หลังจากเริ่มงานเพียงไม่กี่วัน ลินดาก็เริ่มซึมซับจังหวะชีวิตใหม่ในเมืองหลวงและปรับตัวได้อย่างดีเยี่ยม เธอเรียนรู้งานอย่างรวดเร็ว และเป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานและรุ่นพี่ในแผนกอย่างไม่ยากเย็นใบหน้านิ่งสงบของเธอซ่อนความคิดซับซ้อนเอาไว้ภายใต้แววตาอ่อนโยนเสมอทุกเช้า ลินดาจะเดินเข้าบริษัทพร้อมใบหน้าสดใส ท่าทางเรียบร้อยไร้พิษภัยในสายตาคนอื่นแต่ในมือของเธอซ่อนสมุดโน้ตเล่มเล็กไว้เสมอ สมุดเล่มนั้นไม่ได้มีแค่ข้อความจดงาน แต่เป็นบันทึกส่วนตัวที่เธอใช้เก็บข้อมูลของพีระและมีนา คู่รักที่ครั้งหนึ่งเคยพรากทุกอย่างไปจากเธอหลังเลิกงาน วันแล้ววันเล่า เธอจะนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานกว่าปกติ อ้างว่ากำลังศึกษาระบบงานใหม่ แต่ในความจริงแล้ว ลินดากำลังเข้าถึงข้อมูลภายในบริษัทอย่างเงียบเชียบเธอเริ่มจากแฟ้มโครงสร้างองค์กร ไล่เรียงรายชื่อผู้บริหาร ทีมงาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ใหญ่ที่พีระดูแล รวมถึงตรวจสอบการเซ็นอนุมัติเอกสารย้อนหลังในระบบออนไลน์ และจดชื่อคนที่มักมีชื่อแนบกับเอกสารของพีระบ่อยครั้งลงสมุดเงียบๆในทุกวัน ตัวอักษรใหม่ๆ จะค่อยๆ ถูกเติมเต็ม...ราวกับแผนการที่กำลังค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง✤ยามค
หลายวันผ่านไปอย่างเงียบเชียบ ลินดา ‘บังเอิญ’ พบกับพีระในร้านกาแฟบ่อยครั้งจนน่าแปลกใจเธอยังคงสั่งเมนูเดิม ใส่ไซรัปครึ่งปั๊มลงในอเมริกาโน่เย็นอย่างที่ตัวเองไม่ชอบเลยสักนิดแต่เธอรู้ดี...คนที่ชอบอะไรเหมือนๆ กัน มักจะดึงดูดเข้าหากันได้อย่างง่ายดายเหมือนกับพีระที่เริ่มเป็นฝ่ายแอบมองเธอก่อนบ้างแล้วและนั่นคือสัญญาณให้เธอเริ่มการกระทำขั้นถัดไป✤ในวันนี้ ลินดายืนรอที่หน้าเคาน์เตอร์ร้านกาแฟในตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัทเช่นเดิมกลิ่นหอมกรุ่นของเมล็ดกาแฟคั่วบดลอยอบอวลปะปนไปกับเสียงพูดคุยของพนักงานที่ยืนต่อคิวกันยาวเหยียด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูหน้าจอเหมือนกำลังเช็คข้อความอย่างไร้จุดหมาย ทว่าสายตากลับจับจ้องไปยังชื่อที่บาริสต้ากำลังเขียนบนสติ๊กเกอร์แก้วอย่างไม่ละสายตาหญิงสาวนิ่งรออย่างใจเย็น รอจังหวะที่เครื่องชงหยุดทำงาน ก่อนจะเห็นพนักงานวางแก้วสองใบเรียงกันตรงหน้าอเมริกาโน่เย็นสองแก้ว แก้วหนึ่งไม่ใส่น้ำตาล และอีกแก้วที่ใส่ไซรัปครึ่งปั๊ม ชื่อของเขาและของเธอสะกดอยู่บนสติ๊กเกอร์อย่างชัดเจนเธอก้าวเข้าไปช้าๆ ราวกับไม่ได้คิดอะไร สายตายังคงแสร้งจดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ ก่อนที่มือเรียวจะยกแก้วขึ้นอ
หลังจากเข้าทำงานได้ไม่นาน ลินดาก็พิสูจน์ตัวเองผ่านผลงานหลายชิ้นอย่างเงียบๆเธอเรียนรู้งานรวดเร็ว ช่างสังเกต และจดจำรายละเอียดได้แม่นยำ แม้แต่พนักงานรุ่นพี่ที่เคยทำงานมานานยังอดเอ่ยปากชมไม่ได้“ลินดา นี่เธอเก็บข้อมูลลูกค้าได้ละเอียดกว่าพี่อีกนะ”“ใช่สิ เธอทำสรุปรายงานเร็วแล้วก็เนี๊ยบมาก ไม่ต้องให้แก้แทบเลย”คำชมที่ได้ยินบ่อยๆ บ่งบอกว่าเธอกลายเป็นคนที่เพื่อนในทีมไว้วางใจให้รับผิดชอบงานสำคัญมากขึ้นทีละขั้นพีระเองก็สังเกตเธอมากขึ้นเช่นกัน จากที่มักมาวนเวียนอยู่ที่ฝ่ายเอกสาร ทั้งที่ไม่มีเรื่องสำคัญให้ผู้บริหารระดับสูงอย่างเขาจะต้องแวะมาที่นี่ด้วยตัวเองชายหนุ่มมักหาข้ออ้างที่จะเดินผ่านโต๊ะของลินดา ในบางครั้งก็จะเหลือบมองแฟ้มงานของเธออยู่บ่อยๆ เห็นแล้วก็อดจะนึกชื่นชมไม่ได้รายงานของลินดานั้นจะมีลักษณะเฉพาะตัว ทั้งกระชับ เข้าใจง่าย และวางข้อมูลอย่างเป็นระบบ เป็นเอกลักษณ์ในแบบที่เห็นก็จำได้ในทันที“งานนี้เธอเป็นคนสรุปใช่ไหม” รองประธานหนุ่มเอ่ยขึ้นในที่ประชุมวันหนึ่ง ขณะพลิกเอกสารตรวจดูลินดาพยักหน้า “ค่ะ ดิฉันรวบรวมข้อมูลจากฝ่ายวิจัยและสถิติเอง แล้วเรียบเรียงใหม่เพื่อให้อ่านง่ายขึ้นค่ะ”ชายห
“วันนี้ผมจะประกาศแต่งตั้งผู้ช่วยส่วนตัวคนใหม่”ในการประชุมกรรมการบริหาร รองประธานหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบเป็นทางการทว่าชัดเจนเสียงฮือเบาๆ ดังขึ้นในห้อง หลายคนหันไปกระซิบกันใครๆ ต่างก็รู้ว่านับตั้งแต่พีระขึ้นมาเป็นรองประธาน ชายหนุ่มยังไม่เคยแต่งตั้งผู้ช่วยมาก่อนเลย แม้จะมีคนคอยเตือนอยู่ตลอดก็ตามข้างกายของเขามีเพียงมีนาผู้เป็นเลขาคนสนิทเท่านั้นแต่ครั้งนี้... เงาร่างของหญิงสาวที่บางคนรู้จักดีกลับปรากฎอยู่ข้างกายเขา“เธอคือลินดา เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการของบริษัทเรา ผมสังเกตการทำงานของเธอมาตั้งแต่เธอเริ่มเข้ามาทำงานแล้ว ผมมั่นใจว่าเธอสามารถรับหน้าที่นี้ได้ดี”เพียงจบประโยคนั้น เสียงปรบมือก็ดังขึ้นทั่วห้องประชุมแม้จะมีสายตาที่มองมาลินดาด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารรวดเร็วขนาดนี้ แต่หลายคนก็ตบมือให้ด้วยความเต็มใจ เพราะต่างก็เห็นลินดาขยันขันแข็งและทุ่มเทให้กับงานอย่างจริงจังมาตลอดตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานจนถึงวันนี้ หญิงสาวไม่เคยปฏิเสธงานแม้แต่งานเดียว ไม่เคยโวยวายเรื่องความเหนื่อยล้า และเรียนรู้ระบบภายในบริษัทได้อย่างรวดเร็วราวกับมืออาชีพที่สั่
ภายในครึ่งชั่วโมง ไฟล์ที่แน่นไปด้วยตัวเลขและรายการเดินบัญชีจำนวนมากก็ส่งเข้ามา ลินดาเปิดมันอย่างนิ่งสงบ กวาดตาดูมันด้วยสายตาที่ว่องไวและเฉียบคมกว่าที่พนักงานธรรมดาจะมีเธอเห็นชื่อบริษัทลูกหลายแห่งที่ไม่คุ้นตา แต่รายชื่อเหล่านั้นกลับมีความเชื่อมโยงแปลก ๆ กับบัญชีส่วนตัวของพีระ...และชื่อหนึ่งเด่นชัดกว่ารายการอื่นจนทำให้เธอต้องเบิกตาโพลงNalin Holding“นลิน?” ลินดารู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง“เขา... ใช้ชื่อฉันตั้งบริษัทซ่อนเงิน?”หญิงสาวนิ่งค้างอยู่นาน ผิดหวังจนไม่รู้จะผิดหวังอย่างไรได้อีกเธอควรจะดีใจหรือไม่นะที่เขายังคิดถึงเธอขนาดนี้ลินดาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พยายามควบคุมสีหน้า ก่อนกดบันทึกเอกสารลงแฟลชไดรฟ์เล็กๆ ที่พกติดตัวหลักฐานชิ้นแรกของเธอ... ช่างได้มาอย่างง่ายดาย✤ทันทีที่แถบดาวน์โหลดข้อมูลเลื่อนไปจนสุด แฟลชไดรฟ์อันน้อยก็ถูกดึงเก็บอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวบางขยับบนแป้นพิมพ์ไม่กี่ครั้ง ข้อมูลที่ไม่ควรปรากฏบนเครื่องก็ถูกลบทิ้งอย่างไม่เหลือร่องรอยลินดายังคงจดจ่อกับงานของเธอเช่นเคย ไม่ว่าใครหากมาเห็น บนหน้าจอคอมพิวเตอร์จะมีเพียงโครงการล่าสุดของบริษัทเท่านั้นเสียงแป้นพิมพ์ดังต่อเน
เมื่อวันเวลาผ่านไป ความใกล้ชิดของทั้งสองก็เพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัวลินดาเริ่มขลุกอยู่ในห้องทำงานของพีระมากกว่าจะเป็นโต๊ะของตัวเอง ในตอนเช้า เธอจะซื้อกาแฟมาฝากพีระเสมอ และเมื่อถึงช่วงบ่าย เธอมักจะหยิบโน้ตบุ๊คเข้ามาทำงานในห้องของเขาระหว่างคนสองคนมีเพียงความเงียบงันและเสียงกดแป้นพิมพ์ ทว่าบรรยากาศกลับอวลไปด้วยความอบอุ่นเบาบาง ประหนึ่งคู่รักคู่หนึ่งหลายครั้งที่พีระจะยื่นแก้วกาแฟให้เธอโดยไม่ต้องเอ่ยขอ เหมือนรู้ใจไปเสียหมดว่าช่วงบ่ายเธอมักต้องการอะไร และลินดาก็มักจะหยิบขนมเล็กๆ มาวางไว้ข้างมือเขาในวันที่เห็นว่าชายหนุ่มงานยุ่งจนไม่มีเวลาลุกออกจากโต๊ะแม้คำพูดจะยังคงเป็นทางการและระมัดระวัง แต่ความเคยชินเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ กำลังลดระยะห่างระหว่างพวกเขาลงอย่างช้าๆ จนแทบไม่รู้ตัวในบางวันพีระจะเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ ขณะที่ยังจดจ่ออยู่กับเอกสารในมือ“ลินดา...”เสียงนั้นไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนครั้งแรกที่รู้จักกัน แต่เริ่มแฝงความไว้ใจและคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด“คะ?”ลินดาเงยหน้าขึ้นมาขานตอบ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนหวาน สดใสน่ารักเสียจนพีระอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวเข้าไปใกล้“คุณพีระ...?”เสียงเรียกทำให้
ตั้งแต่วันแรกที่ลินดาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยรองประธาน ตารางชีวิตของเธอก็แน่นขนัดมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเธอเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการจัดตารางประชุมให้พีระอย่างเป็นระบบ ร่างเอกสารสรุปประชุมแบบรัดกุม ส่งอีเมลแจ้งทีมงานแทนเขา จนบางครั้งพีระเองยังเผลอพึ่งพาเธอมากกว่าที่ตั้งใจไว้อันที่จริงแล้ว พีระเป็นคนระแวดระวัง เขาไม่ใช่คนที่จะไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีความลับที่ไม่ควรให้ใครล่วงรู้แต่กับลินดา… มันต่างออกไปหญิงสาวร่างบาง ผู้พูดจานอบน้อม มีสายตาที่มองโลกอย่างใสซื่อ และมักจะยิ้มอย่างอ่อนโยนในจังหวะที่เหมาะสม เธอไม่เคยพูดมากเกินไป แต่กลับอยู่ในจังหวะที่เขาต้องการเสมอ“ผมเครียดกับเรื่องพรีเซนต์ฝั่งลูกค้าญี่ปุ่นนิดหน่อย คุณเคยแปลภาษาญี่ปุ่นไหม”“เคยค่ะ ถึงไม่ได้คล่องมากแต่ฉันเริ่มเรียนภาษานี้มา 3 ปีแล้วค่ะ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะคะ”และลินดาก็จะมีคำตอบที่น่าพอใจให้เขาทุกครั้งพีระยกยิ้มมุมปากในทุกครั้งที่เป็นเรื่องงาน คำตอบของหญิงสาวจะเรียบง่าย แต่มั่นใจ และเต็มไปด้วยความสมัครใจที่ไม่มีเจตนาแอบแฝง นั่นแหละที่ทำให้เขายิ่งสนใจลินดาไม่เคยพยายามทำตัวสนิทกับเขาเกินจำเป็น เธอ
นับจากวันนั้น ความสัมพันธ์ของพีระกับลินดาก็ค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างเงียบๆ จนเห็นได้ชัดระหว่าง แม้ลินดาจะยังคงมีท่าทีสุภาพเรียบร้อยราวกับไม่รู้ถึงความผิดปกติใดๆเป็นฝ่ายเพื่อนร่วมงานหลายคนที่เริ่มมองความสัมพันธ์นี้ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาตรงๆ เพราะต่างก็รู้ดีว่าลินดาคือมือขวาของรองประธานที่ทั้งบริษัทไว้วางใจไปเสียแล้วและมันก็ไม่น่าแปลกที่คนใกล้ชิดของพีระอย่างมีนาจะเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับเรื่องนี้“ลินดาอีกแล้วเหรอ”น้ำเสียงของมีนาไม่เปลี่ยนไปจากปกติ แต่แววตาใต้ขนตางอนงามสะบัดวูบเล็กน้อย ขณะเธออ่านโน้ตที่แนบมากับแฟ้มรายงานบนโต๊ะทำงานของพีระลายมือเรียบร้อย สะอาด เป็นระเบียบอย่างน่าประทับใจ“แนบรายงานต้นฉบับตามที่ขอค่ะ – ลินดา”เธอรู้จักชื่อนี้ดีอยู่แล้ว ลินดา ผู้ช่วยคนใหม่ของพีระที่เพิ่งย้ายมาเมื่อต้นไตรมาส ผู้หญิงท่าทางเรียบร้อย สุภาพ และพูดน้อย ที่เธอเลือกมาเองกับมือเนื่องด้วยมีนาเป็นเลขาหน้าห้องทำงานของพีระ ทุกครั้งที่ลินดาเข้าไปรายงานในห้องทำงานของพีระจึงต้องผ่านเธอก่อน ซึ่งมีนาก็จะคอยสังเกตอยู่เสมอ แต่เธอไม่เคยเห็นพิรุธใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้วางใจไม่มีอะไรในตัวลินดาที่ดูน่าก
ในขณะที่ความรู้สึกของมีนาหมุนเปลี่ยนไปมาจนแทบระบุอารมณ์ไม่ได้ อีกฝากหนึ่งบนโต๊ะทำงานที่เงียบสงบ ลินดากำลังเปิดอีเมลที่เพิ่งได้รับ ดวงตาเรียวเฉียบไล่อ่านตัวอักษรอย่างใจเย็นก่อนจะคลี่ยิ้มบาง“ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาไม่ต่างจากลมหายใจ แต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบาย มะนไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความพึงพอใจที่ได้เห็นกลไกทุกอย่างทำงานตามจังหวะที่เธอวางไว้แผนที่เธอวาดเอาไว้ เริ่มเข้ารูปมากขึ้นทุกวัน พีระเริ่มหลงเสน่ห์เธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความไว้ใจของเขาค่อย ๆ ถูกเธอปลุกปั้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกกล่อมให้นอนหลับ และในขณะเดียวกันมีนาก็เริ่มสั่นคลอน ทั้งจากความระแวง ความกลัว และความไม่แน่ใจลินดาไม่เคยเร่งรีบ ไม่ทำให้ใครสงสัย เธอแค่เป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็ไว้ใจได้ ไม่พูดเกินควร ไม่โต้เถียง ไม่ขัดแย้งกับใครและไม่เคยแสดงออกว่าตัวเองรู้อะไรมากไปกว่าที่ควรรู้"ก็แค่คนใสซื่อ... ไม่มีพิษภัยอะไรเลย"คำนั้นลินดาเคยได้ยินจากปากของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ หรือแม้แต่พีระเองและทุกครั้งที่ได้ยิน เธอก็ยิ้ม ยิ้มด้วยความพึงพอใจเพราะเมื่อใดที่คนรอบข้างเริ่มปักใจเชื่อว่าเธอ 'ไม่มีพ
หลังจากวันนั้น มีนาก็เฝ้าสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของลินดาเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้เธอไม่พูด ไม่ถาม ไม่แสดงออกใด ๆ ที่อาจทำให้ลินดาหรือคนอื่นสงสัย แต่เบื้องหลังแววตานิ่งสงบนั้นกลับเต็มไปด้วยการประเมินทุกกิริยาอาการอย่างรอบคอบท่าทางของลินดานั้นช่างเป็นธรรมชาติ เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทั้งเรียบร้อย วางตัวเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ยิ้มง่าย และเป็นมิตรกับทุกคนเธอมักเดินอย่างมีจังหวะมั่นคง มือถือแฟ้มแนบอกไว้ ขณะที่ปากก็พูดทักทายกับพนักงานคนอื่นด้วยท่าทีสดใส มีเสน่ห์แบบที่ไม่พยายามจะน่ารัก แต่กลับดึงดูดโดยไม่รู้ตัวแม้แต่ตอนที่เดินผ่านมีนาเพื่อจะเข้าไปในห้องของพีระ ลินดาก็ยังส่งยิ้มให้ตามมารยาท ไม่มีความลนลาน ไม่มีความหวาดกลัว ไม่มีรอยความเคลือบแคลงใด ๆ ที่บ่งบอกว่าเธอกำลังรู้สึกผิด หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากซ่อนเอาไว้‘ถ้าเธอรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเมียน้อย คงไม่กล้ามองหน้าฉันแบบนั้นหรอก’มีนาคิดเช่นนั้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายที่สะท้อนความใสซื่ออย่างแท้จริง ไม่มีการหลบเลี่ยง ไม่มีความสั่นไหวใดๆ แม้แต่เศษเสี้ยวทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอจงใจพูดยอกย้อน ประชดประชัน และ
ลินดาเดินถือแฟ้มเอกสารผ่านโถงทางเดินในช่วงสายแสงแดดที่ลอดผ่านกระจกส่องกระทบแก้มเธอพอดี เผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่แต้มอยู่บนใบหน้า ท่าทีอ่อนโยนและเป็นมิตรตามแบบฉบับที่เธอใช้ประจำเมื่อต้องเดินผ่านเพื่อนร่วมงานฉับพลันฝีเท้าของเธอก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างเครื่องกดน้ำมีนาหญิงสาวเจ้าของเรือนผมเรียบตรงยืนสงบเสงี่ยม ราวกับคนที่แค่แวะมากดน้ำดื่มตามปกติ ทว่าลินดารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างในอากาศโดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกเหมือนมีดสายหนึ่งซ่อนอยู่ในรอยยิ้มที่มองตรงมานั้นเธอสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนยิ้มสุภาพตามมารยาท และเอ่ยทักด้วยเสียงใส “สวัสดีค่ะคุณมีนา”“สวัสดีค่ะคุณลินดา” มีนาตอบกลับ น้ำเสียงนุ่มละมุนอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สายตากลับไม่ได้อ่อนเท่าคำพูด มันนิ่ง สงบ แต่ลึกจนลินดารู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองทะลุทะลวงอย่างไม่มีที่ให้ซ่อนจากนั้นก็มีประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหญิงสาวอีกคน “ช่วงนี้คุณดูสนิทกับคุณพีระนะคะ”คำถามเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไร เป็นแค่บทสนทนาเล็กๆ ระหว่างคนรู้จัก แต่ลินดารับรู้ได้ทันทีว่าานี่ไม่ใช่คำถามธรรมดาหญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวก
มีนานิ่งงันไปครู่หนึ่งราวกับกำลังรวบรวมสติเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนอยู่เพียงชั่วลมหายใจ เธอไม่พูด ไม่ขยับ ราวกับกำลังใช้ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นกวาดสายตาย้อนกลับไปยังอดีตที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมลึกของหัวใจถ้อยคำของพีระ... เสียงเรียบๆ ที่แฝงความแนบเนียนและเจนจัด มันไม่ใช่แค่คำแก้ตัวธรรมดา หากแต่เป็นคำที่กระชากความทรงจำบางอย่างให้หวนคืนกลับมาเรื่องราวในวันเก่าๆ ที่เธอและเขาเคยร่วมลงมือทำ แผนการที่ทั้งคู่วางร่วมกันด้วยความนิ่งเฉียบและเยือกเย็น ราวกับนักล่าที่คอยจ้องเหยื่ออยู่ในเงามืดภาพของนลิน หญิงสาวคนก่อนหน้านี้ที่กลายเป็นหมากเบี้ยให้พวกเขาเดินผ่าน ภาพของพีระที่หัวเราะอย่างพึงพอใจตอนที่เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง และภาพของเธอที่ยืนเคียงข้างเขาในเงามืด โดยไม่มีใครล่วงรู้แววตาของมีนาพลันเปลี่ยนจากความสั่นไหวเป็นความมั่นคงอย่างเฉียบพลันในดวงตาคู่นั้นไม่มีน้ำตา ไม่มีความอ่อนแอ มีเพียงประกายแข็งกร้าวของคนที่รู้ดีว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนของเกมนี้สำหรับเธอแล้ว ความรักเป็นเพียงคำสวยหรูที่ถูกใช้ห่อหุ้มผลประโยชน์ให้ดูนุ่มนวล มันไม่เคยมีความหมายอะไรในโลกของเธอเท่ากับอำนาจ และความแน่นอนและที่แน่ๆ...
เสียงลูกบิดหมุนเบาๆ ก่อนประตูจะเปิดออกอย่างเงียบงันพีระก้าวออกมาจากห้องทำงานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจางจากบทสนทนาเมื่อครู่กับลินดาเขายังไม่ทันได้ปรับอารมณ์จากความละมุนในห้อง สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้องมีนาเธอยืนอยู่ตรงนั้น บรรยากาศรอบกายเงียบงัน ดวงตาของเธอจ้องตรงมาอย่างแน่วนิ่ง แต่มันไม่ใช่สายตาเดิมที่เขาเคยรู้จัก ไม่มีแววอ่อนโยน ไม่มีความไว้ใจเหลืออยู่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคู่นั้น มีเพียงความเจ็บลึก ความผิดหวัง และโทสะที่อัดแน่นจนแทบระเบิดมันประกอบด้วยทั้งความเย็นชา และคำถามนับพันที่ไม่ต้องพูดออกมา“มีนา...”เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นตกใจและระแวดระวังเหมือนคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำบางอย่างพลาดไปเจ้าของชื่อไม่ตอบ เธอเพียงยืนมองเขา มองด้วยสายตาของผู้หญิงที่เพิ่งเห็นทุกอย่าง ทั้งความจริง ทั้งคำโกหก และคนที่เธอเคยรักหมดหัวใจ“คุณบอกฉันว่ากับเธอไม่มีอะไร”เสียงของเธอเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงเบาและเรียบ แต่มีแรงสั่นสะเทือนที่ลึกกว่าคำใดในโลกพีระเบือนหน้าหลบเล็กน้อย เหมือนถูกตะปูตอกลงกลางอกเขาไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน ไม่คิดว่าเธอจะอยู่ตรงนี้หรือบางที สายต
ขณะเดียวกันที่ข้างนอกนั้น เสียงหัวเราะของพีระลอดออกมาจากห้องทำงานด้านใน ทำให้มีนาเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวชะงักไปเพียงครู่เดียวก่อนจะพยายามเพ่งสมาธิกลับมาที่ตัวเลข แต่เสียงนั้นยังคงดังแว่วอยู่ในหู ราวกับมันกำลังสะกิดบางอย่างในใจเธอให้ตื่นขึ้นอีกครั้งพีระไม่ใช่คนหัวเราะแบบนี้ง่ายๆเธอคิดพลางหลุบตาลงต่ำ แต่หัวใจกลับหนักขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นเขายิ้มให้ลินดาอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรู้สึกอะไร กระทั่งรอยยิ้มของเขาในวันนี้... มันแตกต่างมันอบอุ่น อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินจะมองข้ามแม้ว่าต่อหน้าเธอเขาจะทำตัวตามปกติ เวลาอยู่กับลินดาก็ไม่มีคำพูดที่โจ่งแจ้ง ไม่มีท่าทางเกินเลยแต่ในสายตาของมีนา มันคือ “การเปลี่ยนไป”เธอลุกขึ้นยืน เดินไปใกล้ประตูห้องทำงานซึ่งปิดไว้เพียงครึ่งเดียวสายตาของเธอมองลอดเข้าไปยังภาพภายในห้องพีระยืนอยู่ตรงหน้าลินดา กำลังพูดอะไรบางอย่างขณะที่ลินดาหัวเราะเบาๆ ในมือของหญิงสาวถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูดที่ไม่เข้ากับสภาพของห้องเลยสักนิด แต่มันกลับเข้ากับบรรยากาศระหว่างพวกเขาได้ลงตัวอย่างน่าประหลาดมีนาขยับตัวเล็กน้อยเ
ในขณะที่การเก็บหลักฐานของลินดาเป็นไปอย่างราบรื่น ความสัมพันธ์กับพีระก็คืบหน้าอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน“คุณลินดาครับ”พีระเอ่ยขึ้นขณะยื่นช่อกุหลาบสีชมพูอ่อนให้เธอ หลังจากที่เรียกเธอให้เข้ามาหาในห้องทำงานดอกไม้สดช่อใหญ่บรรจงจัดอย่างประณีต กลีบดอกเรียงตัวอย่างสวยงาม แฝงด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลอยู่ในห้องทำงานที่ปกติแล้วมักจะมีแต่กลิ่นของกาแฟและหมึกพิมพ์ มันเปลี่ยนบรรยากาศให้ดูอ่อนหวานอย่างน่าประหลาดลินดาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาไหวระริก ก่อนจะรับช่อดอกไม้จากมือเขาด้วยรอยยิ้มบางเฉียบ“ขอบคุณค่ะ... แต่วันนี้ไม่มีโอกาสพิเศษอะไรนี่คะ” เธอว่า พลางเบี่ยงสายตาหนีความอบอุ่นในดวงตาของเขา“บางครั้งโอกาสพิเศษก็เกิดขึ้นเพราะคนพิเศษ... ไม่ใช่เพราะวันพิเศษ” พีระตอบกลับทันควัน น้ำเสียงของเขานุ่มนวลแต่หนักแน่นในความรู้สึก รอยยิ้มบนใบหน้าเขาไม่ได้แสดงออกอย่างหวือหวา ทว่าแววตาของเขาชัดเจนจนลินดาเผลอกระพริบตาถี่เธอพยายามกลั้นลมหายใจ ฝืนยิ้ม ก่อนจะเบือนหน้าซ่อนมือที่บีบก้านดอกไม้อย่างแน่นราวกับระบายแรงกดดันที่เริ่มปะทุในใจ“คุณเอาดอกไม้มาให้ฉันแบบนี้ ฉันก็... ฉัน”หญิงสาวหลุบตาแสร้งเอ่ยเสียงอ้ำอึ้ง ทำทีลำบาก
เช้าวันรุ่งขึ้น ลินดาเดินตรงเข้าสู่ชั้นล่างของอาคาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายสนับสนุนระบบไอที กลิ่นอับของห้องเซิร์ฟเวอร์ผสมกับกลิ่นกาแฟสำเร็จรูปยังอวลอยู่ในอากาศ ห้องนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมีธุระเป็นปกติ เพราะงานของเธอส่วนใหญ่มักวนเวียนอยู่กับผู้บริหารและห้องประชุมชั้นบนหญิงสาวเดินช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน เสียงส้นรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นลามิเนตอย่างแผ่วเบา จนมาหยุดที่หน้าโต๊ะของชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้สวมเสื้อโปโลบริษัท กำลังจดจ่อกับหน้าจอที่เต็มไปด้วยโค้ด“คุณปฐพีใช่ไหมคะ” เสียงของลินดานุ่มนวลและสุภาพชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจที่เห็นเธอ“ครับ?”ลินดายิ้มบางๆ ขณะที่ยื่นบัตรประจำตัวให้ ก่อนเอ่ยแนะนำตัว “ดิฉันลินดาค่ะ เป็นผู้ช่วยของรองประธานพีระ”ชื่อที่เอ่ยออกมานั้นเปรียบเหมือนคีย์การ์ดล่องหน ทำให้ปฐพีเปลี่ยนท่าทีเป็นสุภาพทันที“อ๋อ…ครับ! มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับคุณลินดา”เธอไม่แปลกใจนักที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน จากข้อมูลที่เธอสืบได้ ปฐพีคนนี้คือตัวการหลักที่คอบช่วยพีระเก็บกวาดหลักฐานทุกอย่าง เขาเป็นคนของพีระอย่างเต็มตัวและเมื่อพีระไว้วางใจลินดา เขาย่อมให้ความสำคัญกับเธอมาก
กลางคืนคลี่คลุมบริษัทขนาดใหญ่ราวกับม่านสีหมึก ชั้นบริหารที่เคยเต็มไปด้วยเสียงสนทนาและฝีเท้า ตอนนี้เหลือเพียงแสงจากโคมตั้งโต๊ะบางดวง และเสียงแป้นพิมพ์เบาๆ จากห้องหนึ่งลินดายังไม่กลับบ้าน เธอนั่งอยู่เพียงลำพัง โดยมีเพียงเสียงคลิกเมาส์ที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กับแสงจากหน้าจอที่สะท้อนเงาบนใบหน้าเรียบนิ่งหญิงสาวมักอยู่ทำงานล่วงเวลาเสมอ นั่นทำให้ทุกคนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แม้แต่ตัวพีระเองก็ตาม“รีบกลับบ้านนะครับผู้ช่วยคนเก่งของผม”น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น พร้อมกับที่ริมฝีปากของเจ้าของเสียงโฉบลงมาข้างแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา และน้ำแก้วหนึ่งที่ถูกวางไว้ให้อย่างใส่ใจตั้งแต่เขาออกตัวว่าจีบเธอ พีระก็เริ่มทำอะไรให้ลินดามากขึ้น ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอยังคงเป็นอาการเขินอายหน้าแดง แต่พีระก็มองออก ว่าเธอกำลังหวั่นไหวให้เขาทีละน้อยพีระมองหญิงสาวอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย เขาไม่สามารถอยู่ทำงานเป็นเพื่อนเธอได้ ก็เพราะเขายังต้องคอยหลบซ่อนความสัมพันธ์กับลินดาไม่ให้มีนาจับได้นั่นเองลินดาหัวเราะคิกคักเล็กน้อยกับการหลอกล้อของชายหนุ่ม ก่อนจะมองส่งเขากลับบ้านไปจนลับสายตาที่ผ่านมาเธอแกล้งทำตัวเป็นเพียงผู้ช่