ลินดาเดินถือแฟ้มเอกสารผ่านโถงทางเดินในช่วงสายแสงแดดที่ลอดผ่านกระจกส่องกระทบแก้มเธอพอดี เผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่แต้มอยู่บนใบหน้า ท่าทีอ่อนโยนและเป็นมิตรตามแบบฉบับที่เธอใช้ประจำเมื่อต้องเดินผ่านเพื่อนร่วมงานฉับพลันฝีเท้าของเธอก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างเครื่องกดน้ำมีนาหญิงสาวเจ้าของเรือนผมเรียบตรงยืนสงบเสงี่ยม ราวกับคนที่แค่แวะมากดน้ำดื่มตามปกติ ทว่าลินดารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างในอากาศโดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกเหมือนมีดสายหนึ่งซ่อนอยู่ในรอยยิ้มที่มองตรงมานั้นเธอสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนยิ้มสุภาพตามมารยาท และเอ่ยทักด้วยเสียงใส “สวัสดีค่ะคุณมีนา”“สวัสดีค่ะคุณลินดา” มีนาตอบกลับ น้ำเสียงนุ่มละมุนอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สายตากลับไม่ได้อ่อนเท่าคำพูด มันนิ่ง สงบ แต่ลึกจนลินดารู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองทะลุทะลวงอย่างไม่มีที่ให้ซ่อนจากนั้นก็มีประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหญิงสาวอีกคน “ช่วงนี้คุณดูสนิทกับคุณพีระนะคะ”คำถามเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไร เป็นแค่บทสนทนาเล็กๆ ระหว่างคนรู้จัก แต่ลินดารับรู้ได้ทันทีว่าานี่ไม่ใช่คำถามธรรมดาหญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวก
หลังจากวันนั้น มีนาก็เฝ้าสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของลินดาเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้เธอไม่พูด ไม่ถาม ไม่แสดงออกใด ๆ ที่อาจทำให้ลินดาหรือคนอื่นสงสัย แต่เบื้องหลังแววตานิ่งสงบนั้นกลับเต็มไปด้วยการประเมินทุกกิริยาอาการอย่างรอบคอบท่าทางของลินดานั้นช่างเป็นธรรมชาติ เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทั้งเรียบร้อย วางตัวเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ยิ้มง่าย และเป็นมิตรกับทุกคนเธอมักเดินอย่างมีจังหวะมั่นคง มือถือแฟ้มแนบอกไว้ ขณะที่ปากก็พูดทักทายกับพนักงานคนอื่นด้วยท่าทีสดใส มีเสน่ห์แบบที่ไม่พยายามจะน่ารัก แต่กลับดึงดูดโดยไม่รู้ตัวแม้แต่ตอนที่เดินผ่านมีนาเพื่อจะเข้าไปในห้องของพีระ ลินดาก็ยังส่งยิ้มให้ตามมารยาท ไม่มีความลนลาน ไม่มีความหวาดกลัว ไม่มีรอยความเคลือบแคลงใด ๆ ที่บ่งบอกว่าเธอกำลังรู้สึกผิด หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากซ่อนเอาไว้‘ถ้าเธอรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเมียน้อย คงไม่กล้ามองหน้าฉันแบบนั้นหรอก’มีนาคิดเช่นนั้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายที่สะท้อนความใสซื่ออย่างแท้จริง ไม่มีการหลบเลี่ยง ไม่มีความสั่นไหวใดๆ แม้แต่เศษเสี้ยวทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอจงใจพูดยอกย้อน ประชดประชัน และ
ในขณะที่ความรู้สึกของมีนาหมุนเปลี่ยนไปมาจนแทบระบุอารมณ์ไม่ได้ อีกฝากหนึ่งบนโต๊ะทำงานที่เงียบสงบ ลินดากำลังเปิดอีเมลที่เพิ่งได้รับ ดวงตาเรียวเฉียบไล่อ่านตัวอักษรอย่างใจเย็นก่อนจะคลี่ยิ้มบาง“ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาไม่ต่างจากลมหายใจ แต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบาย มะนไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความพึงพอใจที่ได้เห็นกลไกทุกอย่างทำงานตามจังหวะที่เธอวางไว้แผนที่เธอวาดเอาไว้ เริ่มเข้ารูปมากขึ้นทุกวัน พีระเริ่มหลงเสน่ห์เธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความไว้ใจของเขาค่อย ๆ ถูกเธอปลุกปั้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกกล่อมให้นอนหลับ และในขณะเดียวกันมีนาก็เริ่มสั่นคลอน ทั้งจากความระแวง ความกลัว และความไม่แน่ใจลินดาไม่เคยเร่งรีบ ไม่ทำให้ใครสงสัย เธอแค่เป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็ไว้ใจได้ ไม่พูดเกินควร ไม่โต้เถียง ไม่ขัดแย้งกับใครและไม่เคยแสดงออกว่าตัวเองรู้อะไรมากไปกว่าที่ควรรู้"ก็แค่คนใสซื่อ... ไม่มีพิษภัยอะไรเลย"คำนั้นลินดาเคยได้ยินจากปากของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ หรือแม้แต่พีระเองและทุกครั้งที่ได้ยิน เธอก็ยิ้ม ยิ้มด้วยความพึงพอใจเพราะเมื่อใดที่คนรอบข้างเริ่มปักใจเชื่อว่าเธอ 'ไม่มีพ
แสงแดดอ่อนของเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านม่านผ้าซาตินราคาแพงในห้องนอนใหญ่บนชั้นหกของคฤหาสน์หรูใจกลางกรุงเทพ ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้าทั้งหมดไม่ต่างจากห้องในโรงแรมห้าดาว แต่นลิน จิราธิวัฒน์ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับนอนนิ่งอยู่บนเตียงหรู ราวกับไม่รู้สึกถึงความสวยงามรอบตัวเลยสักนิดเธอลืมตาช้าๆ ดวงตากลมโตภายใต้ขนตางอนยาวมองเพดานอย่างว่างเปล่า เจือไว้ด้วยความเศร้าหมองวันนี้คือวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ในสถานที่แห่งนี้✤นลินเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวประเสริฐ เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีโครงการหรูอยู่ทั่วประเทศ ชีวิตของเธอมีครบทุกอย่าง เงิน ทอง รถหรู เครื่องเพชร เสื้อผ้าแบรนด์เนม ทริปต่างประเทศ ยกเว้นสิ่งเดียว... ความรักนลินโตมากับพ่อเพียงลำพัง แม่ของเธอเสียตั้งแต่เธอยังเล็ก ขณะที่เจ้าสัวประเสริฐให้ความสำคัญกับงานเหนือสิ่งอื่นใด จนถึงกับละเลยลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองแม้ภายนอกนลินจะดูเหมือนคุณหนูผู้สืบทอดธุรกิจของตระกูลที่สมบูรณ์แบบทุกกระเบียดนิ้ว แต่ภายใน เธอกลับขาดความรักอย่างรุนแรงแม้แต่การแต่งงานของเธอ นลินยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเสียด้วยซ้ำ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองตระกูลใหญ่
