แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านผ้าซาตินราคาแพงในห้องนอนใหญ่บนชั้นหกของคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงเทพ ภายในห้องห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าทั้งหมดไม่ต่างจากห้องในโรงแรมห้าดาว แต่นลิน จิราธิวัฒน์ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนนิ่งอยู่บนเตียงหรู ราวกับไม่รู้สึกถึงความสวยงามรอบตัวเลยสักนิด
เธอลืมตาช้าๆ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนยาวมองเพดานอย่างว่างเปล่า เจือไว้ด้วยความเศร้าหมอง
วันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้
นลินเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวประเสริฐ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการหรูอยู่ทั่วประเทศ ชีวิตของเธอมีครบทุกอย่าง เงิน ทอง รถหรู เครื่องเพชร เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทริปต่างประเทศ ยกเว้นสิ่งเดียว... ความรัก
นลินโตมากับพ่อเพียงลำพัง แม่ของเธอเสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ขณะที่เจ้าสัวประเสริฐให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนถึงกับละเลยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง
แม้ภายนอกนลินจะดูเหมือนคุณหนูผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายใน เธอกลับขาดความรักอย่างรุนแรง
แม้แต่การแต่งงานของเธอ นลินยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเสียด้วยซ้ำ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองตระกูลใหญ่ถูกเขียนขึ้นตั้งแต่เธอยังอยู่ในครรภ์มารดา เงื่อนไขที่พ่วงมาคือความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างสองตระกูล
เดิมทีเธอยอมรับชะตากรรมเช่นนี้แล้ว จนกระทั่งเธอได้เจอกับพีระ พนักงานธรรมดาในบริษัทของบิดา และเป็นคนรักของเธอ
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มีอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น จะบอกว่าหน้าตาหล่อเหลาก็แค่เรียกได้ว่าดูดีไม่เลว นลินเคยพบคนที่หล่อกว่าเขามาแล้วหลายต่อหลายคน แต่กลับไม่มีใครที่สะดุดตาเธอเท่าเขา
หลังจากที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก นลินก็เริ่มเห็นหน้าพีระบ่อยขึ้นเวลาเข้าบริษัท ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความบังเอิญ หรือเพราะบางสิ่งกำลังพาให้ทั้งคู่ได้เข้าใกล้กันทีละน้อย
พีระมักเป็นคนที่พูดน้อย ทำงานเงียบ ๆ ไม่ได้โดดเด่นในหมู่พนักงาน แต่นลินกลับมองเห็นความแตกต่างในตัวเขา ความใส่ใจในแววตาคู่นั้นของเขามอบให้เธอเพียงคนเดียว
ทุกครั้งที่เขายิ้ม... เธอก็รู้สึกเหมือนได้ยินหัวใจตัวเองเต้นกระหน่ำอยู่ในอก
และนลินก็รู้ตัว เธอตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว
ความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อยๆ พัฒนาอย่างเงียบๆ ไม่หวือหวา นลินเป็นหญิงสาวที่แกร่ง เธอรู้หัวใจของตัวเองดี และเมื่อเธอรักใคร เธอพร้อมที่จะทุ่มเทเต็มที่เสมอ
ฐานะของพีระไม่ได้ดีมากนัก ระหว่างทั้งคู่ไม่เคยมีดอกไม้ ไม่มีของขวัญหรูแบบตอนที่เธอคบกับลูกเศรษฐีรุ่นเยาว์ทั้งหลาย แต่สิ่งที่มีคือความจริงใจที่นลินสัมผัสได้ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา
การตกลงคบกันง่ายดายกว่าที่คาด แต่สิ่งที่เป็นปัญหากลับเป็นการบอกข่าวนี้กับครอบครัว เจ้าสัวประเสริฐคัดค้านเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด ถึงกับยื่นคำขาดว่าหากเธอดึงดันจะแต่งงาน ก็ไม่ต้องคิดว่าเขาเป็นพ่ออีก
การทะเลาะกันครั้งที่ผ่านมายังวนเวียนอยู่ในความคิด พาให้หยาดน้ำตาไหลกลิ้งลงบนหมอน
นี่คือบ้านที่เธออยู่มายี่สิบปี
และนี่จะเป็นครั้งแรกที่นลินขัดคำสั่งของบิดา
หญิงสาวลุกขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ค่อยๆ เก็บข้าวของส่วนตัวใส่กระเป๋าเดินทาง จากไปโดยไม่หวนกลับมาอีก
นลินย้ายมาอยู่บ้านหลังเล็กของพีระในย่านชานเมืองบ้านที่เขาเคยอยู่กับแม่ก่อนแม่เสียชีวิต ทุกอย่างเรียบง่ายแต่เป็นระเบียบ เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความรัก
และที่สำคัญคือความสัมพันธ์กับบิดาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัว
อันที่จริงเธอเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องรับความโกรธของบิดา แต่ก็มีพีระคอยปลอบใจอยู่ไม่ห่าง เขาเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อยเมื่อเห็นว่าคนรักของตนต้องทะเลาะกับพ่อตาเช่นนี้
ทว่าความเป็นจริงก็พิสูจน์แล้วว่าเธอกังวลมากเกินไปเอง
แม้จะตัดขาดความเป็นพ่อลูก แต่เจ้าสัวประเสริฐก็ยังคงห่วงใยลูกสาวของตนเอง จึงยังคงให้เธอเป็นรองผู้บริหารของบริษัทต่อไป และไม่เคยตัดค่าใช้จ่ายของหญิงสาว เธอยังคงเป็นคุณหนูผู้มีเงินใช้ไม่ขาดมือเหมือนเก่า
งานแต่งของพวกเขาจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายกว่างานแต่งของลูกสาวเศรษฐีทั่วไป แขกเหรื่อบางตา ไม่มีเซเลบ ไม่มีข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ มีเพียงเพื่อนสนิทของเธอไม่กี่คนเท่านั้น แม้แต่บิดาของเธอก็ไม่มาร่วมงานด้วยซ้ำ
แม้จะหายโกรธแล้ว แต่เจ้าสัวปากแข็งเกินกว่าจะง้องอนลูกสาวของตน แต่ก็ยังส่งคนมากำชับพีระผู้เป็นลูกเขยว่าให้ดูแลเธอให้ดี
นลินเพียงแค่ยิ้มด้วยความอุ่นซ่านในหัวใจ
ความสัมพันธ์ที่ห่างเหินกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้การพูดคุยระหว่างพ่อลูกเป็นไปอย่างยากเย็น ซึ่งนลินก็ชินแล้ว
ในตอนนี้เธอต้องการเพียงคนรักของเธอเท่านั้น
เสียงเพลงงานแต่งบรรเลงคลอในบรรยากาศ
แม้จะขาดหลายสิ่งหลายอย่างไป แต่นลินกลับรู้สึกว่าเป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต
เธอยืนจับมือเขาไว้แน่นในพิธี เงยหน้ามองเจ้าบ่าวของเธอด้วยรอยยิ้ม ภายในใจเธอรู้ดีว่าเพียงได้อยู่กับเขา เธอจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลก
แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวนี้... จะนำไปสู่ “จุดจบ” ของเธอเอง
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้านลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาดเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้าไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วยทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิตในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกันริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่งนลินหันไปมอง เห็นชายเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงกรอบประตูครัว ใส่เสื้อ
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไม
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเข
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝันมันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลนเสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคนลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบแต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดาเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”✤ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายแต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิดมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีกลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ“ฉันตกลง”สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ลินดากลับไม่นึกสงสัยเธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์✤ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุดและช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วการประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุดหลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่นลินดาสวมเสื้
“ช่วยฉัน แล้วเธอจะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมี ลินดา”น้ำเสียงนั้นดุจดังเสียงกระซิบของปีศาจ...เสียงกระซิบจากห้วงนรกอันมืดมิดมันเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและอาฆาตแค้น ปะปนกันจนเธอไม่สามารถระบุอารมณ์ภายในนั้นได้รู้แต่เพียงว่ามันกระทบใจของเธออย่างแรง รุนแรงมากเสียจนเธอไม่สามารถสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ได้อีกลินดาเงยหน้าขึ้นอย่างเชื่องช้า หยาดน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่เหม่อลอย เอ่ยคำตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากกำลังละเมอ“ฉันตกลง”สิ้นคำนั้น สายลมแรงก็พุ่งปะทะร่างของหญิงสาวจนเธอแทบล้มลงไปกับพื้น ทั้งที่เธออยู่ในบ้านที่ปิดประตูหน้าต่างสนิทแต่ลินดากลับไม่นึกสงสัยเธอรับรู้ได้ว่าเธอกลายเป็นหนึ่งเดียวกับนลินโดยสมบูรณ์✤ก้าวแรกของแผนการคือการที่เธอต้องหาวิธีใกล้ชิดกับอดีตสามีมากที่สุดและช่างบังเอิญเหลือเกินที่พ่อของเธอได้ตระเตรียมเส้นทางนั้นเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วการประกาศรับพนักงานใหม่ ช่างเหมาะสมกับสถานการณ์ของลินดาในตอนนี้อย่างที่สุดหลังจากเตรียมตัวหลายสัปดาห์ หญิงสาวร่างสูงระหงก็มาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารสูงกลางกรุงเทพ บนมือถือแฟ้มใบสมัครงานของบริษัทจิราธิวัฒน์กรุ๊ปไว้มั่นลินดาสวมเสื้
ในต่างจังหวัดที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร เด็กสาวคนหนึ่งสะดุ้งตื่นกลางดึก ลินดา หอบหายใจแรง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ ดวงตาสับสนอย่างคนที่เพิ่งตื่นจากความฝันมันเป็นฝันที่แสนประหลาด ยาวนานและเต็มไปด้วยความทรงจำ ราวกับเป็นสิ่งเกิดขึ้นจริงในชีวิตของเธอแต่มันไม่ใช่ความทรงจำของเธอภาพของงานแต่ง ภาพของชายคนหนึ่งที่จูบมือเธอใต้แสงเทียน ภาพชีวิตคู่อันแสนสุข และภาพสุดท้าย...แสงจ้าของไฟหน้ารถที่สาดสว่างจนทุกสิ่งเบื้องหน้ากลายเป็นสีขาวโพลนเสียงอุบัติเหตุ พร้อมเสียงหัวเราะของใครบางคนลินดากุมขมับ หายใจหอบ น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว“นี่มัน... ความฝันอะไร...” เธอกระซิบแต่เสียงในหัวกลับตอบมาแผ่วเบา“ไม่ใช่ความฝัน... นี่คือความทรงจำของฉัน”ในชั่ววินาทีนั้น ดวงวิญญาณของนลินได้ประสานรวมกับลินดาเป็นหนึ่งเดียวกันราวกับควรเป็นเช่นนั้นมาตั้งแต่แรก“ลินดา เธอจะช่วยฉันแก้แค้นได้ไหม”✤ลินดา นั่งเหม่อลงมองมือของตัวเองในกระจกเงาบานเล็ก เธอจำได้แม่นถึงสัมผัสของแหวนวงหนึ่งที่เคยสวมอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายแต่ตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยต่อให้หลักฐานทุกอย่างจะบอกชัดว่าเธอคือลินดา และยังคงเป็นลินดาคนเดิม แต่สิ่งต่างๆ ที
หนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพของนลิน ในมุมมืดของห้องอาหารหรูในโรงแรมใจกลางเมือง โต๊ะสำหรับแขกคนสำคัญสองคนถูกจัดไว้อย่างพิถีพิถันแชนเดอเลียร์คริสตัลเหนือศีรษะเปล่งประกายระยิบระยับ ส่องผ่านโต๊ะอาหารที่คลุมด้วยผ้าขาวสะอาดไร้ที่ติ แสงไฟสลัวสีทองอบอุ่นสะท้อนแก้วไวน์แดงที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอย่างประณีต เสียงดนตรีเปียโนดังคลอเบาๆ เสียงหัวเราะของคนสองคนแทบจะกลืนหายไปกับเสียงกระซิบจากโต๊ะรอบข้างชายหนุ่มในสูทดำเรียบหรูนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้น เขายิ้มบางๆ ด้วยท่าทางผ่อนคลาย ขณะรินไวน์ให้หญิงสาวซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามมีนาอยู่ในชุดราตรีสีมรกต สีหน้าทอประกายพึงพอใจ เธอยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แสยะยิ้มสาสมใจออกมาอย่างไม่คิดจะเก็บซ่อนสีหน้าไว้อีก“สมบูรณ์แบบ” พีระกระซิบเบาๆ น้ำเสียงเผยความเหี้ยมเกรียม “ทุกอย่างเข้าที่ พ่อของเธอก็เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจริงๆ”“ดี” มีนายิ้ม ยกแก้วชูขึ้นตรงหน้าอีกฝ่าย “ต่อไปก็แค่รอเอกสารโอนหุ้นกับทรัพย์สินทั้งหมด เธอไม่มีพินัยกรรมใหม่อยู่แล้วใช่มั้ย?”“ไม่มี” เขายิ้มอย่างมั่นใจ“ฉันตรวจแล้ว เธอยังใช้พินัยกรรมเดิม ที่ระบุว่าฉันเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ทั้งหมดในกรณีเธอเสียชีวิตก่อนแต่งตั้งทายาท”เสี
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเข
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกแต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไม
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้านลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาดเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้าไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วยทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิตในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกันริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่งนลินหันไปมอง เห็นชายเจ้าของเสียงยืนอยู่ตรงกรอบประตูครัว ใส่เสื้อ
แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านผ้าซาตินราคาแพงในห้องนอนใหญ่บนชั้นหกของคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงเทพ ภายในห้องห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าทั้งหมดไม่ต่างจากห้องในโรงแรมห้าดาว แต่นลิน จิราธิวัฒน์ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนนิ่งอยู่บนเตียงหรู ราวกับไม่รู้สึกถึงความสวยงามรอบตัวเลยสักนิดเธอลืมตาช้าๆ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนยาวมองเพดานอย่างว่างเปล่า เจือไว้ด้วยความเศร้าหมองวันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้นลินเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวประเสริฐ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการหรูอยู่ทั่วประเทศ ชีวิตของเธอมีครบทุกอย่าง เงิน ทอง รถหรู เครื่องเพชร เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทริปต่างประเทศ ยกเว้นสิ่งเดียว... ความรักนลินโตมากับพ่อเพียงลำพัง แม่ของเธอเสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ขณะที่เจ้าสัวประเสริฐให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนถึงกับละเลยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแม้ภายนอกนลินจะดูเหมือนคุณหนูผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายใน เธอกลับขาดความรักอย่างรุนแรงแม้แต่การแต่งงานของเธอ นลินยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเสียด้วยซ้ำ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองตระกูลใ