แชร์

บทที่ 120

ผู้เขียน: เอเวอลีน เอ็มเอ็ม
น้ำตาฉันเอ่อขึ้นในดวงตา ให้ตายเถอะ ช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันอ่อนไหวมากเหลือเกิน

“ขอเวลาหน่อยนะคะ” คำตอบหลุดออกจากปากฉันอย่างเชื่องช้า เนื่องจากพยายามกดความอ่อนไหวลงไป

โนราถอนหายใจ “ถ้านั่นเป็นสิ่งที่ลูกต้องการ แม่ก็ไม่ขัด แต่จำเอาไว้นะลูก แม่รักหนูเสมอนะ หนูยังอยู่ในใจเสมอแม้ว่าแม่จะคิดว่าลูกตายจากไปแล้ว แม่หวังว่าหนูจะเชื่อใจและรู้ว่าหากต้องการแม่เมื่อไหร่ แม่พร้อมอยู่ข้างหนูเสมอ”

พระเจ้า ฉันรู้สึกดีมากเหลือเกินที่รู้ว่ามีคนต้องการฉัน แต่ฉันไม่รู้ว่าจะเชื่อใจพวกเขาได้หรือไม่ มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะบอกได้

“ค่ะ” ฉันตอบก่อนวางสาย

ฉันเข้าใจสิ่งที่โนราพูด แต่ก็ยังไม่แน่ใจ สมมติว่าเธอเพิ่งต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งทางใจเท่านั้นล่ะ? ฉันหมายถึงใครสักคนที่แทนลูกชายสุดที่รักที่นอนอยู่ในคุกตอนนี้ ไม่สำคัญว่าจะเป็นลูกบุญธรรมหรือไม่ ดังนั้นบางทีเธออาจกำลังมองหาคนมาแทนที่ ฉันกลัวว่าจะโดนหลอกใช้ ฉันกลัวว่าจะเป็นเพียงตัวเลือกสำรอง เหมือนที่โรแวนเคยเห็นฉันเป็นเช่นนั้น

ฉันไม่ได้เย็นชาหรืออะไรแบบนั้นกับพวกเขาหรอก ฉันเพียงพยายามปกป้องเศษเสี้ยวหัวใจที่เหลืออยู่เท่านั้น

“โอ้ย สาว” แครอลพูดขึ้น
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ธุลีใจ   บทที่ 121

    [คำเตือน: บทต่อไปนี้มีเนื้อหาที่อาจอ่อนไหวต่อผู้อ่านบางท่าน]ไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับฉัน ฉันจะตั้งครรภ์ไม่ได้ ไม่ใช่ตอนนี้และเป็นลูกของอีธานไม่ได้“ทำไมกัน?” ฉันเอ่ยอย่างแผ่วเบาขณะน้ำตาไหลลงอาบใบหน้า ฉันเฝ้ารอคำตอบนั้น กระนั้นกลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมา พระเจ้าไม่ได้บอกฉันว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นขึ้นกับฉัน พระองค์ไม่ได้บอกว่าทำไมถึงลิขิตให้ฉันต้องโชคร้ายเช่นนี้ฉันพยายามลุกขึ้นจากพื้นห้องน้ำ กลับไร้เรี่ยวแรงจะลุกยืน จบสิ้นแล้วทุกสิ่งทำไมชะตาชีวิตฉันถึงลิขิตให้ฉันตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจครั้งแล้วครั้งเล่ากัน? ครั้งแรกก็โนอา และตอนนี้ก็เป็นเด็กคนนี้อีกสายตาเหม่อลอยมองไปยังพื้นกระเบื้อง นึกย้อนกลับไปครั้งนั้นฉันกับอีธานมีอะไรกันโดยไม่ได้ป้องกันเพียงครั้งเดียว ฉันควรจะกินยาคุมฉุกเฉินแต่ก็ลืมไปสนิท พอนึกได้เวลาก็ผ่านไปหลายวันแล้วเมื่อบอกเรื่องนี้กับอีธาน ฉันคาดหวังว่าเขาจะอารมณ์เสีย แต่กลับไม่เลย เขาบอกให้ฉันใจเย็นลง เราทั้งคู่คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะตั้งครรภ์ฉันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เช่นประจำเดือนมาช้า แต่คิดว่าคงเป็นเพราะความเครียดที่ฉันเจอ ส่วนเรื่องความ

  • ธุลีใจ   บทที่ 122

    ฉันพยักหน้า“ผมอิจฉาที่คุณกับโนอาเข้ากันได้ดีขนาดนั้นมาตลอดเลยนะ ตอนนี้ก็ยังอิจฉาอยู่” เขาสารภาพ ฉันเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ“จริงเหรอ?”ฉันยังคงไม่อยากเชื่อว่าโรแวนจะนั่งอยู่บนพื้นห้องน้ำกับฉันในตอนนี้ โรแวนที่ฉันรู้จักคงไม่สนใจทำอะไรเลย แม้แต่จะเช็ดน้ำตาให้ฉันก็ตาม“อืม” เขาเอ่ยตอบหลังจากนั้นเราต่างก็เงียบใส่กัน ฉันเริ่มง่วงนอนและไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ หรือชายหนุ่มพาฉันไปที่เตียงได้อย่างไร สิ่งสุดท้ายที่จำได้ก่อนจะหลับลึกไปคือริมฝีปากของเขาที่ประทับลงบนหน้าผากของฉันเมื่อรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ก็เป็นช่วงบ่ายแก่ ๆ ของวันถัดไปแล้ว ฉันพบว่ามีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ซึ่งน่าจะเย็นชืดจนหมดแล้วฉันลุกออกจากเตียงและนัดพบหมอกับสูตินรีแพทย์ หลังจากอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ฉันก็แต่งตัวไปพร้อมกับความเหนื่อยอ่อนและหมดแรงฉันไม่ได้รู้สึกหิวจึงเมินอาหารนั้น ฉันไม่รู้ว่าใครทำมาให้ แต่ขอเดาว่าเป็นโรแวนฉันเดินไปขึ้นรถ ติดเครื่องยนต์และขับรถกินลมชมวิว พยายามถ่วงเวลาไม่ให้ไปถึงคลินิกหมอเร็วเกินไป ฉันไปถึงหลังจากผ่านไปเกือบชั่วโมง เมื่อสูดหายใจเข้าลึก ฉันก็เดินลงจากรถไปยังคลินิกเอกชนนั้น

  • ธุลีใจ   บทที่ 123

    สิ่งที่ฉันต้องทำนั่นคือก้าวไปด้านหน้า เพียงก้าวเดียว ทุกอย่างจะจบลง ไม่มีอีกแล้วความเจ็บปวด ไม่มีอีกแล้วความเศร้าเสียใจ ไม่มีอีกแล้วหัวใจที่แตกสลาย จะได้เป็นอิสระจากความมืดมิดที่คอยกลืนกินฉันเสียทีฉันได้ยินเสียงรถจากไกล ๆ แต่ฉันไม่หันไปมอง ยังคงยืนนิ่งอยู่แม้เสียงกระแทกประตูดังขึ้น “ไปยืนทำบ้าอะไรอยู่ตรงนั้น เอวา?” เสียงของโรแวนดังมาจากด้านหลัง ฉันไม่มีวี่แววจะหันกลับไปแม้ลมจะพัดแรงกรรโชก ฉันรู้สึกถึงแรงลมราวกับว่ากำลังเร่งเร้าให้ฉันก้าวไปด้านหน้า“เอวา ขอร้องนะ ถอยหลังออกจากหน้าผาเถอะ เดินมาหาผม” ฉันรู้สึกว่าเขาค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ อย่างไรเสีย ฉันก็ไม่ถอยฉันเบื่อหน่ายเหลือเกิน เบื่อหน่ายกับการร้องไห้ เบื่อหน่ายกับการทนรับความเจ็บปวด เบื่อหน่ายกับความทรมานที่ไม่สิ้นสุด ฉันกัดฟันทนลุกขึ้นสู้มาเกินพอแล้ว เจ็บปวดเช่นไร ก็เป็นอยู่เช่นนั้นร่ำไป มันกลืนกินชีวิตฉันไปช้า ๆ เปลี่ยนฉันให้กลายเป็นคนที่ไม่คิดจะพบเจอใคร“ฉันคิดว่าฉันไม่อยากทนกับเรื่องพวกนี้แล้ว โรแวน อยากให้ทุกอย่างหยุดได้แล้ว ฉันอยากรู้จักความสงบสุข เพราะฉันไม่เคยสัมผัสเลยตั้งแต่เกิดมา ฉันไม่เหลือแรงจะสู้ต่อไปแล้วล่ะ” ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 124

    โรแวนบ้าเอ๊ย! ผมลูบมือผ่านเส้นผมขณะที่มองเธอหลับ ร่องรอยของน้ำตายังคงปรากฏบนแก้มของเธอ และมันทำให้ผมแทบแตกสลายที่เห็นเธอเจ็บปวดขนาดนี้เอวาเรียกได้ว่าเป็นหญิงที่ซ่อนความรู้สึกตนเองเก่งพอสมควร แต่วันนี้กลับระเบิดอารมณ์ออกมา และมันเป็นความเจ็บปวดอย่างแท้จริง เธอกำลังจมดิ่งลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว และเธอกำลังดึงผมจมลงไปพร้อมกับเธอผมนั่งลงข้างเอวาซึ่งกำลังหลับอยู่ ผมลูบไล้เส้นผมหญิงสาวพลางนวดศีรษะอย่างอ่อนโยน ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเลยว่าเส้นผมเธอนุ่มและหนาขนาดนี้? เพียงสัมผัสก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดียิ่งนักเธอถอนหายใจอย่างสบายใจยามหลับ ใบหน้าผ่อนคลาย ความเจ็บปวดทั้งหมดจากก่อนหน้าจางหายไป เมื่อหลับใหล เธอสัมผัสถึงความสงบสุข ไร้ความมืดเข้ามาย่างกรายผมรู้ว่ามันฟังดูน่าขนลุก แต่การมองเธอหลับเป็นสิ่งที่ผมชอบทำที่สุด เมื่อวานนี้ผมก็ดูเธอนอนหลับเช่นนี้ และวันนี้ก็ดูอีกเช่นกัน เธองดงามมากเสียจนรู้สึกเจ็บปวด แม้จะมีรอยคล้ำใต้ตา เธอก็ยังสะกดสายตาอยู่ดี ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าก่อนหน้าทำไมถึงคิดว่าเอวาถึงเทียบเอมม่าไม่ได้เลยผมจูบแก้มเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะลุกขึ้น ผมรู้สึกไม่อยากออกไปจากตรงนี้เลย ต้องขัดข

  • ธุลีใจ   บทที่ 125

    "พี่ลืมไปหรือเปล่าว่าผมรู้จักพี่ดีกว่าที่พี่รู้จักตัวเองซะอีก เจ้าพี่ชาย" เกเบรียลนั่งลงตรงข้ามกับผม"เอวา" ชื่อของเธอหลุดออกจากปากผมพร้อมน้ำเสียงอันเจ็บปวด"พี่เป็นห่วงเธอสินะ""แน่นอนสิ ฉันก็ต้องเป็นห่วงเธออยู่แล้ว แม่ลูกฉันทั้งคนนะ" ผมเหน็บแนมน้องชายด้วยความหงุดหงิดสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นนั่นคือเอวากำลังจมดิ่งลงไปจนเกินควบคุม และผมไม่รู้จะช่วยเธออย่างไร ผมไม่รู้เลยว่าชายที่เธอปราถนาเป็นเช่นไร ผมเอาแต่ผลักไสเธอมาตลอด จนตอนนี้ไม่รู้เลยว่าอะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้"มันมากกว่านั้นอีก พี่มันงี่เง่าไม่ยอมเปิดตายอมรับความจริง" เขาพูดลากเสียงยาวเขาเอาแต่กล่าวเช่นนี้มาสักพักแล้ว ความรู้สึกกังวลที่มีต่อเอวามันเป็นความรู้สึกที่ลึกล้ำกว่านั้น เราสองพี่น้องถกเถียงเรื่องนี้กันไม่หยุด ผมคิดว่าต้องรู้สึกตัวแน่นอนหากหลงรักเธอจริง ผมเป็นห่วงเธอ และผมมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ แต่รักน่ะเหรอ? ไม่ใช่หรอกมั้ง"เธอเป็นยังไงบ้าง?" เขาเอ่ยถามเมื่อได้ความเงียบเป็นคำตอบ“เอวาท้องน่ะสิ”เขามองผมด้วยดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้าง "ลูกของอีธานเหรอ?"“แล้วจะเป็นลูกใครได้อีกล่ะ?”

  • ธุลีใจ   บทที่ 126

    เอวาฉันกำลังทำความสะอาดบ้านทั้งหลังทุกซอกทุกมุมเพื่อไม่ให้ใจฟุ้งซ่าน ฉันยังคงพยายามทำใจยอมรับความจริงเรื่องที่ฉันกำลังตั้งครรภ์วินาทีที่โรแวนปฏิเสธเรื่องการมีลูกอีกคน ฉันล้มเลิกความตั้งใจเรื่องมีน้องเป็นเพื่อนเล่นให้โนอา แต่ตอนนี้ฉันกลับกำลังตั้งท้องเด็กคนหนึ่งอยู่ ฉันไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรดีโทรศัพท์ดังขึ้นและฉันก็กดรับสาย หากเป็นปกติฉันคงกดปฏิเสธ อย่างไรก็ตามวันนี้ไม่ใช่เช่นนั้น การหลีกหนีคนรอบตัวไม่ได้ช่วยให้สิ่งต่าง ๆ ดีขึ้น“ไง เล็ตตี้” ฉันพึมพำขณะนั่งลงฉันรู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินและควรจะรู้ว่ามีความรู้สึกอื่นนอกเหนือจากนั้นไปอีก“โอ๊ย รับสายแล้ว ฉันคิดว่าคุณจะไม่รับซะแล้ว” เสียงกรี๊ดของเพื่อนสาวทะลุผ่านลำโพงโทรศัพท์ออกมาก่อนกลายเป็นเสียงสะอื้น “นี่มันก็หลายอาทิตย์แล้วนะ คิดถึงเสียงคุณจังเลย”“ขอโทษนะ” ฉันถอนหายใจ “ฉันไม่รู้เลยว่าต้องรับมือเรื่องพวกนี้ยังไง ก็เลยผลักไสคุณออกไป”การสื่อความรู้สึกออกไปไม่ใช่เรื่องที่ฉันถนัด รวมถึงการยอมรับความรู้สึกเหล่านี้ด้วย เมื่อรู้สึกเครียดหรือถูกอารมณ์ต่าง ๆ ครอบงำ ฉันมักจะปิดกั้นตนเองทันใด พยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเพื่อทำสิ่งต่า

  • ธุลีใจ   บทที่ 127

    ฉันจูบเด็กน้อยไปทั่วใบหน้าพร้อมโอบกอดเขาแน่นขึ้น“แม่ครับ!” เด็กน้อยหัวเราะคิกคัก กระนั้นก็ไม่ได้ผลักฉันออก“แม่คิดถึงหนูมากเลยรู้ไหม! มาที่นี่ได้ยังไง?” ฉันเอ่ยถามขณะคลายอ้อมกอดเล็กน้อยแต่ยังไม่ปล่อยเขาไปเรานั่งอยู่บนพื้นด้วยกัน แต่กลับไม่สนใจเลย เพราะฉันมีความสุขมากที่ลูกชายอยู่ด้วยกันเช่นนี้“พ่อครับ พ่อไปรับผมมา พ่อบอกว่าแม่ต้องการผม กะจะเซอร์ไพรส์ให้ไงครับ เพราะงั้นเมื่อวานผมเลยไม่ได้บอกแม่ตอนที่เราคุยกัน”เมื่อชื่อผู้เป็นพ่อถูกเอ่ยขึ้น ก็เป็นตอนที่ฉันรู้ตัวว่าโรแวนยืนอยู่ด้านหลังลูก เราสบตากัน ฉันสังเกตเห็นอารมณ์บางอย่างในแววตานั้น แต่ก็ยากที่จะระบุออกมาแน่ชัด“ไงคะ” ฉันเอ่ยอย่างอ่อนโยนช่วงนี้เขาแวะเวียนมาดูฉันทุกวัน ดูเหมือนจะพร้อมให้ความช่วยเหลือและใจดีขึ้น ซึ่งยังคงทำให้ฉันประหลาดใจอยู่ เขาเปลี่ยนไปจากโรแวนที่เคยรู้จักจนไม่รู้เลยว่าต้องตอบรับอย่างไรดีเขาพาฉันไปหาจิตแพทย์ตามที่เคยพูดเอาไว้ ซึ่งฉันเริ่มเข้ารับการรักษาเมื่อสามวันที่แล้ว ทุกครั้งที่เขาทำสิ่งที่ดีให้ ฉันรู้สึกแปลกใจเพราะนั่นไม่ใช่เขาแม้แต่น้อย“ไง เอวา…วันนี้เป็นยังไงบ้าง?” เขาถามพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ“ดี

  • ธุลีใจ   บทที่ 128

    อีธานเมื่อเริ่มวางแผนการทั้งหมด ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะตกหลุมรักเธอ นั่นเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉันฉันคิดว่ามันคงเป็นเรื่องง่ายดาย เพียงฆ่าเธอทิ้งและฉันก็ได้ทุกอย่างที่ทุ่มเททำมา แต่ฉันกลับไม่รู้เลยว่ามันจะกลับกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่าหลายสิ่งที่เคยทำมาเอวาไม่ใช่ผู้หญิงที่ใครหลายคนจะเมินเฉยได้ ไม่ใช่หญิงสาวที่จะถูกเขี่ยไปไว้ข้างทางได้เช่น เธอสามารถทำให้ใครก็ตามตกหลุมรักได้โดยง่าย เป็นหญิงสาวประเภทที่ใครก็ตามที่คบหาจะกลายเป็นชายที่ดีขึ้นแน่นอนวินาทีที่รู้ว่าตนเองเริ่มตกหลุมรักเธอ ฉันก็พยายามหลีกหนี แต่กลับเป็นไปไม่ได้เลย คล้ายกับการพยายามกระเสือกกระสนออกจากหุบเหว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เมื่อรู้ว่าตกหลุมรักเธอเสียแล้ว ฉันพยายามแก้ไขสิ่งต่าง ๆ แต่ก็กลับสายเกินแก้ เพราะหลายสิ่งได้รับผลจากมันไปเรียบร้อย และฉันรู้ว่ามันคงเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนความจริงจะเปิดเผย แทนที่จะปล่อยเธอไปและถอยออกมา ฉันกลับอยากอยู่กับเธอให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้เพียงน้อยนิดก็ตามทีการทำร้ายเธอจึงกลายเป็นสิ่งที่ฉันเสียใจที่สุดเสมอ ความเจ็บปวดของเธอก็คือความเจ็บ

บทล่าสุด

  • ธุลีใจ   บทที่ 462

    เรียกฉันว่าคนขี้ขลาดก็ได้ ฉันไม่สน แต่ฉันแค่ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรเมื่อฉันไปถึงห้องนั่งเล่น ฉันโทรสั่งอาหารเช้าให้มาส่งที่ห้องของเรา ก่อนจะนั่งลงรอฉันรู้ว่านี่จะเป็นหายนะตั้งแต่ตอนที่เกเบรียลบอกว่าเราจะใช้ห้องร่วมกัน ฉันคิดว่าหมอนจะช่วยได้ แต่ฉันแค่หลอกตัวเอง มันไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันก็เดินไปเปิด"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณผู้หญิง" พนักงานเสิร์ฟทักทาย พร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า"อรุณสวัสดิ์ค่ะ""ให้ดิฉันวางตรงไหนดีคะ?" เธอถามขณะที่ฉันหลีกทางให้เธอเข้ามา"บนโต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ" ฉันตอบเธอเธอพยักหน้าและเดินไปที่นั่น เธอเพิ่งวางอาหารเช้าลงและกำลังจะออกไป เกเบรียลก็เดินออกจากห้องนอนพร้อมมือที่กำลังติดกระดุมเสื้อฝีเท้าเธอเริ่มช้าลง และเธอเกือบจะสะดุดเมื่อมองเห็นเขา เกเบรียลเป็นผู้ชายที่ดูดีมาก ดังนั้นฉันจึงไม่โทษเธอหรอก"ขอบคุณค่ะ" ฉันพูดเมื่อรู้ว่าสายตาของเธอยังคงอยู่ที่เกเบรียล ขณะที่สายตาของชายหนุ่มก็อยู่ที่ฉันเสียงของฉันดึงเธอออกจากภวังค์ เธอพยักหน้าก่อนจากไป เมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็ปิดประตูให้เรียบร้อย"แล้วยังไงดี คุณจะแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเก

  • ธุลีใจ   บทที่ 461

    ให้ตายเถอะ แค่คิดถึงคืนนั้นรวมถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ก็ทำให้ฉันรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวแล้ว ฉันขยับตัวเล็กน้อย หวังว่าจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นและบรรเทาความปั่นป่วนในร่างกาย แต่มันกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะการขยับตัวทำให้ร่างกายแนบชิดกับเกเบรียลมากขึ้นกว่าเดิมเกเบรียลส่งเสียงครางต่ำ แหบพร่า และเร้าอารมณ์ เช่นเดียวกับที่เขาเคยเปล่งออกมาในคืนนั้น ทุกครั้งที่เขาเคลื่อนไหว เสียงนั้นพุ่งตรงเข้าสู่ความรู้สึกของฉัน ทำให้ฉันหยุดพยายามจะขยับตัวให้สบายขึ้นฉันค่อย ๆ หันไปมองเขา หวังว่าเขาจะยังหลับอยู่ พอเห็นว่าเปลือกตาของเขายังคงปิดสนิท ฉันก็รู้สึกโล่งใจ แต่แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าของเขาชัด ๆตอนหลับ เขาดูสงบและงดงามเหลือเกิน ขนตายาวทอดเงาบนแก้ม ริมฝีปากเผยอเล็กน้อย เพียงแค่มองฉันก็เกิดความรู้สึกอยากสัมผัสเขา อยากแนบจูบลงไปบนริมฝีปากนั้นฉันกำลังจมดิ่งลงไปอีกครั้ง กับผู้ชายที่กุมหัวใจฉันไว้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน คนเดียวกับที่ตอนนี้กำลังขอในสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นไปได้ฉันหลงใหลในตัวเขามาก จนกระทั่งฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนสายเกินไปเสียงครางหลุดออกจากริมฝีปากขอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 460

    มื้อค่ำที่เหลือเป็นไปอย่างเงียบสงัด เขาก็ยังต้องขอโทษฉันอยู่แต่ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ถ้าจะพูดตามตรง ฉันไม่เคยคิดว่าเกเบรียลจะมาขอโทษฉันเลย ดังนั้นการที่เขาทำแบบนั้นและทำด้วยความจริงใจแบบนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออกจริง ๆเรารับประทานมื้อค่ำเสร็จและโทรเรียกพนักงานจากด้านล่างให้มาเก็บจาน"ฉันจะไปนอนแล้วนะ มีอะไรที่คุณอยากได้ก่อนหรือเปล่า?" ฉันถามเมื่อจานอาหารถูกเก็บไปและพนักงานจากโรงแรมก็ออกจากห้องไปแล้วลึก ๆ ในใจฉันกำลังตกใจและกังวลที่จะต้องนอนในห้องเดียวกับเกเบรียล แต่ความเหนื่อยจากการเดินทางก็ทำให้ความวิตกกังวลหายไป"ผมเองก็จะไปนอนเหมือนกัน เหนื่อยสุด ๆ เลย"ฉันพยายามกลั้นความตกใจที่เริ่มปะทุขึ้นมาในใจ ฉันคิดว่าจะนอนก่อนเขาเหมือนที่เคยทำ นั่นจะทำให้ฉันมีเวลาได้ผ่อนคลายและพักผ่อนก่อนที่เขาจะเข้ามานอน ฉันนึกไว้ว่าจะหลับไปแล้วก่อนที่เขาจะขึ้นมานอนฉันกัดฟันอย่างหงุดหงิดและเครียด ก่อนจะพยักหน้าหงุดหงิดแล้วเดินไปห้องนอน"คุณชอบนอนด้านไหน?" เขาถาม ขณะที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง"ฉันไม่ค่อยมีความชอบอะไรหรอก ขอแค่ได้นอน ด้านไหนก็เหมือนกัน"“รู้เรื่อง งั้นผมนอนฝั่งซ้ายนะ คุณก็ฝั่งขวาแล้

  • ธุลีใจ   บทที่ 459

    "อาบน้ำเสร็จแล้ว" ฉันบอกเกเบรียลเมื่อก้าวออกมาที่ห้องนั่งเล่น"ผมสั่งอาหารไว้แล้ว กินก่อน ไม่ต้องรอผมได้เลยนะครับ" เขาพูดก่อนเดินผ่านฉันเข้าไปในห้องนอนมันรู้สึกแปลกที่จะเริ่มรับประทานโดยที่ไม่มีเขาและฉันก็ไม่ได้หิวมากนัก ฉันเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอีเมล และดูว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรบ้างฉันไม่ต้องรอนาน เพราะไม่ถึงสิบนาทีต่อมา เกเบรียลก็เดินออกมาจากห้องนอนในเสื้อยืดเก่า ๆ และกางเกงวอร์ม“ยังไม่กินเหรอ?” เขาถามพลางเลิกคิ้ว สายตาจ้องมองอาหาร“ก็รู้สึกไม่ดีนี่นาที่กินก่อนคุณแบบนั้น แถมคุณเป็นคนสั่งอาหารมาด้วย”เขาทิ้งตัวลงนั่ง ก่อนจะเริ่มเปิดจานอาหาร ฉันตักอาหารเล็กน้อยแล้วเริ่มรับประทาน ความเหนื่อยถาโถมเข้ามา แม้ว่าฉันจะได้นอนบนเครื่องบินแล้วก็ตาม ฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเตียงได้ ตอนแรกฉันไม่ชอบใจนักเรื่องการนอนร่วมเตียงกับเกเบรียล แต่ตอนนี้ฉันกลับเอาแต่คิดถึงมันเสียแล้ว ร่างกายร้องหาเพียงการพักผ่อน“แล้วคุณล่ะ เคยตกหลุมรักใครไหม?” คำถามเกเบรียลทำเอาฉันประหม่าฉันหันขวับไปมองเขา เจอสายตาคมกริบที่จ้องตรงมา ฉันกลืนอาหารลงคอและให้ปากทำหน้าที่ ตอนนี้คงมีอยู่แค่สองทางเลือก ไม่โกหกออกไป ก็บอ

  • ธุลีใจ   บทที่ 458

    ไม่กี่นาทีต่อมา เรามายืนอยู่หน้าห้องสวีท ความรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ จู่โจมฉันทันที เกเบรียลไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปโถงทางเข้าต้อนรับเราด้วยพื้นหินอ่อนขัดมันที่เปล่งประกายอยู่ใต้แสงนุ่มนวลของโคมไฟระย้าสุดหรู เงาสะท้อนทอดเป็นลวดลายงดงามบนผนังห้องนั่งเล่นกว้างขวางปรากฎสู่สายตา ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สุดหรู และหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานที่เปิดมุมมองสู่ทัศนียภาพของเมืองที่ระยิบระยับราวกับทะเลดาวระบบความบันเทิงล้ำสมัยให้คำมั่นถึงค่ำคืนอันแสนอบอุ่น ขณะที่ครัวสไตล์กูร์เมต์ดึงดูดใจด้วยเครื่องใช้สแตนเลสเงาวาวและเคาน์เตอร์กลางขนาดใหญ่ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร ห้องรับประทานอาหารสุดเก๋ให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสังสรรค์เล็ก ๆ ที่เป็นกันเอง"ดูท่าทางคุณจะชอบนะ?" เกเบรียลแกล้งเย้าฉันทำได้แค่พยักหน้า อย่างที่บอกไปแล้ว เราเคยรวย และฉันก็เคยพักในโรงแรมดี ๆ มาก่อน แต่ที่นี่คืออีกระดับหนึ่ง มันเป็นนิยามของความหรูหราที่แท้จริงสายตาฉันยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่จู่ ๆ ฉันก็ชะงักเท้าเมื่อความจริงบางอย่างตีแสกหน้าเข้ามาเต็ม ๆ"เกเบรียล ห้องฉันอยู่ไหนคะ? ฉันเห็นแค่ห้องนอนเดียวเองนะ" ฉ

  • ธุลีใจ   บทที่ 457

    เครื่องบินลงจอดที่รันเวย์ มือของเกเบรียลจับตัวฉันไว้ไม่ให้กระดอนตอนเครื่องบินลงจอด“ไม่เป็นไรนะ?” เขาเอ่ยถามพลางสบตาฉัน“ค่ะ”หลังจากที่เกเบรียลเล่าเรื่องผู้หญิงที่เขาเคยตกหลุมรัก ก็ไม่มีเรื่องอะไรไปมากกว่านั้น บาดแผลนั้นยังคงหลอกหลอนเขาอยู่ บาดแผลที่ฝังลึกลงไปข้างในฉันเห็นมันปรากฎอยู่ในดวงตาเขาอย่างชัดเจนขณะที่เล่าทุกอย่างให้ฟัง เขาไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาเพิ่งจะเปิดเผยความลับบางสิ่งเกี่ยวกับตัวเขาที่ใครคนอื่นไม่เคยรู้ แม้แต่พี่ชายฝาแฝดเขาก็ไม่เคยรู้ฉันไม่ได้บังคับให้เขาเล่าออกมามากกว่านั้น ฉันไม่ได้ขอให้เขาเล่าให้ฟังว่าหลังจากรับรู้ความจริงพวกนั้นมันเป็นอย่างไรต่อหรือเกิดอะไรขึ้นกับผู้หญิงคนนั้น เขารู้สึกเปราะบาง และฉันก็เข้าใจด้วยว่าเขาต้องการเวลาเพื่อตั้งสติ ดังนั้นฉันจึงให้พื้นที่กับเขาฉันใช้เวลากว่าครึ่งอ่านหนังสือและอีกครึ่งในการนอนหลับพักผ่อน เขายังเอาใจใส่แม้ตอนที่นั่งห่างออกไป เขาถามว่าฉันนั่งสบายไหมหรือต้องการอะไรอีกหรือเปล่าอยู่เป็นระยะมือของเขาเอื้อมมาแตะหน้าท้องฉันจนดึงฉันออกจากภวังค์ ฉันมองลงไปพบว่าเขากำลังปลดเข็มขัดนิรภัยของฉันออก“คุณรู้ใช่ไหมว่าฉันท

  • ธุลีใจ   บทที่ 456

    ก็เป็นความรักที่สวยงามไม่ใช่เหรอ? แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้น บางสิ่งที่เปลี่ยนไป ถ้าทุกอย่างมันดีจริง ๆ ตอนนี้เขาก็คงเคียงคู่กับเธอคนนั้นไปแล้ว ไม่น่าจะมาแต่งงานกับฉันแบบนี้เสียงของเขาเริ่มแหบพร่าและเริ่มเล่าต่อ “ทุกสิ่งมันดีไปหมดเลย เธอเป็นผู้หญิงที่สุดยอดมากและผมก็รู้สึกว่าหลงรักเธอมากขึ้นทุกวัน แต่ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แนะนำเธอให้โรแวนรู้จัก เพราะผมอยากเก็บเธอไว้กับตัว ผมไม่ได้เจตนาจะคบหาแบบเงียบ ๆ แต่แค่อยากใช้เวลากับเธอมากกว่านี้ก่อนที่จะพบครอบครัวผม ทุกวันที่ตื่นขึ้นมาผมนึกว่าตนเองโชคดีขนาดไหนที่ได้พบเจอคนอย่างเธอ อย่างที่คุณรู้ โลกของเรามันหาคู่รักที่เหมาะกันได้ง่ายเสียที่ไหนล่ะ ฮาร์เปอร์”และนั่นแหละก็เป็นสังคมของเรา มันยากมากเลยนะที่จะพบเจอคนที่รักเราจริง บางคู่ที่แต่งกันก็เป็นเพราะเรื่องของธุรกิจ และน้อยคนนักที่จะรักและเคารพจากใจจริง แล้วก็ยังมีพวกหวังรวยทางลัดอีก เป็นพวกที่แต่งงานกับคนรวย ๆ เท่านั้นและฉันว่านี่คงเกิดขึ้นบ่อยด้วย“ผมอยู่ในห้วงความรักเลยและคิดอะไรอย่างมีเหตุผลไม่ค่อยได้ เธอสามารถทำให้ผมเปลี่ยนแปลงตนเองได้เพราะผมไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ ไม่อยากให้เ

  • ธุลีใจ   บทที่ 455

    “ฮาร์เปอร์?” เสียงของเขาเรียกฉันกลับมาสู่ความเป็นจริง“โอ๊ะขอโทษที ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย” ฉันส่ายหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไป “ค่ะ ฉันเก็บของเสร็จแล้ว”“ดีครับ งั้นไปกันเถอะ”หนึ่งชั่วโมงต่อมา เรานั่งอยู่ในเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวของเกเบรียล ครั้งนี้ฉันเดินทางไปกับเขาเพื่อเซ็นสัญญาธุรกิจ“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม? ต้องการอะไรหรือเปล่า? ผมให้พนักงานต้อนรับเอาอะไรมาให้ได้นะ” กาเบรียลถามขึ้นทันทีที่เครื่องบินเริ่มออกตัวเข้าใจที่ฉันบอกแล้วใช่ไหม? เขาใส่ใจฉันมากเหลือเกินแต่ตอนที่เรายังแต่งงานกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำอะไรเพื่อทำให้ฉันมีความสุขเลย จริง ๆ แล้วมันตรงกันข้าม เขาไม่เคยสนใจว่าฉันต้องการอะไร หรือว่าฉันสบายดีไหม ไม่เคยสนใจแม้แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เขาแค่ไม่เคยสนใจฉันเลยแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป และนั่นแหละคือสิ่งที่ทำให้ฉันสับสน มันเหมือนเขาเป็นยักษ์ในตะเกียงวิเศษที่คอยทำให้ความปราถนาของฉันเป็นจริง“ไม่ค่ะขอบคุณ ถ้าต้องการอะไร เดี๋ยวฉันจะบอกพนักงานเองได้ค่ะ” ฉันพึมพำตอบกลับเกเบรียลพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบแล็ปท็อปขึ้นมาเปิดฉันเอนตัวลงกับเบาะหน

  • ธุลีใจ   บทที่ 454

    “แม่ต้องไปจริง ๆ เหรอคะ?” ลิลลี่ถาม สายตามองสลับไปมาระหว่างฉันกับกระเป๋าเดินทางที่เปิดอยู่บนเตียงฉันไม่เคยชอบการเก็บกระเป๋าแบบเร่งรีบในนาทีสุดท้ายแบบนี้เลย แต่ช่วงสองสามวันที่ผ่านมา งานที่ทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาหายใจ พอกลับถึงบ้าน สิ่งเดียวที่ฉันคิดได้ก็คือการนอนหลับ ฉันเหนื่อยจนแทบยืนไม่ไหว ไม่มีแรงจะทำอะไรนอกจากกินแล้วก็นอน“ต้องไปจ้ะ” ฉันตอบเธออย่างอ่อนโยน “งานนี้สำคัญมากเลยลูก แล้วพ่อหนูต้องไปจัดการด้วยตัวเอง…”“แต่หนูยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมหนูไปด้วยไม่ได้? หนูอยากเห็นว่าพ่อทำงานยังไง หนูอยากรู้ว่าพ่อจัดการเรื่องงานยังไงค่ะ”ฉันพับเสื้อผ้าชิ้นสุดท้าย ซึ่งเป็นเสื้อไหมสีฟ้า ก่อนจะวางมันลงไปในกระเป๋ากับของที่เหลือ พอทุกอย่างเรียบร้อย ฉันรูดซิปปิดแล้ววางกระเป๋าลงบนพื้น“ลูกก็รู้นี่ ว่าไปไม่ได้” ฉันตอบเธอขณะนั่งลงบนเตียง“ทำไมล่ะคะ?”“เพราะลูกยังเป็นเด็กไง ก็เลยไปไม่ได้ ถูกไหมคะ?”“หนูไม่ใช่เด็กนะคะ หนูจะสิบขวบแล้ว"ฉันกลอกตาให้กับคำโกหกที่ชัดเจน ก่อนจะดึงลิลลี่เข้ามากอดและหอมแก้มเนียนนุ่มของเธอเบา ๆ“หนูก็รู้ดีนะว่าเพิ่งแปดขวบ อีกนานเลยกว่าสิบขวบนะลิลลี่… แล้วอีกอย่าง เด็ก ๆ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status