แสงแดดยามเช้าค่อยๆ ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ ลอยอ่อนๆ เข้ามา พักพากลิ่นความง่วงงุนในอากาศให้จางหายไปอย่างเชื่องช้านลินฮัมเพลงเบาๆ อยู่ในครัว สวมเสื้อยืดตัวหลวมกับกางเกงขาสั้นตัวโปรด ผมเธอยุ่งนิดๆ แตกต่างจากมาดรองประธานสุดเนี้ยบยามอยู่ในบริษัทโดยสิ้นเชิง ทว่ากลับดูเข้ากันกับเธออย่างน่าประหลาดเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังเป็นจังหวะเบาๆ คล้ายเสียงเพลงกล่อมยามเช้าไข่เจียวหอมๆ กำลังฟูในกระทะ ข้างกันมีหมูสามชั้นทอดน้ำปลาเรียงไว้ในกล่องใส่ข้าวสวย หญิงสาวยิ้มบาง ๆ อย่างพอใจ มือก็หั่นแตงกวาใส่กล่องไปด้วยชีวิตหลังแต่งงานของเธอเรียบง่ายจนน่าแปลกใจทุกเช้าเธอตื่นขึ้นมาทำอาหารให้สามี ทั้งที่ไม่เคยเข้าครัวมาก่อนในชีวิตในตอนเริ่มแรกเธอทำได้ไม่ดีนัก แต่พีระก็กินอย่างเอร็ดอร่อยทุกครั้ง ต่อมาเมื่อนลินคุ้นชินก็เริ่มทำได้คล่อง อาหารที่ทำก็มีความหลากหลายขึ้นเช่นกันริมฝีปากของหญิงสาวยิ้มน้อยๆ เมื่อจัดการกล่องอาหารเสร็จสิ้น“ทำอะไรแต่เช้าเลยครับที่รัก” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลังทุ้มต่ำและนุ่มนวล เจือไปด้วยกระแสความอ่อนโยนจนทำให้เธอเผลอตัวเคลิบเคลิ้มไปชั่ววูบหนึ่งนลินหันไปมอง เห็นชายเจ
หลังแต่งงานมานานหกเดือน ความรักของนลินยังคงหวานชื่นในสายตาของเธอเองพีระดีกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย เขาเอาใจเธอเสมอ โทรมาทุกเช้า ส่งข้อความหวานทุกบ่าย และกลับบ้านตรงเวลาทุกเย็นกลับเป็นนลินเองเสียด้วยซ้ำที่กลับบ้านช้าเพราะติดงานหรือประชุม ซึ่งก็เป็นพีระที่คอยทำความสะอาดบ้านให้ และเตรียมอาหารเย็นไว้รอเธอในสายตาของคนอื่น นลินคือเจ้าสาวผู้โชคดีที่ได้สามีแสนดีและในหัวใจของเธอเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก✤แต่ไม่เคยมีสิ่งใดที่คงอยู่ตลอดไป ความสุขเองก็เช่นกันมันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่นลินสังเกตเห็นตอนซักเสื้อให้สามี กลิ่นน้ำหอมที่เธอไม่เคยใช้มาก่อนเธอขมวดคิ้ว ดึงเสื้อขึ้นแนบจมูก สูดลึกอีกนิดเพื่อให้แน่ใจมันไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นไม้หอมที่เขาใช้ประจำ และไม่ใช่กลิ่นเปลือกส้มที่เธอชอบใช้ แต่เป็นกลิ่นหวานเจือกลิ่นดอกไม้จางๆเป็นกลิ่นน้ำหอมของผู้หญิง และไม่ได้อ่อนจางเหมือนแค่เดินผ่านกันมันติดเสื้อเขาอย่างชัดเจนจนเธอรู้สึกถึงแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจหัวใจของนลินเต้นแรงอย่างไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน มือที่ถือเสื้อแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว ความสงสัยแล่นวูบในอก ก่อนจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกไ
เย็นวันนั้นพีระกลับมาถึงบ้านพร้อมรอยยิ้มอารณ์ดี เขาถึงกับซื้อขนมของโปรดมาฝากภรรยาเสียด้วย“ว๊าย”หญิงสาวหวีดร้องเบาๆ เมื่อเขาดึงเธอมากอดทันทีที่เห็นหน้า นลินอดตกใจกับการเปลี่ยนแปลงกะทันหันไม่ได้ ชายหนุ่มจึงบอกว่าปัญหาทั้งหมดได้ถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว“ขอโทษนะก่อนหน้านี้ ผมเครียดเกินไป”นลินพยักหน้ารับ เธอเข้าใจดีว่าเขาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนก คงมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังจัดการไม่เรียบร้อยคำยืนยันจากคนรักได้ขจัดความไม่มั่นคงก่อนหน้านี้ออกไป หญิงสาวพลันรู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อยที่เธอระแวงสงสัยเขา“มาๆ กินข้าวกันเถอะ” นลินเปลี่ยนเรื่อง ลากเขาเข้ามาที่โต๊ะอาหารแม้ก่อนหน้านี้พีระจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านสักเท่าไหร่ แต่นลินก็ทำอาหารเผื่อเขาไว้ทุกวัน ในอกของเธอพองฟูเมื่อเริ่มอวดว่าระหว่างนี้เธอพัฒนาฝีมือทำอาหารไปมากแค่ไหนแล้ว“อร่อยกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ภรรยาใครกันครับ”พีระเอ่ยชมไม่ขาดปาก กินอาหารที่เธอทำจนเกลี้ยงรอยยิ้มของเขา ความอ่อนโยนของเขา ทุกอย่างล้วนปกติ ปัดเป่าเมฆหมอกแห่งความกังวลออกไปจนหมดเป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ แค่กลิ่นน้ำหอมจะบอกอะไรได้แต่พอตกค่ำ พีระก็เริ่มเอาแต่ดูอะไรสักอย่า
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่แต่งงาน ที่นลินตระหนักว่าสามีของตัวเองนั้นน่ากลัวขนาดไหนทุกการกระทำของเขาล้วนผ่านการวางแผนไว้ทั้งหมด การที่เขาทำดีกับเธอมาก เขาไม่ได้ทำเพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นความเอาใจใส่ของเขา รูปถ่ายทุกรูป ทริปฮันนีมูนแสนหวาน และของขวัญกองพะเนินที่เขาซื้อให้เธอ ที่แท้แล้วไม่ได้ทำไปเพื่อหลอกเธอด้วยซ้ำ แต่มีไว้แค่เพื่อเป็นหลักฐานให้พ่อของเธอเห็นว่าเขาดูแลเธอดีขนาดไหน“พ่อขอโทษนลิน พ่อขอโทษ”“พ่อไม่ควรขัดขวางความรักของลูกเลย”ได้ฟังคำขอโทษจากบิดา นลินแทบจะกรีดร้องออกมาไม่เลยค่ะพ่อ หนูขอโทษ หนูต่างหากที่ผิดเอง หนูผิดเองที่ไม่เชื่อพ่อตั้งแต่แรกเสียงกรีดร้องอันสิ้นหวังของดวงวิญญาณไม่มีผู้ใดได้ยิน ดวงตาที่แฝงความอาฆาตจับจ้องชายหนุ่มที่เธอเคยรักอย่างโกรธแค้นถึงขีดสุดพีระช่างฉลาดนัก เขาเลือกฆาตกรรมเธอด้วยอุบัติเหตุในตอนที่เธอขับรถคนเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางที่ใครจะคิดว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเธอหากเธอตายในตอนที่อยู่กับเขา เช่นในตอนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรเขาคงไม่อาจหลุดพ้นจากข้อสงสัยไปได้ และต่อให้จัดการได้แนบเนียนเพียงใด เจ้าสัวประเสริฐก็คงมองเขา
ในขณะที่ความรู้สึกของมีนาหมุนเปลี่ยนไปมาจนแทบระบุอารมณ์ไม่ได้ อีกฝากหนึ่งบนโต๊ะทำงานที่เงียบสงบ ลินดากำลังเปิดอีเมลที่เพิ่งได้รับ ดวงตาเรียวเฉียบไล่อ่านตัวอักษรอย่างใจเย็นก่อนจะคลี่ยิ้มบาง“ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว” เสียงพึมพำแผ่วเบาไม่ต่างจากลมหายใจ แต่แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่ไม่อาจอธิบาย มะนไม่ใช่ความดีใจ แต่เป็นความพึงพอใจที่ได้เห็นกลไกทุกอย่างทำงานตามจังหวะที่เธอวางไว้แผนที่เธอวาดเอาไว้ เริ่มเข้ารูปมากขึ้นทุกวัน พีระเริ่มหลงเสน่ห์เธออย่างถอนตัวไม่ขึ้น ความไว้ใจของเขาค่อย ๆ ถูกเธอปลุกปั้นราวกับเด็กน้อยที่ถูกกล่อมให้นอนหลับ และในขณะเดียวกันมีนาก็เริ่มสั่นคลอน ทั้งจากความระแวง ความกลัว และความไม่แน่ใจลินดาไม่เคยเร่งรีบ ไม่ทำให้ใครสงสัย เธอแค่เป็นผู้หญิงที่ใครๆ ก็ไว้ใจได้ ไม่พูดเกินควร ไม่โต้เถียง ไม่ขัดแย้งกับใครและไม่เคยแสดงออกว่าตัวเองรู้อะไรมากไปกว่าที่ควรรู้"ก็แค่คนใสซื่อ... ไม่มีพิษภัยอะไรเลย"คำนั้นลินดาเคยได้ยินจากปากของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน รุ่นพี่ หรือแม้แต่พีระเองและทุกครั้งที่ได้ยิน เธอก็ยิ้ม ยิ้มด้วยความพึงพอใจเพราะเมื่อใดที่คนรอบข้างเริ่มปักใจเชื่อว่าเธอ 'ไม่มีพ
หลังจากวันนั้น มีนาก็เฝ้าสังเกตทุกการเคลื่อนไหวของลินดาเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้เธอไม่พูด ไม่ถาม ไม่แสดงออกใด ๆ ที่อาจทำให้ลินดาหรือคนอื่นสงสัย แต่เบื้องหลังแววตานิ่งสงบนั้นกลับเต็มไปด้วยการประเมินทุกกิริยาอาการอย่างรอบคอบท่าทางของลินดานั้นช่างเป็นธรรมชาติ เหมือนผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทั้งเรียบร้อย วางตัวเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ยิ้มง่าย และเป็นมิตรกับทุกคนเธอมักเดินอย่างมีจังหวะมั่นคง มือถือแฟ้มแนบอกไว้ ขณะที่ปากก็พูดทักทายกับพนักงานคนอื่นด้วยท่าทีสดใส มีเสน่ห์แบบที่ไม่พยายามจะน่ารัก แต่กลับดึงดูดโดยไม่รู้ตัวแม้แต่ตอนที่เดินผ่านมีนาเพื่อจะเข้าไปในห้องของพีระ ลินดาก็ยังส่งยิ้มให้ตามมารยาท ไม่มีความลนลาน ไม่มีความหวาดกลัว ไม่มีรอยความเคลือบแคลงใด ๆ ที่บ่งบอกว่าเธอกำลังรู้สึกผิด หรือมีบางสิ่งบางอย่างที่อยากซ่อนเอาไว้‘ถ้าเธอรู้ว่าตัวเองกำลังเป็นเมียน้อย คงไม่กล้ามองหน้าฉันแบบนั้นหรอก’มีนาคิดเช่นนั้น ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่ายที่สะท้อนความใสซื่ออย่างแท้จริง ไม่มีการหลบเลี่ยง ไม่มีความสั่นไหวใดๆ แม้แต่เศษเสี้ยวทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอจงใจพูดยอกย้อน ประชดประชัน และ
ลินดาเดินถือแฟ้มเอกสารผ่านโถงทางเดินในช่วงสายแสงแดดที่ลอดผ่านกระจกส่องกระทบแก้มเธอพอดี เผยให้เห็นรอยยิ้มบาง ๆ ที่แต้มอยู่บนใบหน้า ท่าทีอ่อนโยนและเป็นมิตรตามแบบฉบับที่เธอใช้ประจำเมื่อต้องเดินผ่านเพื่อนร่วมงานฉับพลันฝีเท้าของเธอก็ชะงักเล็กน้อย เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างเครื่องกดน้ำมีนาหญิงสาวเจ้าของเรือนผมเรียบตรงยืนสงบเสงี่ยม ราวกับคนที่แค่แวะมากดน้ำดื่มตามปกติ ทว่าลินดารู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างในอากาศโดยไม่ทราบสาเหตุ ความรู้สึกเหมือนมีดสายหนึ่งซ่อนอยู่ในรอยยิ้มที่มองตรงมานั้นเธอสูดลมหายใจเบาๆ ก่อนยิ้มสุภาพตามมารยาท และเอ่ยทักด้วยเสียงใส “สวัสดีค่ะคุณมีนา”“สวัสดีค่ะคุณลินดา” มีนาตอบกลับ น้ำเสียงนุ่มละมุนอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ แต่สายตากลับไม่ได้อ่อนเท่าคำพูด มันนิ่ง สงบ แต่ลึกจนลินดารู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องมองทะลุทะลวงอย่างไม่มีที่ให้ซ่อนจากนั้นก็มีประโยคหนึ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหญิงสาวอีกคน “ช่วงนี้คุณดูสนิทกับคุณพีระนะคะ”คำถามเรียบง่ายเหมือนไม่มีอะไร เป็นแค่บทสนทนาเล็กๆ ระหว่างคนรู้จัก แต่ลินดารับรู้ได้ทันทีว่าานี่ไม่ใช่คำถามธรรมดาหญิงสาวเลิกคิ้วเล็กน้อย ราวก
มีนานิ่งงันไปครู่หนึ่งราวกับกำลังรวบรวมสติเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนอยู่เพียงชั่วลมหายใจ เธอไม่พูด ไม่ขยับ ราวกับกำลังใช้ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีนั้นกวาดสายตาย้อนกลับไปยังอดีตที่ซุกซ่อนอยู่ในมุมลึกของหัวใจถ้อยคำของพีระ... เสียงเรียบๆ ที่แฝงความแนบเนียนและเจนจัด มันไม่ใช่แค่คำแก้ตัวธรรมดา หากแต่เป็นคำที่กระชากความทรงจำบางอย่างให้หวนคืนกลับมาเรื่องราวในวันเก่าๆ ที่เธอและเขาเคยร่วมลงมือทำ แผนการที่ทั้งคู่วางร่วมกันด้วยความนิ่งเฉียบและเยือกเย็น ราวกับนักล่าที่คอยจ้องเหยื่ออยู่ในเงามืดภาพของนลิน หญิงสาวคนก่อนหน้านี้ที่กลายเป็นหมากเบี้ยให้พวกเขาเดินผ่าน ภาพของพีระที่หัวเราะอย่างพึงพอใจตอนที่เขาก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง และภาพของเธอที่ยืนเคียงข้างเขาในเงามืด โดยไม่มีใครล่วงรู้แววตาของมีนาพลันเปลี่ยนจากความสั่นไหวเป็นความมั่นคงอย่างเฉียบพลันในดวงตาคู่นั้นไม่มีน้ำตา ไม่มีความอ่อนแอ มีเพียงประกายแข็งกร้าวของคนที่รู้ดีว่าตัวเองอยู่ในจุดไหนของเกมนี้สำหรับเธอแล้ว ความรักเป็นเพียงคำสวยหรูที่ถูกใช้ห่อหุ้มผลประโยชน์ให้ดูนุ่มนวล มันไม่เคยมีความหมายอะไรในโลกของเธอเท่ากับอำนาจ และความแน่นอนและที่แน่ๆ...
เสียงลูกบิดหมุนเบาๆ ก่อนประตูจะเปิดออกอย่างเงียบงันพีระก้าวออกมาจากห้องทำงานด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจางจากบทสนทนาเมื่อครู่กับลินดาเขายังไม่ทันได้ปรับอารมณ์จากความละมุนในห้อง สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าห้องมีนาเธอยืนอยู่ตรงนั้น บรรยากาศรอบกายเงียบงัน ดวงตาของเธอจ้องตรงมาอย่างแน่วนิ่ง แต่มันไม่ใช่สายตาเดิมที่เขาเคยรู้จัก ไม่มีแววอ่อนโยน ไม่มีความไว้ใจเหลืออยู่สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคู่นั้น มีเพียงความเจ็บลึก ความผิดหวัง และโทสะที่อัดแน่นจนแทบระเบิดมันประกอบด้วยทั้งความเย็นชา และคำถามนับพันที่ไม่ต้องพูดออกมา“มีนา...”เขาเอ่ยชื่อเธอเบาๆ สีหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นตกใจและระแวดระวังเหมือนคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำบางอย่างพลาดไปเจ้าของชื่อไม่ตอบ เธอเพียงยืนมองเขา มองด้วยสายตาของผู้หญิงที่เพิ่งเห็นทุกอย่าง ทั้งความจริง ทั้งคำโกหก และคนที่เธอเคยรักหมดหัวใจ“คุณบอกฉันว่ากับเธอไม่มีอะไร”เสียงของเธอเอ่ยขึ้นในที่สุด เสียงเบาและเรียบ แต่มีแรงสั่นสะเทือนที่ลึกกว่าคำใดในโลกพีระเบือนหน้าหลบเล็กน้อย เหมือนถูกตะปูตอกลงกลางอกเขาไม่คิดว่าเธอจะได้ยิน ไม่คิดว่าเธอจะอยู่ตรงนี้หรือบางที สายต
ขณะเดียวกันที่ข้างนอกนั้น เสียงหัวเราะของพีระลอดออกมาจากห้องทำงานด้านใน ทำให้มีนาเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารที่อยู่ตรงหน้าหญิงสาวชะงักไปเพียงครู่เดียวก่อนจะพยายามเพ่งสมาธิกลับมาที่ตัวเลข แต่เสียงนั้นยังคงดังแว่วอยู่ในหู ราวกับมันกำลังสะกิดบางอย่างในใจเธอให้ตื่นขึ้นอีกครั้งพีระไม่ใช่คนหัวเราะแบบนี้ง่ายๆเธอคิดพลางหลุบตาลงต่ำ แต่หัวใจกลับหนักขึ้นอย่างอธิบายไม่ได้ก่อนหน้านี้เธอเคยเห็นเขายิ้มให้ลินดาอยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยรู้สึกอะไร กระทั่งรอยยิ้มของเขาในวันนี้... มันแตกต่างมันอบอุ่น อ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเกินจะมองข้ามแม้ว่าต่อหน้าเธอเขาจะทำตัวตามปกติ เวลาอยู่กับลินดาก็ไม่มีคำพูดที่โจ่งแจ้ง ไม่มีท่าทางเกินเลยแต่ในสายตาของมีนา มันคือ “การเปลี่ยนไป”เธอลุกขึ้นยืน เดินไปใกล้ประตูห้องทำงานซึ่งปิดไว้เพียงครึ่งเดียวสายตาของเธอมองลอดเข้าไปยังภาพภายในห้องพีระยืนอยู่ตรงหน้าลินดา กำลังพูดอะไรบางอย่างขณะที่ลินดาหัวเราะเบาๆ ในมือของหญิงสาวถือช่อดอกกุหลาบสีชมพูดที่ไม่เข้ากับสภาพของห้องเลยสักนิด แต่มันกลับเข้ากับบรรยากาศระหว่างพวกเขาได้ลงตัวอย่างน่าประหลาดมีนาขยับตัวเล็กน้อยเ
ในขณะที่การเก็บหลักฐานของลินดาเป็นไปอย่างราบรื่น ความสัมพันธ์กับพีระก็คืบหน้าอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน“คุณลินดาครับ”พีระเอ่ยขึ้นขณะยื่นช่อกุหลาบสีชมพูอ่อนให้เธอ หลังจากที่เรียกเธอให้เข้ามาหาในห้องทำงานดอกไม้สดช่อใหญ่บรรจงจัดอย่างประณีต กลีบดอกเรียงตัวอย่างสวยงาม แฝงด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลอยู่ในห้องทำงานที่ปกติแล้วมักจะมีแต่กลิ่นของกาแฟและหมึกพิมพ์ มันเปลี่ยนบรรยากาศให้ดูอ่อนหวานอย่างน่าประหลาดลินดาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาไหวระริก ก่อนจะรับช่อดอกไม้จากมือเขาด้วยรอยยิ้มบางเฉียบ“ขอบคุณค่ะ... แต่วันนี้ไม่มีโอกาสพิเศษอะไรนี่คะ” เธอว่า พลางเบี่ยงสายตาหนีความอบอุ่นในดวงตาของเขา“บางครั้งโอกาสพิเศษก็เกิดขึ้นเพราะคนพิเศษ... ไม่ใช่เพราะวันพิเศษ” พีระตอบกลับทันควัน น้ำเสียงของเขานุ่มนวลแต่หนักแน่นในความรู้สึก รอยยิ้มบนใบหน้าเขาไม่ได้แสดงออกอย่างหวือหวา ทว่าแววตาของเขาชัดเจนจนลินดาเผลอกระพริบตาถี่เธอพยายามกลั้นลมหายใจ ฝืนยิ้ม ก่อนจะเบือนหน้าซ่อนมือที่บีบก้านดอกไม้อย่างแน่นราวกับระบายแรงกดดันที่เริ่มปะทุในใจ“คุณเอาดอกไม้มาให้ฉันแบบนี้ ฉันก็... ฉัน”หญิงสาวหลุบตาแสร้งเอ่ยเสียงอ้ำอึ้ง ทำทีลำบาก
เช้าวันรุ่งขึ้น ลินดาเดินตรงเข้าสู่ชั้นล่างของอาคาร ซึ่งเป็นที่ตั้งของฝ่ายสนับสนุนระบบไอที กลิ่นอับของห้องเซิร์ฟเวอร์ผสมกับกลิ่นกาแฟสำเร็จรูปยังอวลอยู่ในอากาศ ห้องนี้ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมีธุระเป็นปกติ เพราะงานของเธอส่วนใหญ่มักวนเวียนอยู่กับผู้บริหารและห้องประชุมชั้นบนหญิงสาวเดินช้าๆ อย่างไม่รีบร้อน เสียงส้นรองเท้าส้นเตี้ยกระทบพื้นลามิเนตอย่างแผ่วเบา จนมาหยุดที่หน้าโต๊ะของชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้สวมเสื้อโปโลบริษัท กำลังจดจ่อกับหน้าจอที่เต็มไปด้วยโค้ด“คุณปฐพีใช่ไหมคะ” เสียงของลินดานุ่มนวลและสุภาพชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจที่เห็นเธอ“ครับ?”ลินดายิ้มบางๆ ขณะที่ยื่นบัตรประจำตัวให้ ก่อนเอ่ยแนะนำตัว “ดิฉันลินดาค่ะ เป็นผู้ช่วยของรองประธานพีระ”ชื่อที่เอ่ยออกมานั้นเปรียบเหมือนคีย์การ์ดล่องหน ทำให้ปฐพีเปลี่ยนท่าทีเป็นสุภาพทันที“อ๋อ…ครับ! มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับคุณลินดา”เธอไม่แปลกใจนักที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนท่าทีกะทันหัน จากข้อมูลที่เธอสืบได้ ปฐพีคนนี้คือตัวการหลักที่คอบช่วยพีระเก็บกวาดหลักฐานทุกอย่าง เขาเป็นคนของพีระอย่างเต็มตัวและเมื่อพีระไว้วางใจลินดา เขาย่อมให้ความสำคัญกับเธอมาก
กลางคืนคลี่คลุมบริษัทขนาดใหญ่ราวกับม่านสีหมึก ชั้นบริหารที่เคยเต็มไปด้วยเสียงสนทนาและฝีเท้า ตอนนี้เหลือเพียงแสงจากโคมตั้งโต๊ะบางดวง และเสียงแป้นพิมพ์เบาๆ จากห้องหนึ่งลินดายังไม่กลับบ้าน เธอนั่งอยู่เพียงลำพัง โดยมีเพียงเสียงคลิกเมาส์ที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กับแสงจากหน้าจอที่สะท้อนเงาบนใบหน้าเรียบนิ่งหญิงสาวมักอยู่ทำงานล่วงเวลาเสมอ นั่นทำให้ทุกคนไม่รู้สึกถึงความผิดปกติใดๆ แม้แต่ตัวพีระเองก็ตาม“รีบกลับบ้านนะครับผู้ช่วยคนเก่งของผม”น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น พร้อมกับที่ริมฝีปากของเจ้าของเสียงโฉบลงมาข้างแก้มเนียนอย่างแผ่วเบา และน้ำแก้วหนึ่งที่ถูกวางไว้ให้อย่างใส่ใจตั้งแต่เขาออกตัวว่าจีบเธอ พีระก็เริ่มทำอะไรให้ลินดามากขึ้น ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอยังคงเป็นอาการเขินอายหน้าแดง แต่พีระก็มองออก ว่าเธอกำลังหวั่นไหวให้เขาทีละน้อยพีระมองหญิงสาวอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย เขาไม่สามารถอยู่ทำงานเป็นเพื่อนเธอได้ ก็เพราะเขายังต้องคอยหลบซ่อนความสัมพันธ์กับลินดาไม่ให้มีนาจับได้นั่นเองลินดาหัวเราะคิกคักเล็กน้อยกับการหลอกล้อของชายหนุ่ม ก่อนจะมองส่งเขากลับบ้านไปจนลับสายตาที่ผ่านมาเธอแกล้งทำตัวเป็นเพียงผู้ช่