี่สายตามองพนักงานใหม่อย่างสำรวจ พึงพอใจไม่น้อยที่อีกฝ่ายเป็นแค่สาวชาวบ้านหน้าจืดๆ คนหนึ่ง“ยินดีต้องรับเข้าทำงานวันแรกนะคะคุณลินดา”เลขานุการสาวแย้มรอยยิ้มเหนือกว่า ก้าวเดินตามรองประธานเข้าไปในห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหาร ท่ามกลางสา
หลังจากการสัมภาษณ์ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ลินดาก็ได้รับสายโทรศัพท์จากบริษัท เธอถูกรับเข้าทำงานตามที่คาด“ยินดีต้อนรับเข้าสู่จิราธิวัฒน์กรุ๊ปค่ะ”น้ำเสียงสุภาพของพนักงานฝ่ายบุคคลดังมาตามสาย ลินดายิ้มกว้างแม้อีกฝ่ายจะมองไม่เห็น เอ่ยขอบคุณตอบกลับไปโดยที่หัวใจเต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอกแม้จะคาดการณ์ถึงผลลัพธ์ได้ตั้งแต่แรก ทว่าแผนการที่ดำเนินไปอย่างราบรื่นก็ทำให้เธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกความตื่นเต้นของเธอคล้ายจะส่งต่อไปยังคนที่อยู่ปลายสายได้ เสียงของอีกฝ่ายจึงเจือไปด้วยความเอ็นดู ขณะอธิบายตำแหน่งงานให้เธอฟังคร่าวๆ“คุณได้เข้าทำงานในฝ่ายธุรการค่ะ...”✤คืนนั้น ลินดานอนไม่หลับหญิงสาวนั่งอยู่ลำพังบนระเบียงหอพักเก่าๆ ที่เธอเช่ามาด้วยเงินอันน้อยนิดที่มีอยู่สายลมกลางคืนพัดผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ แม้เวลาจะล่วงเข้าสู่ตีหนึ่ง แต่แสงไฟก็ยังสว่างจ้าอยู่ริมถนน รถยังคงแล่นผ่านไปมาตลอดเวลา รอบกายเต็มไปด้วยเสียงเครื่องยนต์ และเสียงคนพูดคุยดังแว่วมาที่ไกลๆนี่คือบรรยากาศของเมืองหลวงที่นลินแสนคุ้นเคยแต่เมื่อเทียบกับความเงียบสงบในต่างจังหวัดซึ่งลินดาอยู่มาทั้งชีวิต มันกลับให้ความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นอ
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิดมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีกลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ“ฉันตกลง”สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ลินดากลับไม่นึกสงสัยเธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์✤ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุดและช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วการประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุดหลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่นลินดาสวมเสื้
ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝันมันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลนเสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคนลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบแต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดาเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”✤ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายแต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเขา
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่า
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก✤แต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไ